ตอนที่ 17-56 เคล็ดชีวิต
เดเลียอยู่ข้างเวด แต่นางสังเกตว่าลินลี่ย์ไม่ขยับแม้แต่น้อย แม้แต่ดวงตาของเขาก็ยังปิด “เกิดอะไรขึ้นกับลินลี่ย์? เป็นไปได้ว่า...” เมื่อเห็นสภาพลินลี่ย์เช่นนั้น เดเลียย่อมสงสัยเป็นธรรมดา
ว่า..เขาได้รู้แจ้งกะทันหันและบรรลุผ่านระดับพลังใหม่!
ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ขณะนี้เองลินลี่ย์ก้าวผ่านจุดเริ่มต้นของการได้รับความรู้ความเข้าใจเคล็ดลึกลับชีวิต การฝึกฝนในเคล็ดลึกลับมักจะมีอุปสรรคขัดขวางอยู่สองช่วง ช่วงแรกก็คือขณะเข้าสู่เกณฑ์เริ่มต้น ขณะที่อีกช่วงหนึ่งก็คือคอขวดก่อนเป็นผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่าอาจจะมีความยากลำบากให้เผชิญขณะกำลังฝึก แต่ตราบใดที่ผู้ฝึกมีความมานะบากบั่น เขาจะสามารถเอาชนะผ่านอุปสรรคไปได้
แต่เกณฑ์การเริ่มต้นกับคอขวดของการฝึกฝนก่อนบรรลุไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยความพยายาม จำเป็นต้องมีพรสวรรค์ โชคและการรู้แจ้งฉับพลัน
เมื่อเวลาแห่งการรู้แจ้งฉับพลันมาถึง ความเร็วที่ผู้ฝึกฝนได้รับความเข้าใจจะเร็วอย่างน่าทึ่ง ทำให้ผู้ฝึกฝนมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามช่วงเวลาต่อมาความเร็วที่ลินลี่ย์ได้รับความรู้ความเข้าใจจะเริ่มช้าลง ที่สำคัญขณะแห่งการรู้แจ้งจะทำให้ผู้ฝึกได้รับความเข้าใจส่วนหนึ่ง สำหรับส่วนที่เหลือจำเป็นต้องฝึกฝน
ลินลี่ย์ลืมตาและขณะนั้นเขาเห็นเดเลียพอดี
“เจ้าบรรลุระดับใหม่อีกหรือ?” เดเลียพูดเบาๆ
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “ในที่สุดข้าก็ผ่านเกณฑ์ความรู้เข้าใจเบื้องต้นของเคล็ดลึกลับชีวิต..และแน่นอนว่าเคล็ดความรู้ลึกลับนี้ไม่ใช่งานง่าย ข้าต้องพบเจอประสบการณ์หลายอย่างก่อน และมีความเปลี่ยนแปลงในใจทั้งหมดของข้า.. หลังจากที่หลายอย่างเป็นเช่นนั้น ข้าจึงจะสามารถเข้าอย่างฉับพลันและได้รับความรู้แจ้ง”
เดเลียอดยิ้มเต็มหน้าไม่ได้
“ลินลี่ย์! เจ้าบอกว่าหลังจากกลายเป็นเทพชั้นสูง การหลอมรวมเคล็ดลึกลับจะเป็นเรื่องยากขึ้น?” เดเลียอดถามไม่ได้
เมื่อหลอมรวมเคล็ดลึกลับ ระดับความยากจะลดน้อยลงถ้าผู้ฝึกหลอมรวมขณะที่ได้รับความรู้แจ้ง เป็นเหมือนกับไม้ใหญ่ที่คดงอ เมื่อยังเป็นไม้อ่อน ถ้ายังคงเติบโตและคดงอจนกระทั่งเป็นต้นไม้ใหญ่ ก็จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่คดงอในที่สุด แต่ถ้าท่านมีต้นไม้ตรงแต่เริ่มเติบโต การจะทำให้ต้นไม้คดงอหลังเติบโตแล้ว ก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน
“การหลอมรวมยิ่งยากมากกว่าเมื่อได้รับการรู้แจ้งเคล็ดความรู้ลึกลับ” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ “มิฉะนั้นคงจะไม่มีพารากอนเพียงน้อยนิด แม้เวลาจะผ่านไปนานนับปีไม่ถ้วน”
“ยิ่งผู้ฝึกฝนมีความก้าวหน้า การหลอมรวมเคล็ดก็มีความยากมากขึ้น” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ดูแต่ข้าเถอะ ข้ใช้เวลาไม่ถึงพันปีหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้สามเคล็ด แต่การหลอมรวมเคล็ดที่สี่..แม้จะผ่านไปหกร้อยปี ข้าก็แค่หลอมรวมเคล็ดลึกลับพลังธาตุเข้ากับเคล็ดชีพจรโลกเท่านั้น ข้ายังไม่มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย”
เขาไม่มีความก้าวหน้า แล้วเขาจะยอมเสียเวลาต่อไปอีกหรือ?
เกี่ยวกับประวัติความก้าวหน้าของคนอื่น แม้อัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับที่สี่ภายในหมื่นปีได้
“นอกจากนี้ เมื่อข้ากลายเป็นเทพชั้นสูง พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นอีกสิบเท่า” ลินลี่ย์พูดอย่างมั่นใจ “ถึงตอนนั้น ต่อให้ข้าเผชิญพบเจอเทพอสูร อย่างน้อยข้าก็เอาชีวิตรอดได้”
เมื่อวิญญาณของเขามีความก้าวหน้าไปเป็นระดับเทพชั้นสูง เขาก็สามารถดูดกลืนอะเมทิสต์มากมายจนพลังถึงระดับสุดยอดขั้นใหม่
นอกจากนี้ สนามพลังศิลาดำของลินลี่ย์ก่อนนั้นเป็นพลังเทพธาตุดินระดับเทพแท้ เมื่อเขากลายเป็นเทพชั้นสูง เขาจะสามารถใช้พลังเทพธาตุดินชั้นสูงได้ พลังของสนามพลังศิลาดำจะต้องเพิ่มขึ้นมากอีกครั้งแน่!
เมื่อแม่ทัพนรกรีสเจมใช้สนามพลังดึงดูดของเขา เขาใช้พลังเทพธาตุดินระดับสูง
เมื่อลินลี่ย์กลายเป็นเทพชั้นสูง วิชาปั่นป่วนวิญญาณของสนามพลังศิลาดำจะแข็งแกร่งขึ้นอีกสิบเท่า! แรงดึงดูดจะเพิ่มขึ้นในระดับใหม่ที่น่ากลัว และจากนั้นแม้แต่อสูรเจ็ดดาวก็ยากจะเคลื่อนไหวภายในสนามพลังศิลาดำได้อย่างอิสระ
ถึงตอนนั้น...
สนามพลังศิลาดำของลินลี่ย์จะไม่ห่างจากของแม่ทัพนรกรีสเจม
“นอกจากนี้ หลังจากข้ากลายเป็นเทพชั้นสูงข้ายังหวังว่าจะสามารถซ่อมแหวนมังกรขนดได้” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “แม้ว่าพลังวิญญาณจะสามารถซ่อมได้ แต่นี่เป็นสมบัติมหาเทพประเภทปกป้องวิญญาณ พลังวิญญาณในปัจจุบันของข้ายังอ่อนแอเกินไป เมื่อข้ากลายเป็นเทพชั้นสูง ข้าก็สามารถอาศัยอะเมทิสต์เสริมพลังวิญญาณจนถึงขอบเขตพลังของเทพชั้นสูง แม้ว่าข้ายังไม่สามารถซ่อมแซมได้อย่างสมบูรณ์ แต่ข้าน่าจะสามารถฟื้นฟูพลังบางอย่างได้”
ถ้าคนเราโลภเกินไป ก็ไม่ต่างอะไรกับงูเหลือมที่พยายามกลืนกินช้าง ผลที่ตามมาย่อมชัดเจน
ปัจจุบันนี้ ทันทีที่ลินลี่ย์บรรลุกลายเป็นเทพชั้นสูง พลังของเขาจะน่ากลัว ดังนั้นดีที่สุดสำหรับเขาคือกลายเป็นเทพชั้นสูงให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
เวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนสายน้ำเงียบกริบไร้สำเนียง ลินลี่ย์ฝึกฝนอยู่เงียบๆ ภายในหุบเขาก้าวหน้าไปทีละก้าวอย่างช้าๆ สำหรับเวดนั้นเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่เช่นกัน เมื่อเหตุการณ์ร้อยปีที่ผ่านมาเวดผ่านพิธีชุบตัวของบรรพบุรุษและกลายเป็นเทียมเทพกฎธาตุน้ำ
“พลังของเวดยังอ่อนมาก ในแดนนรก พลังของเทียมเทพไม่เพียงพอสำหรับการเที่ยวเดินทาง” แม้ว่าลินลี่ย์ต้องการจะให้เวดมีประสบการณ์ได้พบกับอุปสรรคและความยากลำบากบ้าง แต่เขาไม่ต้องการให้เวดเอาชีวิตไปทิ้ง
เวดยังคงรั้งอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์ตามปกติ ฝึกฝีมือกับเทียมเทพคนอื่น
ผ่านไปนานกว่าร้อยปีนับแต่ฟอร์ลันถูกประหาร อย่างไรก็ตามสมาชิกระดับสูงของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์รู้สึกมีแรงกดดันมหาศาล! นี่เป็นเพราะศัตรูแปดตระกูลใหญ่ยิ่งเพิ่มความโหดอำมหิตมาก ขณะที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์สูญเสียผู้อาวุโสมากขึ้น
ที่พักของประมุขกัซลีสัน
“ท่านประมุข!” การ์วีย์พูดอย่างแตกตื่น “เราจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ดำเนินต่อไปอีกไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกพันปี เผ่ามังกรฟ้าของเราอาจจะไม่มีอสูรเจ็ดดาวเหลืออยู่อีกเลย!”
กัซลีสันหันหลังให้เขา และเขายังเงียบอยู่
“ท่านประมุข” การ์วีย์เรียกอย่างแตกตื่น
“อย่างนั้นเจ้าบอกข้าที เราควรจะทำอย่างไร?” กัซลีสันพูดเสียงทุ้ม
การ์วีย์ลังเลเล็กน้อย จากนั้นกัดฟันพูด “ท่านประมุข, โปรดสั่งให้ถอนกองกำลังของเรากลับมาเถอะ ลืมเรื่องกองกำลังของแปดตระกูลใหญ่เหล่านั้นและหน่วยลาดตระเวนที่ยโสโอหังของพวกเขา... เราควรจะอยู่เงียบๆ ในเทือกเขาสกายไรท์และสั่งสมกำลังของเรา!”
กัซลีสันเงียบ
ในอดีต ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์รุ่งเรืองขนาดไหน? ชื่อเสียงของพวกเขาระบือไกลไปตลอดพิภพชั้นสูงและโลกธาตุศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีแม้แต่ตระกูลเดียวที่กล้าดูถูกพวกเขา และชีวิตของประมุขตระกูลของตระกูลธรรมดาก็ยังไม่อาจเทียบได้กับชีวิตของสมาชิกธรรมดาของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
ความรุ่งเรืองของตระกูลถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
เป็นเวลาหลายปีนานนับไม่ถ้วน แม้ว่าลูกหลานของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อาจต้องตาย พวกเขาจะไม่มีวันก้มหัวให้คนอื่น นี่เป็นเพราะลูกหลานเหล่านี้ล้วนเข้าใจว่า ต่อให้พวกเขาตายไป ตระกูลจะล้างแค้นให้พวกเขา! ลูกหลานของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีความภูมิใจและหยิ่งในศักดิ์ศรี!
“จะให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเรายอมก้มหัวน่ะหรือ? หดหัวเหมือนเต่าอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์ไม่ยอมออกไปน่ะหรือ?” กัซลีสันพูดเสียทุ้ม “การ์วีย์, เจ้ารู้ไหมว่าคนในโลกภายนอกพูดถึงเราว่ายังไง? พวกเขาจะพูดว่า....ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกแปดตระกูลใหญ่เล่นงานอย่างหนักจนต้องหดหัวเป็นเต่าในกระดองไม่กล้าโผล่หัวออกมา และว่าเราเป็นกลุ่มคนขี้ขลาด! ข้ามั่นใจแน่นอนว่านี่คือวิธีที่แปดตระกูลใหญ่ใช้สร้างเรื่องราวออกมา และพวกเขาจะกระจายข่าวไปทั่วแดนนรก และสี่พิภพชั้นสูงที่เหลือด้วยเช่นกัน
สำหรับคนธรรมดา วิธีคิดของกัซลีสันคงน่าหัวเราะ
นั่นเป็นเพราะคนธรรมดาไม่เคยอยู่ในตำแหน่งระดับสูงอย่างที่กัซลีสันมี แม้แต่ในพิภพโลกธาตุ คนธรรมดาก็ยังยินดีเสียสละชีวิตพวกเขาเพื่อความรุ่งเรืองของเผ่าตระกูล พวกเทพมีอายุขัยเป็นอมตะ สำหรับพวกเขาความรุ่งเรืองศักดิ์ศรีของเผ่าตระกูลพวกเขาสำคัญยิ่งกว่า!
“การ์วีย์! ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อนเถอะ” กัซลีสันถอนหายใจ
“ท่านประมุข” การ์วีย์อดแตกตื่นมิได้
“ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้ว!”
กัซลีสันแค่นเสียง การ์วีย์ตะลึงไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องเดินออกมาพร้อมกับถอนหายใจ ในห้องโถงใหญ่ เหลืออยู่แต่เพียงกัซลีสัน ใบหน้าของเขาขมวดเต็มไปด้วยรอยย่น จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดขุ่นมัว
เขาไม่เคยคาดคิดว่าบรรพบุรุษที่เป็นดุจบรรพตที่มั่นคงของตระกูลพวกเขาจะตายกันทั้งหมด
ด้วยความตายของบรรพบุรุษ แรงกดดันทั้งหมดในตอนนี้ถาโถมใส่ตระกูล
ภายในหุบเขา
ลินลี่ย์ เดเลีย เวดกำลังรับประทานอยู่ด้วยกัน แต่แน่นอนว่าตอนนี้เวดเป็นหนุ่มหล่อสูงกว่าลินลี่ย์เล็กน้อย แต่ค่อนข้างผอมกว่าลินลี่ย์
“ลินลี่ย์!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
ลินลี่ย์เงยหน้ามองเห็นร่างของการ์วีย์ปรากฏกลางอากาศกำลังลอยตัวลงมา เมื่อเห็นครอบครัวของลินลี่ย์กำลังรับประทานกันอย่างมีความสุข การ์วีย์ถอนหายใจ “ลินลี่ย์! ชีวิตของเจ้าเป็นอิสระ ปลอดกังวลจริงๆ”
“เชิญนั่ง” ลินลี่ย์ชี้ข้างหน้าเขา “อะไรกัน, ท่านกำลังผิดหวังเรื่องอะไรของตระกูลอยู่หรือ?”
“ใช่แล้ว!” การ์วีย์นั่งลง
“ลุงการ์วีย์” เวดร้องทัก
การ์วีย์หัวเราะและพยักหน้าให้ “เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ ลินลี่ย์ ข้ายังจำได้ถึงเมื่อร้อยปีที่ผ่านมา เจ้ายังอุ้มเวดและเดเลียรีบกลับมา นั่นเป็นเหตุการณ์ใหญ่จริงๆ”
ลินลี่ย์หัวเราะพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านการ์วีย์ เกิดอะไรขึ้นในตระกูลหรือ?”
เมื่อได้ยินหัวข้อเช่นนี้ การ์วีย์พูดอย่างขมขื่นใจ “ก็วันนี้น่ะสิ ผู้อาวุโสอีกคนของตระกูลเราสูญเสียร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของเขาไป! ตอนนี้...เผ่ามังกรฟ้าของเรา รวมทั้งลินลี่ย์เจ้าด้วยมีผู้อาวุโสที่ยังมีพลังระดับอสูรเจ็ดดาวเพียงสิบเจ็ดคนเท่านั้น”
“สิบเจ็ดคน?” ลินลี่ย์ตะลึง
เขาจำได้ว่าเมื่อตอนที่เขาเข้ารับตำแหน่งผู้อาวุโส เผ่าตระกูลมีผู้อาวุโสมากกว่าสามสิบคน แต่ตอนนี้ เหลืออยู่เพียงสิบเจ็ดคน
“หลังจากข้าทราบเรื่องนี้แล้ว ข้าคิดอยู่เป็นเวลานาน จากนั้นจึงไปพบกับท่านประมุขเผ่า ข้าแนะนำประมุขเผ่าว่าเขาควรจะสั่งผู้อาวุโสไม่ให้ออกไปต่อสู้อีกต่อไป และว่าเราควรจะกลับมาในเทือกเขาสกายไรท์กันทั้งหมด” เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสการ์วีย์ทุกข์ใจกับการเสนอความคิดเช่นนี้
ที่สำคัญเขาให้ความสำคัญต่อความรุ่งเรืองของเผ่ามากเช่นกันไม่ใช่หรือ?
“ท่านประมุขว่ายังไง?” ลินลี่ย์ถาม
“เขาไม่เห็นด้วย” การ์วีย์เงยหน้า ยกแก้วเหล้าดื่มอึกใหญ่ “ทุกสิบปี บางครั้งก็ทุกสองสามปี ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะสูญเสียผู้อาวุโสเพิ่ม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ในอีกไม่กี่ร้อยปี ผู้อาวุโสของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะเหลืออยู่สักกี่คน?”
ลินลี่ย์รู้สึกจนใจเช่นกัน
ในสงครามของเผ่าตระกูลแบบนี้ พลังส่วนบุคคลย่อมไม่เพียงพอ
“พอแค่นั้นแหละ มาดื่มกันเถอะ” การ์วีย์ยกแก้วเหล้า
“ดื่ม” ลินลี่ย์ตอบ
เดเลียกับเวดลุกจากโต๊ะและปล่อยให้ลินลี่ย์กับการ์วีย์ได้คุยและดื่มกัน
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์เงยหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้ม “ในที่สุดเขาก็กลับมา”
“พี่ใหญ่!” มีเงาร่างหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้า มีหมวกฟางสวมอยู่บนศีรษะของเขา เป็นบีบี ตั้งแต่เขาออกไปกับเบรุต บีบีไม่ได้กลับมาแม้แต่ครั้งเดียวในช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืน
“พี่ใหญ่, ข้าคิดถึงท่านแทบแย่แล้ว” บีบีวิ่งเข้ามากอดลินลี่ย์
ลินลี่ย์กับบีบีสนิทกันมากเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆ หลังจากไม่เห็นบีบีมานาน เขารู้สึกมีความสุขเป็นธรรมดา
“บีบี! ไม่ได้พบกันนานเลยนะ” การ์วีย์ทักทายเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์เกือบร้อยปีที่แล้ว เหล่าผู้อาวุโสของเทือกเขาสกายไรท์ทุกคนได้รู้ว่าบีบีเป็นหลานชายของเจ้าแคว้นอินดิโก
“ผู้อาวุโสการ์วีย์” บีบีทักทายเช่นกัน
“ผ่านมาร้อยปี เจ้าไปทำอะไรมาบ้าง?” ลินลี่ย์หัวเราะขณะพูดคุย บีบีลูบจมูกจากนั้นหัวเราะอย่างเขินอาย “ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ข้าเที่ยวไปทั่วแคว้นอินดิโกและไปเยี่ยมเยือนพื้นที่ลับ แคว้นอินดิโกใหญ่โตมากจริงๆ ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ข้าไปเยี่ยมชมได้บางส่วนเท่านั้น”
“โอว, งั้นทำไมเจ้าไม่เที่ยวต่อเล่า?” ลินลี่ย์กล่าว
บีบีเม้มริมฝีปากพูดอย่างคนเอาแต่ใจ “ก็ข้าเบื่อ ไม่อยากเที่ยวต่อเท่านั้นเอง” แต่แม้ว่าเขาจะทำท่าเหมือนกับไม่ใส่ใจอะไร ลินลีย์ก็รู้สึกถึงอารมณ์เดียวดายของบีบีได้
ขณะนี้เอง เดเลียและเวดรีบเดินเข้ามาหาแต่ไกล เดเลียหัวเราะและทักแต่ไกล “บีบีไม่ได้เจอกันนานเลยนะตั้งแต่เจ้าจากไป ดูคนที่อยู่ข้างข้าเถอะ เจ้ารู้จักเขาไหม?”
“คนที่อยู่ข้างเจ้าน่ะหรือ?” บีบีตะลึง
“เวดไงเล่า” เดเลียหัวเราะ “ตอนนี้จำได้หรือยัง?”
“อ๋า? เจ้าตัวเล็กนั่นน่ะเหรอ?!” บีบีเริ่มหัวเราะ
ลินลี่ย์มองดูบีบีเริ่มคุยกับเวดอย่างเป็นกันเอง แต่สามารถรู้สึกได้ถึงความรู้สึกในใจของบีบี...
“บีบีว้าเหว่เกินไป! เมื่อเรื่องราวในตระกูลคลี่คลายแล้ว ข้าจะร่วมเดินทางกับบีบีไปทวีปเจดโฟลท ไปตามหานินนี่”
แคว้นโคลด์คาล์ม ทวีปเจดโฟลท เมืองเบย์เฟย์
ถนนใหญ่ของเมืองเบย์เฟย์ หนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีเดินเคียงคู่กัน
“นินนี่! ข้าตั้งใจพาเจ้าออกมาเดินเล่นเชียวนะ ยิ้มหน่อยไม่ได้หรือไง?” บุรุษและสตรีก็คือซาโลมอนกับนีซน้องสาวของเขา ตั้งแต่เหตุการณ์ในเทือกเขาภูเขาไฟ นีซเชื่อว่าบีบีตายแล้วหลังจากเขากระโดดลงไปในบ่อแมกม่าทอง
ความตายของบีบีส่งผลกระทบต่อนีซอย่างรุนแรง
ทั้งยังทำให้ทัศนคตินางที่มีต่อพี่ชายเปลี่ยนไป
“ก็ได้” นีซแค่ตอบรับคำเดียว
คนสัญจรไปมาบนถนนต่างพูดคุยกันและกัน
“ผลึกบันทึกนี้น่าตื่นเต้นจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นสุดยอดฝีมือสู้กันอย่างนั้นมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โอว.. มีอสูรเจ็ดดาวมากกว่าสิบคน และในหกคนนั้นใช้พลังมหาเทพ และผู้อาวุโสเผ่ามังกรฟ้าที่ชื่อลินลี่ย์ฆ่าอสูรเจ็ดดาวถึงห้าคนด้วยน้ำมือตนเอง น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ปีนั้นเมื่อลินลี่ย์ลำบากจากการผนึกพลังโจมตีของแปดผู้อาวุโส มีหลายคนบันทึกการต่อสู้นั้นไว้ในผลึกบันทึก และบันทึกการต่อสู้ที่ดุเดือดนั้นแพร่ขยายไปในวงกว้างเป็นธรรมดา ตั้งแต่นั้นชื่อของลินลี่ย์ที่ได้รับการยืนยันแล้ว จึงแพร่กระจายไปเพราะการรบครั้งนั้น
ในช่วงผ่านมาร้อยปี ในที่สุดก็แพร่กระจายจากทวีปบลัดริจมาถึงทวีปเจดโฟลท
เมื่อได้ยินคำสนทนานี้ ทั้งซาโลมอนและนีซตกตะลึงทั้งคู่
“ลินลี่ย์?” นีซตกตะลึง นางมักเชื่อว่าลินลี่ย์และบีบีตายแล้วทั้งคู่ “ใครบางคนที่ชื่อเหมือนกันหรือเปล่า?”
“ลินลี่ย์? หกคนที่ใช้พลังมหาเทพ?” ซาโลมอนตะลึงเช่นกัน