ตอนที่ 596 หุบเขามังกรบิน มนุษย์มังกรแดนสวรรค์
ทางเดินศิลา
ต่อให้เย่ว์หยางมาที่นี่เป็นครั้งแรก เขาก็สามารถบอกได้ว่าทางเดินศิลาเบื้องหลังประตูลับนี้ไม่ได้นำไปสู่ทวีปกู่ฟงแน่นอน
แม้ว่าแรงโน้มถ่วงที่นี่จะคล้ายกับทวีปกู่ฟงก็ตาม แต่ตามทางเดินศิลา มีพลังงานไร้ลักษณ์ของกฎรหัสโบราณรูปแบบหนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังผนึกบางอย่างเอาไว้ เย่ว์หยางมีความรู้สึกว่ารูปแบบพลังงานจากผนึกนี้ก็คือผนึกจักรพรรดิชื่อตี้ในถ้ำมังกรนั่นเอง เย่ว์หยางยังเบาใจได้เพราะพลังของรหัสโบราณยังไม่กล้าแข็งเท่ากับผนึกที่ใช้ผนึกจักรพรรดิชื่อตี้ ไม่อย่างนั้นศัตรูอื่นที่เหมือนกับจักรพรรดิชื่อตี้คงทำให้เย่ว์หยางปวดเศียรเวียนเกล้าได้เป็นแน่
การฆ่าราชันย์พันปีศาจยากลำบากพอแล้ว เย่ว์หยางต้องการพักหายใจสักช่วงเวลาหนึ่งก่อน
การฝึกฝนจะช่วยให้ประการณ์ที่สะสมจากการต่อสู้เกิดการเปลี่ยนแปลง
บรรลุเข้าขอบเขตระดับใหม่
เย่ว์หยางไม่เคยพอใจกับพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด แม้ว่าเขาสามารถข้ามชั้นและสู้กับนักสู้ปราณฟ้ามาแล้วก็ตาม แต่ที่สำคัญ จากที่พูดและทำมา ยังคงมีศัตรูที่ทรงพลังมากกว่าอย่างจักรพรรดิชื่อตี้อยู่ เย่ว์หยางไม่กล้าชะล่าใจกับการฝึกฝนแม้แต่วินาทีเดียว
“เจ้าเปิดประตูลับได้อย่างไร?” เซียอีเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นได้
“จะเป็นยังไงถ้ามีกุญแจทองอีกดอก?” เย่ว์หยางตอบและยิ้มสดใส รอยยิ้มของเขาทำให้เซี่ยอีอึ้งชะงักไปชั่วขณะ หน้าของนางแดง นางก้มหน้าหลบไม่มองเขา พูดเสียงอ่อย “ยิ้มเหมือนหมาป่าบ้ากาม น่าเกลียดชะมัด!” นางไม่ยอมรับว่าหลงใหลรอยยิ้มของเย่ว์หยาง พยายามกีดกันตนเองโดยพูดไม่ตรงกับใจ แกล้งพูดว่ายิ้มของเขาน่าเกลียด ความจริงรอยยิ้มของเย่ว์หยางเสริมทักษะ “น่าหลงใหล” เข้าไปด้วย ซึ่งมีผลสร้างเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม
เป็นธรรมดาสำหรับเด็กสาวอย่างเซี่ยอีเปลือกนอกชอบหาเรื่องโต้เถียงกับเขา แต่ในใจกลับหวังให้เขารักและนุ่มนวลเอาใจจะเพิ่มเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
แค่เพียงรอยยิ้มของเย่ว์หยาง หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นส่ำ
แม้ว่านางจะบอกว่าเขาน่าเกลียดไม่น่าดู แต่ใจของนางเต้นแรงดุจกลองรัว นางหลบตาและอดลอบมองดูเขาสองสามครั้งไม่ได้
นางไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมนางถึงได้ยืนกรานหาเรื่องทะเลาะกับเย่ว์หยางอยู่ตลอดเวลา ความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดและนางก็รู้ว่าเขาปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี เพียงแต่เขาชอบหยอกเย้ายั่วโมโหนาง
เขามักจะปล่อยเด็กสาวไปโดยไม่ได้เผชิญหน้าใดๆ ดังนั้นนางเองก็ปรารถนาจะให้เขาปฏิบัติกับนางให้ดีขึ้นสักเล็กน้อย
ไม่ใช่รังแกนางอย่างนี้
“ข้าคิดว่าเจ้าไม่มีกุญแจทองแน่ใช่ไหม?” เซี่ยอีจำได้ว่ามีแต่เจ้าเมืองหมอหลงที่ครอบครองกุญแจทอง และเมื่อเข้าไปแล้ว กุญแจก็ยังอยู่ในมือของเขา ไม่ว่ามือของเขาจะเร็วอย่างไร เขาย่อมไม่สามารถขโมยมาได้ เมื่อครู่นี้เขาให้นางหันหลังให้เขาและจากนั้นก็เปิดประตูลับได้ คำถามก็คือเขาทำได้อย่างไร? เขาสร้างกุญแจซ้ำขึ้นมาใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่านั่นมีทางเป็นไปได้ เพียงแต่ เขาทำขึ้นมาได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขาสร้างกุญแจซ้ำขึ้นมาอีกดอก?
“ข้าไม่ได้สร้างกุญแจปลอม, เฮ้อ, ประตูลับนั้น ใช่ว่าใครๆ ก็สามารถบอกให้มันเปิดออกได้ ข้าแค่หลอกมัน” เย่ว์หยางยิ้ม ยินดีกับตัวเอง
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นจอมเจ้าเล่ห์” เซี่ยอีสบถไม่หยุด แต่นางยังรู้สึกดีใจจริงๆ แม้ว่าคนผู้นี้จะเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ แต่ความสามารถเขาก็ยังน่าทึ่ง
“นี่ถือเป็นคำชมของเจ้าใช่ไหม? ขอบคุณ!” เย่ว์หยางไม่ใส่ใจอะไรในคำพูดของนาง เมื่อเห็นว่าเขาพอใจตัวเองอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยอีไม่ต้องการทำอะไรเพิ่มนอกจากโถมเข้ากัดเขาให้หนำใจ มิฉะนั้นความเกลียดของนางคงไม่มีทางลดลง
เมื่อมาถึงท้ายทางเดินศิลา พวกเขามาถึงถ้ำใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง
ดูเหมือนจะมีทางเดินศิลากระจายอยู่ภายในไม่สิ้นสุดทำให้พวกเขาหลงเส้นทางที่จะใช้
ถ้าเซี่ยอีมาตามลำพัง นางคงถูกปล่อยและช่วยตัวเองไม่ได้เมื่อเผชิญหน้ากับถ้ำเขาวงกตนี้
ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างออกไป นางมองดูเย่ว์หยางที่มั่นใจในตนเอง นางไม่สามารถค้นหาทางด้วยตัวนางเอง แต่เขาทำได้แน่นอน ถ้ำเขาวงกตเล็กน้อยจะทำอะไรเขาไม่ได้แน่นอน ที่สำคัญคือเขาสามารถผ่านวังเบญจธาตุและสมรภูมิมรณะมาแล้ว
เขาวงกตเล็กน้อยนี้เหมือนกับของเล่นเด็ก
เป็นไปตามคาด เย่ว์หยางค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องซึ่งเจ้าเมืองหมอหลงใช้
เขาเรียกหุ่นหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมา พวกมันเริ่มแกะรอยตามกลิ่นที่เจ้าเมืองหมอหลงทิ้งเอาไว้ แม้ว่าเจ้าเมืองหมอหลงจะใช้ความสามารถพิเศษปกปิดกลิ่นไม่ให้ออกมาและปล่อยสัตว์เล็กๆ ที่มีกลิ่นแรงเพื่อล่อศัตรูใดๆ ให้เข้าใจผิด กลยุทธ์ทั้งหลายเหล่านี้ไม่ส่งผลต่อหนูเบญจธาตุค้นสมบัติ ความสามารถในการสะกดรอยตามของมันก็คือความสามารถในการรู้สึกของพวกมัน
ตราบใดที่เจ้าเมืองหมอหลงยังทิ้งพลังงานธรรมดาไว้ เขาคงไม่พยายามใช้หนูเบญจธาตุค้นสมบัติให้ตามหาเป็นแน่
หลังจากออกมาจากถ้ำเขาวงกตได้สำเร็จแล้ว พวกเขาลดเลี้ยวไปตามผนังภูเขาขนาดใหญ่
การเดินผ่านภูเขาหลายลูกทำให้พวกเขารู้สึกไม่ชัดเจน
ในที่สุดเมื่อเส้นทางค่อยๆ เปลี่ยนสภาพไป เซี่ยอีและเย่ว์หยางจึงมองเห็นแสง
ในที่ไกลลิบๆ ปรากฏมีแสงไฟขนาดเล็กมากฉายอยู่ข้างหน้า ทางออก.... เย่ว์หยางและเซี่ยอีรู้สึกดีใจ แม้ว่าพวกเขาจะปรับตัวเข้ากับความมืด แต่พวกเขาก็ยังต้องการแสงสว่าง การใช้เวลาเดินอยู่ในถ้ำเป็นเวลานานทำให้อารมณ์ของพวกเขาหม่นหมอง ที่สำคัญคือ พวกมนุษย์คุ้นเคยกับการใช้ชิวิตเหนือพื้นมากกว่า
