ตอนที่แล้วตอนที่ 595 แอปเปิลหรือไข่?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 597 หน้าเนื้อใจเสือ

ตอนที่ 596 หุบเขามังกรบิน มนุษย์มังกรแดนสวรรค์


ทางเดินศิลา

ต่อให้เย่ว์หยางมาที่นี่เป็นครั้งแรก  เขาก็สามารถบอกได้ว่าทางเดินศิลาเบื้องหลังประตูลับนี้ไม่ได้นำไปสู่ทวีปกู่ฟงแน่นอน

แม้ว่าแรงโน้มถ่วงที่นี่จะคล้ายกับทวีปกู่ฟงก็ตาม  แต่ตามทางเดินศิลา  มีพลังงานไร้ลักษณ์ของกฎรหัสโบราณรูปแบบหนึ่ง  เหมือนกับว่ากำลังผนึกบางอย่างเอาไว้  เย่ว์หยางมีความรู้สึกว่ารูปแบบพลังงานจากผนึกนี้ก็คือผนึกจักรพรรดิชื่อตี้ในถ้ำมังกรนั่นเอง  เย่ว์หยางยังเบาใจได้เพราะพลังของรหัสโบราณยังไม่กล้าแข็งเท่ากับผนึกที่ใช้ผนึกจักรพรรดิชื่อตี้  ไม่อย่างนั้นศัตรูอื่นที่เหมือนกับจักรพรรดิชื่อตี้คงทำให้เย่ว์หยางปวดเศียรเวียนเกล้าได้เป็นแน่

การฆ่าราชันย์พันปีศาจยากลำบากพอแล้ว  เย่ว์หยางต้องการพักหายใจสักช่วงเวลาหนึ่งก่อน

การฝึกฝนจะช่วยให้ประการณ์ที่สะสมจากการต่อสู้เกิดการเปลี่ยนแปลง

บรรลุเข้าขอบเขตระดับใหม่

เย่ว์หยางไม่เคยพอใจกับพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด  แม้ว่าเขาสามารถข้ามชั้นและสู้กับนักสู้ปราณฟ้ามาแล้วก็ตาม  แต่ที่สำคัญ จากที่พูดและทำมา ยังคงมีศัตรูที่ทรงพลังมากกว่าอย่างจักรพรรดิชื่อตี้อยู่  เย่ว์หยางไม่กล้าชะล่าใจกับการฝึกฝนแม้แต่วินาทีเดียว

“เจ้าเปิดประตูลับได้อย่างไร?”  เซียอีเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นได้

“จะเป็นยังไงถ้ามีกุญแจทองอีกดอก?”  เย่ว์หยางตอบและยิ้มสดใส  รอยยิ้มของเขาทำให้เซี่ยอีอึ้งชะงักไปชั่วขณะ  หน้าของนางแดง นางก้มหน้าหลบไม่มองเขา พูดเสียงอ่อย “ยิ้มเหมือนหมาป่าบ้ากาม น่าเกลียดชะมัด!”  นางไม่ยอมรับว่าหลงใหลรอยยิ้มของเย่ว์หยาง พยายามกีดกันตนเองโดยพูดไม่ตรงกับใจ แกล้งพูดว่ายิ้มของเขาน่าเกลียด  ความจริงรอยยิ้มของเย่ว์หยางเสริมทักษะ “น่าหลงใหล” เข้าไปด้วย ซึ่งมีผลสร้างเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม

เป็นธรรมดาสำหรับเด็กสาวอย่างเซี่ยอีเปลือกนอกชอบหาเรื่องโต้เถียงกับเขา  แต่ในใจกลับหวังให้เขารักและนุ่มนวลเอาใจจะเพิ่มเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

แค่เพียงรอยยิ้มของเย่ว์หยาง หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นส่ำ

แม้ว่านางจะบอกว่าเขาน่าเกลียดไม่น่าดู  แต่ใจของนางเต้นแรงดุจกลองรัว  นางหลบตาและอดลอบมองดูเขาสองสามครั้งไม่ได้

นางไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมนางถึงได้ยืนกรานหาเรื่องทะเลาะกับเย่ว์หยางอยู่ตลอดเวลา  ความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดและนางก็รู้ว่าเขาปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี  เพียงแต่เขาชอบหยอกเย้ายั่วโมโหนาง

