ตอนที่ 22 พิสูจน์พลัง
ตอนที่ 22 พิสูจน์พลัง
ตอนนี้ในห้องเหลือแต่เรนและตำรวจของสถานีตำรวจวอริกที่ 8 แล้ว ผู้กองเชนปรับท่านั่งของตนเอง ก่อนจะเริ่มแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเรนอย่างจริงจัง
“เอาละ เขาออกไปแล้วทีนี้พูดได้หรือยัง” ผู้กองเชนใช้น้ำเสียงเชิงสอบสวน
เรนพยักหน้าเบา ๆ มือของเขายื่นไปด้านหน้า พริบตาต่อมาก็ปรากฏรูนิกลูกศรขึ้นมาในมือ
“นี่มันบ้าอะไร” เมฆตะโกนด้วยความตกใจ
“เขาทำได้ยังไง มันโผล่มาจากไหน” ลีตำรวจใหม่พูดออกมาด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
การปรากฏขึ้นมาของลูกศรทำให้ตำรวจทุกคนที่ดูอยู่ต่างพากันอึ้งไป พวกเขาจ้องไปที่รูนิกในมือของเรนด้วยความสงสัยใคร่รู้
เรนไม่สนใจเสียงฮือฮาจากพวกตำรวจรอบ ๆ
“พวกคุณรู้จักพวกที่เรียกว่าผู้ติดเชื้อแล้วใส่ไหม”
“นายเรียกมันว่าผู้ติดเชื้ออย่างนั้นเหรอ” ผู้กองเชนสนใจ
“ใช่ พวกมันมีชื่อแบบนั้น พวกมันคือผู้ติดเชื้อ ผมเจอมันอยู่สองแบบคือแบบที่พูดได้และแบบที่พูดไม่ได้ แบบที่พูดได้พวกมันจะแข็งแรงและฉลาดกว่าแบบที่พูดไม่ได้ แต่พวกที่พูดไม่ได้ก็มีความสามารถในการเรียกพวกผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ มา” เรนเริ่มอธิบายให้ฟัง
ทุกคนในนี้มีสีหน้าครุ่นคิดและก็พยักหน้าตามคำพูดของเรน พวกเขาก็เจอพวกมันมาเหมือนกัน แต่เรื่องการที่พวกมันเรียกพวกมาได้ นั้นถือเป็นข้อมูลใหม่
“พวกมันเรียกตัวอื่น ๆ ได้ไกลแค่ไหน” ผู้กองเชนถามขึ้นมา
เรนเงียบไป ก่อนจะตอบว่า “ไม่แน่ใจอาจจะในระยะ 500 เมตรหรืออาจจะ 1 กิโลเมตร แต่ผมคิดว่าน่าจะในระยะที่เสียงของพวกมันไปถึง”
ผู้กองเชนถามต่อว่า “แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนี้”
“พวกคุณเคยฆ่าพวกมันมาแล้วใช่ไหม ได้เจอเรื่องแปล ๆ อย่างมีบางสิ่งปรากฏขึ้นมาจากตัวของพวกมันไหม” เรนถาม
ผู้กองเชนและตำรวจนายอื่น ๆ ได้ยินก็มีสีหน้าที่จริง
“ดาบอิน ช่วยไปหยิบพวกมันออกมาหน่อย” ผู้กองเชนพูดกับดาบอิน
“เรื่องนี้เป็นความลับไม่ใช่เหรอผู้กอง” ดาบอินพูดขึ้นมา ดูเหมือนเขาไม่อยากเต็มใจจะเอาออกมา เพราะของพวกนั้นทุกคนตกลงกันว่าจะเอาไปขายและแบ่งเงินกันทีหลัง
“ไปเอามา” ผู้กองสั่งย้ำอีกครั้ง
ดาบอินตกลงและเดินไปเปิดตู้เซฟเอาเหรียญทองออกมา มันมีมากกว่า 30 เหรียญ แต่ไม่มีของอย่างอื่นอยู่เลย
‘ดูเหมือนดวงของพวกเขาจะไม่โชคดี’ เรนคิดในใจ ก่อนที่เขาจะเอาเหรียญทองออกมาจากแหวนพลัง
การปรากฏขึ้นมาของแหวนทำให้ทุกคนประหลาดใจ
“ผมก็เจอเรื่องคล้าย ๆ พวกคุณ ดังนั้นผมไม่ได้สนใจเหรียญทองของพวกคุณมากนักหรอก” เรนพอคาดเดาความคิดของคนพวกนี้ได้ เขาอธิบายต่อว่า “เหรียญพวกนี้ปรากฏขึ้นมาจากศพที่ตายของพวกผู้ติดเชื้อที่จริงมันมีของอย่างอื่นอยู่ด้วย มันคือสิ่งที่เรียกว่า หินรูนิกเปล่าและหินพลังงาน”
“หินรูนิกเปล่าใช้เพื่อสร้างอุปกรณ์รูนิกและหินพลังงานใช้เพื่อเป็นพลังในการสนับสนุนให้อุปกรณ์รูนิกสามารถใช้งานได้”
“ถ้าอย่างนั้น ลูกธนูที่อยู่ในมือนี้คือ อุปกรณ์รูนิก ถ้ามีหินรูนิกเปล่าและหินพลังงานก็สามารถสร้างรูนิกได้” ผู้กองเชนถาม
“เปล่า” เรนตอบจากนั้นก็ส่ายหัวเบา ๆ และพูดต่อว่า “มันต้องใช้อีกสิ่งหนึ่ง นั้นคือ แหวนพลัง มีแต่พวกทหารที่จะมีมัน”
เรนยกนิ้วที่มือให้กับผู้กองเชนดู ผู้กองเชนมองดูแหวนสีดำที่มีลักษณะโบราณและลึกลับที่นิ้วของเรน คนอื่น ๆ ก็สนใจเช่นกัน ถ้าพวกเขาเอาแหวนมาได้ก็จะใช้สิ่งที่เรียกว่ารูนิกได้
“นายต้องการอะไรแลกกับแหวนนั้น” ผู้กองเชนถาม
“ไม่ต้องการแลก เพราะมันแลกไม่ได้ เมื่อแหวนเลือกเจ้านายแล้วไม่สามารถเปลี่ยนได้ หรือจะพูดง่าย ๆ ก็เป็นของที่ใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดเจ้าของตายก็จะหายไปตลอดกาลเช่นกัน” เรนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
อันที่จริงเขาโกหก จากที่เขาสัมผัสกับแหวน แม้มันจะถอดออกจากนิ้วไม่ได้ในตอนนี้ แต่ถ้าตายแล้วก็ถอดออกมาได้แน่
และการที่เรนพูดแบบนี้ก็เพื่อไม่ให้พวกนี้ฆ่าเขาชิงแหวนก็เท่านั้น เรนเชื่อว่าคนฉลาดอย่างผู้กองเชนคงไม่ทำลายห่านทองคำแบบเขา
แน่นอนว่าเรนเผื่อแผนสำรองไว้อยู่ เพียงแต่เขาไม่อยากจะใช้มันก็เท่านั้น
ผู้กองเชนและตำรวจนายอื่น ๆ ตกอยู่ในความเงียบ พวกเขากำลังคิดว่าเรนพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
“พวกเราอยากจะได้แหวน แต่ว่าดูแล้วมันคงเป็นไปไม่ได้และนายก็ไม่ต้องหวงพวกเราเป็นตำรวจไม่ทำเรื่องแบบนั้นแน่นอน” ผู้กองเชนพูดด้วยท่าทีจริงจังและหันไปเตือนตำรวจนายอื่น ๆ โดยเฉพาะเมฆ
“ผมรู้อยู่แล้ว” เรนพูดด้วยแววตาสงบนิ่ง
“ด้วยความสามารถของนายฉันอยากจะชวนให้นายเข้าร่วมกับกองตำรวจของพวกเราด้วย” ผู้กองเชนเกริ่นนำ
เรนส่ายหัวเบาๆ เป็นการปฏิเสธ
“ผมจะอยู่ที่นี่แค่วันสองวันเท่านั้นและก็จะจากไป”
“ทำไมถึงรีบออกไปจากที่นี่” ผู้กองเชนถามอย่างสนใจ
“ก็แค่รู้สึกว่าที่สถานีก็ไม่ได้ปลอดภัยจริง ๆ อย่างแรกมันอยู่ใกล้เขตเมืองวอริกเกินไป ขนาดพวกรัฐบาลที่มีกำลังพลและอาวุธครบมือยังเลือกจะทิ้งเมืองและพื้นที่นี้ไปตั้งค่ายอพยพที่อื่น ผู้ติดเชื้อที่อาจจะออกมาจากเมืองวอริก ในเมืองวอริกมีประชาชนหลักล้าน ถ้าพวกมันจะหลงมาทางนี้สักพันหรือหมื่นตัวก็คงไม่แปลก พวกคุณคิดว่ารับมือไหวไหม” เรนถามผู้กองเชน
ผู้กองเชนนิ่งเงียบไปทันที ถ้าไม่กี่ตัวอาวุธของพวกเขาพอจะสู้ไหว แต่ถ้าเป็นพันเป็นหมื่นก็มีแต่ตายเท่านั้น ก่อนหน้านั้นผู้กองเชนไม่ได้คิดถึงเรื่องที่มีกลุ่มผู้ติดเชื้อจำนวนมากมาโจมตี
แต่พอได้ยินข้อมูลที่บอกว่าพวกผู้ติดเชื้อที่พูดไม่ได้สามารถเรียกให้ผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ มารวมกันโจมตีได้ ทำให้เขาต้องเริ่มคิดแล้วว่าถ้าเกิดที่สถานีตำรวจโดนโจมตีโดยผู้ติดเชื้อหลักพันหลักหมื่นจะทำยังไง
ผู้ติดเชื้อหลักพันเรนเคยเห็นมันที่สะพาน มันน่าสยองมาก แต่ผู้ติดเชื้อหลังหมื่นเรนเองจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง เพราะแค่ไม่กี่ร้อยก็เกือบจะฆ่าพวกเขาทั้งกลุ่มแล้ว
ผู้กองเชนได้ยินคำตอบของเรนก็พ่นลมหายใจอย่างเสียดายและจิตใจที่หนักอึ้ง
“เอาละตามที่ตกลงในเมื่อนายแบ่งปันข้อมูลนี้ ถ้าอย่างั้นฉันก็จะบอกเรื่องของค่ายทหาร ที่นั่นถูกเรียกว่า ‘ค่ายในหุบเขา’ ห่างจากนี้ไปไม่ไกลนัก แต่มันต้องผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่งก่อน”
“ค่ายในหุบเขา” เรนพึมพำ ถ้าจะมีที่ไหนที่พอมีเบาะแสของค่ายลี้ภัยที่รัฐบาลพวกนั้นจัดตั้งขึ้นมาก็คงมีแค่ค่ายนี้ที่จะให้คำตอบแก่เรนได้
“ช่วยวาดแผนที่ให้ผมได้ไหม” เรนพูดขึ้นมา
“ไม่จำเป็น อันที่จริงแล้วพวกเราอยากจะไปที่นั่นอยู่แล้ว” ผู้กองเชนตอบ
เรนเอียงคอถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงอยากจะไปที่นั่น หรือพวกคุณอยากจะได้แหวนจากที่นั่น บอกไว้ก่อนผมรู้แค่ว่าพวกทหารมีมัน แต่ไม่ได้บอกว่าทุกที่จะมีมัน”
“ไม่ใช่เรื่องแหวนพลัง พวกเราต้องการอาหาร” ผู้กองเชนตอบสั้น ๆ
“หมู่บ้านที่คุณบอกคงอันตรายสินะ” เรนพูดขึ้นมาและจ้องไปที่ผู้กองเชน ถ้าไม่อันตรายผู้กองเชนคงไม่คิดให้เขาไปด้วย
“เป็นหมู่บ้านใหญ่ที่มีประชากรอยู่ประมาณ 100 หลังคาเรือน แต่ขาดการติดต่อไปทั้งหมู่บ้าน” ผู้กองเชนพูดขึ้น เขาเดาว่าที่ค่ายทหารก็อาจจะไม่ต่างกัน
เรนเงียบไป เพราะรู้ว่ามันต้องอันตรายแบบสุด ๆ
“ผมจะได้อะไร” เรนถามขึ้นมา ทำให้สีหน้าของตำรวจทั้งหมดประหลาดใจ
“นายต้องการเบาะแสไม่ใช่เหรอ” ผู้กองเชนถาม
“ใช่ แต่ถ้าไปลุยกับผู้ติดเชื้อเป็นพัน ๆ ผมเลือกจะไปที่อื่นจะดีซะกว่ารีบไปตายที่นั่น” เรนตอบไป
“บัดซบ มึงนะเผาอาหารในร้านสะดวกซื้อที่เต็มไปด้วยอาหารจนหมด แล้วยังจะมาเรียกร้องอีกอย่างนั้นเหรอ ไอ้เชี่ยนี่แทนที่จะรับผิดชอบไปช่วยพวกเราขนอาหารที่ค่ายมา” เมฆเริ่มโวยวาย
“แล้วยังไง ต่อให้ไม่เผาก็ไม่มีใครเข้าไปเอาอาหารพวกนั้นได้หรอก หรือนายคิดว่าจะยิงผู้ติดเชื้อเป็นร้อย ๆ คนและเดินไปหยิบเอาแซนด์วิชเดินออกมากินโดยไม่ตายอย่างนั้นเหรอ” เรนหันไปพูดด้วยแววตาเย็นชา
เมฆตาขวางใส่เรนในทันที มันทำท่าจะลุกขึ้นมาจากโซฟา เพื่อสั่งสอนเรน
“พอได้แล้ว!” ผู้กองเชนตวาดเสียงดัง ทำให้เมฆต้องหยุดทันที
เดฟก็จับไหล่ของเมฆและดึงตัวเขากลับมานั่ง ซึ่งเมฆไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ที่นี่ผู้กองเชนคุมเขาทำอะไรไม่ได้
ผู้กองเชนส่งสายตาตำหนิไปที่เมฆ ก่อนจะหันไปพูดกับเรนว่า “บอกความต้องการมา อยากได้อะไรถึงจะไปกับพวกเรา”
“ปืนพก 3 กระบอกกระสุน 6 กล่อง ปืนลูกซอง 2 กระบอกกระสุน 10 กล่อง” เรนบอกความต้องการของตนเองไปตรง ๆ
“มากไป ปืนพกได้แค่ 1 กระบอก กระสุน 4 กล่อง ปืนลูกซอง 1 กระบอก ส่วนกระสุน 6 กล่องไม่มีปัญหา” ผู้กองเรนเสนอขึ้นมาใหม่
“ตกลง” เรนตอบตกลงในทันที
แต่ตอนนั้นก็มีเสียงพูดขัดขึ้นมา เป็นดาบอินนั้นเอง
“ผู้กอง เขาควรจะแสดงพลังของตัวเองก่อนหรือเปล่า ต่อให้เขาจะเป็นคนที่รอดมาจากผู้ติดเชื้อจนมาถึงที่นี่ แต่ก็ไม่มีใครในกลุ่มพวกเราที่เห็นการลงมือจริง ๆ ของเขาเลย” ดาบอินพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยต่อเรน
ซึ่งทำให้คุณอื่นเริ่มคิดตามว่ามันก็จริงที่พวกเขาไม่เคยเห็นฝีมือของเรนจริง ๆ และไอ้สิ่งที่เรียกว่ารูนิกก็เหมือนกับของธรรมดาไม่ใช่หรือยังไง
ผู้กองเชนหันไปมองหน้าเรน
เรนเห็นดังนั้นก็ยกมือขึ้น วินาทีต่อมารูนิกคันศรก็ปรากฏขึ้นมาที่มือของเรน เรนใช้รูนิกลูกศรที่ถืออยู่อีกมือใส่เข้าไปที่สายธนูและยิงใส่ตู้เซฟที่ดาบอินเคยเอาพวกเหรียญทองออกมา
ฟุบ!
รูนิกลูกศรยิงทะลุตู้เซฟ มันปักคาอยู่อย่างนั้นภายใต้สายตาตื่นตะลึงของคนรอบ ๆ
ตู้เซฟทำมาจากเหล็กกล้า แม้แต่กระสุน .45 ก็ยังยิงไม่เข้า แต่ตู้เซฟกลับโดนลูกศรยิงทะลุง่าย ๆ แบบนี้แต่นั่นยังไม่หมด วินาทีต่อมารูนิกลูกศรก็กลับไปหาเรนและหายไปอย่างน่าอัศจรรย์
ทำให้ตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่าเรนมีอาวุธที่ยิงได้ไม่จำกัดและอานุภาพก็ไม่ได้ธรรมดาอยู่กับตัว
“นี่เพียงพอไหม” เรนหันไปถามดาบอิน
“พอ เพียงพอแล้ว” ดาบอินตอบเสียงตะกุกตะกัก
“ดูเหมือนพวกเราจะประเมินพลังของมันต่ำไปจริง ๆ” จ่าวัฒน์ขมวดคิ้วพูดขึ้นมา
คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย และการแสดงของเรนก็ทำให้ทุกคนอยากจะได้แหวนพลังขึ้นมาเพื่อสร้างอุปกรณ์รูนิกขึ้นมา พวกเขารู้ว่าต่อไปพลังวิเศษนี้จะเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าใครได้ครองมันก็คงมีโอกาสรอดมากขึ้น
เรนมองเห็นในแววตาของพวกเขาทุกคน ถึงความหวัง ความโลภและอื่น ๆ ผสมกันไป แต่เรนไม่ได้บอกเรื่องหนึ่งแก่พวกเขา
โลกนี้ไม่ยุติธรรม มันไม่ใช่ทุกคนจะเป็นผู้ใช้วงแหวนได้