เย่ว์หยางและเซี่ยอีเดินหน้าอย่างระมัดระวังก็พบว่าข้างหน้าใกล้กับทางออกมีถ้ำเหมือนรังผึ้งที่มนุษย์สร้างขึ้น
ทางออกนับไม่ถ้วนรวมกันอย่างแน่นขนัด เหมือนกับตาข่ายที่เรียงรายอยู่หน้าทางออกใหญ่ทั้งสองข้าง
เย่ว์หยางและเซี่ยอีซ่อนตัวเองอยู่ที่ทางออกที่เล็กกว่า
พวกเขาแอบมองทันที แล้วก็ต้องอ้างปากค้างด้วยความประหลาดใจกับโลกภายนอก
ทางออกเล็กที่ทั้งสองยืนอยู่ คือจุดหยุดพักสำหรับอสูรที่มีความสามารถบินได้ เบื้องล่างเป็นหุบเหวลึกมองไม่เห็นก้นเหว และข้างหน้า มีมังกรบินนับหมื่นกำลังบินอยู่ในทุกที่ มันส่งเสียงร้องเป็นบางครั้ง สร้างเสียงขึ้นๆ ลงๆ เป็นทำนองเพลงมังกรบิน มังกรบินบางส่วนที่บินจนเบื่อจะเข้าไปพักตรงทางออกที่ดูเหมือนรังผึ้งนั้น ส่วนตัวอื่นๆ จะนำอาหารที่มีเลือดหยดเข้ามาสู่งานเลี้ยง
ในที่ไกลออกไป มีภูเขาที่มียอดสูงเสียดเมฆ
ในทำนองเดียวกัน มีมังกรบินนับจำนวนไม่ถ้วนบินอยู่รอบๆ ยกเว้นแต่ตัวที่มีสี ร่างใหญ่โต, และมีระดับพลังสูงกว่า
“นี่คือ นี่คือหุบเขามังกรบินในตำนานแน่!” ท่าทีของเซี่ยอีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นางจ้องมองดูมือน้อยๆ ของนางกอดแขนเย่ว์หยางไว้แน่น “ข้าได้ยินมาว่ามีจ้าวมังกรบินผู้น่าหวาดหวั่นเหลือเชื่อ เขาน่ากลัวยิ่งกว่าจ้าวปีศาจจากแดนอเวจีเสียอีก ถ้าจ้าวมังกรบินออกไปจากหุบเขามังกรบินได้ อย่างนั้นทวีปกู่ฟงทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย! ข้าจำได้ เมื่อข้ายังเด็ก แม่ข้าบอกว่าจ้าวมังกรบินนั้นน่ากลัวมาก...” นางพูดเสียงสั่น
“แน่ใจนะว่าแม่เจ้าไม่ได้ขู่ขวัญให้เจ้ากลัว?” เย่ว์หยางไม่หาตัวจ้าวมังกรบินแน่ เนื่องจากเขาน่ากลัว
ถ้าจ้าวมังกรบินอยู่ในทวีปหอทงเทียน อย่างนั้นมันจะเป็นแค่อสูรปราณก่อกำเนิดระดับต่ำ
อสูรที่มีพลังน่ากลัวอย่างแท้จริง ไม่ใช่มังกรบิน แต่เป็นมังกรยักษ์
นอกจากนี้ เซี่ยอีอาจจะมีวัยเด็กที่ซุกซน ดังนั้นมารดาของนางจึงพูดเพื่อขู่ขวัญนางซึ่งส่งผลต่อจิตใจของนาง
ยิ่งไปกว่านั้น คนโดยทั่วไปจะประเมินพลังไม่ค่อยถูกต้อง สำหรับคนทั่วไป นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งก็ถือว่าทรงพลังมากแล้ว นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าและที่สูงกว่าเป็นระดับขององครักษ์พิทักษ์ฟ้าซึ่งมีความแข็งแกร่งมาก จ้าวปีศาจจะมีพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าเป็นอย่างน้อย ก็ทรงพลังมากเช่นกัน สำหรับคนทั่วไป ผู้ทรงพลังทั้งสามนี้ไม่ต่างกันมาก เพราะพวกเขามิอาจคาดคำนึงถึงได้ว่าจะสามารถต้านทานพวกเขาได้อย่างไร