เขามักจะปล่อยเด็กสาวไปโดยไม่ได้เผชิญหน้าใดๆ  ดังนั้นนางเองก็ปรารถนาจะให้เขาปฏิบัติกับนางให้ดีขึ้นสักเล็กน้อย

ไม่ใช่รังแกนางอย่างนี้

“ข้าคิดว่าเจ้าไม่มีกุญแจทองแน่ใช่ไหม?”  เซี่ยอีจำได้ว่ามีแต่เจ้าเมืองหมอหลงที่ครอบครองกุญแจทอง และเมื่อเข้าไปแล้ว กุญแจก็ยังอยู่ในมือของเขา  ไม่ว่ามือของเขาจะเร็วอย่างไร เขาย่อมไม่สามารถขโมยมาได้  เมื่อครู่นี้เขาให้นางหันหลังให้เขาและจากนั้นก็เปิดประตูลับได้  คำถามก็คือเขาทำได้อย่างไร?  เขาสร้างกุญแจซ้ำขึ้นมาใช่หรือไม่?  ดูเหมือนว่านั่นมีทางเป็นไปได้ เพียงแต่  เขาทำขึ้นมาได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขาสร้างกุญแจซ้ำขึ้นมาอีกดอก?

“ข้าไม่ได้สร้างกุญแจปลอม, เฮ้อ, ประตูลับนั้น ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถบอกให้มันเปิดออกได้  ข้าแค่หลอกมัน”  เย่ว์หยางยิ้ม ยินดีกับตัวเอง

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นจอมเจ้าเล่ห์”  เซี่ยอีสบถไม่หยุด  แต่นางยังรู้สึกดีใจจริงๆ แม้ว่าคนผู้นี้จะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ  แต่ความสามารถเขาก็ยังน่าทึ่ง

“นี่ถือเป็นคำชมของเจ้าใช่ไหม?  ขอบคุณ!”  เย่ว์หยางไม่ใส่ใจอะไรในคำพูดของนาง  เมื่อเห็นว่าเขาพอใจตัวเองอย่างเห็นได้ชัด  เซี่ยอีไม่ต้องการทำอะไรเพิ่มนอกจากโถมเข้ากัดเขาให้หนำใจ มิฉะนั้นความเกลียดของนางคงไม่มีทางลดลง

เมื่อมาถึงท้ายทางเดินศิลา  พวกเขามาถึงถ้ำใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง

ดูเหมือนจะมีทางเดินศิลากระจายอยู่ภายในไม่สิ้นสุดทำให้พวกเขาหลงเส้นทางที่จะใช้

ถ้าเซี่ยอีมาตามลำพัง  นางคงถูกปล่อยและช่วยตัวเองไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับถ้ำเขาวงกตนี้

ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป  นางมองดูเย่ว์หยางที่มั่นใจในตนเอง  นางไม่สามารถค้นหาทางด้วยตัวนางเอง แต่เขาทำได้แน่นอน  ถ้ำเขาวงกตเล็กน้อยจะทำอะไรเขาไม่ได้แน่นอน ที่สำคัญคือเขาสามารถผ่านวังเบญจธาตุและสมรภูมิมรณะมาแล้ว

เขาวงกตเล็กน้อยนี้เหมือนกับของเล่นเด็ก

เป็นไปตามคาด  เย่ว์หยางค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องซึ่งเจ้าเมืองหมอหลงใช้

เขาเรียกหุ่นหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมา  พวกมันเริ่มแกะรอยตามกลิ่นที่เจ้าเมืองหมอหลงทิ้งเอาไว้  แม้ว่าเจ้าเมืองหมอหลงจะใช้ความสามารถพิเศษปกปิดกลิ่นไม่ให้ออกมาและปล่อยสัตว์เล็กๆ ที่มีกลิ่นแรงเพื่อล่อศัตรูใดๆ ให้เข้าใจผิด  กลยุทธ์ทั้งหลายเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อหนูเบญจธาตุค้นสมบัติ  ความสามารถในการสะกดรอยตามของมันก็คือความสามารถในการรู้สึกของพวกมัน

ตราบใดที่เจ้าเมืองหมอหลงยังทิ้งพลังงานธรรมดาไว้  เขาคงไม่พยายามใช้หนูเบญจธาตุค้นสมบัติให้ตามหาเป็นแน่

หลังจากออกมาจากถ้ำเขาวงกตได้สำเร็จแล้ว  พวกเขาลดเลี้ยวไปตามผนังภูเขาขนาดใหญ่

การเดินผ่านภูเขาหลายลูกทำให้พวกเขารู้สึกไม่ชัดเจน

ในที่สุดเมื่อเส้นทางค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไป  เซี่ยอีและเย่ว์หยางจึงมองเห็นแสง

ในที่ไกลลิบๆ ปรากฏมีแสงไฟขนาดเล็กมากฉายอยู่ข้างหน้า  ทางออก.... เย่ว์หยางและเซี่ยอีรู้สึกดีใจ  แม้ว่าพวกเขาจะปรับตัวเข้ากับความมืด  แต่พวกเขาก็ยังต้องการแสงสว่าง  การใช้เวลาเดินอยู่ในถ้ำเป็นเวลานานทำให้อารมณ์ของพวกเขาหม่นหมอง  ที่สำคัญคือ พวกมนุษย์คุ้นเคยกับการใช้ชิวิตเหนือพื้นมากกว่า

เย่ว์หยางและเซี่ยอีเดินหน้าอย่างระมัดระวังก็พบว่าข้างหน้าใกล้กับทางออกมีถ้ำเหมือนรังผึ้งที่มนุษย์สร้างขึ้น

ทางออกนับไม่ถ้วนรวมกันอย่างแน่นขนัด เหมือนกับตาข่ายที่เรียงรายอยู่หน้าทางออกใหญ่ทั้งสองข้าง

เย่ว์หยางและเซี่ยอีซ่อนตัวเองอยู่ที่ทางออกที่เล็กกว่า

พวกเขาแอบมองทันที แล้วก็ต้องอ้างปากค้างด้วยความประหลาดใจกับโลกภายนอก

ทางออกเล็กที่ทั้งสองยืนอยู่ คือจุดหยุดพักสำหรับอสูรที่มีความสามารถบินได้ เบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกมองไม่เห็นก้นเหว และข้างหน้า  มีมังกรบินนับหมื่นกำลังบินอยู่ในทุกที่  มันส่งเสียงร้องเป็นบางครั้ง  สร้างเสียงขึ้นๆ ลงๆ เป็นทำนองเพลงมังกรบิน  มังกรบินบางส่วนที่บินจนเบื่อจะเข้าไปพักตรงทางออกที่ดูเหมือนรังผึ้งนั้น  ส่วนตัวอื่นๆ จะนำอาหารที่มีเลือดหยดเข้ามาสู่งานเลี้ยง

ในที่ไกลออกไป มีภูเขาที่มียอดสูงเสียดเมฆ

ในทำนองเดียวกัน มีมังกรบินนับจำนวนไม่ถ้วนบินอยู่รอบๆ ยกเว้นแต่ตัวที่มีสี ร่างใหญ่โต, และมีระดับพลังสูงกว่า

“นี่คือ นี่คือหุบเขามังกรบินในตำนานแน่!”  ท่าทีของเซี่ยอีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นางจ้องมองดูมือน้อยๆ ของนางกอดแขนเย่ว์หยางไว้แน่น  “ข้าได้ยินมาว่ามีจ้าวมังกรบินผู้น่าหวาดหวั่นเหลือเชื่อ  เขาน่ากลัวยิ่งกว่าจ้าวปีศาจจากแดนอเวจีเสียอีก  ถ้าจ้าวมังกรบินออกไปจากหุบเขามังกรบินได้  อย่างนั้นทวีปกู่ฟงทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย!  ข้าจำได้ เมื่อข้ายังเด็ก แม่ข้าบอกว่าจ้าวมังกรบินนั้นน่ากลัวมาก...”  นางพูดเสียงสั่น

“แน่ใจนะว่าแม่เจ้าไม่ได้ขู่ขวัญให้เจ้ากลัว?”  เย่ว์หยางไม่หาตัวจ้าวมังกรบินแน่  เนื่องจากเขาน่ากลัว

ถ้าจ้าวมังกรบินอยู่ในทวีปหอทงเทียน  อย่างนั้นมันจะเป็นแค่อสูรปราณก่อกำเนิดระดับต่ำ

อสูรที่มีพลังน่ากลัวอย่างแท้จริง ไม่ใช่มังกรบิน  แต่เป็นมังกรยักษ์

นอกจากนี้  เซี่ยอีอาจจะมีวัยเด็กที่ซุกซน ดังนั้นมารดาของนางจึงพูดเพื่อขู่ขวัญนางซึ่งส่งผลต่อจิตใจของนาง

ยิ่งไปกว่านั้น  คนโดยทั่วไปจะประเมินพลังไม่ค่อยถูกต้อง  สำหรับคนทั่วไป นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งก็ถือว่าทรงพลังมากแล้ว  นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าและที่สูงกว่าเป็นระดับขององครักษ์พิทักษ์ฟ้าซึ่งมีความแข็งแกร่งมาก  จ้าวปีศาจจะมีพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าเป็นอย่างน้อย ก็ทรงพลังมากเช่นกัน  สำหรับคนทั่วไป  ผู้ทรงพลังทั้งสามนี้ไม่ต่างกันมาก  เพราะพวกเขามิอาจคาดคำนึงถึงได้ว่าจะสามารถต้านทานพวกเขาได้อย่างไร  อย่างไรก็ตามสำหรับมุมมองของเย่ว์หยางเป็นเรื่องแตกต่าง นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง ฆ่าได้ในพริบตา  นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าและระดับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าเขาเอาชนะได้ง่ายๆ  นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า หรือระดับจ้าวปีศาจ  ก็ยังไม่เพียงพอเป็นคู่ต่อสู้เขาได้

มารดาของเซี่ยอีดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาที่มีพลังไม่มาก

พูดให้ถูกก็คือนางยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพลังของจ้าวมังกรบินและจ้าวปีศาจ  รู้แต่เพียงว่าทั้งสองน่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ

ถ้าไม่ใช่เพราะความคงอยู่ของพลังที่เหมือนผนึกโบราณของกฎรหัสโบราณที่นี่  เย่ว์หยางคงไม่สนใจ

จ้าวมังกรบินเป็นยังไง?

พริบตาเดียวก็ฆ่าได้แล้วมิใช่หรือ?

อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย  ต่อให้เป็นตั๊กแตนมัจจุราชก็สามารถฆ่าจ้าวมังกรบินได้หลายคราแล้ว

ถ้าเย่ว์หยางปล่อยตั๊กแตนมัจจุราชออกมา  มังกรบินหลายพันคงได้หวาดผวาพากันหนีหางจุกก้นแน่นอน

“ไม่, จ้าวมังกรบินน่ากลัวมาก มีรายงานว่ามันฆ่าคนในทวีปกู่ฟงไปนับไม่ถ้วน  แม้แต่ผู้ทรงพลังที่สุดในทวีปกู่ฟงก็ยังถูกจ้าวมังกรบินสังหารตาย และตั้งแต่นั้นผู้ทรงพลังที่สุดในทวีปกู่ฟงก็ถูกกำจัด เราจึงไม่สามารถป้องกันการจู่โจมรุกรานของพวกปีศาจแดนอเวจีได้ และตกอยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจ

“อย่ากลัวเลย  ลองดูสถานการณ์ไปก่อน  วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน”  เย่ว์หยางสังเกตว่าเซี่ยอีกลัวจนปากซีดขาว เขารีบปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“....”  ได้เขาปลอบโยน เซี่ยอีรู้สึกตัวว่าคลายใจมากขึ้น แต่มือของนางยังเกาะแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมผ่อนคลาย

เย่ว์หยางสังเกตว่ามีจุดสองสามจุดที่อยู่ในระยะค่อนข้างไกล ดูเหมือนจะเป็นสิ่งผิดปกติในท่ามกลางฝูงมังกรบินทั้งหมด

เขาใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู เมื่อเห็นเข้าเขาถึงกับตกตะลึง

เป็นเพราะเขาเห็นรูปแบบชีวิตที่แปลกประหลาด  รูปแบบชีวิตที่ไม่ใช่พวกที่อยู่ในกลุ่มที่มาจากหอทงเทียน  หลังจากศึกแดนสวรรค์แล้ว  ผู้เฒ่าหนานกงได้มอบหนังสือให้เขาเป็นของขวัญ  หนังสือนั้นจดบันทึกโดยราชบัณฑิตจากยุคจักรพรรดิอวี้ บันทึกสิ่งมีชีวิตทั่วไปถึง 3600 ชนิดในแดนสวรรค์  และสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอีก 108 ชนิด

จุดดำที่ไม่ธรรมดาข้างหน้านั้นคือหนึ่งใน 108 ชีวิตพิสดาร

มนุษย์มังกรแดนสวรรค์!

สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์นี้คลายกับมนุษย์มาก  อย่างไรก็ตาม พวกเขาตัวสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ส่วนสูงโดยทั่วไปของพวกเขาประมาณสองเมตร และพวกเขามีปีกมังกรที่หดเก็บได้อยู่ด้านหลัง  บุรุษจะหล่อเหลาสง่างามโดยเฉพาะ  ขณะที่สตรีจะดูธรรมดา บางคนก็น่าเกลียด   ตรงกันข้ามกับชีวิตในแดนสวรรค์อย่างสิ้นเชิง  ปีศาจจากแดนสวรรค์ บุรุษของเผ่าปีศาจแดนสวรรค์จะน่าเกลียด  ขณะที่สตรีจะมีเสน่ห์งดงาม

ระหว่างรบ มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ส่วนใหญ่จะเป็นสตรีเป็นทัพหน้าจู่โจมศัตรู

บุรุษของเผ่ามังกรแดนสวรรค์ทุกคนจะมีตำแหน่งเป็นผู้ปกครองและบุรุษทุกคนจะครอบครองสตรีมากกว่าสิบคน

นอกจากสืบพันธุ์และปกป้องอำนาจตนเองแล้ว  บุรุษของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ไม่รู้วิธีการรบ  ซึ่งก็หมายความว่านอกจากหว่านเสน่ห์ให้สตรีแล้ว  พวกเขาไม่รู้วิธีการต่อสู้เลย

บุรุษชาวมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ประเภทนี้ ได้รับสมญาว่าผู้นำที่เกียจคร้านที่สุดในแดนสวรรค์และลงท้ายก็ถูกเผ่าพันธุ์อื่นเยาะเย้ย  ที่ผิดปกติมากที่สุดก็คือ บุรุษที่เกียจคร้านของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์กับปีศาจแดนสวรรค์ถูกจัดไว้ในหมวดสิ่งมีชีวิตที่น่าหงุดหงิดที่สุดร่วมกันกับบุรุษของเผ่าปีศาจแดนสวรรค์ที่ใช้ชีวิตในการทำสงครามและเพลิดเพลินกับการปล้นเผ่าพันธุ์อื่น

มีคำกล่าวว่า เผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจซึ่งไม่ควรมีอยู่เลยก็มีแต่เพียงเผ่ามังกรแดนสวรรค์ที่น่ารังเกียจกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ

เย่ว์หยางพบว่ายากจะทำความเข้าใจได้

ทำไมพวกปรสิตที่น่ารังเกียจของแดนสวรรค์อย่างมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ถึงได้มาอยู่ที่นี่?  ใครผนึกเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจนี้ไว้ในหุบเขามังกรบิน?

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสามารถเข้าใจได้ทันทีถึงสิ่งหนึ่งก็คือ  ราชาเฮยอวี้ต้องการยืมพลังของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์  มองในแง่ของคนธรรมดา ราชาเฮยอวี้เตรียมจะปล่อยให้ชนเผ่ามังกรแดนสวรรค์เป็นอิสระ  แม้ว่าเจ้าเมืองหมอหลงจะเป็นผู้นำดินแดนปีศาจ  แม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออกว่าจอมบงการที่แท้จริงก็คือราชาเฮยอวี้  นอกจากนี้ เขาน่าจะเป็นบริวารของราชาเฮยอวี้   จงเหลยถิงซึ่งเป็นบริวารที่ปกครองทัพกลาง

หมอหลงไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาสมบัติ   เขามาที่นี่เพื่อร่วมมือกับเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์

เย่ว์หยางชื่นชมกับโชคตัวเองที่เขาพบเจอเรื่องนี้ได้ทันเวลา

ถ้าไม่อย่างนั้น การปล่อยเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ให้หนีไปจากหุบเขามังกรบิน  มีแต่จะสร้างความปวดหัวให้เท่านั้น  พวกเขาคือปรสิตที่น่ากลัวที่สุด เป็นที่น่ารังเกียจโดยทั่วไป  และเป็นสวะที่ชื่อเสียงอื้อฉาวอยู่ในแดนสวรรค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด