ตอนที่ 600 กำเนิดดาบเทาเถี้ย
เผ่ามังกรแดนสวรรค์รู้ตัวว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือ เนื่องจากพวกเขาพยายามเอาแต่หนี
ถ้าเย่ว์หยางต้องการฆ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้ ก็คงใช้เวลาไม่กี่วินาที อย่างมากไม่เกินหนึ่งนาที แต่เขาไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด กลับเรียกฮุยไท่หลางออกมาจากโลกคัมภีร์เตะก้นมันสั่งว่า “จงไล่กวดพวกเขา แต่อย่าฆ่า ลากกลับมาที่นี่ แค่ให้เลือดตกยางออกก็พอ เข้าใจไหม? เลือดของพวกเขาจะได้ไม่เสียเปล่า!”
“เมี้ยววว” ฮุยไท่หลางผงกหัวและชูอุ้งเท้าของมันทำท่าทหารวันทยาหัตถ์
มันกางปีกและไล่กวดบุรุษมังกรแดนสวรรค์
บุรุษมังกรแดนสวรรค์ไม่ยอมให้จับง่ายๆ ดังนั้นพวกเขาใช้พลังต่อสู้ตอบโต้
หางของฮุยไท่หลางเหมือนกับลูกตุ้มเหล็ก เมื่อมันหวดใส่ มันจะทำลายกระดูกสันหลังของมนุษย์มังกร และด้วยการตวัดกรงเล็บใส่ครั้งเดียวก็สามารถตัดปีกของมนุษย์มังกรขาด บุรุษมังกรผู้นั้นร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช แต่ฮุยไท่หลางไม่สนใจมันงับขาเขาและเหวี่ยงไปที่บ่อเลือดบูชายัญ มนุษย์มังกรผู้นั้นพยายามตะเกียกตะกายหนี โคเงาอาหมันก้าวเข้ามาในบ่อเลือดและเหยียบหัวเขาจนแตกกระจายเหมือนกับลูกแตงโม
นางพญากระหายเลือดนั่งหาวด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย นางนึกว่าจะมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นนางดีใจออกมาข้างนอก ใครจะรู้กันว่าแค่ฮุยไท่หลางตัวเดียวก็กวาดสวะพวกนี้ได้เรียบ
ตั๊กแตนมัจจุราชต่างออกไป
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยมังกรบินและมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ สัญชาตญาณกระหายเลือดมังกรและแก่นเวทมังกรทำให้นางต้องการฆ่า
นางกางปีกและบินไล่ตามฮุยไล่หลาง นางเชี่ยวชาญในการตามจับมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ที่ถูกฮุยไท่หลางทำร้าย และมังกรบินที่ซึ่งกำลังบินหนี ถ้าเป็นมังกรบินที่อ่อนแอ นางก็แค่กินแก่นเวทมังกรในกลางอากาศ เมื่อเห็นนักล่าโดยธรรมชาติของพวกมันปรากฏตัวในหุบเขามังกรบิน ทั่วทั้งหุบเขามังกรบินตกอยู่ในความหวาดกลัว
ภูตเพลิงฟ้าไม่ได้ร่วมโจมตีด้วย นางมองดูกระจกปีศาจดูดเลือดและพยายามจะกินมัน
“อยู่ห่างๆ จากมันนะ นี่ไม่ใช่ส่วนแบ่งของเจ้า” เย่ว์หยางตะโกนไล่นาง สมบัติอื่นยังพอทำเนา แต่กระจกปีศาจนี้คือสิ่งที่สามารถช่วยให้เย่ว์หยางวิวัฒนาการดาบวิเศษฮุยจินได้
“.....” ภูตเพลิงฟ้าไม่ค่อยยินยอม แต่นางไม่กล้าขัดคำสั่งของเย่ว์หยาง
นางค่อยๆ ลอยออกมาขณะที่นางทนมองดูดาบวิเศษฮุยจินกำลังกินกระจกปีศาจ เย่ว์หยางต้องการวิวัฒนาการดาบวิเศษฮุยจินมานานแล้ว แต่เขาทำให้มันได้แค่ยกระดับเป็นอาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์ และนี่ทำให้เย่ว์หยางไม่รู้จะทำยังไงอีกต่อไป เย่ว์หยางต้องการให้ดาบวิเศษฮุยจินเป็นอาวุธชั้นเทพหรืออย่างน้อยก็เป็นอาวุธเทพร่างอสูรก็ยังดี
อาวุธเทพร่างอสูรจะมีรูปลักษณ์คล้ายอสูรธรรมดา
สำหรับดาบวิเศษฮุยจินเมื่อกลายเป็นอาวุธเทพร่างอสูร มันจำเป็นต้องอยู่ในสภาพสิ่งมีชีวิต แม้ว่าจะเป็นในรูปแบบโลหะมีชีวิต มักก็ยังมีชีวิตหนึ่ง หรือมิฉะนั้นเขาก็คงทำไม่สำเร็จ
เย่ว์หยางฆ่าราชันย์พันปีศาจภายในโลกหิมะและได้รับเม็ดพลังปีศาจสีแดง ด้วยเม็ดพลังของอสุรกายดำที่พี่น้องหงส์เพลิงฆ่าตาย และเม็ดพลังของเงาปีศาจทอง (ปีศาจในวังเบญจธาตุ) เขามีเม็ดพลังสามรูปแบบแตกต่างกัน เย่ว์หยางเตรียมใช้กลั่นและผสานเข้ากับดาบวิเศษฮุยจินและทำให้มันมีชีวิต อาวุธเทพร่างอสูรมีชีวิต โดยปกติจำเป็นต้องมีของอีกหลายอย่าง ตัวอย่างเช่นเขาต้องการได้เลือดสดจำนวนมหาศาลและตุ๊กตารบที่มีชีวิตตนหนึ่ง เพียงเท่านี้จึงจะยกระดับดาบฮุยจินเป็นอาวุธเทพร่างอสูรได้
ปัญหาก็คือเขาจะไปเอาตุ๊กตานักรบที่มีชีวิตมาจากไหน?
เขาไม่มีแหล่งทรัพยากรจะใช้สร้างนางฟ้านักรบอีกตนหนึ่ง ดังนั้นเขาจะไปหาวัสดุจากที่ไหนถึงเพียงพอจะยกระดับดาบวิเศษฮุยจินของเขาได้?
เขาเก็บปัญหานี้เข้าลิ้นชักไว้จนกระทั่งพบเจอกระจกปีศาจ... กระจกปีศาจไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่ก็คล้ายสิ่งมีชีวิต และมีวิวัฒนาการโดยการดูดเลือด นอกจากนี้ที่น่ากลัวมากก็คือมันมีสติปัญญา หลังจากดื่มเลือดของเหยื่อบูชายัญไปนับไม่ถ้วน มันวิวัฒนาการวิญญาณเป็นพิเศษซึ่งยังมีความต้องการเลือดต่อไป จากมุมมองของมนุษย์ กระจกปีศาจเหมือนกับสัตว์ประหลาดมีชีวิตที่มีวิญญาณชั่วร้ายมาก
อีกเงื่อนไขหนึ่งก็คือต้องการเลือดจำนวนมาก
บ่อเลือดที่จุเลือดของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์หลายร้อยและมังกรบินอีกหลายหมื่น แม้ว่ากระจกปีศาจจะกินไปถึงครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เย่ว์หยางประมาณการว่าต้องฆ่าบุรุษเผ่ามังกรแดนสวรรค์น่าจะพอ
ดาบวิเศษฮุยจินค่อยๆ รวมผสานเข้ากับกระจกปีศาจ จากนั้นเย่ว์หยางโยนเม็ดพลังปีศาจเพิ่มลงไปอีกสามลูก
แก่นเวทเพลิงและผลึกมังกรปีศาจที่เดิมทีอยู่ภายในดาบฮุยจินเติบโตกล้าแข็งแล้ว พวกมันยังไม่เทียบเท่ากับเม็ดพลังปีศาจทั้งสาม แต่พวกมันจุพลังได้แน่นอน ขณะเดียวกัน กระจกปีศาจ, เม็ดพลังปีศาจทั้งสาม, แก่นเวทเพลิงและผลึกมังกรปีศาจถูกกลั่นด้วยเพลิงอมฤต ดังนั้นพวกมันมิใช่ว่าไม่สามารถผสานเข้าด้วยกัน พวกมันทั้งหมดมีความประสงค์เองและไม่ยินดีรวมกับพลังอย่างอื่น แต่พวกมันไม่มีทางเลือก ถ้าพวกมันไม่เห็นด้วยกับความประสงค์ของเย่ว์หยางพวกมันจะสูญสลายตลอดไป อีกด้านหนึ่งเย่ว์หยางถ่ายพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์และอีกทางหนึ่งใช้เพลิงอมฤตกลั่นดาบวิเศษฮุยจิน, กระจกปีศาจ, เม็ดพลังปีศาจทั้งสามและแก่นปีศาจทั้งสองขณะที่พวกมันเริ่มผสานเข้ากัน
เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าวันที่อาวุธเทพร่างอสูรถือกำเนิดจะมาจากเงื้อมมือของเขา
แม้ว่าจะเป็นอาวุธเทพร่างอสูรชั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่อาวุธเทพร่างอสูรก็ยังไม่ถึงขีดจำกัดของมัน แค่นั้นก็ทำให้เย่ว์หยางภูมิใจแล้ว
เมื่ออาวุธเทพร่างอสูรปรากฏขึ้น ทั่วทั้งหุบเขามังกรบินเต็มไปด้วยแสงสีแดงดุจโลหิต
พื้นสั่นสะเทือนเหมือนอย่างที่ตำนานอธิบายถึงการปรากฏของอาวุธเทพร่างอสูร
แผ่นดินผืนฟ้าเปลี่ยนสีขณะที่สายฟ้าแล่บแปลบปลาบ... ปราณปีศาจสีแดงดุจเลือดทะลักกระจายทั่วท้องฟ้าเหมือนปีศาจกลืนกินท้องฟ้า สตรีเผ่ามนุษย์มังกรกลัวถึงขนาดกอดกันตัวสั่น พวกนางไม่กล้าเงยหน้ามองดูอาวุธเทพร่างอสูรในมือเย่ว์หยางที่ยังเปลี่ยนแปลงไม่เสร็จสมบูรณ์ ในใจพวกนาง ไม่มีความคลางแคลงใจว่าจักรพรรดิมังกรฟ้าผู้ก่อตั้งเผ่าพันธุ์ในตำนานของพวกนางมีระดับนักสู้สูงสุดสามารถควบคุมอาวุธเทพร่างมนุษย์และบัญชาทุกคนภายใต้สวรรค์ได้ นั่นคือผู้ทัดเทียมพระเจ้าแน่ ไม่อย่างนั้นชาวเผ่ามังกรแดนสวรรค์จะยกย่องเทิดทูนเป็นผู้ก่อตั้งของพวกเขาได้อย่างไร?
เด็กหนุ่มที่อยู่ต่อหน้าต่อตาพวกนางมีพลังที่มิอาจหยั่งถึง เขารู้เรื่องประวัติศาสตร์ของชาวเผ่ามังกรแดนสวรรค์และยังใช้อาวุธเทพร่างอสูรได้
ต่อให้เขาไม่ใช่จักรพรรดิมังกรฟ้ากลับชาติมาเกิด เขาอาจเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้ารุ่นต่อไปก็ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้ชูอาวุธเทพร่างอสูร อสูรหอทงเทียนบนข้อมือของเขาก็ปล่อยพลังมังกร.. แม้แต่พวกนางก็เพียงได้ยินได้ฟังมาจากตำนาน เมื่อพวกนางเห็นอสูรหอทงเทียนนั้น ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ พวกนางรู้ว่าเขาต้องเป็นศิษย์ของจักรพรรดิมังกรฟ้าแน่นอน นี่เป็นเพราะมีแต่จักรพรรดิมังกรฟ้าเท่านั้นที่รู้วิธีสั่งการเทพมังกรทงเทียนและอสูรทงเทียนก็คือเทพมังกรทงเทียนเยาว์วัยนั่นเอง
เมื่ออสูรทงเทียนปรากฏตัว มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงพลังมังกรระดับสูงที่ข่มพวกเขาได้ ทำให้วิญญาณพวกเขาสั่นสะท้าน
มีเสียงสะท้อน
ถ้าเด็กหนุ่มที่กำลังใช้เลือดมังกรสร้างอาวุธเทพร่างอสูรไม่ยอมรับว่าเขาคือจักรพรรดิมังกรฟ้า อย่างนั้นเจ้าของเทพมังกรทงเทียนก็ต้องเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้าแน่นอน มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ไม่มีความสงสัยในเรื่องนี้
“ท่านผู้ก่อตั้งศักดิ์สิทธิ์...” สตรีเผ่ามังกรแดนสวรรค์ทุกคนพากันคุกเข่า พวกนางไม่กล้าระบายลมหายใจแรงแม้แต่น้อยขณะที่พวกนางแสดงความเคารพเทิดทูน
“ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง, หลีกไปข้างๆ ก่อน” อสูรโลหะบนข้อมือของเย่ว์หยางเปลี่ยนร่างเป็นเทพมังกรพันอยู่รอบแขนของเขา มันเชิดหัวมาทางดาบวิเศษฮุยจิน เหมือนกับว่ามันกำลังคุยว่า แม้ว่าดาบวิเศษฮุยจินจะกลายเป็นอาวุธเทพร่างอสูร แต่ก็เทียบกับมันไม่ได้ แน่นอนว่าการทำเช่นนี้มันแสดงถึงวิธีที่มันมองดาบวิเศษฮุยจินว่าเป็นคู่แข่งของมัน ตั้งแต่ดาบวิเศษฮุยจินยกระดับใหม่มันสร้างความประทับใจได้มาก
มันกลายเป็นดาบวิเศษใหม่อย่างสมบูรณ์
กล่าวอีกนัยหนึ่งมันกลายเป็นอสูรโลหะตัวใหม่
มันเป็นอาวุธและยังเป็นอสูรได้ มันมีลักษณะน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเห็นอสูรแห่งหอทงเทียนมาก่อน นี่มาจากปีศาจที่มีพลังมังกรที่เย่ว์หยางเคยเห็นมาจากโลกมนุษย์ก่อนที่เข้ามายังมิตินี้ เขาของมันยาวชี้ขึ้นฟ้า เขี้ยวแหลมคมกลืนกินคนได้ขนาดของมันพอๆ กับสิงโตและขนของมันมองดูเหมือนหลาวขณะเดียวกันมันมีหางที่เต็มไปด้วยหนาม
อัญมณีดูดเลือดซึ่งฝังอยู่ในกระจกปีศาจกลายเป็นตาของมัน
เม็ดพลังปีศาจทั้งสามกลายเป็นผลึกเวทที่ยังคงหมุนอยู่บนหัวของมันโดยไม่หยุดนิ่ง
แก่นเวทปีศาจเพลิงและผลึกมังกรปีศาจผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นหัวใจของมัน สีข้างทั้งสองมองดูเหมือนสิงโต แต่เห็นได้ชัดว่าสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนของกระจกปีศาจ ขณะที่มันเรืองแสงสีแดงที่ดูน่ากลัว หางของมันมีไฟลุกโพลงมีทั้งไฟปีศาจและไฟภูตพราย โลกภายในกระจกปีศาจกลายเป็นท้องของมัน ถ้ามันไม่สามารถกัดศัตรูของมันให้ตาย มันสามารถกลืนคนได้ร้อยคน ถ้ามันมีวิวัฒนาการอีก โลกภายในของมันจะขยายตัวและกลายเป็นลึกไร้ก้นอย่างแน่นอน
ความจริงสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการที่สุดก็คือโลกที่น่าสยดสยอง
กระจกปีศาจระดับศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นรอง
ด้วยว่าโลกที่อยู่ภายในนั้นสามารถดูดเลือดได้ มันจะกลายเป็นฝันร้ายของศัตรูของเขา... ไม่เพียงเท่านั้นศพของพวกเขา วิญญาณของพวกเขาจะติดอยู่ภายในตลอดไป เย่ว์หยางยังต้องการรอจนกระทั่งเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้ก่อนจะผสานกับเจดีย์ปราบปีศาจด้วยเช่นกัน อย่าว่าแต่นักรบปราณฟ้าธรรมดาเลย แม้แต่นักรบปราณฟ้าอย่างชางเหยียน, เหยียนจงและเหยียนจุนก็ยังติดอยู่ในนี้ตลอดไป
ปกติเป้าหมายของเย่ว์หยางก็คือจักรพรรดิชื่อตี้และเป้าหมายที่สูงยิ่งกว่าก็คือจิ่วเซียวและซิวคงของสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์
ถ้าเขาต้องการกักพวกเขาไว้ เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องถึงระดับสร้างมิติหลุมดำได้
เขาจะยังไม่คิดถึงตอนนี้ แต่อาจมีความเป็นไปได้ในอนาคต
“เจ้ายังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ชั่วคราว แต่ข้าจะตั้งชื่อเจ้าไว้ก่อน ในอนาคตเจ้าจะมีชื่อว่า ‘เทาเถี้ย’” เย่ว์หยางเหยียดมือออกขณะที่อสูรเปลี่ยนสภาพทันทีและพันรอบแขนเย่ว์หยางไว้ มันพันแขนของเขาอย่างแน่นไม่มีรอยต่อมองดูเหมือนผิวธรรมชาติ อาจกล่าวได้ว่ามันกลายเป็นส่วนขยายของแขนเย่ว์หยาง เหมือนกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเย่ว์หยางเสมอ
ในรูปของดาบเทาเถี้ย หัวก็คือดาบและปาก ลิ้นและฟันก็คือคมดาบ
เย่ว์หยางจับที่เอวขณะที่ขาทั้งสี่และหางยืดออกและผสานกับหัว ฟันและลิ้นกลายเป็นดาบหนักกึ่งฟันเลื่อยกึ่งดาบโค้ง
อสูรโลหะอีกตัวโมโหเปลี่ยนร่างกลายเป็นกระบี่ทงเทียน มันถือโอกาสกระทบใส่ดาบเทาเถี้ยเบาๆ
เสียงกระทบกันดับติง
แม้ว่าเสียงจะไม่ดังมาก แต่ก็เพียงพอสั่นสะท้านวิญญาณคนอื่น
ผู้ช่วยของเจ้าเมืองปีศาจหมอหลงสั่นสะท้านเลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดตายทันที แม้แต่หมอหลงเองแก้วหูแตกกระอักโลหิต เหมือนกับว่าเขาได้ยินพลังเสียงกรีดของนางพญากระหายเลือด
เย่ว์หยางดีใจและลองใช้มือสะบัดฟัน
ดาบเทาเถี้ยฟันออกไปข้างหน้า ผนังภูเขาห่างออกไปพันเมตรเป็นรอยลึกสายหนึ่ง รอยฟันนั้นยาวร้อยเมตรและลึกสิบเมตร.... ระหว่างทางมันผ่ามังกรบินขาดครึ่ง แม้แต่ฮุยไท่หลางที่กำลังไล่จับบุรุษมังกรแดนสวรรค์ก็พลอยสะดุ้งไปด้วย กระบี่ทงเทียนอีกด้านหนึ่งยังไม่ยอมสงบ มันเริ่มส่งพลังปราณกระบี่เล็กน้อยและแทงผนังเขาอีกลูกหนึ่งลึกร้อยเมตร
เทียบกับพลังผ่าปฐพีแล้ว ท่านี้มีพลังทำลายล้างมากกว่า
นี่เป็นครั้งแรกที่อสูรโลหะอวดพลังของมันเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะดาบเทาเถี้ย มันคงไม่ยอมแสดงพลังของมัน
“เอ้านี่ รางวัลของเจ้า!” ปกติแล้วเย่ว์หยางเข้าใจหัวใจของอสูรโลหะนี้ เขาให้รางวัลมันด้วยผลึกปีศาจของปีศาจโบราณ มันดีใจมากขณะม้วนพันรอบแขนของเย่ว์หยาง
ในร่างของดาบเทาเถี้ย เย่ว์หยางจุ่มดาบลงในบ่อเลือด ปล่อยให้มันดูดพลังจากจากเลือดเพื่อวิวัฒนาการต่อไป
เซี่ยอีรอให้เขาเสร็จงานก่อนจะลอบกระตุกแขนเสื้อของเขา “มันก็ดีอยู่หรอกนะที่เจ้าช่วยพวกนาง แต่ทำไมเจ้าต้องแกล้งทำเป็นเจ้านายของพวกนางด้วย? อวดอ้างว่าเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้า มันไม่ดีไม่ใช่หรือ?”
เย่ว์หยางยิ้มเมื่อได้ยินคำนี้ “เหลวไหล, ถ้าข้าไม่อ้างตัวเป็นจักรพรรดิมังกรฟ้า พวกนางจะฟังข้าหรือ? ลองดูสิ พวกนางเชื่อฟังมากเพียงไหน พวกนางจะทำตามที่ข้าบอก ถ้าข้าไม่อ้างเป็นผู้ก่อตั้งของพวกนาง แล้วข้าจะขุดสุสานบรรพบุรุษของพวกนางได้อย่างไร?”
เซี่ยอีปวดศีรษะ “ฆ่าคนก็พอแล้ว นี่ยังจะขุดหลุมบรรพบุรุษพวกเขาด้วยเหรอ? เจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว ทำไมไม่ปล่อยวางเสียบ้าง”
เย่ว์หยางใช้นิ้วชี้แหย่คางนางเบาๆ “ถ้าข้าไม่ขุดสุสานบรรพบุรุษพวกเขา แล้วข้าจะตรวจสอบสายเลือดมนุษย์มังกรในตัวเจ้าได้ยังไง? นอกจากนี้ ต้องมีสมบัติอยู่ภายใน ข้ารู้สึกถึงมันได้เมื่อข้าเข้ามา ถ้าข้าไม่เอาไปด้วย อย่างนั้นข้าคงพลาดโอกาสนี้”
“ข้ามีสายเลือดมนุษย์มังกรหรือ?” เซี่ยอีตะลึง
“หา?” อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่ราชินีซิกและนางอื่นๆที่ได้ยินก็ยังงุนงงขณะที่พวกนางมองดูเซี่ยอี ถึงตอนนี้พวกนางสังเกตได้ว่ามีความรู้สึกที่คุ้นเคยขณะที่พวกนางมองดูเซี่ยอี