ตอนที่ 17-53 เดินหน้าชำระคดี
“ลอร์ดเบรุตจะทำอะไรกันแน่?” ลินลี่ย์สงสัย ไม่ว่าเผ่าตระกูลจะมีคนทรยศหรือไม่ และไม่ว่าฟอร์ลันจะเป็นคนทรยศนั้นหรือไม่... ก็ไม่มีหลักฐานอะไร ทำไมลอร์ดเบรุตถึงได้ถามคำถามมากมายนัก?
ขณะที่ลินลี่ย์สงสัยอยู่ เบรุตนั่งอยู่ที่ด้านหอโถงก็กระแทกแก้วของเขาที่โต๊ะยาวข้างหน้าเขาทันที เสียงดังแสบหูทำให้สี่ประมุขตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์และฟูโซ่หันไปมองเขาทุกคน
“เฮอะ!” เบรุตแค่นเสียงเย็นชา
ทันใดนั้นหอโถงใหญ่ทั้งหมดเงียบเสียง ทุกคนเข้าใจว่าเจ้าแคว้นอินดิโกนี้ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะไม่พอใจกับบางเรื่อง ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะล่วงเกินใคร แต่พวกเขาไม่อาจล่วงเกินคนผู้นี้ผู้สนับสนุนเผ่าของพวกเขาได้ กัซลีสันหัวเราะหึหึ และกล่าว “ท่านเจ้าแคว้น มีเรื่องอะไรหรือ?”
เบรุตชำเลืองมองด้านข้างเขา และจากนั้นมองดูคนรอบๆ สายตาเขาดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด
“กลุ่มของลินลี่ย์ถูกผู้อาวุโสฝ่ายศัตรูแปดคนทำร้าย เขาฆ่าพวกนั้นไปหลายคน เขาทำความดีความชอบ ดังนั้นเขาจึงได้รับผลตอบแทน ข้าต้องชื่นชมเผ่าของเจ้ากับวิธีจัดการในส่วนนี้..แต่เป็นไปได้หรือว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าจะไม่เตรียมตัวสืบสวนเรื่องที่ผู้อาวุโสทั้งแปดมาโจมตีพร้อมกันได้ยังไง?”
เบรุตแค่นเสียงเย็นชา “จากสิ่งที่ข้ารู้ เมื่อผู้อาวุโสฝ่ายศัตรูทั้งแปดคนโจมตี มีสามคนที่ใช้พลังมหาเทพ! เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการให้ลินลี่ย์ตาย! และแรงระเบิดจากการปะทะกันยังส่งผลต่อบีบีหลานของข้าด้วย โชคดีที่ข้าสร้างสมบัติปกป้องวิญญาณให้กับเขาไว้นานแล้ว จึงทำให้เขาสามารถต้านทานเข็มแสงสีเขียวเหล่านั้นได้ มิฉะนั้นเขาก็คงเป็นอย่างเดเลีย!”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้ แต่เผ่าของพวกเจ้ากลับไม่ตรวจสอบเลยหรือ? เฮอะ!” เบรุตแค่นเสียงด้วยความไม่พอใจ จากนั้นไม่พูดอะไรต่อไป
หลังจากคำเหล่านี้พรั่งพรูออกมาแล้ว เหล่าผู้อาวุโสทุกคนในห้องจัดเลี้ยงเริ่มคุยกันผ่านสำนึกเทพ แม้แต่ประมุขเผ่าทั้งสี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็เริ่มปรึกษาพูดกันในหมู่พวกเขาผ่านสำนึกเทพ ขณะที่พวกเขาเห็นนั้น...
เหตุผลแท้จริงที่ทำให้เบรุตโกรธมากบางทีเพราะบีบีก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
แม้ว่าบีบีจะไม่ได้รับอันตราย แต่เบรุตไม่พอใจกับเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เข้าใจเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
“ท่านเจ้าแคว้น” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงพูดขออภัยทันที “เราก็เหมือนกัน รู้สึกว่าต้องมีแผนการอยู่เบื้องหลังการโจมตีของแปดผู้อาวุโส มิฉะนั้นแปดผู้อาวุโสจู่ๆ จะปรากฏตัวออกมาทันทีที่กลุ่มของลินลี่ย์ออกจากเมืองเมียร์ได้อย่างไร? แต่... เรายังไม่มีแนวทางสืบสวนเลย!”
“ไม่มีทางสืบสวนหรือ?” เบรุตพูดอย่างใจเย็น “ง่ายมาก เผ่าของเจ้ามีคนทรยศอยู่คนหนึ่ง”
“คนทรยศ!”
