ตอนที่ 17-55 เล่ห์เหลี่ยมของเบรุต
เป็นฟอร์ลันที่เป็นคนปล่อยข้อมูลออกไป เรื่องนี้สร้างความตกใจให้กับคนหลายคน แต่การลงมือกะทันหันของประธานผู้อาวุโสผู้ดำเนินการประหารชีวิตด้วยตนเอง.. นี่ทำให้ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบอย่างสิ้นเชิง
“ข้าไม่คาดเลยว่าจะเป็นเขาจริงๆ!” เสียงถอนหายใจต่ำยาวดังขึ้นในห้องโถงใหญ่
คนพูดคือกัซลีสัน เวลานี้ลินลี่ย์มองดูประธานผู้อาวุโสอย่างระมัดระวัง “ประธานผู้อาวุโสดำเนินการประหารชีวิตลูกชายด้วยตนเองจริงๆ!” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“พี่ใหญ่! ฟอร์ลันถูกลงโทษตามกฎของเผ่าไปแล้ว! ประธานผู้อาวุโสกล่าวด้วยความสงบเยือกเย็น”เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว บัดนี้ข้าขอตัวไปก่อน”
“เอาล่ะ เจ้ากลับไปพักเถอะ” กัซลีสันเข้าใจว่าน้องสาวของเขารู้สึกแย่มากในตอนนี้
“รอเดี๋ยว” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
ประธานผู้อาวุโสกำลังจะเดินออกไป แต่ตอนนี้นางชะงักเท้าหันมาจ้องดูเบรุตที่ยังนั่งอยู่ นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา “ท่านเจ้าแคว้น ท่านยังต้องการอะไรอีก?” แม้ว่าเสียงของนางจะสงบราบเรียบ แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ภายใต้ความสงบ!
บุตรของนางตายไปแล้ว แต่เบรุตก็ยังไม่หยุดอีกหรือ?
ลินลี่ย์อดมองไปทางเบรุตที่ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าไม่ได้ เบรุตกล่าว “ตามกฎของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ คนที่ทรยศตระกูลร่างทุกร่างและร่างแยกจะต้องถูกทำลาย ใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ประธานผู้อาวุโสเชิดคางมองดูเบรุต “ท่านเจ้าแคว้น! ทำไมท่านถามอย่างนี้?”
“ข้าอยากถามง่ายๆ ฟอร์ลันมีร่างแยกอยู่เท่าใด?” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น
ประธานผู้อาวุโสเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หน้ากากที่ปิดบังใบหน้านางทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นสีหน้าของนาง แต่ลินลี่ย์มองเห็นได้ว่าทั้งร่างของนางสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางโกรธมากจริงๆ
“รวมทั้งร่างหลักของเขามีสามร่าง” ประธานผู้อาวุโสพูดเสียงเบา “อย่างไรก็ตามร่างเดิมของลูกข้ายังเป็นแค่ระดับเซียนเท่านั้น ดังนั้นเมื่อข้าฆ่าเขาจึงมีแค่ประกายเทพแค่สองชิ้น ท่านเจ้าแคว้นข้าสงสัยว่าคำตอบของข้าทำให้ท่านพอใจหรือไม่?”
“น้องหญิง” กัซลีสันเตือนนางเบาๆ
คำพูดและความคิดของประธานผู้อาวุโสแสดงความเป็นปฏิปักษ์อย่างเห็นได้ชัด
เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไร นางเพิ่งฆ่าลูกชายนางด้วยมือตนเอง ข้าเข้าใจถึงสาเหตุที่นางอารมณ์ไม่ดี แต่ไกอา ข้าหวังว่าเจ้าคงจำได้นะว่าบุตรของเจ้าทรยศต่อเผ่าตระกูล เขาสมควรตาย!” เบรุตพูดอย่างไม่ไยดี
ร่างของประธานผู้อาวุโสสั่นอีกครั้ง
“เอาล่ะ” เบรุตยืนลุกขึ้นยืน “เรื่องนี้จบลงแล้ว! ดันนิงตัน ฟูโซ่ ลินลี่ย์มาเถอะ เรากลับกันเถอะ”
กลุ่มของลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนทันที
ขณะที่เบรุตเดินผ่านซากศพที่โชกเลือด เขาชำเลืองมองและพูดอย่างใจเย็น “รีบๆ เอาศพออกไปเถอะ มันดูไม่ดี!” หลังจากพูดเสร็จ เบรุตก็ออกไป ขณะที่ดันนิงตันและคนอื่นๆ เดินตาม
ขณะที่ลินลี่ย์เดินออกมา เขาชำเลืองมองดูประธานผู้อาวุโส ประธานผู้อาวุโสแค่โบกมือ และศพบนพื้นกลายเป็นฝุ่น
“ไปกันเถอะ ไปกันเถอะ ข้าไม่คาดเลยว่าฟอร์ลันจะเป็นคนทรยศ” ผู้อาวุโสทุกคนที่เดินออกไปแสดงอาการรังเกียจ คนที่เหลืออยู่ในห้องโถงมีแต่กัซลีสันและประธานผู้อาวุโส
ประธานผู้อาวุโสยืนอยู่ในกลางห้องโถงไม่ขยับแม้แต่น้อย
“น้องหญิง! ฟอร์ลันเป็นคนทรยศต่อเผ่าตระกูล เขาสมควรตายแล้ว!” กัซลีสันเดินเข้ามาหาวางมือบนไหล่ของประธานผู้อาวุโส เมื่อคนผู้หนึ่งถูกมองว่าเป็นผู้ทรยศต่อเผ่าตระกูล สมาชิกคนอื่นของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะถือว่าคนผู้นั้นน่าดูถูก แม้ว่าฟอร์ลันตายไป ก็ไม่มีใครรู้สึกสงสารเขา
“ข้ารู้”
เสียงของประธานผู้อาวุโสเบามาก “แต่ข้ายังรู้สึกอนาถใจ ไม่เป็นไรหรอกพี่ใหญ่ ข้าจะกลับเดี๋ยวนี้” ประธานผู้อาวุโสไม่พูดอะไรอีก นางหันกลับและจากไปทันที บุตรของนางกลายเป็นคนทรยศต่อเผ่าตระกูลและถูกฆ่าด้วยน้ำมือนางเอง บางทีคนที่เจ็บปวดที่สุดในเทือกเขาสกายไรท์จากการกระทำของฟอร์ลันก็คือประธานผู้อาวุโส
ลินลี่ย์และคนอื่นบินกลับและเข้าไปในหุบเขาของพวกเขา
“ฮ่าฮ่า สุดยอด, สุดยอดจริงๆ!” บีบีหัวเราะลั่น “ข้าไม่เคยชอบหน้าสองพ่อลูกนั่นเลย พวกเขาอยากได้แหวนมังกรขนดของพี่ใหญ่มาตั้งแต่ต้น และข้าสงสัยพวกเขาในเหตุการณ์เรื่องนี้มานานแล้วเหมือนกัน และก็เป็นพวกเขาจริงๆ ตายได้ดี ตายได้ดีแล้ว!”
ลินลี่ย์หัวเราะเช่นกัน
เขาก็สงสัยฟอร์ลันเช่นกัน แต่เขาไม่มั่นใจเต็มที่ อย่างไรก็ตามทำไมเบรุตถึงกล้าลงมืออย่างนั้น? ลอร์ดเบรุตไม่กังวลหรือว่าอาจจะกล่าวหาฟอร์ลันผิดพลาด? ลอร์ดเบรุตจะคลี่คลายสถานการณ์อย่างไร ถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น?
ลินลี่ย์สงสัยเรื่องนี้มาตลอดเวลา
เบรุต ดันนิงตัน ฟูโซ่และลินลี่ย์นั่งอยู่ในบ้านของลินลี่ย์ล้อมรอบโต๊ะศิลา ลินลี่ย์ลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ลอร์ดเบรุต ท่านแน่ใจได้ยังไงว่าฟอร์ลันเป็นคนทรยศ?”
เบรุตมองดูเขา เหมือนมีคำตอบอยู่ในดวงตา “เจ้าเป็นคนบอกข้าเองว่าเป็นเขา!”
“ข้าบอกท่านว่าข้าไม่มีหลักฐานอะไร ก็แค่สงสัย” ลินลี่ย์รีบกล่าว
“ฮ่าฮ่า...” ดันนิงตันที่อยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนจะได้ฟังเรื่องตลกอย่างมาก ขณะที่เขาเริ่มหัวเราะเสียงดัง
ลินลี่ย์อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ มันตลกตรงไหน? บีบีที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้น “ปู่! เป็นไปได้ไหมว่าปู่รู้เรื่องนี้ได้เร็วจากสมบัติมหาเทพ?”
“ข้าจะไปรู้เรื่องนี้เร็วได้ยังไง?” เบรุตหัวเราะ “ถ้าข้ารู้เร็วก่อนนั้น ข้าคงส่งคนมาเตือนลินลี่ย์นานแล้ว ความจริงเมื่อวันก่อนนี้ ข้าก็ยังไม่แน่ใจเต็มที่เหมือนกัน”
ลินลี่ย์ตะลึง ยังไม่แน่ใจเต็มที่?
“แต่ลอร์ดเบรุต, ท่านยังเชิญท่านดันนิงตันมาแล้วใช้วิธีสะกดจิต ถ้าฟอร์ลันไม่ใช่คนทรยศ จะไม่กลายเป็นเรื่องอับอายหรือ?” ลินลี่ย์รีบกล่าว
“ฮ่าฮ่า...” ดันนิงตันหัวเราะอีกครั้ง และหัวเราะดังขึ้นขณะชำเลืองมองเบรุต “เบรุต! หยุดหยอกล้อลินลี่ย์ได้แล้ว ข้าจะบอกเขาเอง!” ดันนิงตันเริ่มอธิบายความจริงทันที
ขณะที่ลินลี่ย์ตั้งใจฟัง
“ลอร์ดเบรุตของเจ้าผู้นี้ไม่แน่ใจเรื่องฟอร์ลันเป็นคนทรยศหรือไม่” ดันนิงตันหัวเราะ “นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องเชิญข้ามา หลังจากข้าสะกดจิตฟอร์ลันแล้ว ตอนแรกข้าตรวจสอบความทรงจำของฟอร์ลันอย่างรวดเร็วเสียก่อน!”
กล่าวโดยทั่วไปคือไม่มีทางเห็นความทรงจำของเทพได้
แต่เมื่อบุคคลถูกสะกดจิตและไม่สามารถต่อต้านได้โดยสิ้นเชิง คนที่น่ากลัวอย่างดันนิงตันก็สามารถตรวจสอบความทรงจำของคนที่ถูกสะกดจิตได้
“หลังจากตรวจดูความทรงจำสักครู่หนึ่งข้าก็รู้แล้ว!” ดันนิงตันหัวเราะ “ว่าเขาเป็นคนทรยศ!”
“แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาไม่ใช่?” บีบีรีบถามและลินลี่ย์มองดูดันนิงตันด้วยความสงสัยเช่นกัน
ดันนิงตันหัวเราะ “ถ้าเขาไม่ใช่คนทรยศ? ง่ายมาก”
“อย่างนั้นข้าก็จะปล่อยให้ฟอร์ลันรู้สึกตัวทันที” ดันนิงตันชำเลืองมองเบรุต “หลังจากนั้นข้าจะพูดยกย่องสักสองสามคำในทำนองว่า ‘เผ่ามังกรฟ้าร้ายกาจสมชื่อจริงๆ แม้แต่ข้าก็ยังไม่สามารถสะกดจิตเขาได้”
คำพูดของดันนิงตันทำให้ลินลี่ย์ เดเลียและบีบีประหม่าทำอะไรไม่ถูก
ความจริงเมื่อคนถูกสะกดจิต พวกเขาจะสูญเสียสัมปชัญญะ ถ้าดันนิงตันสะกดจิตได้สำเร็จ เขาก็สามารถปล่อยให้ฟอร์ลันได้สติกลับคืนหลังจากตรวจสอบความทรงจำฟอร์ลันแล้ว แม้แต่ฟอร์ลันเองก็ยังรู้สึกว่าเขาแค่มึนศีรษะไปชั่วขณะเท่านั้น เขาไม่รู้สึกอะไรมาก
“น่ากลัว” ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจกับตัวเอง
ถ้าฟอร์ลันไม่ใช่คนทรยศ ดันนิงตันก็แค่แกล้งโกหกและอ้างว่าเขาไม่สามารถสะกดจิตฟอร์ลันได้ ผลสรุปก็จะกลายเป็นว่ากัซลีสัน ประธานผู้อาวุโสและคนอื่นจะรู้สึกว่าพวกเขาได้หน้าครั้งใหญ่ ที่สำคัญคือ..แม้แต่สุดยอดฝีมืออย่างดันนิงตันยังไม่สามารถสะกดจิตผู้อาวุโสของตระกูลคนหนึ่งได้
“นี่เป็นความคิดที่น่าตื่นเต้น” บีบีถอนหายใจทึ่งเช่นกัน
“ยอดเยี่ยมบ้าอะไรกัน” ดันนิงตันลูบเครา “ถ้าฟอร์ลันไม่ใช่คนทรยศจริงๆ อย่างนั้นข้า ดันนิงตันก็คงเสียชื่อหมด”
“ไม่ต้องห่วง” เบรุตเริ่มหัวเราะ “ชื่อเสียงของเจ้าคงไม่ได้รับผลกระทบอะไร ต่อให้เจ้าประกาศยอมรับต่อสาธารณะว่าเจ้าไม่สามารถสะกดจิตฟอร์ลันได้ คนอื่นก็แค่คิดว่าทักษะเทพธรรมชาติของเผ่ามังกรฟ้านี้ร้ายกาจเหลือเชื่อ พวกเขาไม่คิดว่าเจ้าอ่อนแออยู่แล้ว”
ดันนิงตันเลิกคิ้วหัวเราะ
พลังของเขาเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ หลังจากผ่านการสู้รบที่น่าตกใจ สั่นสะท้านโลกนับไม่ถ้วน ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทะเลเชาติคแค่รองจากมหาเทพ ใครยังจะกล้าดูถูกเขา?
“ลินลี่ย์ บีบี” เบรุตเอ่ยขึ้นทันที “หลังจากเกิดเรื่องนี้แล้ว แม้ว่าประธานผู้อาวุโสจะไม่พูดจากปากเอง แต่ในใจนางก็คงไม่พอใจ ข้าคิดว่าดีที่สุดแล้วเจ้าออกจากเทือกเขาสกายไรท์มาอยู่ในที่ของข้าดีกว่า”
ออกจากเทือกเขาสกายไรท์? ลินลี่ย์อดหันไปมองเดเลียไม่ได้
“เยี่ยมจริงๆ!” บีบีพูดอย่างร่าเริง “เทือกเขาสกายไรท์ค่อนข้างน่าเบื่อ ข้ายังไม่เคยไปจวนเจ้าแคว้นของปู่เลย ข้าอยากไปสนุกที่นั่น”
“เดเลีย, เจ้าล่ะ, คิดยังไง?” ลินลี่ย์มองเดเลียขณะที่เขาปรึกษานางผ่านสำนึกเทพ
เดเลียมองดูเวดที่นอนอยู่ในอ้อมแขนนาง จากนั้นตอบผ่านสำนึกเทพ “เวดยังเด็กอยู่ จะดีที่สุดอย่าให้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางไปทั่ว เมื่อเวดดูแลตนเองได้ เราค่อยเดินทางอีกครั้งก็ได้”
“ก็ได้” ลินลี่ย์พยักหน้า หลังจากปรึกษาผ่านสำนึกเทพแล้ว ลินลี่ย์ตัดสินใจ
“พี่ใหญ่ ต้องการไปด้วยไหม?” บีบีถามผ่านสำนึกเทพทันที
ลินลี่ย์หัวเราะ จากนั้นส่ายศีรษะ “ท่านเจ้าแคว้น, บีบี, ตอนนี้ข้ายังไปไม่ได้ เวดยังเด็กนัก..และเดเลียกับข้าเองก็อยู่ในหุบเขานี้ร่วมกับสมาชิกอื่นของสาขายูลาน การใช้ชีวิตยังค่อนข้างสะดวกสบาย สำหรับประธานผู้อาวุโสจะทำอะไรนั้น.. ข้าคงไม่ไปหุบเขาอ่างโลหิต แม้ว่านางจะไม่สบายใจ นางจะทำอะไรได้?”
“ก็ได้ อย่างนั้นข้าจะไม่ฝืนใจให้เจ้ามา” เบรุตหัวเราะและพยักหน้าอย่างใจเย็น
“เสียดายจริงๆ” บีบีถอนหายใจอย่างเศร้าใจ “พี่ใหญ่, ท่านอยู่กับเดเลียกับลูก อย่างนั้นตอนนี้ข้าจะไปที่นั่นก่อน”
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า เขาสามารถบอกได้ว่าบีบีมักจะอยู่ที่นี่กับเขา แต่ใจบีบีไม่อยู่ที่นี่ “เป็นไปได้ว่าบีบียังคงคิดถึงนินนี่” ลินลี่ย์ถอนหายใจกับตัวเอง “อย่างไรก็ตาม นีซอยู่ในทวีปเจดโฟลท”
ในคืนนั้นเบรุต ดันนิงตัน ฟูโซ่และบีบีพากันไปจากเทือกเขาสกายไรท์ ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่มาส่งพวกเขาจากไป หลังจากนั้นชีวิตของลินลี่ย์กลับคืนความสงบที่หาได้ยาก
ลินลี่ย์ใช้เวลาอยู่กับลูกและภรรยาอย่างสงบและฝึกฝนไปด้วย
ในพริบตาผ่านไปสามปี
ตอนนี้ลินลี่ย์อยู่ในห้องกำลังอ่านหนังสือ ขณะที่ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่อยู่ในระหว่างฝึกฝน
“พ่อ, หิมะหนามาก มาดูเร็ว!”
เสียงชัดใสดังเข้ามาในห้องทันที เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลินลี่ย์อดยิ้มและยืนขึ้นไม่ได้ เขาเดินออกมาข้างนอก เด็กน้อยเยาว์วัยดูน่ารักกำลังเล่นอยู่ข้างนอก มือของเขาปั้นหิมะขณะที่เดเลียกำลังเล่นกับเขา
“ท่านพ่อ, ดูสิ, มนุษย์หิมะนั่นข้าทำเอง” เวดเห็นลินลี่ย์กำลังออกมาก็วิ่งเข้ามาหาพลางร้องเรียกเขา
ขณะที่เวดวิ่งเข้ามาหา เขากระโจนจากพื้นเนื่องจากลินลี่ย์อุ้มเขาขึ้นมากอด “ท่านพ่อ, มนุษย์หิมะอยู่ตรงนั้น ดูสิ” หน้าน้อยๆ ของเวดเนียนและแดงนุ่มนวลราวกับว่าใครๆ ก็สามารถคั้นน้ำออกมาจากหน้าเขาได้
ลินลี่ย์เหมือนกับเวดมาก
ตรงกันข้ามเมื่ออยู่ในทวีปยูลานลินลี่ย์เอาแต่ฝึกฝนอยู่เสมอเมื่อซาชาและเทย์เลอร์กำลังเติบโต เขาไม่ได้ใช้เวลากับลูกของเขา
“โอว, เวด นี่คือมนุษย์หิมะที่เจ้าทำหรือ?” ลินลี่ย์หันไปมอง มนุษย์หิมะเป็นแค่ก้อนหิมะกลมสองก้อน ก้อนหนึ่งใหญ่ ก้อนหนึ่งเล็กใช้ก้อนอัญมณีแปะเป็นตาและจมูก มีมนุษย์หิมะทั้งหมดสามตัว ขนาดใหญ่สอง และขนาดเล็กอีกหนึ่ง
“ใช่แล้ว..” เวดพยักหน้าขึงขังราวกับว่านี่เป็นเรื่องสำคัญ “พ่อ, ดูสิ, นี่คือพ่อ, นั่นคือแม่ นั่นคือข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลินลี่ย์อดหัวเราะไม่ได้
“เวด! อย่ามัวแต่รบกวนพ่อของเจ้าเลย มานี่เถอะ” เดเลียกล่าว
“โอว” เวดปล่อยลินลี่ย์อย่างว่าง่ายและร่วงลงมา แต่เนื่องจากพื้นลื่น ขณะที่เขาลงพื้นจึงลื่นล้ม และเดเลียได้แต่มาพยุงเขาให้ลุกขึ้น
ลินลี่ย์หัวเราะเบาๆ จากนั้นเริ่มเดินทอดน่องไปตามพื้นหิมะ ในแต่ละก้าว เขาทิ้งรอยเท้าไว้ด้านหลัง หิมะหยุดตกนานแล้ว แต่หิมะบนพื้นค่อนข้างหนา ทุกอย่างภายในสายตาของเขากลายเป็นสีเงินปนขาว
“พ่อ, พ่อ” เสียงของเวดร้องเรียกจากด้านหลัง
ลินลี่ย์หันไปมอง แต่ขณะนั้นเขาเหลือบไปเห็นรอยเท้าของตัวเขาเอง เขาประทับรอยเท้าลงบนพื้นหิมะ แต่รอยหญ้าสีเขียวเบียดออกมาตามรอยเท้านั้น ในทันใดนั้นเมื่อลินลี่ย์เห็นร่องรอยสีเขียว...
และเมื่อเขาได้ยินลูกชายร้องเรียกว่าพ่อจากไกลๆ “พ่อ, พ่อ”....
ใจของลินลี่ย์หวนนึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาไม่กี่ปีมานี้ทันที ตั้งแต่วิกฤติชีวิตของเดเลียทำให้ตัวเขาเองตกอยู่ในความสิ้นหวัง จากนั้นตัวเขาพอหลุดออกมาจากความสิ้นหวังได้ สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นไม่กี่ปีก็คือชีวิตที่มีความสุข
“บึ้ม....”
จุดแสงสีเขียวฉายกระจายอยู่ภายในใจของลินลี่ย์ทันใด และในขณะต่อมากลายเป็นดวงอาทิตย์สีเขียวฉายสว่างเจิดจ้าไปทั้งใจของเขา