ตอนที่แล้วตอนที่ 17-52 พลังมหาเทพสองหยด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-55 เล่ห์เหลี่ยมของเบรุต

ตอนที่ 17-54 ดิ้นไม่หลุด


การแยกจากไปอย่างกะทันหันของเบรุตทำให้บรรยากาศงานเลี้ยงค่อนข้างอึดอัด ดังนั้นงานเลี้ยงฉลองนี้จบลงเร็วมาก กัซลีสันและประมุขเผ่าคนอื่นกล่าวลาฟูโซ่ บีบี และลินลี่ย์และจากนั้นกลุ่มของลินลี่ย์ก็ออกมาบ้างเช่นกัน

ตอนนี้ผู้อาวุโสทั้งหมดกลับไปแล้ว ขณะที่ฟอร์ลันยังคงยืนอยู่กับที่ในหอโถงใหญ่

“ฟอร์ลัน” เสียงเย็นชาดังขึ้น

ฟอร์ลันเงยหน้า ประธานผู้อาวุโสกำลังเดินเข้ามาหาเขา และนางจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตากระจ่าง นางคุยกับเขาผ่านสำนึกเทพ “ฟอร์ลัน! ข้าขอถามเจ้า, แปดตระกูลใหญ่เหล่านั้นไปฆ่าลินลี่ย์เพราะเจ้าหรือเปล่า?”

“ไม่!” ฟอร์ลันไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ท่านแม่ ข้าไม่ใช่คนทรยศแน่นอน! ท่านแม่ ท่านต้องเชื่อข้า!”

ประธานผู้อาวุโสจ้องมองเขา แต่เนื่องจากฟอร์ลันตัดสินใจทำไปแล้ว เขาจะยอมให้นางเห็นข้อผิดปกติได้อย่างไร?

ประธานผู้อาวุโสดูเหมือนจะผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย นางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนขึ้น “ดีแล้ว ข้าเชื่อเจ้า ตราบเท่าที่เจ้าไม่ใช่คนทรยศ ทางเผ่าตระกูลจะไม่ยอมให้คนนอกฆ่าเจ้า” หลังจากพูดเสร็จ ประธานผู้อาวุโสก็ออกไปเช่นกัน

ภายในโถงใหญ่ใต้ดินที่มืดสลัว

ฟอร์ลันอยู่ที่นั่น “ตัดสินจากคำพูดของเบรุต ดูเหมือนว่าเขามั่นใจว่าข้าเป็นคนทรยศจริงๆ? เป็นไปได้ไหมว่ามหาเทพกำลังจับตามองดูอยู่จริงๆ? แต่แม้ว่ามหาเทพจะทรงพลานุภาพ พวกเขาก็ยังมีนิสัยส่วนตัวเป็นของตนและบุคลิกคล้ายมนุษย์ พวกเขามักจะเดินทางบ่อยๆ เช่นกัน บางทีมหาเทพอาจจะพบเจอจริงๆ”

ฟอร์ลันขบคิดไม่หยุดหย่อน

“ฮึ่ม ใครจะสนใจกันเล่าว่ามหาเทพพบเจอหรือไม่ มหาเทพผู้ทรงอานุภาพจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องส่วนตัวแบบนี้ได้ยังไง?” ฟอร์ลันทำใจ “ตราบใดที่ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ใช่คนทรยศ นั่นก็หมายความว่าข้าไม่ใช่คนทรยศ!”

ฟอร์ลันต้องทำสิ่งเดียวคือปฏิเสธ ไม่ว่ายังไงก็ตาม!

ภายในหุบเขาในเทือกเขาสกายไรท์ เบรุตไม่ได้ไปพักในที่ซึ่งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จัดไว้ให้ แต่เลือกมาอาศัยอยู่ในหุบเขานี้กับลินลี่ย์และบีบีในฐานะเพื่อนบ้านของเขา

ภายในห้องรับแขกของลินลี่ย์ ลินลี่ย์ บีบี ฟูโซ่ เบรุตนั่งอยู่กันพร้อมหน้า ขณะที่เดเลียกับเวดอยู่ข้างนอก

“ปู่! ในเมื่อปู่และมหาเทพรู้ทุกอย่างดีแล้วและรู้ว่าฟอร์ลันเป็นคนทรยศ ก็แค่เข้าไปฆ่าเขาก็ได้นี่” บีบีแค่นเสียง “ข้าไม่เคยชอบเจ้าฟอร์ลันนั่น”

ลินลี่ย์หัวเราะ “บีบี! ลึกๆ ในใจแล้วและความคิดของประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้าฟอร์ลันถูกฆ่าโดยไม่มีหลักฐานที่สมควรแก่ความผิดของเขา แม้ว่าประมุขเผ่าและเหล่าผู้อาวุโสจะทำอะไรกับท่านเบรุตในเรื่องนี้ไม่ได้ แต่พวกเขาจะจดจำ และคงความเกลียดเอาไว้ในใจพวกเขาตลอดไป”

“ถูกแล้ว” เบรุตพยักหน้าและหัวเราะ “อย่าได้ถูกหลอกจากอาการที่ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แสดงความเคารพต่อข้า ที่สำคัญพวกเขาเป็นบุตรธิดาของสี่มหาเทพ ในใจของพวกเขามีความหยิ่งและภูมิใจในศักดิ์ศรีมาก ข้าไม่อาจรุกรานจนเกินไป”

ลินลี่ย์รู้สึกค่อนข้างขอบคุณเบรุต

ความจริงทำไมเบรุตจะต้องมาใส่ใจว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จากเกลียดเขาหรือไม่? เหตุผลที่เบรุตแสดงกิริยาเช่นนั้นเป็นเพราะเขากังวลว่าหลังจากนั้นลินลี่ย์จะถูกขับออกจากตระกูล และว่าการใช้ชีวิตในเผ่าของเขาจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก

“ลอร์ดเบรุต ท่านบอกว่าในอีกสองสามเดือน ท่านจะทำให้ฟอร์ลันนั้นไม่มีคำแก้ตัวให้ตนเอง ท่านมีแผนอะไร?” ลินลี่ย์ถามทันที

“ใช่แล้ว, ปู่ , ปู่มีแผนการอะไร?”

“ฮ่าฮ่า...” เบรุตหัวเราะ

ฟูโซ่ก็หัวเราะเช่นกัน “บีบี, เจ้าลืมแล้วหรือว่าเมื่อปีที่แล้วเจ้าไปพบย่าของเจ้าที่เมืองเมียร์? เจ้าได้อะไรจากการไปเยี่ยมครั้งนั้น?”

“เศษเสี้ยววิญญาณ แล้วเกี่ยวอะไรด้วย?” บีบีพูดด้วยความสงสัย

เบรุตหัวเราะ “เศษเสี้ยววิญญาณนั่นเป็นสหายเก่าของข้าส่งมาให้ ข้าให้ย่าเจ้านำมามอบให้เจ้าเพราะข้ายุ่งอยู่กับการต้อนรับสหาย ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปหาเจ้า”

“ฟอร์ลันผู้นั้นเป็นลูกหลานของเผ่ามังกรฟ้า ด้วยทักษะเทพตามธรรมชาติที่ปกป้องเขาอยู่ ข้าไม่สามารถบังคับสะกดจิตเขาได้ อย่างไรก็ตามสหายเก่าของข้านั้นทำได้” เบรุตมั่นใจเต็มเปี่ยม

สุดยอดฝีมือผู้สามารถลอกเศษเสี้ยววิญญาณออกมาได้น่ะหรือ?

“ถ้าคนผู้นี้ยินดีจะช่วย” ลินลี่ย์นึกดีใจ “ไม่มีทางที่ฟอร์ลันจะยอมรับสารภาพ!”

“ครั้งนี้เพื่อเดเลีย ข้าต้องรีบมาที่นี่ ข้าเกรงว่าสหายเก่าของข้านั้นอาจจะกลับไปแล้ว แต่เมื่อครู่นี้ข้าติดต่อเขาได้ สหายของข้าผู้นั้นยังอยู่ในแคว้นอินดิโก เขาจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่กี่เดือนนี้” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น

“ปู่! ปู่มั่นใจเรื่องนี้ใช่ไหม?” บีบีพูดค่อนข้างกังวล “ฟอร์ลันได้รับการปกป้องโดยทักษะเทพธรรมชาติ”

“มั่นใจแน่นอน!” เบรุตกล่าว

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ลินลี่ย์รู้สึกยินดี แต่ขณะเดียวกัน เขาลอบถอนหายใจ “สหายซึ่งเป็นสุดยอดฝีมืออย่างเบรุต ก็คงเป็นสุดยอดฝีมือเหมือนกัน แม้ว่าคนอย่างฟอร์ลันจะได้รับการปกป้องด้วยทักษะเทพธรรมชาติก็คงจะงงงวย เขาต้องเป็นผู้มีความสำเร็จที่น่าทึ่งชำนาญพลังวิญญาณขนาดไหนกัน?”