อย่างไรก็ตามสำหรับมุมมองของเย่ว์หยางเป็นเรื่องแตกต่าง นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง ฆ่าได้ในพริบตา นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับห้าและระดับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าเขาเอาชนะได้ง่ายๆ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า หรือระดับจ้าวปีศาจ ก็ยังไม่เพียงพอเป็นคู่ต่อสู้เขาได้
มารดาของเซี่ยอีดูเหมือนจะเป็นคนธรรมดาที่มีพลังไม่มาก
พูดให้ถูกก็คือนางยังไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างพลังของจ้าวมังกรบินและจ้าวปีศาจ รู้แต่เพียงว่าทั้งสองน่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ
ถ้าไม่ใช่เพราะความคงอยู่ของพลังที่เหมือนผนึกโบราณของกฎรหัสโบราณที่นี่ เย่ว์หยางคงไม่สนใจ
จ้าวมังกรบินเป็นยังไง?
พริบตาเดียวก็ฆ่าได้แล้วมิใช่หรือ?
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย ต่อให้เป็นตั๊กแตนมัจจุราชก็สามารถฆ่าจ้าวมังกรบินได้หลายคราแล้ว
ถ้าเย่ว์หยางปล่อยตั๊กแตนมัจจุราชออกมา มังกรบินหลายพันคงได้หวาดผวาพากันหนีหางจุกก้นแน่นอน
“ไม่, จ้าวมังกรบินน่ากลัวมาก มีรายงานว่ามันฆ่าคนในทวีปกู่ฟงไปนับไม่ถ้วน แม้แต่ผู้ทรงพลังที่สุดในทวีปกู่ฟงก็ยังถูกจ้าวมังกรบินสังหารตาย และตั้งแต่นั้นผู้ทรงพลังที่สุดในทวีปกู่ฟงก็ถูกกำจัด เราจึงไม่สามารถป้องกันการจู่โจมรุกรานของพวกปีศาจแดนอเวจีได้ และตกอยู่ภายใต้การปกครองของปีศาจ
“อย่ากลัวเลย ลองดูสถานการณ์ไปก่อน วางใจได้ มีข้าอยู่ทั้งคน” เย่ว์หยางสังเกตว่าเซี่ยอีกลัวจนปากซีดขาว เขารีบปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“....” ได้เขาปลอบโยน เซี่ยอีรู้สึกตัวว่าคลายใจมากขึ้น แต่มือของนางยังเกาะแขนเขาไว้แน่นไม่ยอมผ่อนคลาย
เย่ว์หยางสังเกตว่ามีจุดสองสามจุดที่อยู่ในระยะค่อนข้างไกล ดูเหมือนจะเป็นสิ่งผิดปกติในท่ามกลางฝูงมังกรบินทั้งหมด
เขาใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู เมื่อเห็นเข้าเขาถึงกับตกตะลึง
เป็นเพราะเขาเห็นรูปแบบชีวิตที่แปลกประหลาด รูปแบบชีวิตที่ไม่ใช่พวกที่อยู่ในกลุ่มที่มาจากหอทงเทียน หลังจากศึกแดนสวรรค์แล้ว ผู้เฒ่าหนานกงได้มอบหนังสือให้เขาเป็นของขวัญ หนังสือนั้นจดบันทึกโดยราชบัณฑิตจากยุคจักรพรรดิอวี้ บันทึกสิ่งมีชีวิตทั่วไปถึง 3600 ชนิดในแดนสวรรค์ และสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดอีก 108 ชนิด
จุดดำที่ไม่ธรรมดาข้างหน้านั้นคือหนึ่งใน 108 ชีวิตพิสดาร
มนุษย์มังกรแดนสวรรค์!
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์นี้คลายกับมนุษย์มาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาตัวสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ส่วนสูงโดยทั่วไปของพวกเขาประมาณสองเมตร และพวกเขามีปีกมังกรที่หดเก็บได้อยู่ด้านหลัง บุรุษจะหล่อเหลาสง่างามโดยเฉพาะ ขณะที่สตรีจะดูธรรมดา บางคนก็น่าเกลียด ตรงกันข้ามกับชีวิตในแดนสวรรค์อย่างสิ้นเชิง ปีศาจจากแดนสวรรค์ บุรุษของเผ่าปีศาจแดนสวรรค์จะน่าเกลียด ขณะที่สตรีจะมีเสน่ห์งดงาม
ระหว่างรบ มนุษย์มังกรแดนสวรรค์ส่วนใหญ่จะเป็นสตรีเป็นทัพหน้าจู่โจมศัตรู
บุรุษของเผ่ามังกรแดนสวรรค์ทุกคนจะมีตำแหน่งเป็นผู้ปกครองและบุรุษทุกคนจะครอบครองสตรีมากกว่าสิบคน
นอกจากสืบพันธุ์และปกป้องอำนาจตนเองแล้ว บุรุษของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ไม่รู้วิธีการรบ ซึ่งก็หมายความว่านอกจากหว่านเสน่ห์ให้สตรีแล้ว พวกเขาไม่รู้วิธีการต่อสู้เลย
บุรุษชาวมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ประเภทนี้ ได้รับสมญาว่าผู้นำที่เกียจคร้านที่สุดในแดนสวรรค์และลงท้ายก็ถูกเผ่าพันธุ์อื่นเยาะเย้ย ที่ผิดปกติมากที่สุดก็คือ บุรุษที่เกียจคร้านของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์กับปีศาจแดนสวรรค์ถูกจัดไว้ในหมวดสิ่งมีชีวิตที่น่าหงุดหงิดที่สุดร่วมกันกับบุรุษของเผ่าปีศาจแดนสวรรค์ที่ใช้ชีวิตในการทำสงครามและเพลิดเพลินกับการปล้นเผ่าพันธุ์อื่น
มีคำกล่าวว่า เผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจซึ่งไม่ควรมีอยู่เลยก็มีแต่เพียงเผ่ามังกรแดนสวรรค์ที่น่ารังเกียจกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ
เย่ว์หยางพบว่ายากจะทำความเข้าใจได้
ทำไมพวกปรสิตที่น่ารังเกียจของแดนสวรรค์อย่างมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ถึงได้มาอยู่ที่นี่? ใครผนึกเผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจนี้ไว้ในหุบเขามังกรบิน?
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสามารถเข้าใจได้ทันทีถึงสิ่งหนึ่งก็คือ ราชาเฮยอวี้ต้องการยืมพลังของมนุษย์มังกรแดนสวรรค์ มองในแง่ของคนธรรมดา ราชาเฮยอวี้เตรียมจะปล่อยให้ชนเผ่ามังกรแดนสวรรค์เป็นอิสระ แม้ว่าเจ้าเมืองหมอหลงจะเป็นผู้นำดินแดนปีศาจ แม้แต่คนตาบอดก็ยังมองออกว่าจอมบงการที่แท้จริงก็คือราชาเฮยอวี้ นอกจากนี้ เขาน่าจะเป็นบริวารของราชาเฮยอวี้ จงเหลยถิงซึ่งเป็นบริวารที่ปกครองทัพกลาง
หมอหลงไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาสมบัติ เขามาที่นี่เพื่อร่วมมือกับเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์
เย่ว์หยางชื่นชมกับโชคตัวเองที่เขาพบเจอเรื่องนี้ได้ทันเวลา
ถ้าไม่อย่างนั้น การปล่อยเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ให้หนีไปจากหุบเขามังกรบิน มีแต่จะสร้างความปวดหัวให้เท่านั้น พวกเขาคือปรสิตที่น่ากลัวที่สุด เป็นที่น่ารังเกียจโดยทั่วไป และเป็นสวะที่ชื่อเสียงอื้อฉาวอยู่ในแดนสวรรค์