คำนี้ทำให้ทั่วทั้งโถงใหญ่มีเสียงฮือฮาทันที
ฟอร์ลันตกใจหนักจนผมขนในตัวลุกชัน ใจของเขาเครียด..แต่จากนั้นเขาสงบใจได้ทันที “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแน่นอน นอกจากตัวข้าเอง ไม่มีใครรู้ว่าข้าแจ้งข่าวกับแปดตระกูลใหญ่ ถ้าข้าไม่ยอมรับ ใครจะรู้ได้? ต่อให้ลินลี่ย์สงสัยข้า เขาจะมีข้อพิสูจน์หรือ?”
ความคิดของฟอร์ลันมั่นคงขึ้นและวนเวียนอยู่เพียงเรื่องเดียว - ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่คนทรยศนั้น!
แต่เหมือนคำภาษิตที่กล่าวว่า โจรมักหวาดระแวง ฟอร์ลันรู้ว่าไม่มีคนอื่นรู้ แต่เขาก็ยังรู้สึกค่อนข้างเครียด
“พ่อ! ท่านคิดว่ามีคนทรยศจริงๆ หรือ?” เอ็มมานูเอลถามฟอร์ลันด้วยสำนึกเทพ
“ก็อาจเป็นไปได้” ฟอร์ลันทำเป็นใจสงบขณะที่เขาตอบกลับผ่านสำนึกเทพ “บางทีอาจมีคนทรยศ อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ว่าแปดตระกูลใหญ่คงมีวิธีหาที่อยู่ของลินลี่ย์ได้อย่างชัดเจน”
หอโถงใหญ่ตกอยู่ในความวุ่นวาย ผู้อาวุโสตะลึงกันหมด
สำหรับลินลี่ย์เขาอยู่ในสภาพตกใจเช่นกัน “ลอร์ดเบรุตอาจจะเกินไปหน่อย..” เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เขาไม่มีข้อพิสูจน์ใดแม้แต่น้อย แต่เบรุตกระทำการอย่างนั้น นอกจากนี้เท่าที่ลินลี่ย์เห็น พฤติกรรมของเบรุตแตกต่างไปจากธรรมดา
“ลินลี่ย์! มีคนทรยศจริงๆ หรือ?” เดเลียที่อยู่ข้างลินลี่ย์ถามผ่านสำนึกเทพ
“อาจจะมีก็ได้” ลินลี่ย์ตอบ
“ใครกัน? ฟอร์ลันหรือเปล่า?” เดเลียชำเลืองมองฟอร์ลันเช่นกัน เมื่อคิดถึงผู้ทรยศที่อาจเป็นไปได้ คนแรกที่ผุดขึ้นมาในใจเดเลียก็คือฟอร์ลันเช่นกัน
“ถ้าจะมีคนทรยศจริงๆ สักคน เขาน่าจะเป็นคนๆ นั้นมากที่สุด” ลินลี่ย์ตอบ
ถึงตอนนี้กัซลีสันนั่งอยู่ข้างหน้าโถงใหญ่รีบพูดทันที “ท่านเจ้าแคว้น ท่านบอกว่ามีคนทรยศ หรือว่าท่านมีข้อพิสูจน์?”
“แน่นอน ข้ามี!” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น
ทันใดนั้นเกิดความวุ่นวายในห้องโถงใหญ่อีกครั้ง แม้แต่ลินลี่ย์ก็ยังตะลึง
“เขามีข้อพิสูจน์ด้วยหรือ?” แม้แต่ลินลี่ย์เองก็ยังไม่รู้ว่ามีอะไรเป็นข้อพิสูจน์
“ข้อพิสูจน์?” ฟอร์ลันนั่งอยู่ข้างล่างตกใจ “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่นอน ร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของข้าที่ส่งข่าวออกไปก็มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะแล้ว ไม่มีใครรู้สถานการณ์ครั้งนี้แน่นอน”
“ข้อพิสูจน์อะไร?” กัซลีสันพูดทันที “ถ้ามีคนทรยศผู้หักหลังต่อเผ่าจริงๆ.. ท่านเจ้าแคว้น ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าเป็นใครตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะทำลายร่างทุกร่างของคนผู้นั้นไม่ให้เหลือแม้แต่ร่างเดียว!”
คำพูดของกัซลีสันมั่นคงแน่วแน่
“ใช่แล้ว เขาต้องถูกประหารชีวิต!” ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวพูดอย่างดุดัน
“ท่านเจ้าแคว้น มีหลักฐานอะไร?” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงกล่าว ทุกคนในโถงใหญ่มองดูเบรุต ขณะที่ลินลี่ย์และฟอร์ลันจ้องมองเบรุต พวกเขาสงสัยว่า...
มีข้อพิสูจน์อะไร!
“ข้าพูดไม่ได้ ข้าพูดไม่ได้!” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น
ทุกคนตะลึง
“ท่านเจ้าแคว้น ก็เรื่องที่ท่าน..” กัซลีสันและคนอื่นตะลึง และลินลี่ย์ทั้งหงุดหงิดและสับสนเช่นกัน
เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “ไม่มีประโยชน์ที่ข้าจะพูดออกไป มีเพียงสองคนที่รู้เรื่องนี้เท่านั้น คนหนึ่งคือตัวข้าเอง! อีกคนหนึ่งคือมหาเทพผู้ทรงพลานุภาพ! เจ้าคิดว่ามหาเทพจะมาเป็นพยานในเรื่องเช่นนี้หรือ? สำหรับรายละเอียด..เกี่ยวข้องกับความลับบางส่วนของมหาเทพ ข้าไม่กล้าเปิดเผย”
ทุกคนตกตะลึง
ลินลี่ย์มึนงงเช่นกัน มหาเทพเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร?
“ท่านเจ้าแคว้น ท่านกำลังบอกว่าท่านไม่สามารถให้หลักฐานใดๆ ได้หรือ?” เสียงของประธานผู้อาวุโสดังขึ้นในโถงใหญ่
“ถูกแล้ว ข้าไม่สามารถให้หลักฐานข้อพิสูจน์ได้” เบรุตพยักหน้า
ประธานผู้อาวุโสพูดด้วยความเคารพ “ท่านเจ้าแคว้น ถ้าท่านไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะเอามาพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะมีคนทรยศหรือไม่! ในสถานการณ์ที่ไม่มีข้อพิสูจน์ ดีที่สุดอย่าทำให้ทุกคนต้องกังวลใจดีกว่า”
“น่าขัน!”
เบรุตจ้องมองประธานผู้อาวุโส “อะไรกัน, หรือว่าเจ้าคิดว่าข้ากำลังโกหก?”
ประธานผู้อาวุโสพูดไม่ออก
“น้องหญิง” กัซลีสันรีบตะโกนบอกผ่านสำนึกเทพ “ท่านเจ้าแคว้นนี้ต้องการติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุดอย่างเห็นได้ชัด ปล่อยให้เขาติดตามเท่าที่เขาต้องการ ถ้าเขาต้องการหาคนทรยศ ในที่สุด เขาก็จะต้องเอาหลักฐานมาพิสูจน์ให้เราเห็นว่ามีมูล ถ้าเขาชี้คนสุ่มสี่สุ่มห้า ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราก็ไม่ยอมรับเหมือนกัน! ดีที่สุดอย่าไปตอแยให้เขาโมโห”
กัซลีสันถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเจ้าแคว้น ข้าขอบังอาจถาม ท่านรู้ว่าใครทรยศใช่ไหม?”
ทั้งห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบทันที
ลินลี่ย์ฟังอย่างระมัดระวังเช่นกัน เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น จากนั้นผายมือข้างขวาชี้นิ้วไปที่ฟอร์ลันที่นั่งข้างหน้าพวกเขา “คนทรยศของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าก็คือเขา! ฟอร์ลัน!!!”
“ฟอร์ลัน!!!” เมื่อเบรุตระบุชื่อนี้ออกมา เสียงดังก้องไปทั้งหอจัดเลี้ยง และหน้าฟอร์ลันทำสีหน้าน่าเกลียดเกินจะมอง
ลินลี่ย์รู้สึกตกใจและประหลาดใจ เขารีบถามผ่านสำนึกเทพทันที “ลอร์ดเบรุต ท่านจะทำ....?”
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผนของตนเอง พวกเจ้าทุกคนแค่ดูอยู่เฉยๆ” เบรุตตอบผ่านสำนึกเทพ
ผู้อาวุโสทั้งหมดภายในหอจัดเลี้ยงหันไปมองฟอร์ลันซึ่งลุกพรวดพราดทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาพูดเสียงดังลั่น “ท่านเจ้าแคว้น, ข้า ฟอร์ลันเป็นสมาชิกรุ่นที่สามของตระกูล ในอดีตที่ผ่านมาหมื่นปี ข้าได้ฆ่าอสูรเจ็ดดาวฝ่ายศัตรูไปสองคน! ลูกชายข้าต้องสูญเสียร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของเขาขณะต่อสู้กับศัตรูเหมือนกัน และท่านยังกล่าวหาข้าว่าเป็นคนทรยศหรือ? ฮ่าฮ่า...”
ฟอร์ลันเริ่มหัวเราะลั่นจริงๆ จากความเศร้าระคนโกรธ ความโกรธและความเศร้าที่ปนกันอยู่ในเสียงหัวเราะทำให้ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ในที่นั้นเชื่อฟอร์ลัน
เห็นได้ชัดว่าเบรุตผู้นี้ไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้จริง และยังชี้หน้ากล่าวหาฟอร์ลันว่าเป็นคนทรยศ ถ้าเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ของเผ่าหรือสมาชิกผู้ร่วมกับเผ่ามาไม่นาน พวกผู้อาวุโสอาจเชื่อก็ได้
แต่ฟอร์ลันนี้ เป็นบุตรของประธานผู้อาวุโส!
พวกเขาไม่เชื่อว่าฟอร์ลันจะทรยศตระกูล!
“ท่านเจ้าแคว้น” ประธานผู้อาวุโสลุกขึ้นยืน ดวงตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเงินของนางโกรธอย่างเห็นได้ชัด นางพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “ฟอร์ลันผู้นี้คือบุตรของข้า ข้ารู้จักและเข้าใจเขามานานนับปีไม่ถ้วน! ข้ากล้ารับรองได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้ทรยศแน่นอน! และเขาไม่มีทางเป็นคนทรยศไปได้!”
รอยยิ้มเยือกเย็นยังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเบรุต
“โอว, เจ้ายังไม่ยอมรับใช่ไหม?” เบรุตชำเลืองมองฟอร์ลัน
“ฟอร์ลัน! เจ้าคิดว่าเนื่องจากเจ้าลงมือปฏิบัติการเร้นลับ ตราบเท่าที่เจ้าไม่ยอมรับก็จะไม่มีใครพบเจอใช่ไหม?” เบรุตหัวเราะใจเย็น “แต่เจ้าลืมอะไรบางอย่าง ไม่มีทางที่เจ้าจะสังเกตออกเมื่อมหาเทพให้ความสนใจเจ้า!”
หัวใจฟอร์ลันสั่นสะท้าน “เป็นไปได้หรือว่ามหาเทพจะรู้ทุกอย่างที่ข้าทำ? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! จะบังเอิญขนาดนั้นได้ยังไงที่มหาเทพเกิดจะมาสนใจในสิ่งที่ข้าทำ?” ฟอร์ลันพยายามโน้มน้าวตัวเองซ้ำๆ กัน
แต่มองผิวเผิน ฟอร์ลันยังเชิดหน้าด้วยความภูมิใจและพูดอย่างหนักแน่น “ท่านเจ้าแคว้น, ข้า, ฟอร์ลันกล้าประกาศตัวว่า ข้าไม่มีทางทรยศต่อเผ่าตระกูลเด็ดขาด ไม่มีทาง!”
“ข้าจะไม่พูดให้เปลืองคำเปล่าๆ” เบรุตมองดูเขา “เจ้าเชื่อว่าเจ้าบริสุทธิ์ใช่ไหม?”
ฟอร์ลันเงยหน้าจากนั้นพยักหน้าด้วยความภูมิใจ “แน่นอน!”
เบรุตพยักหน้าเล็กน้อย “อย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้าเจ้าบริสุทธิ์อย่างแท้จริง อย่างนั้นก็อย่าต่อต้าน ข้าจะใช้การสะกดจิตกับเจ้า ขณะที่สะกดจิต เจ้าจะบอกความจริงกับทุกคน”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้วว่าเบรุตจะทำอะไร “ฟอร์ลันเป็นอสูรเจ็ดดาว ที่สำคัญคือแม้ในบรรดาผู้อาวุโสเขามีระดับที่ทรงพลังที่สุด และเขายังเป็นสมาชิกคนหนึ่งของเผ่ามังกรฟ้า ด้วยแสงสีฟ้าของทักษะธรรมชาติคอยปกป้องวิญญาณของเขา มีความเป็นไปได้ว่า ต่อให้ลอร์ดเบรุตก็ไม่มีความสามารถพอสะกดจิตเขาได้”
การสะกดจิตอสูรเจ็ดดาวเป็นเรื่องที่ยากมาก
อสูรเจ็ดดาวผู้มีทักษะเทพธรรมชาติจะมีแสงสีฟ้าคอยปกป้องวิญญาณ...จำนวนคนในแดนนรกผู้สามารถสะกดจิตเขาได้แทบนับได้ด้วยมือข้างเดียว
“สะกดจิต?” ฟอร์ลันพูดอย่างโมโห “ท่านเจ้าแคว้น, ข้าไม่ใช่คนทรยศ! ท่านต้องการดำเนินการสะกดจิตกับข้า แม้ว่าท่านจะเป็นเจ้าแคว้นผู้ทรงเกียรติ ข้าขอบอกว่าท่านกระทำการกับคนอื่นเกินไปแล้ว!”