พวกเขารออย่างสบายๆ แต่ขณะที่วันเวลาผ่านไป ข่าวว่าท่านเจ้าแคว้นกล่าวหาว่าฟอร์ลันเป็นคนทรยศแพร่กระจายไปทั้งเทือกเขาสกายไรท์อย่างรวดเร็ว ชาวเผ่ามากมายลอบไม่พอใจ รู้สึกว่าเจ้าแคว้นใช้อำนาจรุกรานเกินไป

ในพริบตาผ่านไปอีกหลายเดือน วันนี้ลินลี่ย์กับเดเลียเล่นกับลูกน้อยอยู่หน้าบ้านพวกเขา

เวดเริ่มเดินได้แล้ว

ขณะประคองลูก เดเลียเงยหน้าทันที “ลินลี่ย์ ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนั้นแพร่กระจายไปไกลเหลือเกิน แม้แต่คนในหุบเขาของเราก็รู้เรื่องนี้ เมื่อครู่นี้เองตอนที่ข้าอุ้มเวดออกมาหัดเดิน ข้าได้ยินชาวเผ่าจากสาขาตระกูลอื่นในหุบเขาเราพูดว่าเจ้าแคว้นอินดิโกป้ายสีผู้อาวุโสฟอร์ลัน แต่แน่นอนมีบางคนพูดว่าเหตุผลที่ฟอร์ลันปฏิเสธการรับการสะกดจิตเนื่องจากกลัวความผิด.. แต่ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเข้าข้างฟอร์ลัน”

“ไม่ต้องกังวลไปเลย เมื่อยอดฝีมือท่านนั้นมาถึง ทุกอย่างจะกระจ่างเอง” ลินลี่ย์กล่าว จากนั้นย่อตัวนั่ง “เวด ทำได้ไหมลูก เดินอีกสองสามก้าว มาหาพ่อ มา”

“อือ..อือ..”

เวดยิ้ม ปากเขาค่อยๆ ยิ้มขณะเดินเตาะแตะทีละก้าว ในที่สุดก็โผเข้าอ้อมแขนลินลี่ย์

“พ่อ...” เวดพูดเสียงแหลม

“มา..ให้พ่อหอมแก้มหน่อย” ลินลี่ย์พูดหยอก

ขณะอุ้มลูก ลินลี่ย์ชำเลืองมองเดเลีย เมื่อสองสามเดือนก่อน เขายังตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ทั้งหมดเป็นเพราะเบรุต “ข้า ข้าจะไม่ลืมความเมตตาที่เขามีต่อข้า”

แค่เพียงมีบ้านครอบครัวเล็กๆ อยู่กันสามคนก็ทำให้พวกเขามีความสุขได้แล้ว...

“เบรุต!” เสียงชัดเจนดังกึกก้องอยู่เหนืออากาศเทือกเขาสกายไรท์

“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์กับเดเลียเงยหน้ามองดูด้วยความประหลาดใจ

เบรุต ฟูโซ่และบีบีบินออกมาทันที และเบรุตหัวเราะให้ลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! สหายรักของข้าคนนั้นมาถึงนี่แล้ว ไปกันเถอะ ได้เวลากระชากหน้ากากที่แท้จริงของฟอร์ลันแล้ว”

ลินลี่ย์กับเดเลียอุ้มลูกติดตามพวกเขาออกจากหุบเขาใหญ่

ในกลางอากาศเหนือเทือกเขาสกายไรท์ มีร่างคนผู้หนึ่งลอยตัวนิ่ง ตลอดทั้งร่างของเขาคลุมด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม ผมหยักศกสีดำน้ำเงินไม่ได้มัดไว้ และคิ้วหนาดำของเขาเหมือนกับดาบสองเล่ม

เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ยืนอยู่เหนือเทือกเขาสกายไรท์

ไม่มีนักรบลาดตระเวนสักคนเดียวที่กล้าเข้าไปใกล้เขา กัซลีสันรีบนำผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งมาสมทบ

“ท่านประมุขเผ่า ตัวประหลาดที่อยู่ตรงนั้นตะโกนเรียกเบรุต จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน เราต้องการขับไล่เขา แต่พี่น้องทั้งหมดของเราพอเข้าไปใกล้เขาก็หมดสติร่วงลงกับพื้นหมด หลังจากที่ตกไปอยู่บนพื้นจึงได้สติอีกครั้ง” หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนรีบรายงาน

กัซลีสันได้ยินเช่นนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้

กัซลีสันบินเข้ามาหาและพูดด้วยเสียงก้องกังวานทันที “ข้ากัซลีสันประมุขเผ่ามังกรฟ้า ขอเรียนถาม ท่านเป็นใคร?”

ถึงตอนนี้คนแปลกหน้าค่อยลืมตาชำเลืองมองกัซลีสันที่เข้ามาใกล้ กัซลีสันอดรู้สึกใจสั่นสะท้านมิได้ เขามีความรู้สึกเหมือนกับว่านัยน์ตาของคนแปลกประหลาดนี้ เหมือนมีภาพงูลวงตา

“กัซลีสัน?” บุรุษแปลกหน้าพูดอย่างใจเย็น “ข้ากำลังรอเบรุต”

กัซลีสันขมวดคิ้ว แม้ว่าคนที่อยู่ต่อหน้าเขาจะทรงพลังมาก แต่กัซลีสันไม่กลัวเขา พลังป้องกันวิญญาณคือจุดแข็งของกัซลีสัน ที่สำคัญสมบัติมหาเทพประเภทป้องกันวิญญาณของเขาสมบูรณ์แบบไม่ได้ชำรุดแต่อย่างใด

“ถ้าอย่างนั้นเชิญมาที่พักของข้า ขณะที่เราคอยท่านเจ้าแคว้น” กัซลีสันหัวเราะ

“ไม่จำเป็น” คนแปลกหน้าพูด

“ฮ่าฮ่า..ดันนิงตัน เจ้ามาช้าจริงนะ” เสียงหัวเราะดังขึ้น และร่างของเบรุตปรากฏแต่ไกล แต่ในขณะที่เขามาถึง ลินลี่ย์และบีบีก็บินตามมาจากด้านหลังเช่นกัน

“เบรุต” บุรุษแปลกหน้าเริ่มหัวเราะและทักทายเขาทันที

ลินลี่ย์และเดเลียบินมาสมทบด้วยเช่นกัน พวกเขาอดมองคนผู้นี้อย่างระมัดระวังไม่ได้ แต่ขณะที่ลินลี่ย์มองดูเขา.. เขารู้สึกเหมือนกับว่าผมหยักศกของบุรุษแปลกหน้าผู้นี้เปลี่ยนเป็นงูนับไม่ถ้วน

“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์ตกใจ “ความรู้สึกแปลกประหลาด

“ท่านเจ้าแคว้น นี่คือดันนิงตันหรือ? ดันนิงตันแห่งทะเลเชาติค?” กัซลีสันพูดด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

ในแดนนรกมีคนระดับตำนานอยู่มาก ซึ่งแม้แต่กัซลีสันเพียงแต่ได้ยินชื่อแต่ไม่เคยพบ สำหรับดันนิงตันผู้นี้ ในแดนนรกเขาเป็นบุคคลระดับตำนานระดับเดียวกับเบรุต หรืออาจจะเหนือกว่าเบรุตก็ได้!

“ใช่แล้ว” เบรุตหัวเราะ “สหายข้าผู้นี้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทะเลเชาติครองจากมหาเทพแห่งทะเลเชาติค เขาชื่อว่าดันนิงตัน!”

แดนนรกแบ่งออกเป็นห้าทวีป สองทะเล ทะเลเชาติคมีพื้นที่ใหญ่ที่สุด มียอดฝีมือมากที่สุด ชื่อของดันนิงตันคงอยู่มานานหลายปีนับไม่ถ้วนในแดนนรกแล้ว

ดันนิงตัวเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในการฝึกสายวิถีมรณะ

แต่ละกฎธาตุธรรมชาติทั้งเจ็ดจะมีความพิเศษและความลึกลับของตนเองซึ่งทั้งหมดแบ่งออกอย่างชัดเจน ดังนั้นสามารถหลอมรวมกันได้อย่างชัดเจน แต่ในสี่วิถีนั้นแตกต่างออกไป สี่วิถีไม่มีเคล็ดลึกลับโดยเฉพาะ เนื่องจากไม่ว่าผู้ฝึกจะเชี่ยวชาญเพียงพอจนกลายเป็นเทพแท้หรือเทพชั้นสูงได้หรือไม่ก็ตาม กฎธรรมชาติเองจะเป็นตัวตัดสิน

ไม่มีใครสามารถแน่ใจได้ว่าเป็นถึงระดับพารากอนหรือไม่

แต่....

ถ้าใครจะคุยถึงคนในทั่วแดนนรกซึ่งมีความสำเร็จที่น่าเลื่อมใสในเรื่องพลังวิญญาณ คนส่วนใหญ่จะพูดถึงชื่อของดันนิงตันผู้ทรงพลังน่าสะพรึงกลัว

ในการอธิบายถึงพลังของเบรุต ต้องใช้คำว่าโดดเด่นขึ้นมาอย่างฉับพลันในเมื่ออธิบายถึงพลังของเขาผ่านสงครามตะลุยเลือด

แต่พลังของดันนิงตัน... ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนทั่วไปผ่านการพิสูจน์มานานนับปีไม่ถ้วน

หลายคนเชื่อว่าดันนิงตันถึงระดับสุดยอดพลังสายวิถีแห่งมรณะกลายเป็นพารากอนไปแล้ว แต่แน่นอนว่าดันนิงตันเองไม่ยอมรับด้วยตนเองและไม่ได้บอกใครและไม่มีทางที่คนอื่นจะมั่นใจได้เด็ดขาด

“กัซลีสันให้คนไปตามฟอร์ลันมาที่นี่เถอะ” เบรุตหัวเราะ

กัซลีสันเดาได้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังสั่งให้ไปพาตัวฟอร์ลันมา

เบรุตกับดันนิงตันบินเคียงไหล่ไปด้วยกัน ขณะที่กัซลีสัน ฟูโซ่ ลินลี่ย์ บีบีและเดเลียติดตามจากด้านหลัง

“ฟูโซ่! ดันนิงตันผู้นี้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของทะเลเชาติครองจากมหาเทพ.. เขาแข็งแกร่งมากนักหรือ?” ลินลี่ย์ถามผ่านสำนึกเทพ ลินลี่ย์ไม่ได้ฝึกฝนมานานพอ เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตำนานบุคคลในแดนนรก

“แข็งแกร่งมากนักหรือ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า?” ฟูโซ่ส่งสำนึกเทพตอบ “ดันนิงตันผู้นี้อาจเป็นเทพระดับพารากอนไปแล้ว เจ้าบอกซิว่าแข็งแกร่งหรือเปล่า?”

ลินลี่ย์สะดุ้งเฮือก เขาอดดูดันนิงตันอย่างเพ่งพินิจไม่ได้ ขณะที่บิน ผมยาวหยักศกสีน้ำเงินเข้มของเขาโบกสะบัดตามสายลม แต่ขณะนั้นกลับให้ความรู้สึกที่ประทับใจ ราวกับว่าเส้นผมแต่ละเส้นเปลี่ยนเป็นอสรพิษหรือธนูน้ำแข็งได้...

ขณะที่เขาจ้องมองดันนิงตัน ลินลี่ย์รู้สึกว่าศีรษะของเขามึนงงมากขึ้น

“ช่างน่ากลัวจริงๆ” ลินลี่ย์ลอบตกใจ

“พี่ใหญ่! ข้ายังคงมีความรู้สึกเหมือนกับว่าชุดที่ดันนิงตันสวมใส่เป็นสัตว์ประหลาดทะเลลึกจริงๆ ประหลาดมาก” บีบีส่งสำนึกเทพคุยกับเขา ไม่ใช่แค่ลินลี่ย์ที่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกเมื่อมองดูดันนิงตัน

ภายในหอโถงใหญ่ของที่พักประมุขกัซลีสัน ทุกคนนั่งลง ลินลี่ย์ชะเง้อมองดูข้างนอก ประธานผู้อาวุโสกำลังเดินเข้ามาข้างใน “พี่ใหญ่, คนไหนกันที่มาตะโกนเรียกท่านเจ้าแคว้น?”

กัซลีสันลุกขึ้นยืนและแนะนำ “น้องหญิง, ท่านผู้นี้คือ ท่านดันนิงตันแห่งทะเลเชาติค”

ประธานผู้อาวุโสตกใจ

“ท่านดันนิงตัน” ประธานผู้อาวุโสพูดด้วยมารยาทเป็นมิตร พวกเขานับถือว่าเบรุตเป็นเจ้าแคว้น เพราะพวกเขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณความกรุณาของเขา ขณะที่คนอื่น ต่อให้ทรงพลังเท่าเบรุต พวกเขาก็เรียกว่าท่านเฉยๆ”

ทันทีที่ประธานผู้อาวุโสนั่งลง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างนอกเช่นกัน

“ฮ่าฮ่า, ในที่สุดพวกเขาก็มา” เบรุตหัวเราะ

“คนไหนกัน?” ดันนิงตันพูดอย่างใจเย็น

“คนผมทอง” เบรุตพูด ฟอร์ลันและผู้อาวุโสอื่นเดินเข้ามาด้วยกัน เมื่อฟอร์ลันเข้ามาในห้องโถงใหญ่และเห็นเบรุต สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดทันที

“โอว?” ดันนิงตันกล่าว

ทันใดนั้นเอง...

ภาพลวงตาเลือนรางสองภาพพุ่งออกมาจากนัยน์ตาดันนิงตันล้อมรอบตัวฟอร์ลันอย่างฉับพลัน ฟอร์ลันไม่ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย และสายตาลินลี่ย์เป็นประกายอย่างช่วยไม่ได้ “การลงมือของดันนิงตันเรียบง่าย แต่แน่นอนว่ามีการต่อสู้ภายในจิตใจของฟอร์ลัน”

กล้ามเนื้อใบหน้าของฟอร์ลันกระตุกเล็กน้อย แต่จากนั้นเขาสงบลง

“เรียบร้อยแล้ว” ดันนิงตันหัวเราะ หันไปมองเบรุต “ทักษะเทพโดยธรรมชาติของเผ่ามังกรฟ้านี่น่ากลัวจริงๆ ทำให้ข้าต้องใช้พลังที่แท้จริงบ้าง”

เบรุตหัวเราะตอบ “หยุดอวดฝีมือได้แล้ว และช่วยข้าสอบสวนเขา”

“พวกท่านกำลังทำอะไร?” ประธานผู้อาวุโสพูดอย่างไม่พอใจ

“ก็แค่สะกดจิต” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “เจ้าจะได้เห็นด้วยตัวเองว่าเขาบริสุทธิ์หรือไม่”

กัซลีสันส่งสายตาให้ประธานผู้อาวุโส เนื่องจากการสะกดจิตเริ่มใช้แล้ว อย่างนั้นพวกเขาอาจจะปล่อยให้สิ่งนี้ได้ผลสรุป “ฮึ” ประธานผู้อาวุโสแค่นเสียงเย็นชาเบาๆ แต่ในที่สุดนางยังคงนั่งลง “ข้าอยากรู้ว่าท่านจะตอบตัวเองอย่างไรหลังจากพิสูจน์ได้ว่าลูกของข้าไม่ใช่คนทรยศ”

“นั่นเป็นความรับผิดชอบของเบรุต ไม่ใช่ของข้า” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของดันนิงตัน

“ฟอร์ลัน บอกข้ามา เจ้าเป็นคนปล่อยข้อมูลที่อยู่ของลินลี่ย์ไปให้แปดตระกูลใหญ่ส่งผลให้แปดผู้อาวุโสโจมตีลินลี่ย์ใช่หรือไม่?” ดันนิงตันถามอย่างใจเย็น

ทันใดนั้น ทุกคนในห้องโถงใหญ่รวมทั้งกัซลีสัน ประธานผู้อาวุโส ผู้อาวุโสต่างๆและลินลี่ย์มองดูฟอร์ลันด้วยความกระวนกระวาย ลินลี่ย์มองดูฟอร์ลันที่อยู่ในสภาพมึนงง “ถ้าไม่ใช่เขา นี่จะเป็นเรื่องน่าอึดอัดมาก”

ท่าทีสงบปรากฏบนใบหน้าของฟอร์ลัน และดวงตาของเขาไม่มีแววชีวิต เขาพูดคล้ายกับหุ่นยนต์ “ใช่แล้ว”

“ใช่!”

