ตอนที่ 17-52 พลังมหาเทพสองหยด
ฟูโซ่ กัซลีสันและทุกคนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ปู่!”
ขณะนั้นเองบีบีพูดขึ้นทันที หน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการดีใจ “ข้ารู้ว่าทำไมพวกเขางง เป็นเพราะทุกคนบอกว่า... ตามตำนานมีเพียงเทพชั้นสูงผู้กลายเป็นพารากอนจึงจะสามารถควบคุมพลังมหาเทพได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
เบรุตมองดูคนภายในห้อง
“ตำนาน... พวกเจ้าทุกคนรู้ว่าเป็นแค่ตำนานอย่างหนึ่งใช่ไหม?” เบรุตหัวเราะอย่างใจเย็น “เทพชั้นสูงพารากอนสามารถทำเช่นนั้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าเทพชั้นสูงอื่นไม่สามารถทำได้จริงไหม? พวกเจ้าทุกคนยึดติดกับความคิดตนเองเกินไป!”
ที่สำคัญคือตำนานไม่มีอะไรมากไปกว่าตำนานเรื่องเล่า!
ความเป็นจริงไม่จำเป็นต้องเหมือนกับตำนาน
“เบรุต!..เลื่อมใส เลื่อมใสจริงๆ มิน่าเล่ามหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ถึงได้ให้ความสำคัญท่านมาก” ฟูโซ่หัวเราะ โดยทั่วไปทูตจะเป็นบริวารของมหาเทพ ความตายของทูตมหาเทพก็หมายความว่ามหาเทพอาจต้องไปทูตอีกคนหนึ่ง
แต่ทูตมหาเทพบางคนทรงคุณค่าและได้รับการยกย่องจากมหาเทพของพวกเขา
ตัวอย่างเช่นเทพชั้นสูงพารากอน แม้ว่าเบรุตจะไม่ใช่เทพชั้นสูงพารากอน แต่มหาเทพของเขาก็ยังให้ความสำคัญเขาไว้สูงมาก
“อย่าว่าแต่ข้าเลย มหาเทพของเจ้าก็ให้ความสำคัญเจ้ามากมายเหมือนกัน” เบรุตหัวเราะ
ฟูโซ่เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้เหมือนกัน มหาเทพสายธาตุไฟลงมาประลองฝีมือกับเขาด้วยตนเองเริ่มตั้งแต่พลังโจมตีวัตถุและพลังโจมตีวิญญาณและการแข่งขันท้าทายอื่น จนในที่สุดมหาเทพจึงเปิดเผยสถานะของตน สำหรับมหาเทพที่ยอมลดตัวลงมาซ้อมมือกับฟูโซ่..เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ปฏิบัติกับฟูโซ่เหมือนเป็นหมากธรรมดา
ขณะที่ฟูโซ่กับเบรุตพูดคุยกัน ประมุขสี่เผ่าและผู้อาวุโสเพียงแต่ยืนนิ่งฟังอยู่เฉยๆ ไม่กล้าขัดจังหวะ ที่สำคัญทั้งสองคนนี้เป็นทูตมหาเทพ
เบรุตหันไปมองลินลี่ย์ และจากนั้นสั่งกัซลีสันและคนอื่นๆ “เอาล่ะทุกคน, ไม่จำเป็นต้องอยู่รวมกับสองคนนี้ในห้องนี้ต่อไปแล้ว ลินลี่ย์กับภรรยาคงมีเรื่องต้องถามไถ่เป็นการส่วนตัวกันเอง พวกเจ้าออกไปข้างนอกกันเถอะ”
ถึงตอนนี้กัซลีสันและคนอื่นๆ ค่อยรู้สึกตัว พวกเขารีบพยักหน้าตอบรับทันที
“ท่านเจ้าแคว้น ภรรยาของลินลี่ย์ได้รับการรักษาแล้ว ต้องขอบคุณที่ท่านมาเยี่ยมเยียน คืนนี้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงฉลองที่รักษานางจนหายและต้อนรับการมาเยือนของท่าน ท่านจะว่ายังไงบ้าง?” กัซลีสันกล่าว
“ตกลง ถ้าอย่างนั้นคืนนี้พวกเจ้าส่งคนมารับได้ สำหรับตอนนี้ ข้าอยากจะคุยกับบีบีเสียก่อน” เบรุตหัวเราะขณะที่เขามองดูบีบีและลูบศีรษะของบีบี
บีบีแค่เอียงศีรษะและหลบทันที
“ท่านเจ้าแคว้น!” มีเสียงชัดเจนเสียงหนึ่งดังขึ้น “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากขอร้องท่าน, ท่านเจ้าแคว้น”
“น้องหญิง!” กัซลีสันอดส่งสำนึกเทพเตือนไม่ได้ “รีบไปกันเถอะ” เห็นได้ชัดว่าเมื่อเห็นว่าเบรุตขอให้พวกเขาออกไปแล้ว พวกเขาก็ไม่ควรแข็งขืนอยู่ต่อ
เบรุตขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขาหันไปมองและเห็นว่าคนพูดเป็นประธานผู้อาวุโสแห่งเผ่ามังกรฟ้า ประธานผู้อาวุโสพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านเจ้าแคว้น เวลานี้ยังมีคนอื่นอีกมากนอกจากภรรยาของลินลี่ย์ที่ยังหมดสติอยู่ และอาการของพวกเขาก็เหมือนกับนาง! ข้าสงสัยว่า ท่านเจ้าแคว้นยินดีจะช่วยเหลือพวกเขา....”
“เฮอะ!” เบรุตแค่นเสียงเย็นชา คิ้วหนาดำของเขาชี้ชัน และสายตาเขาเย็นชาขณะมองนาง
“น้องหญิง!” กัซลีสันตวาดเช่นกัน
“น่าขัน!”
สายตาของเบรุตจ้องประธานผู้อาวุโสเขม็ง “การช่วยคนๆ หนึ่งต้องใช้พลังมหาเทพ! ต้องใช้พลังงานของข้าเอง! มันง่ายที่เจ้าจะพูด..และยิ่งกว่านั้นชีวิตของผู้คนของเจ้าเกี่ยวอะไรกับข้า? ถ้าถือตามเหตุผลของเจ้า เมื่อใดที่ทุกคนในแดนนรกได้รับบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตราย ข้า, เบรุตมิต้องปรากฏตัวช่วยพวกเขาทุกคนไปหมดหรอกหรือ!”
เมื่อเห็นเบรุตโกรธ ประมุขสี่เผ่าและเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์พากันตกใจ
สวรรค์โปรด แค่เหตุผลที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาสามารถรอดอยู่ที่นี่ในเทือกเขาสกายไรท์ได้ก็เป็นเพราะเบรุตทั้งหมด ถ้าเบรุตหยุดช่วยพวกเขาเสียดื้อๆ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ภายใต้การผนึกกำลังโจมตีของศัตรูคงจบสิ้นกัน
เมื่อเผชิญกับความโกรธของเบรุต ประธานผู้อาวุโสไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป
“ท่านเจ้าแคว้น ข้าต้องขออภัย น้องสาวของข้าแค่ห่วงใยคนในเผ่ามากเกินไป” กัซลีสันกล่าวขออภัย และจากนั้นนำทุกคนจากไปทันที
“เบรุต! เมื่อท่านอารมณ์เสีย ท่านขู่เสียจนผู้อาวุโสหญิงนั่นกลัวไปเลย นางไม่กล้าพูดอะไรต่อแม้แต่คำเดียว เอาเถอะน่าเบรุต ก็แค่บอกไปว่า ‘ไม่’ ก็พอแล้ว ทำไมต้องทำเป็นโมโหโทโส?” ฟูโซ่หัวเราะ เบรุตมีสีหน้ากลับเป็นปกติ และมีสีหน้ายิ้มแย้มเช่นกัน
“ฟูโซ่, ไม่จำเป็นต้องรับรองคนนอกอย่างที่พวกเขายิ้มอยู่ตลอดเวลาหรอก มิฉะนั้นบางคนมักจะลามปามเกินขอบเขต” เบรุตพูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น
เบรุตไม่ใช่คนใจอ่อนอยู่แล้ว ในการสู้รบในทวีปยูลาน ไม่ว่าจะมีคนตายไปเท่าใดเบรุตไม่ใส่ใจแม้น้อย เท่าที่เขาเห็น ความเป็นและความตายทั้งสองอย่างเป็นส่วนหนึ่งของกฎธรรมชาติ
ในที่สุดทุกคนจะต้องตาย
พวกเทพว่าโดยทฤษฎีแล้วมีอายุขัยไม่จำกัดก็จริง แต่ในทั่วทั้งแดนนรกมีเทพนับไม่ถ้วนตายไปในการต่อสู้แต่ละวัน ถ้าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา ทำไมเขาจะต้องใส่ใจพวกเขาด้วย ทำไมเขาจะต้องเข้าแทรกแซงด้วย?
“ปู่, กลับกันเถอะ” บีบีเตือน
เบรุตเริ่มหัวเราะ “ได้สิ, เรากำลังรบกวนลินลี่ย์กับภรรยาของเขา”
“ลอร์ดเบรุต, ขอบคุณท่านจริงๆ” ลินลี่ย์จูงมือเดเลียขณะที่เขาแสดงความขอบคุณเบรุต เบรุตช่วยชีวิตเดเลียครั้งนี้ ยังไม่มีอะไรที่ลินลี่ย์สามารถตอบแทนพระคุณนี้ได้
“ฮ่าฮ่า....” เบรุตเริ่มหัวเราะ “ดีแล้ว, ข้าจะไม่รบพวกเจ้าสองสามีภรรยาต่อไปแล้ว”
เบรุตพาฟูโซ่และบีบีไปทันที และในห้องเหลืออยู่แต่เพียงลินลี่ย์กับเดเลีย
ภายในห้อง
ลินลี่ย์เริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้เดเลียฟังอย่างช้าๆ เดเลียนั่งฟังอยู่กับที่ แม้ว่าลินลี่ย์จะสงบมากขณะเล่าให้ฟัง แต่เดเลียสามารถรู้สึกได้จากคำพูดของลินลี่ย์ว่าเขารู้สึกหวาดหวั่นและสิ้นหวังเพียงไหน พอๆ กับความรู้สึกตื่นเต้นที่เขารู้สึกเมื่อมีความหวังเกิดขึ้นในท่ามกลางความสิ้นหวัง
“เดเลีย! ถ้าลอร์ดเบรุตไม่ช่วยเจ้าครั้งนี้.. ข้าอดคิดไม่ได้ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไงหลังจากเจ้าตาย” ลินลี่ย์ถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ “จะให้ฝึกต่อหรือ? ฝึกไปเพื่ออะไร? ต่อให้ข้ากลายเป็นผู้แข็งแกร่งทรงพลัง จะมีประโยชน์อะไร? ไม่มีเจ้าอยู่ด้วย ไม่ว่าข้าจะแข็งแกร่งทรงพลังเพียงไหน ล้วนไม่มีประโยชน์?”
ความตายของเดเลีย สำหรับลินลี่ย์อาจทำให้อนาคตของเขาสูญสลายหายไป
เขาคงไม่มีความหวังใดๆ!
เขาคงไม่มีแรงบันดาลใจอะไร
เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเดเลียน้ำตาคลอเบ้า นางกางแขนและกอดลินลี่ย์ทันที นางรีบกล่าว “ลินลี่ย์! อย่าพูดอีกต่อไปเลย ตอนนี้ข้าหายดีแล้ว ข้าสบายดีแล้ว!”
“ใช่แล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว!”
ลินลี่ย์ลูบหน้าเดเลียและพยักหน้า “เดเลีย ข้าไม่เคยตื่นเต้น มีความสุขและมีชีวิตชีวามากขนาดนี้มาก่อน! เมื่อตอนที่ข้าเห็นเจ้าลืมตา เมื่อข้าเห็นสีสันในดวงตาของเจ้า...ข้ารู้สึกราวกับว่าตัวของข้าเต็มไปด้วยพลังชีวิต!”
“เพื่อเจ้า, เพื่อลูกของเรา ข้าจะต้องพัฒนาตัวเองอย่างหนักและต่อเนื่องจนกลายเป็นผู้ทรงพลัง!” ลินลี่ย์มองดูเดเลีย “มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!”
เดเลียเริ่มหลั่งน้ำตาขณะที่นางฟัง แต่ใบหน้าของนางประดับไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
“เดเลีย!” ลินลี่ย์ยื่นเหยียดมือออกและหยดพลังมหาเทพสายธาตุน้ำปรากฏขึ้น “นี่คือพลังมหาเทพสายธาตุน้ำ ครั้งนี้ข้าจะให้หยดพลังมหาเทพเจ้าไว้ก่อน เจ้าจะได้ไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ อีก โชคดีที่เจ้าปลอดภัยแล้วในตอนนี้ แต่ข้าไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก รับหยดพลังมหาเทพนี้ไปเถอะ!”
“ลินลี่ย์! ไม่..” เดเลียเมื่อเห็นหยดพลังมหาเทพก็รีบปฏิเสธทันที
“รับไปเถอะน่า!”
ลินลี่ย์พูดอย่างเคร่งขรึม “เดเลีย! หลังจากเหตุการณ์นี้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าอาจจะมีบางครั้งที่ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ เมื่อถือหยดพลังมหาเทพ ในช่วงเวลาวิกฤติ เจ้าจะได้ป้องกันชีวิตตัวเองได้ หยดพลังมหาเทพนี้ให้ผลทั้งปกป้องวิญญาณและป้องกันพลังโจมตีวัตถุ เดเลีย! อย่าปฏิเสธอีกเลย!”
เดเลียมองดูลินลี่ย์ นางรู้จักเขาดีและเข้าใจนิสัยของเขา
“ก็ได้ ข้าจะรับไว้” เดเลียไม่ปฏิเสธอีกต่อไป
ถึงตอนนี้ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้มอีกครั้ง เขาเอื้อมมือและรั้งเดเลียเข้ามาใกล้ เดเลียโอบกอดเขาไว้ “หลังจากสูญเสียบางอย่างไป สิ่งนั้นจะมีค่าและความสำคัญมากขึ้น ข้าลิ้มรสความสูญเสียไปครั้งหนึ่งแล้ว ข้าไม่ต้องการประสบพบเจออีก”
“เจ้าจะไม่สูญเสียอีกแล้ว” ใบหน้าของเดเลียมีรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว”
ลินลี่ย์รับทราบ ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง
ทั้งสองแอบอิงกันเช่นนี้ รู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน ดื่มด่ำกับความสงบสุข
คืนนั้น เทือกเขาสกายไรท์ ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ และผู้อาวุโสกลุ่มใหญ่ แม้แต่ผู้อาวุโสหลายคนที่สูญเสียร่างแยกที่ทรงพลังไป มาร่วมในงานเลี้ยงนี้ด้วย ที่สำคัญอาคันตุกะผู้มีเกียรติครั้งนี้คือผู้มีพระคุณต่อตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแคว้นอินดิโก!
เมื่อพวกเขารู้ความสัมพันธ์ระหว่างเบรุต บีบีและลินลี่ย์ ทุกคนรู้สึกตกใจ
ทุกคนต่างดื่มฉลองอวยพรแสดงความยินดี อย่างมีความสุข
“ผู้อาวุโสลินลี่ย์!” กัซลีสันนั่งอยู่บนบัลลังก์ในหอโถงใหญ่พูดด้วยเสียงที่ดัง “ครั้งนี้เจ้าต่อสู้กับแปดผู้อาวุโส แม้ว่าเจ้าต้องใช้หยดพลังมหาเทพ เจ้าก็ยังฆ่าอสูรเจ็ดดาวได้ถึงห้าคน”
ลินลี่ย์อดมองมาทางเขาไม่ได้...
“ข้ารู้ว่าเจ้าเชี่ยวชาญในกฎธรรมชาติธาตุดิน ครั้งนี้ข้าปรึกษากับประมุขเผ่าพญาเต่าดำแล้ว การฆ่าห้าผู้อาวุโสฝ่ายศัตรูนับเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ ทางเผ่าจึงขอมอบหยดพลังมหาเทพให้กับเจ้าสองหยด หนึ่งเป็นพลังมหาเทพธาตุน้ำ และอีกหยดหนึ่งเป็นพลังมหาเทพธาตุดิน” กัซลีสันหัวเราะขณะกล่าว
“ลินลี่ย์! เมื่อใช้พลังมหาเทพธาตุดินกับวิชาสนามพลังโน้มถ่วงของเจ้า พลังจะมากมายมหาศาล” เสียงทุ้มดังขึ้น เป็นเสียงของประมุขเผ่าพญาเต่าดำ
ลินลี่ย์รีบยืนขึ้นและเดินไปที่กลางโถงใหญ่
ขณะเดียวกันพลังมหาเทพลอยมาจากมือของกัซลีสันและประมุขเผ่าพญาเต่าดำ หยดหนึ่งเป็นน้ำสีฟ้า ขณะที่อีกหยดหนึ่งเป็นของเหลวสีเหลืองน้ำตาล ลินลี่ย์รับหยดพลังมหาเทพทั้งสองไว้ทันทีและเก็บไว้ในแหวนมังกรขนด
“ขอบคุณท่านประมุขทั้งสอง” ลินลี่ย์คำนับ
“หลังจากได้สร้างความดีความชอบแล้วก็สมควรได้รับผลตอบแทน นี่คือกฎของตระกูล” กัซลีสันหัวเราะ “แค่นั้นแหละ เจ้าไปนั่งได้แล้ว ทุกท่านเชิญดื่มกินกันต่อ”
ฟูโซ่และเบรุตยังนั่งอยู่ที่นั่งด้านหน้าของหอประชุมใหญ่มองหน้ากัน จากนั้นหัวเราะ
อย่างไรก็ตาม ด้านล่างพวกเขา ผู้อาวุโสฟอร์ลันรู้สึกไม่สบายใจอยู่ภายใน
“ท่านพ่อ” เอ็มมานูเอลส่งสำนึกเทพคุย
นี่เป็นเหตุการณ์ฉลองครั้งสำคัญ และคนหลายคนก็มาร่วมด้วย ทางเผ่ายังให้เกียรตินักรบเหล่านั้นผู้สูญเสียร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ซึ่งในแง่พลังแล้วไม่ควรจะเรียกว่าผู้อาวุโสต่อไป คนเหล่านี้ยังคงมีสถานะสูงส่งในตระกูล และพวกเขาได้รับเชิญมางานเลี้ยงด้วย เอ็มมานูเอลเป็นหนึ่งในนั้น
“ท่านประมุขเผ่าดูเหมือนจะลำเอียงเกินไป” เอ็มมานูเอลส่งสำนึกเทพคุย “ตามกฎของเผ่า ถ้าผู้อาวุโสใช้หยดพลังมหาเทพในการรบ โดยทั่วไปเขาจะได้รับแค่หยดพลังมหาเทพชดเชยที่ใช้ไป ต่อให้ผู้อาวุโสสร้างความดีความชอบมากเพียงไหน อย่างมากก็ได้รับคำชมบ้างเท่านั้น ที่สำคัญทางเผ่ามีหยดพลังมหาเทพเหลือไม่มาก”
“ฮึ่ม” ฟอร์ลันตอบผ่านสำนึกเทพ “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าแคว้นอินดิโก มิฉะนั้นพวกเขาจะมอบหยดพลังมหาเทพให้เจ้าลินลี่ย์สองหยดได้ยังไง? ข้าไม่รู้ว่าเจ้าลินลี่ย์โชคดีขนาดนั้นได้ยังไง เขายังมีความสัมพันธ์กับเจ้าแคว้นอินดิโกอีกต่างหาก!”