“บังอาจ!” กัซลีสันตวาด
ฟอร์ลันก้าวเท้ามาข้างหน้า
“ปัง!” เขาคุกเข่า
“ท่านประมุขเผ่า!” ฟอร์ลันพูดอย่างโมโห “เนื่องจากสถานการณ์เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรที่ข้าพูดแก้ต่างให้ตนเองได้ ท่านเจ้าแคว้นป้ายสีข้า แต่เขาแค่ต้องการสะกดจิตข้าและไม่ต้องการให้ข้าขัดขืน ข้า, ฟอร์ลันเป็นผู้อาวุโสของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีเกียรติ! ข้ายังเป็นอสูรเจ็ดดาว! ข้าจะไม่ยอมรับการดูถูกดูแคลนอย่างนี้!”
ฟอร์ลันเงยหน้าขึ้นมองด้วยความภาคภูมิ “ท่านประมุข ถ้าท่านกลัวพลังและอำนาจของเจ้าแคว้น อย่างนั้นในวันนี้ ข้า, ฟอร์ลันจะทำตามความต้องการของท่านเจ้าแคว้นและยอมรับความตาย! ท่านเจ้าแคว้นจะฆ่าจะประหารก็ทำตามใจเลย! แต่ท่าน, เบรุต.. ต่อให้ท่านเป็นเจ้าแคว้น, ต่อให้ท่านมีบุญคุณยิ่งใหญ่ต่อเผ่าเรา ข้าจะไม่ยอมให้ท่านดูหมิ่นอีกต่อไป! ต่อให้ท่านฆ่าข้าก็ตาม ข้าจะไม่ยอมให้ท่านใส่ความข้า!”
ฟอร์ลันหลับตา “ถ้าท่านต้องการฆ่าข้า อย่างนั้นก็เชิญเลย!”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสในห้องจัดเลี้ยงเริ่มพูดคุยผ่านสำนึกเทพ
“ฟอร์ลัน, แค่ยอมรับการสะกดจิต เมื่อถึงเวลา ท่านเจ้าแคว้นก็ย่อมรู้ว่าเจ้าบริสุทธิ์เอง” กัซลีสันกล่าว
“ข้าทนทุกข์ทรมานจากการดูหมิ่นมากพอแล้ว ยังต้องมาทนทุกข์กับการสะกดจิตโดยไม่มีการต่อต้านอีกหรือ?” น้ำตาฟอร์ลันไหลและเขาขึ้นเสียง “ท่านประมุข.. เมื่อยามบรรพบุรุษของเรายังมีชีวิต ยังมีใครกล้าทำกับผู้อาวุโสเผ่าเราแบบนี้?”
คำพูดเหล่านี้กระทบใจของผู้อาวุโสที่อยู่ในที่นั้นหลายคน
เมื่อบรรพบุรุษยังมีชีวิต ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์คงไม่พบกับเรื่องเช่นนี้
เบรุตหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะของเบรุตกึกก้องไปทั้งโถงใหญ่ และเขายืนขึ้นและเดินออกมา
“ถ้าท่านต้องการฆ่าข้า อย่างนั้นก็ฆ่าได้เลย” ฟอร์ลันหลับตาคุกเข่ากับที่แสดงท่าทีคับแค้น
“ท่านเจ้าแคว้น” กัซลีสันรีบกล่าว
เบรุตแค่เดินออกไปจากหอโถง และหัวเราะอย่างใจเย็น “เด็กน้อย ฝีมือการแสดงของเจ้าไม่เลว ก็ได้, ในวันนี้ ข้าจะไม่บีบคั้นเจ้าจนตาย เจ้าบอกว่าข้าป้ายสีชื่อเสียงของเจ้าใช่ไหม? อย่างนั้นข้าจะให้เจ้ามีชีวิตต่ออีกสองสามเดือน..และภายในสองสามเดือนนั้น ข้าจะดูว่าจะมีใครพูดแก้ตัวให้เจ้าเอง!”
หลังจากพูดจบเบรุตก็สะบัดผ้าคลุมเดินออกไป
“ข้า, ฟอร์ลันไม่ใช่คนทรยศ หลายเดือนจากนี้ไป ข้าก็จะไม่ใช่คนทรยศ!” ฟอร์ลันคุกเข่ากับที่ แต่เชิดหน้าพูด