เสียงก้องอยู่ในห้องโถงใหญ่ ทันใดนั้นทุกคนเงียบกริบ ประธานผู้อาวุโสสวมหน้ากากเงินบังใบหน้า และไม่มีทางที่จะเห็นสีหน้าของนาง... แต่ในแววตาของนางเต็มไปด้วยแววเหลือเชื่อ

“เจ้าได้ยินไหม?” เบรุตหัวเราะขณะมองดูประธานผู้อาวุโสและกัซลีสัน

“เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?” เหล่าผู้อาวุโสในห้องโถงใหญ่ตะลึงกันหมด

“ถามเขา...ถามเขาว่าทำไม!” ประธานผู้อาวุโสสั่นไปทั้งตัว ประธานผู้อาวุโสไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ นางไม่เข้าใจอย่างแท้จริง..ทำไมบุตรของนางถึงตัดสินใจก่อเรื่องเช่นนี้? เมื่อคนถูกสะกดจิต พวกเขาจะไม่พูดโกหก นี่เป็นกฎเหล็ก

ดันนิงตันถามต่อ “ทำไมเจ้าถึงปล่อยข้อมูลออกไปและต้องการให้ลินลี่ย์ถูกฆ่าเล่า?”

“เขาสมควรตาย!”

ฟอร์ลันพูดอย่างหุ่นยนต์ “เขาเป็นลูกหลานของตระกูลรุ่นหลัง มีสิทธิ์อะไรมาถือครองแหวนมังกรฟ้า สมบัติมหาเทพของบรรพบุรุษของเรา!?”

“สมบัติมหาเทพ?” ดันนิงตันอดมองลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจไม่ได้ ผู้อาวุโสอื่นทุกคนมองดูลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

ฟอร์ลันพูดต่อ “การได้สมบัติมหาเทพก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ลูกชายของข้าสูญเสียร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังไปเพราะเขา และเขายังเป็นแค่เทพแท้... แต่เขาก็ทรงพลังอย่างมากมาย เมื่อเขากลายเป็นเทพชั้นสูง สถานะของเขาในเผ่าจะสูงยิ่งกว่าของข้า ข้า, ฟอร์ลันจะต้องเงยหน้ามองเขา ต้องอยู่ใต้ร่มเงาเขาทุกวี่วันหรือ? ชีวิตแบบนี้ไม่มีอะไร มีแต่ทรมาน.. ดังนั้นเขาต้องตาย”

“เทพแท้?” ผู้อาวุโสโดยมากในห้องโถงมองดูลินลี่ย์ด้วยความประหลาดใจ

พวกเขาไม่รู้ว่าลินลี่ย์เป็นเทพแท้! พวกเขายังไม่รู้ว่าลินลี่ย์มีสมบัติมหาเทพ

“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็คือสาเหตุทั้งหมดสินะ นั่นคือสาเหตุทั้งหมด” ประธานผู้อาวุโสลุกขึ้นยืนพึมพำเบาๆ

“วืดดดด”

ร่างของประธานผู้อาวุโสปรากฏอยู่ข้างตัวฟอร์ลันทันที นางฟาดศีรษะฟอร์ลันด้วยพลังฝ่ามือที่รุนแรง เสียงดังปัง ศีรษะของฟอร์ลันระเบิด จากนั้นประกายเทพสองชิ้นร่วงหล่นพร้อมกัน

ลินลี่ย์สูดหายใจลึกทันที “ประธานผู้อาวุโส...”

ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่เงียบทันที แม้แต่เบรุตและดันนิงตันก็จ้องมองประธานผู้อาวุโสด้วยความตกใจ

“ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดของผู้ทรยศเผ่าตระกูลต้องถูกประหาร!” ประธานผู้อาวุโสพูดเสียเบา ตาของนางเปียกชื้น ... แต่ก็แห้งในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด