ตอนที่แล้วตอนที่ 17-53 เดินหน้าชำระคดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-52 พลังมหาเทพสองหยด

ตอนที่ 17-51 ฝีมือของเบรุต


ลินลี่ย์เดิมทีจมอยู่กับความสิ้นหวัง เขาเชื่อว่าเดเลียไม่มีหวังรอดชีวิตแล้ว และเขาไม่กล้าฝากความหวังไว้กบการมาถึงของเจ้าแคว้นอินดิโกมากนัก แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จากหายนะ เจ้าแคว้นที่กัซลีสันยกย่องชื่นชมว่าทรงพลังไม่ขาดปากก็คือเบรุต ปู่ของบีบีนั่นเอง!

เมื่อเขาเห็นเบรุต ลินลี่ย์รู้สึกมีความหวังล้นเอ่อขึ้นมาในใจ

เบรุตในใจของลินลี่ย์มีความลึกซึ้งและทรงพลังยากจะหยั่ง

“บางทีลอร์ดเบรุตอาจช่วยเดเลียได้” ในใจของลินลี่ย์เริ่มกระตือรือร้น

ข้างนอกประตูห้อง คนกลุ่มใหญ่จ้องมองบีบีและเบรุตเจ้าแคว้นอินดิโกด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มที่ไม่ธรรมดาผู้อยู่ใกล้ตัวลินลี่ย์ตลอดมา ความจริงแล้วมีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเจ้าแคว้น!

“เบรุต...ท่านเป็นปู่ของเขาหรือ?” ฟูโซ่พูดด้วยความสงสัย

เบรุตยิ้มชำเลืองมองเขา จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อย “ฟูโซ่, ข้าขอโทษจริงๆ ข้าโกหกเจ้าก่อนหน้านี้ เพราะข้ากลัวว่าถ้าเจ้ารู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างข้ากับบีบี เจ้าจะดูแลตามใจเจ้าเด็กนี่ เจ้าไม่รู้ว่าบีบีเกียจคร้านขนาดไหน เขาจะต้องเรียนรู้ดูแลรักษาตัวเอง”

ฟูโซ่เริ่มหัวเราะเช่นกัน

เมื่อเขายังเป็นแค่แมวน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเอลควิน นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาพบกับลินลี่ย์และบีบี เขาเดาว่าบีบีคงมีความสัมพันธ์บางอย่างกับเบรุต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเห็นบีบีใช้อาวุธประกายเทพนั้น

หลังจากนั้นเมื่อเขาพบกับเบรุต เขาจะถามเบรุตเรื่องนี้ แต่เบรุตแค่ตอบอย่างธรรมดาและหลอกเขา

“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว เจ้าเด็กนี่จำเป็นต้องขัดเกลาและหล่อหลอมชีวิตตัวเองอีกนิด” ฟูโซ่หัวเราะขณะมองบีบี

บีบีอดแค่นเสียงไม่ได้ “ปู่! ข้าน่ะเชี่ยวชาญห้าเคล็ดลึกลับแล้ว นี่แค่เพียงพันปีเอง ความเร็วในการฝึกของข้าไวมากอยู่แล้ว”

“เจ้านี่ ช่างหน้าหนาจริงๆ!” เบรุตไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในห้าเคล็ดความรู้ลึกลับที่บีบีเชี่ยวชาญ หนึ่งนั้นได้มาตามธรรมชาติเมื่อเขาในฐานะที่เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์โตเต็มวัย สำหรับอีกสี่เคล็ดได้มาจากเสี้ยววิญญาณที่เบรุตขอให้สหายทำให้

แต่แน่นอน...

ความสามารถในการทำความเข้าใจของบีบีนับว่าไม่เลว เนื่องจากเขาสามารถทะลุผ่านคอขวดของเคล็ดทั้งสี่ได้

กัซลีสัน เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิง และหัวหน้าเผ่าคนอื่น และเหล่าผู้อาวุโสก็ตะลึงไปด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าลินลี่ย์และบีบีจะมีความสัมพันธ์ที่สนิทกับเจ้าแคว้นผู้มีอำนาจยากจะหยั่งถึงผู้นี้

“ท่านเจ้าแคว้น บีบีนับว่าน่าชื่นชมจริงๆ สามารถเชี่ยวชาญเคล็ดความรู้ลึกลับได้ถึงห้าเคล็ดในช่วงเวลาไม่ถึงพันปี” กัซลีสันก็พูดเช่นกัน

“เจ้ายังไม่รู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในความจริงนี้” เบรุตกล่าว ตาของเขามีแววขำขัน

“ปู่!” บีบีค่อนข้างไม่พอใจ

เบรุตหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตาม เทียบกับตอนอยู่ในทวีปยูลานแล้ว เจ้าก้าวหน้าได้มากมายอย่างแน่นอน อย่างน้อยความอดทนของเจ้าก็ก้าวหน้าขึ้นมาบ้าง ฮ่าฮ่า..”

ถึงตอนนี้บีบีค่อยยิ้มออก

“ลอร์ดเบรุต” ในที่สุดลินลี่ย์ก็พูดขึ้น “ภรรยาข้า, เดเลีย..นาง..”

เบรุตหันหน้ามอง เมื่อเห็นลินลี่ย์ สีหน้าของเขาเพิ่มความเคร่งขรึมขึ้น เขาพยักหน้า “ข้าได้ยินอาการของภรรยาเจ้าแล้ว ทำให้ข้าต้องรีบมาเอง ตอนนั้นเมื่อเจ้าทั้งสองคนแต่งงานกัน ข้าให้ลูกชายข้านำประกายเทพมาให้ภรรยาเจ้า ใครจะคาดคิด..ว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ โธ่เอ๊ย.. มาเถอะ ให้ข้าดูหน่อย”

“เชิญ” ลินลี่ย์เดินนำทางข้างหน้า และทั้งสองเข้าไปในห้อง มีฟูโซ่และบีบีตามหลัง

ในอดีต เบรุตมอบประกายเทพนางด้วยความตั้งใจดี ที่สำคัญโอกาสจะกลายเป็นเทพด้วยตนเองของคนในแดนโลกธาตุมีต่ำมาก แม้ว่าจะมีประโยชน์มากมายกับการกลายเป็นเทพด้วยตนเอง แต่เดเลียจะกลายเป็นเทพโดยปราศจากการช่วยเหลือได้หรือไม่? อย่าว่าแต่การกลายเป็นเทพเลย ต่อให้กลายเป็นเซียนยังเป็นเรื่องยาก ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่านางจะกลายเป็นเทพ?

เช่นเดียวกับวอร์ตัน

ถ้าวอร์ตันไม่ผ่านพิธีชุบตัวของบรรพบุรุษ จะเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะกลายเป็นเทพโดยอาศัยความสามารถของตนเอง

“ลินลี่ย์มีความสัมพันธ์กับท่านเจ้าแคว้นถึงขนาดนั้นเชียว” กัซลีสันและคนอื่นที่อยู่นอกห้องมองหน้ากันเอง พวกเขายังตกตะลึงกับข่าวนี้ ขณะเดียวกันกัซลีสันกางสนามพลังเทพป้องกันเสียงไม่ให้เล็ดรอดจนคนในห้องได้ยินเสียงพวกเขา

“ท่านไม่ได้ยินหรือ? เมื่อลินลี่ย์แต่งงานในพิภพโลกธาตุ ท่านเจ้าแคว้นส่งของขวัญไปให้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาสนิทกันมาก” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงยิ้มและนางเริ่มหัวเราะ “สำหรับสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรานี่ถือเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน”

“ถูกแล้ว ถ้าท่านเจ้าแคว้นตัดสินใจช่วยเรา แปดตระกูลใหญ่คงไม่กล้าเหิมเกริมมากนัก!!” ประมุขเผ่าพญาเต่าดำพยักหน้าเหมือนกัน

“ฝีมือของท่านเจ้าแคว้นน่ากลัวจริงๆ” กัซลีสันถอนหายใจด้วยความทึ่ง

พวกเขาทุกคนจำได้ถึงภาพวันนั้น เมื่อตอนที่เบรุตปรากฏตัวและห้ามแปดตระกูลใหญ่ เขาควงไม้เท้ายาวอยู่ในมือ และเคลื่อนไหวได้เร็วเหมือนสายฟ้า ขณะที่เขาวนเข้าออกในหมู่ยอดฝีมือหลายคนของแปดตระกูลใหญ่ ไม่มีอสูรเจ็ดดาวสักคนที่โดนไม้เท้านั้นแล้วจะมีโอกาสรอดชีวิต

อย่างไรก็ตามยอดฝีมือแปดตระกูลใหญ่ไม่สามารถทำอันตรายเบรุตได้แม้แต่ด้วยพลังโจมตีวัตถุ และเมื่อพวกเขาใช้พลังโจมตีวิญญาณใส่เบรุตก็ไม่มีผลปรากฏให้เห็น

ในพริบตาเบรุตได้จัดการฆ่าอสูรเจ็ดดาวไปมากกว่ายี่สิบคน กองกำลังแปดตระกูลใหญ่ที่น่ากลัวย่ำแย่หนักจนพวกเขาต้องหยุดโจมตีทันที แม้แต่ประมุขตระกูลโบลีนก็ประฝีมือกับเบรุต เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าไม่ถึงกับตาย

ต้องเข้าใจว่าประมุขตระกูลโบลีนมีสมบัติมหาเทพด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับเบรุตแล้ว...

พวกเขามีฝีมือต่างระดับกัน!

เบรุตมีชื่อเสียงว่าทรงพลังที่สุดในทวีปบลัดริจแล้วนอกจากมหาเทพบลัดริจเอง! ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงมากมายขนาดนั้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัย เทพอสูรอื่นยังยอมรับโดยปริยาย จากตรงนี้เอง ทุกคนคงสามารถบอกได้ว่าเขาทรงพลังขนาดไหน

“ตอนนั้นถ้าท่านเจ้าแคว้นสั่งบังคับแปดตระกูลใหญ่ให้กลับไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยินดีทำเช่นนั้นก็ตาม แต่ในที่สุดพวกเขาอาจจะยอมทำตาม” กัซลีสันถอนหายใจ “อย่างไรก็ตามเหมือนกับว่าท่านเจ้าแคว้นไม่ต้องการล่วงเกินแปดตระกูลใหญ่มากนัก มีแนวโน้มว่าเขาต้องเห็นแก่หน้ามหาเทพที่อยู่เบื้องหลังแปดตระกูลใหญ่ ดังนั้นเขาแค่ห้ามไม่ให้แปดตระกูลใหญ่เข้าไปในเทือกเขาสกายไรท์เท่านั้น”

“เป็นเรื่องที่ดีมากแล้วที่ท่านเจ้าแคว้นยินดีทำเช่นนี้เพื่อเรา” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “วันนั้นเมื่อบรรพบุรุษทั้งสี่ยังอยู่กันทุกคน ยอดฝีมือมากมายเพียงไหนที่เข้ามาทำงานกับเรา? บรรพบุรุษทั้งสี่ของเรามีทูตมหาเทพด้วยเช่นกัน แต่หลังจากบรรพบุรุษทั้งสี่ตายเล่า? ไม่มีทูตมหาเทพแม้แต่คนเดียวที่สนใจตระกูลของเรา”

ผู้อาวุโสคนอื่นลอบถอนหายใจเงียบๆ

สมดังภาษิตที่ว่า ‘เมื่อคนตายไป น้ำชาเย็นชืด” (น้ำใจจืดจาง?)

เมื่อบรรพบุรุษตาย แม้แต่ทูตของพวกเขาก็นิ่งดูดาย ไม่ยอมช่วยเหลือแม้แต่น้อย ขณะที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปทีละก้าว แต่โชคดีที่ท่านเจ้าแคว้นอินดิโกเข้ามาแทรกแซงในที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ถึงกับขับไล่แปดตระกูลใหญ่ออกไปโดยสิ้นเชิง แต่อย่างน้อยก็ยังให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์รอดอยู่ได้ไม่ต้องถูกฆ่า

คนเราไม่ควรโลภเกินไป

เจ้าแคว้นอินดิโกเมตตาต่อพวกเขามามากแล้ว เจ้าแคว้นอินดิโกทำเพื่อพวกเขามามาก แต่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถทำอะไรเพื่อตอบแทนเขา

“ไปกันเถอะ เราเข้าไปดูกัน” กัซลีสันเดินเข้าไปเป็นคนแรก และผู้อาวุโสอื่นทุกคนตามเข้าไป

ทันทีที่กัซลีสันเข้าไปในห้อง เขาเห็นว่าลินลี่ย์ยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหนึ่งรอคอยอยู่เงียบๆ ขณะที่เบรุตกำลังยืนหลับตา ครู่ต่อมาเขาลืมตาและถอนหายใจ “อาการของเดเลียน่ากลัวมากกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก!”

“ลอร์ดเบรุต แม้แต่ท่านก็ยังช่วยเดเลียไม่ได้หรือ?” ลินลี่ย์รีบกล่าว

“ปู่” บีบีรีบพูดเช่นกัน

“ฮ่าฮ่า...” เบรุตเริ่มหัวเราะลั่น “ข้าแค่บอกว่าอาการหนัก ไม่ได้บอกว่าข้าช่วยนางไม่ได้สักหน่อย! อย่างไรก็ตาม, เพื่อช่วยภรรยาของเจ้า ข้าจะต้องยอมเสียหยดพลังมหาเทพสายวิถีชีวิต!”

ขณะที่เขาพูด เบรุตแบมือและหยดของเหลวสีเขียวปรากฏขึ้นในฝ่ามือ

“ลอร์ดเบรุต” ทันทีที่ลินลี่ย์เห็นหยดพลังมหาเทพวิถีชีวิต เขากังวลใจ “ในการรักษาวิญญาณ ผู้รักษาจะต้องเจาะเข้าไปในใจกลางวิญญาณ ถ้ามีพลังมหาเทพรั่วไหลหรือผิดพลาดแม้แต่เล็กน้อย อย่างนั้น...”

แม้ว่าลินลี่ย์ต้องการจะช่วยเดเลีย แต่เขาไม่ต้องการเห็นเดเลียตายเนื่องจากอุบัติเหตุ

“ท่านเจ้าแคว้น! การใช้หยดพลังมหาเทพ...” กัซลีสันพูดขัดขึ้นเช่นกัน

“เฮ้, พวกเจ้าคิดหรือว่าข้าจะไม่มีสามัญสำนึกจริงๆ?” เบรุตงงงันหันไปมองลินลี่ย์และคนอื่น “ก็แค่หยดพลังมหาเทพวิถีชีวิตหยดเดียว แม้ว่ายากจะใช้มันโดยไม่ให้พลังรั่วไหลได้ แต่ใครบอกกันเล่าว่าข้าไม่สามารถใช้มันได้?”

ขณะที่เบรุตพูด หยดพลังมหาเทพวิถีชีวิตในมือเขาก็ซึมเข้าไปในร่างของเขา

และจากนั้นเบรุตชี้นิ้วมือข้างขวา และเกิดภาพลวงตาสีเขียวเลือนรางขึ้น

“พลังมหาเทพ!” ลินลี่ย์ตะลึง

“เป็นไปได้ยังไง?” กัซลีสัน ฟูโซ่และคนอื่นๆ ตะลึงกันหมด เห็นได้ชัดว่าเบรุตใช้พลังมหาเทพแล้ว แต่ร่างของเบรุตไม่ปล่อยร่องรอยของพลังออกมาเลยสักนิด

โดยทั่วไปหลังจากคนผู้หนึ่งใช้พลังมหาเทพ รัศมีสีสันจะเปล่งออกมาจากตัวผู้นั้น

แสงนั้นก็คือพลังมหาเทพที่รั่วออกมา แต่เบรุตไม่ปล่อยพลังให้รั่วออกมาแม้แต่น้อย มองจากภายนอก ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า..เบรุตกำลังใช้พลังมหาเทพ

ลินลี่ย์ดีใจมาก “นางจะต้องปลอดภัย เดเลียจะปลอดภัย ข้านึกไม่ถึงเลยว่าลอร์ดเบรุตจะน่ากลัวมากถึงเพียงนั้น เขาสามารถใช้พลังมหาเทพที่มหาศาลโดยไม่มีร่องรอยการรั่วไหลของพลัง

พลังมหาเทพเป็นพลังที่แข็งแกร่งรุนแรงเกินไปสำหรับเทพชั้นสูง

การใช้ก็เหมือนกับปล่อยให้มนุษย์ธรรมดากวัดแกว่งควงดาบที่หนักถึงห้าสิบกิโลกรัม เนื่องจากน้ำหนักที่มากมาย ก็ยากที่คนธรรมดาจะใช้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวโดยไม่มีการผิดพลาด

ในทำนองเดียวกันกับการที่เทพธรรมดาใช้พลังมหาเทพ

เป็นเรื่องเกินขอบเขตการควบคุมพลังวิญญาณของพวกเขา ดังนั้นจึงมีพลังรั่วออกมา ตามตำนานมีเพียงเทพชั้นสูงพารากอนเท่านั้นที่สามารถควบคุมพลังมหาเทพได้อย่างบริบูรณ์ แต่วันนี้เบรุตทำได้สำเร็จ

“ท่านเจ้าแคว้น หรือว่าท่านถึงระดับพารากอนแล้ว..” กัซลีสันพูดด้วยความตกใจ

“เงียบ!”

เบรุตขมวดคิ้ว หน้าของเขาเคร่งขรึมขึ้น “ขณะที่ข้ากำลังรักษาเดเลีย พวกเจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูด ถ้าพวกเจ้ารบกวนข้า อย่างนั้นพวกเจ้าจะต้องทนรับผลที่ตามมา!” เบรุตแสดงด้านดุร้ายบ้าง

ทุกคนในห้องเงียบลงทันใด

หัวใจของลินลี่ย์ไตร่ตรองและมองดูทุกอย่างด้วยความกระวนกระวาย เขาเห็นเบรุตเหยียดมือขวาจับที่กระหม่อมของเดเลีย ทันใดนั้นภาพแสงสีเขียวเริ่มไหลเข้าไปในศีรษะของเดเลีย

ขณะที่เบรุตหลับตา เขาเพ่งสมาธิอยู่กับการรักษานาง

ทั่วทั้งห้องเงียบเสียงสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจให้ได้ยิน

“นางจะต้องดีขึ้น นางจะต้องดีขึ้นแน่นอน” ลินลี่ย์จ้องมองตาไม่กระพริบ ภาวนาในใจไม่หยุด เขากลัวจริงๆ ช่วงเวลานี้มื่ออัลฟองซัสรักษาเดเลีย เขาก็ทำคล้ายๆ กัน ลินลี่ย์เชื่อว่าเดเลียจะต้องดีขึ้น แต่ผลของการรักษา..

เงียบสงัด...

เวลาผ่านไปในแต่ละวินาที

การรักษาวิญญาณเป็นงานละเอียดและต้องระมัดระวัง ภายในวิญญาณมีความซับซ้อนมากและแกนของวิญญาณมีความเปราะบางมาก ความผิดพลาดเล็กน้อยจะทำให้วิญญาณจบสิ้น แม้แต่เบรุตก็ต้องระมัดระวังมากและค่อยๆ ทำการรักษา

หลังจากผ่านไปนาน...

เหงื่อที่ไหลซึมจากหน้าผากลินลี่ย์เหือดแห้งไปแล้ว

“เรียบร้อย!” เสียงถอนหายใจยาวดังไปทั้งห้อง เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นในท่ามกลางความเงียบเช่นนี้ทำให้ลินลี่ย์รู้สึกตกใจ เขารีบมองดูเบรุต ห้วงเวลาตัดสินมาถึงแล้ว!

“ลอร์ดเบรุต! เป็นยังไงบ้าง?” เมื่อลินลี่ย์พูดออกไป ใจของเขากำลังสั่นสะท้าน

“เป็นยังไงน่ะหรือ? เจ้าไปดูเอาเองสิ” เบรุตหัวเราะ

ลินลี่ย์มองดูเดเลียทันที ขณะที่เขามองดูเดเลียที่กำลังหลับอยู่ หนังตาของเดเลียสั่นเล็กน้อย ในขณะนั้นลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่ามีเปลวเพลิงแผดเผาอยู่ในอก ใบหน้าของเขามีแววยินดีปรากฏ

เดเลียลืมตามองดูพวกเขาอย่างงงงวยไม่เข้าใจ นางมองดูรอบๆ ตัว ที่นี่มีคนมากมายนัก

“ลอร์ดเบรุต” เดเลียสะดุ้งเฮือกตกใจ จากนั้นมองดูลินลี่ย์ทันที “ลินลี่ย์, เกิดอะไรขึ้น?” หลังจากเดเลียถูกไม้ตายโจมตีวิญญาณ นางหมดสติตลอดเวลา นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรตามมาในช่วงเวลาหนึ่ง

“ลินลี่ย์, เจ้าร้องไห้ทำไม?” เดเลียรู้สึกงงอย่างสิ้นเชิง

ทำไมทันทีที่นางตื่นขึ้นถึงได้มีคนมากมายนัก รวมทั้งประมุขเผ่า และแม้แต่เบรุตก็ยังปรากฏตัว!

ลินลี่ย์น้ำตาไหลอย่างควบคุมมิได้ ทันทีที่เดเลียตื่นขึ้น ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าโลกที่มืดมิดพลันสว่างไสวอีกครั้ง สีสันของโลกกลับคืนมาอีกครั้ง

“เดเลีย!” ลินลี่ย์กอดเดเลีย กอดนางไว้แน่นกลัวว่าเขาจะสูญเสียนางไปอีก

“ท่านเจ้าแคว้น! ท่าน..ท่านเป็นเทพชั้นสูงระดับพารากอนแล้วหรือ?” กัซลีสันกล่าว

“เบรุต, ท่าน...” ฟูโซ่พูดด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

เบรุตเริ่มหัวเราะลั่น “พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน? เป็นไปได้หรือว่า ถ้าข้าไม่เป็นพารากอน แล้วข้าจะควบคุมพลังมหาเทพไม่ได้หรือ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด