ตอนที่ 597 หน้าเนื้อใจเสือ
“กระจกปีศาจได้ดูดกินเลือดในบ่อเลือดมานานตลอดเดือน เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ? แม้ว่าเราจะไม่สนใจชีวิตของพวกทาสสตรีเหล่านั้น แต่หลังจากผ่านมาหลายพันปี ทาสหญิงเพียงเจ็ดร้อยคนเป็นแม่พันธุ์ ตอนนี้เราได้บูชายัญไป 300 คนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีอาการสนองตอบจากโลกภายในกระจกปีศาจเลย ทาสหญิงของเราจะสูญพันธุ์หมดแล้ว” มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ผู้สวมมงกุฏทองบ่นกับเจ้าเมืองหมอหลงอย่างไม่พอใจ
“นายท่านบอกว่าการเปิดโลกของกระจกปีศาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก บางทีต้องใช้เวลาเพิ่ม” แม้ว่าความสามารถของท่านหมอหลงจะต่ำกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ทัศนคติของเขาไม่เหมือนคนรับใช้หรือเอาแต่ใจตนเอง
“ข้าขอให้เจ้าช่วยหาคนมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวยที่นี่ แต่เจ้ากลับสนับสนุนให้มาไม่กี่คนตอนที่เจ้ามาที่นี่ พวกมันยังเทียบกับทาสหญิงของข้าไม่ได้สักคน พวกเจ้าไม่มีความจริงใจที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อย เจ้าควรจะส่งเครื่องเซ่นสังเวยมาให้เราสักหลายร้อย หรือหลายพันคน...” มนุษย์มังกรอีกคนหนึ่งที่สวมมงกุฏเงินบ่นพึมพำ
“ข้าทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเราทำแบบนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องดึงดูดความสนใจของศัตรูมากมายให้พวกเขามาที่นี่ และถ้าคำพูดนี้หลุดออกไป ผลที่ตามมาย่อมมิอาจคาดคิดได้ พวกท่านไม่รู้หรอกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน เขาสามารถเอาชนะนักรบแดนสวรรค์และจับพะยูนนรกซึ่งเป็นอสูรฟ้าระดับสองมาได้ นอกจากนี้พะยูนนรกทั้งสองนั้นยังเป็นยอดฝีมือในเหล่ายอดฝีมือที่เกิดมาในรอบหลายพันปี พะยูนนรกทั้งสองในตอนนี้กลายเป็นเทพอารักษ์ของชาวเผ่าทะเลไปแล้ว แต่พวกสถานะพวกเขาคืออสูรรับใช้ของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ ไม่เหมือนกับเจ้านายข้าที่ดูถูกพวกเจ้าเผ่ามังกรแดนสวรรค์ แต่พวกเจ้าไม่สามารถเอาชนะคุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้เลย ต่อให้พวกเจ้ายกมาทั้งเผ่าพันธุ์ก็ตาม พวกเจ้าได้เปรียบแค่เพียงจำนวนเท่านั้น... แต่ตราบใดที่เจ้าออกจากหอทงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ จำนวนคนของพวกเจ้าและกลยุทธของเจ้านายข้าก็สามารถสั่นสะเทือนหอทงเทียนได้ทั้งหมดและยึดครองหอทงเทียนได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน” เย่ว์หยางเข้าใจทุกอย่างทันทีหลังจากได้ฟังหมอหลง
มนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้คือหน่วยทะลวงฟันกล้าตายที่ราชาเฮยอวี้หาพบ
ราชาเฮยอวี้ต้องการยืมมือเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์เบี่ยงเบนความสนใจของเขา
ราชาเฮยอวี้กำลังพยายามเปิดม่านพลังทอง เข้าไปเอาคัมภีร์เทพและสมบัติภายในเพื่อทำสงครามบั่นทอนกำลังของเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม ราชาเฮยอวี้ไม่มีทางรู้เลยว่าสมบัติข้างในนั้นพี่น้องหงส์เพลิงและสาวกิเลนปิงหยินเอาออกมาแล้ว นอกจากนี้ราชาเฮยอวี้จะมีปัญญาทำสัญญากับคัมภีร์เทพได้หรือ?
ดูเหมือนว่ากาฝากอย่างมนุษย์มังกรแดนสวรรค์จะเป็นหน่วยทะลวงฟันกล้าตายที่ราชาเฮยอวี้หาพบได้เพื่อใช้ก่อกวนและดึงดูดความสนใจของเขา
ด้วยพลังของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ พวกเขานับเป็นหมากตัวหนึ่งที่ไม่เลว
ถ้าเขาไม่ส่งเซี่ยอีกลับมาทวีปกู่ฟงเพื่อสืบดูปัญหา อย่างนั้นหลังจากที่มนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้หลบหนีไปได้และก่อหายนะให้กับหอทงเทียน เขาคงจะยุ่งเกินกว่าจะให้ความสนใจราชาเฮยอวี้และปล่อยให้เขาได้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและสำเร็จได้ตามแผนการ...
โชคดีที่สวรรค์ไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสทำอย่างนี้
เซี่ยอีค้นพบความลับนี้ ดังนั้นแผนของราชาเฮยอวี้ที่จะปล่อยมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ให้มาจัดการเขาจะต้องล้มเหลว และกลายเป็นเรื่องสนุกสนานของเขา
“คุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นตัวอะไร ไม่มีอะไรน่ากลัวจากเผ่าพันธุ์ที่อ่อนด้อยอย่างนั้น มีแต่เรา เผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์เป็นชีวิตที่โดดเด่นที่สุด บรรพบุรุษของเราแข็งแกร่งที่สุด เคยแข็งแกร่งระดับนักสู้ปราณฟ้าระดับแปดและเรายังมีผู้อาวุโสที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า คุณชายสามตระกูลเย่ว์นั้นไม่มีอะไรเด่นมีแต่จะกลายเป็นเนื้อย่าง ในอดีตบรรพบุรุษของเรามีกระทั่งบริวารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าพะยูนนรกชั้นสูงเหล่านั้น พวกเขามีพญางูโบราณ, มังกรปีศาจเก้าหัวและมังกรบินหงอนทอง บริวารรับใช้เหล่านี้ไม่ว่าตัวใดก็ล้วนแข็งแกร่งกว่าพะยูนนรกทั้งนั้น!” มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ที่สวมมงกุฏทองแค่นเสียงหยิ่งยโส
“.....” เจ้าเมืองหมอหลงพูดไม่ออก เขาต้องการบอกว่า “แม้บรรพบุรุษของเจ้าจะรุ่งเรือง แต่นั่นเป็นอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน!
“เกี่ยวกับความเร็วในการเซ่นสรวงในปัจจุบัน เรายังไม่สามารถหลบหนีออกไปได้หลังจากผ่านไปอีกหนึ่งเดือน” มนุษย์มังกรที่สวมมงกุฎเงินตะคอกอย่างไม่พอใจ “เราไม่อาจทนรอต่อไปได้ อิสรภาพ เราต้องการอิสรภาพ! ปีกของเราต้องการทะยานขึ้นไปในท้องฟ้ากว้างและไม่ใช่อยู่แค่เพียงหุบเขามังกรบินนี้ ข้าไม่สามารถทนยืนบนต้นหญ้าเดี่ยวและบนต้นไม้ทุกต้นในที่นี้ได้อีกต่อไป เราต้องการหลบหนีไปจากที่นี่ทันที ข้าทนอยู่ที่นี่ต่อไปแม้อีกวันเดียวก็ไม่ได้แล้ว ข้าไม่สนว่าต้องเสียสละทาสหญิงอีกเท่าใด ยิ่งมากยิ่งดี สามารถเสียสละพวกนางเพื่อบุรุษผู้สูงส่ง นับเป็นความภาคภูมิใจของชีวิตทาสชั้นต่ำเหล่านั้นอยู่แล้ว”
“นั่นสิ เราต้องรีบบูชายัญให้มากขึ้น” มนุษย์มังกรที่สวมมงกุฏเงินอีกคนหนึ่งพูดและพยักหน้าเห็นด้วย
“อย่างนั้นทุกคนควรเสียสละพวกทาสให้มากกว่าห้าคน” มนุษย์มังกรที่สวมมงกุฏทองตัดสินใจ
“องค์ชายป้าหลุน โปรดทนรอสักนิด! สตรีชาวมนุษย์มังกรแดนสวรรค์อย่างน้อยก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้า การบูชายัญพวกนางแต่ละคนน่าเสียดายเกินไป โปรดรออีกสักสิบเก้าวันเถอะ” เจ้าเมืองหมอหลงแนะนำ
“ใช้ชีวิตนางทาสชั้นต่ำและน่าเกลียดเหล่านั้นไม่ได้หรือไง? อย่าบอกนะว่าพวกนางมีค่าเสมอกับเหล่าบุรุษชั้นสูงและงดงาม พวกนางเป็นแค่ทาส การตายเพื่อเราเป็นชะตากรรมของพวกนาง เราฆ่ามังกรบินไปหมื่นตัวแล้ว และฆ่านางทาสไปถึงสามร้อยนางแล้ว ข้าไม่สนหากจะฆ่าเพิ่มอีกสามร้อยคน สิบเก้าวันถือว่าไม่นาน แต่ไม่มีใครรับรองได้ว่ากระจกเงาปีศาจนั่นจะเปิดออกหลังจากผ่านไปสิบเก้าวัน เราจำเป็นต้องรีบ เพื่อให้ทราบผล เข้าใจไหม? เรารอไม่ได้อีกต่อไป.... หุบเขามังกรบินคือสถานที่อัปยศของพวกเรา ดังนั้นเราไม่อาจทนอยู่ในที่นี้อีกต่อไป มีแต่แดนสวรรค์ซึ่งกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้นคือสถานที่ของมนุษย์มังกรชั้นสูง หลังจากพิชิตทวีปมังกรทะยานและหอทงเทียนแล้ว เราจะกลับแดนสวรรค์ทันที ที่เล็กๆ อย่างหอทงเทียนไม่มีทางรองรับพวกเราได้ ปีกของเราต้องการทะยานไปในท้องฟ้าที่กว้างขวาง พวกต่ำต้อยอย่างเจ้าไม่มีทางเข้าใจ” หัวหน้ามนุษย์มังกรผู้ถือตัวและหยิ่งยโสดูถูกเยาะเย้ยสถานะของเจ้าเมืองหมอหลง
“ก็ได้ ทุกอย่างแล้วแต่ท่าน” เจ้าเมืองหมอหลงไม่คัดค้านอีกต่อไป
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีความหมายลึกๆ อย่างหนึ่งเมื่อราชาเฮยอวี้ส่งท่านหมอหลงผู้อ่อนแอนี้มา คนธรรมดาคงไม่สามารถอดทนต่อความหยิ่งยโสของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ได้แน่ แต่เจ้าเมืองหมอหลงเหมาะกับงานนี้แน่นอน เนื่องจากเขามีท่าทีที่ดี
ทัศนคติของเจ้าเมืองหมอหลงเป็นเป็นจุดเริ่มต้นเร่งให้ความหยิ่งยโสของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์มีมากขึ้น
ยิ่งเขามีทัศนคติถ่อมตัวมากเพียงใด มนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้ก็ยิ่งดื้อด้านมากขึ้น อย่างนั้นพวกเขายังสามารถป้องกันมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ผู้น่ากลัวเหล่านี้ซึ่งเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด ยิ่งพวกเขาหยิ่งยโสมากขึ้นเท่าใด พวกเขาไม่ยิ่งไม่เห็นศัตรูอยู่ในสายตา และยิ่งทำให้ราชาเฮยอวี้มีความสุขมากขึ้น หลังจากมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ก่อกวนปั่นป่วนหอทงเทียน ใครเล่าจะมัวจดจำความคงอยู่ของราชาเฮยอวี้?
คนเสียสละจากแหล่งภัยพิบัติคือสาเหตุที่ราชาเฮยอวี้จะปลดปล่อยพวกเขา
โชคดีที่เย่ว์หยางมาตามหาเซี่ยอีและพบหุบเขามังกรบินนี้โดยบังเอิญ ไม่อย่างนั้นเขาคงมีเรื่องปวดหัวเป็นแน่ หากจะกล่าวว่ามีมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ภายในหุบเขามังกรบิน งั้นเย่ว์หยางสามารถระบุได้ว่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์เหล่านี้เสื่อมโทรมและไม่มีอะไรต้องกลัว
ในบันทึก มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ อย่างน้อยเป็นนักสู้ปราณฟ้า ดังนั้นพวกเขาจะแข็งแกร่งกันมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกผนึกอยู่ในหุบเขามังกรบินมานานหลายพันปี มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ผู้รอดอยู่เหล่านี้กลายเป็นสวะไปแล้ว ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด ขณะที่ผู้อ่อนแอที่สุดคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ... มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนก็คือทัศนคติที่หยิ่งยโส ในสายตาของพวกเขาไม่มีใครเทียบกับพวกเขาได้! ก็เหมือนกับในบันทึก พวกเขาไม่มีใครเหมือน
มนุษย์มังกรสองสามคนบินขึ้นมาพร้อมกับเจ้าเมืองหมอหลงครั้งนี้
เย่ว์หยางคาดการว่าพวกเขากำลังจะบูชายัญคนเพิ่มขึ้น
เขาหลบหลีกมังกรบินอย่างระมัดระวังและเทเลพอร์ตพร้อมกับเซี่ยอีสองสามครั้งไปถึงพื้นราบ
พื้นราบหุบเขาสกปรกเหลือประมาณและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
พวกสัตว์และแมลงแตกหนีกระจาย
บนพุ่มไม้ ซากศพมังกรบินนับหมื่นถูกโยนลงทุกที่
บางซากก็เน่าเหม็นรุนแรง บางซากยังมีเลือดหยดไหลรินเหมือนกับเพิ่งจะถูกฆ่า ซากศพเหล่านั้นมีให้เห็นอยู่ทุกที่ เซี่ยอีอาเจียนขณะที่นางเห็นฉากภาพที่เลวร้ายนี้
นอกจากซากศพมังกรบินแล้วยังมีศพสตรีเปลือย
มีทั้งหญิงชราและหญิงกลางคนผมสีเทา, เด็กสาวและส่วนใหญ่เป็นสตรีวัยกลางคน สาเหตุการตายทุกคนเหมือนกันหมดคือเสียเลือด คอของพวกนางถูกเชือด หัวใจถูกควัก ทุกคนตายหลังจากเสียเลือดในตัวทั้งหมด สิ่งที่ทำให้เซี่ยอีไม่สามารถทนโกรธได้ก็คือก่อนที่พวกนางตาย แต่ละคนจะถูกย่ำยี แม้แต่เด็กหญิงอายุไม่กี่ขวบ... หน้าอกถูกตัด ร่างท่อนล่างถูกย่ำยี บางร่างก็มีท่อนไม้แทง สภาพการตายน่าอนาถเหลือทน
“ฆ่าพวกมันให้หมด พวกบัดซบนี่เป็นได้แค่เพียงสวะ! พวกมันไม่ควรมีชีวิตอยู่ให้รกโลก” เซี่ยอีกอดแขนเย่ว์หยางแน่น น้ำตาร้อนๆ ของนางหยดลงบนหมัดของเย่ว์หยางด้วยความโกรธแค้น
บนยอดของหุบเขามังกรบิน มีแท่นบูชายัญขนาดยักษ์
มีบ่อเลือดสร้างใหม่อยู่บนแท่นนั้น
มีกระจกเงาปีศาจบานหนึ่งอยู่ภายในบ่อเลือดกำลังดูดซึมพลังงานของเลือด นี่คือกระจกเงาปีศาจเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ซึ่งปล่อยไอชั่วร้ายออกมา
มังกรบินนับร้อยส่งเสียงร้องครวญครางขณะที่พวกมันถูกฆ่า ขณะที่พวกมันดิ้นรนครั้งสุดท้ายเลือดจำนวนมากฉีดพุ่งออกมาจากลำคอของพวกมันและราดรดกระจกเงาปีศาจ พวกมันถูกฆ่าทีละตัวๆ และซากศพพวกมันถูกโยนลงไปในหุบเขาเบื้องล่าง มังกรบินที่ยังรอดอยู่พยายามหลบหนีด้วยความกลัว แต่ไม่มีตัวใดสามารถบินได้เหนือหุบเขามังกรบิน พวกมันทำได้แต่เพียงโฉบกลับไปที่รังรอเวลาที่พวกมันจะถูกจับมาสังเวย
เพราะพวกมันมีจำนวนเกือบหมื่นตัว จึงมีอย่างน้อยครึ่งหนึ่งที่ยังรอดอยู่
มีเพียงครึ่งเดียวที่รอดอยู่
นั่นคือชะตาของมังกรบิน
ชะตาของสตรีเผ่ามนุษย์มังกรน่าเวทนายิ่งกว่ามังกรบินในรังถึงสิบเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์ชายป้าหลุนตัดสินใจเพิ่มจำนวนเครื่องบูชายัญ
สตรีเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์พากันหลบหน้าด้วยความกลัวขณะที่พวกนางมองดูราชินีซิก นางเป็นผู้ให้กำเนิดองค์ชายป้าหลุนและเป็นสตรีสูงอายุที่ยังรอดชีวิตอยู่ในขณะนี้ แม้ว่าสถานะนางจะไม่สู้ดี แต่นางเป็นเพียงสตรีคนเดียวในเผ่าพันธุ์ที่สามารถให้คำแนะนำองค์ชายป้าหลุนได้
“ฝ่าบาท, เรา...เราเสียสละพี่น้องหญิงของเราไปถึงสามร้อยคนแล้ว ทั้งผู้ชรา คนวัยกลางคนถูกบูชายัญไปหมดแล้ว การเร่งบูชายัญเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราลดจำนวนพี่น้องหญิงลงไปมาก เราอาจจะทำการล่าไม่สำเร็จ โปรดพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีฝ่าบาท ได้โปรดคิดเรื่องนี้ให้ดีด้วย ถ้าจำนวนทาสสตรีต้องลดลงไป เมื่อเป็นอย่างนั้นไม่มีทางจะทำให้สมบูรณ์เหมือนอย่างในอดีตได้” ราชินีซิกเป็นพระมารดาขององค์ชายป้าหลุนและองค์ชายอื่น นางเป็นสตรีเพียงผู้เดียวซึ่งให้กำเนิดบุรุษชาวมนุษย์มังกรมากกว่าสิบ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ นางอาจจะตกเป็นเครื่องสังเวยไปนานแล้วก็ได้
ราชินีซิกคุกเข่ากับพื้นต่อหน้าบุตรชายของนาง
นางใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเทิดทูนเพื่อเปลี่ยนใจบุตรชายนางให้เพลาๆ มือเรื่องการบูชายัญและใช้คนจากภายนอกมาแทนคนจากในเผ่าพันธุ์
สตรีชาวมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่บนพื้นพยายามขอร้อง แม้ว่าจำนวนของพวกนางจะมากกว่าบุรุษมนุษย์มังกรก็ตามและพลังของพวกนางไม่ด้อยไปกว่าบุรุษก็ตาม แต่พวกนางยังมีสถานะที่ด้อยเป็นแค่เพียงทาสสตรี บุรุษเป็นเพียงพวกเดียวที่ตัดสินใจได้
บุรุษสามารถตัดสินใจให้พวกนางตายเมื่อใดก็ได้
ต่อให้พวกนางเป็นมารดาหรือพี่น้องของพวกเขาก็ตาม
ในการสนองตอบขององค์ชายป้าหลุน เขาเตะใส่ราชินีซิก เลือดไหลจากปากของนางขณะที่นางกลิ้งถอยหลัง เขาถีบอกนางอีกครั้งก่อนที่นางจะทันได้ลุกขึ้น และจากนั้นเขาพูดอย่างเหลืออด “นังแพศยา, กล้าพูดกับข้าเชียวหรือ? เจ้ารู้หรือเปล่าใครแข็งแกร่งที่สุดในหุบเขามังกรบิน? ก็ข้าไงเล่า ข้าเอาชนะพ่อได้สำเร็จกลายเป็นราชาคนใหม่ ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว เจ้ายังไม่เข้าใจบทบาทใหม่ของเจ้าอีกหรือ? เจ้ายังคิดว่าเป็นแม่ข้าอยู่อีกหรือ? ไม่มีพ่อคอยปกป้องเจ้า เจ้าก็เป็นแค่ของเล่นของข้า, นังแพศยาที่ข้าเกลียดมาหลายปีแล้ว พ่อมักจะเก็บเจ้าไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเสมอ เขาไม่ยอมให้ข้าได้แตะต้องเจ้า ตอนนี้เขาตายไปแล้ว และเจ้ากลายเป็นตัวอะไร? เจ้ากลายเป็นแค่ของเล่น เป็นวัตถุที่ทำให้ข้าขายหน้าทุกวี่วัน เจ้าคิดว่าพ่อจะปกป้องเจ้าไปตลอดชีวิตงั้นหรือ? เจ้าอ่อนหัดเกินไปแล้ว ช่างน่าขันที่เจ้ายังคิดว่าเจ้ามีสิทธิคุยกับข้า นังแพศยาอย่างเจ้า เหตุผลเดียวที่ข้าปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอย่างอดสูมานาน ไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นแม่ข้า ไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นราชินี... ข้ายอมให้เจ้าได้เป็นราชินีต่อไปเพื่อประจานพ่อ ให้ทุกคนได้เห็นอำนาจของข้า ขนาดจ้าวมังกรบินที่ทรงพลังยังตายในเงื้อมมือของข้าภรรยาและราชินีเขากลายเป็นสมบัติของข้าทั้งหมด... เจ้าเข้าใจหรือเปล่า ข้าคือจ้าวมังกรบินคนใหม่ผู้สามารถตัดสินใจได้ทุกอย่าง”
“ใช่สิ, นอกจากนี้ข้ายังเกลียดนางแพศยานี่ ก่อนที่พ่อตาย นางแพศยานี่ปฏิเสธจะนอนกับข้าหลายครั้งแล้ว”
“นางแพศยา, ดูเหมือนว่าความอดสูที่เจ้าได้รับยังคงไม่เพียงพอสินะ”
บุรุษผู้สวมมงกุฎเงินสองสามคนเข้ามาเตะถีบราชินีซิกที่ยังคงกระอักโลหิต
ทุกคนเป็นบุตรของนาง
หลังจากพวกเขาร่วมมือกันโค่นล้มจ้าวมังกรบินคนก่อน พวกเขากลายเป็นผู้ปกครองชุดใหม่
เมื่อสตรีเผ่ามนุษย์มังกรเห็นเช่นนี้ พวกนางเริ่มสะอึกสะอื้นกันทุกคน
ภายในเผ่า พวกเขาเริ่มเกิดความปั่นป่วนและบางส่วนร้องขอความเมตตา แต่พวกนางทุกคนถูกบุรุษมนุษย์มังกรหลายสิบคนทุบตีอยู่ตรงนั้น
เจ้าเมืองหมอหลงแกล้งทำเป็นไม่เห็น
เขามองฉากภาพข้างหน้าเขาเหมือนกับว่าไม่เห็นอะไร
ขณะที่ทหารรับจ้างที่มาพร้อมกับเขาเพื่อหาสมบัติ พวกเขากลายเป็นเครื่องบูชายัญไปแล้ว มีเพียงผู้ช่วยของหมอหลงที่ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาข่มความกลัวไม่กล้าแสดงออกมาข้างนอก
เย่ว์หยางกับเซี่ยอีมาถึงที่นั้นในระยะห่างร้อยเมตร
แม้เย่ว์หยางจะใช้ปราณของเขาครอบคลุมพลังงานแปรปรวนรอบตัวเซี่ยอีอย่างชาญฉลาด แต่เหตุผลหลักที่พวกเขาสามารถเข้าไปใกล้ได้ เนื่องจากเสียงร้องและความวุ่นวายที่เกิดจากกลุ่มพวกมนุษย์มังกร... เซี่ยอีฉุดรั้งแขนของเย่ว์หยางสองสามครั้ง แสดงว่าเขาควรปล่อยนางและฆ่าพวกเขาให้หมด ฆ่าพวกบุรุษมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ให้หมด
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางไม่ทำเช่นนั้น เพราะตอนนี้เขาพบความลับของสายเลือดเซี่ยอีแล้ว