ฟอร์ลันไม่พอใจมากขึ้น
ลินลี่ย์ครอบครองแหวนมังกรฟ้าเป็นเรื่องที่ทำให้ฟอร์ลันไม่พอใจอยู่แล้ว และตอนนี้ดูเหมือนว่าลินลี่ย์มีสัมพันธ์ที่สนิทกับเจ้าแคว้นอินดิโกอย่างเหลือเชื่อ เป็นธรรมดาที่ฟอร์ลันจะรู้สึกคั่งแค้น แต่แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า
หน้าของเขายังมีรอยยิ้ม เขาชูแก้วเหล้าดื่มอวยพร “ผู้อาวุโสลินลี่ย์ ขอแสดงความยินดีด้วย มาเถอะ, ดื่ม!”
ลินลี่ย์นั่งอยู่บนเก้าอี้เกียรติยศ ใกล้กับเบรุตซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้า เบรุตมองดูลินลี่ย์จากนั้นพูดผ่านสำนึกเทพ “ลินลี่ย์, ข้าได้ยินมาว่าระหว่างเดินทางกลับเจ้าถูกผู้อาวุโสฝ่ายศัตรูแปดคนผนึกกำลังโจมตีใช่ไหม?”
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ก็สงสัยกับเรื่องนี้เช่นกัน เขาส่งสำนึกเทพคุยต่อ “นี่ต้องเป็นแผนการแน่นอน ประการแรกข้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ตนเอง ประการที่สอง ทันทีที่ข้าออกไปจากเมือง พวกเขาก็โจมตีทำร้ายข้า และข้อสามศัตรูส่งผู้อาวุโสออกมาแปดคน! พวกเขาจะไม่ทำเช่นนั้นโดยปราศจากความมั่นใจ”
เบรุตเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นส่งสำนึกตอบ “ฟูโซ่คุยเรื่องนี้ให้ข้าฟังเช่นกัน ข้าวิเคราะห์ดูสถานการณ์นี้อย่างระมัดระวังแล้ว และข้าสงสัย...ว่าบางคนในเผ่าอาจจะปล่อยข้อมูลเจ้าให้รั่วไหลออกไป”
ลินลี่ย์ตะลึง
“ลินลี่ย์! บอกข้ามา มีคนที่เจ้าสงสัยบ้างไหม?” เบรุตถามทางสำนึกเทพ
มีคนหนึ่งที่ลินลี่ย์สงสัยเป็นธรรมดา
“ลอร์ดเบรุต ข้าไม่มีข้อพิสูจน์แม้แต่น้อย และไม่มีทางที่จะแน่ใจว่าจะมีคนทรยศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เป็นการสงสัยโดยเปล่าประโยชน์” ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพ
“ไม่ต้องห่วงเรื่อง เรื่องจะมีประโยชน์หรือไม่ แค่บอกข้าว่ามีคนที่เจ้าสงสัย! บอกมาว่าเจ้าสงสัยใคร!” เบรุตกล่าว
ลินลี่ย์ลังเลเล็กน้อยจากนั้นกล่าว “มีอยู่คนหนึ่ง เมื่อเวลาที่ข้าขึ้นอสูรโดยสารและออกไป เขาเห็นว่าข้าออกไปเช่นกัน ในเผ่ามีคนที่ข้าขัดแย้งด้วยก็คือเขา กับลูกชายของเขา”
“เขาเป็นใคร?” เบรุตถาม
“ฟอร์ลัน!” ในที่สุดลินลี่ย์พูดชื่อของเขา
“เขาคือคนไหน? อยู่ในห้องจัดเลี้ยงนี่ไหม?” เบรุตถาม
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์ตอบ “เขาเป็นที่ห้าในแถวข้างหน้าเรา”
เบรุตมองตามท่าทางของลินลี่ย์ เขาหันหน้ามองและเห็นว่าฟอร์ลันตอนนี้กำลังดื่มฉลองกับผู้อาวุโสอื่นขณะคุยไปพลาง “สถานการณ์ของเผ่าทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที ครั้งล่าสุดเมื่อข้าเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสฝ่ายศัตรู ข้าเกือบเสร็จไปแล้ว”
“โอว, คนผมทองใช่ไหม?” เบรุตถามผ่านสำนึกเทพ
ลินลี่ย์ตอบ “คนนั้นนั่นแหละ!”