ตอนที่แล้วตอนที่ 17-49 สามเดือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17-53 เดินหน้าชำระคดี

ตอนที่ 17-50 ระหว่างความเป็นความตาย


ภายในห้องทุกคนกำลังมองดูอัลฟองซัสรักษาเดเลีย ลินลี่ย์กระวนกระวายใจที่สุดในคนเหล่านั้น และหน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ อย่างไรก็ตามลินลี่ย์ไม่ทันสังเกต

“แครก...”

แสงสีเขียวหมุนวนและเปล่งเสียงเบาเลือนราง อัลฟองซัสมีสีหน้าเคร่งเครียด และส่งเสียงคำรามเบาๆทันที ความเร็วของแสงสีเขียวที่หมุนวนเพิ่มขึ้นทันทีและเข้าไปในสมองของเดเลียต่อเนื่อง

“อือ...” ดูเหมือนเดเลียจะเจ็บปวดส่งเสียงร้องครางออกมาเบาๆ หน้าผากของนางย่นเล็กน้อย

เสียงเบาๆ นี้สำหรับลินลี่ย์เหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ตาของเขาทอประกายวูบเหมือนกับว่าเขาถูกสายฟ้าฟาด “เดเลียรู้สึกตัว! นางมีอาการสนองตอบ!” ลินลี่ย์ตื่นเต้นมาก เขาสั่นไปทั้งตัว

แววยินดีปรากฏอยู่ในสีหน้าทุกคนเช่นกัน

“พี่ใหญ่ เดเลียจะต้องปลอดภัย” บีบีรีบพูดผ่านสำนึกเทพด้วยความดีใจเช่นกัน

“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาเต็มไปด้วยพลังชีวิตอีกครั้งหนึ่ง

กัซลีสัน ฟูโซ่และคนอื่นเริ่มหัวเราะเช่นกัน ลินลี่ย์ยังคงจ้องมองอัลฟองซัสในฐานะเป็นผู้รักษาเดเลีย และความหวังในใจของเขายังคงขยายต่อไป “เดเลีย เจ้าจะต้องดีขึ้นแน่นอน ต้องดีขึ้น”

ขณะนั้นเอง...

อัลฟองซัสรั้งมือขวากลับมาเป็นอันสิ้นสุดการรักษา

“ท่านอัลฟองซัส ภรรยาของข้ารักษาได้ไหม?” ลินลี่ย์รีบถาม อัลฟองซัสหันมามองลินลี่ย์ เขามองเห็นความหวังและความคาดหวังที่แฝงอยู่ในดวงตาของเด็กหนุ่มผู้นี้ อย่างไรก็ตามอัลฟองซัสถอนหายใจเบาๆ “ลินลี่ย์... เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้าง”

“เตรียมอะไร? เตรียมไปทำไม?” ลินลี่ย์รู้สึกไม่ดีทันที

“ท่านอัลฟองซัส, เกิดอะไรขึ้น?” กัซลีสันที่มีสีหน้ายิ้มตลอดเวลารีบถาม ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปด้วย

อัลฟองซัสส่ายศีรษะ “ทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือบอกกับท่านอย่างเปิดเผย.. ข้าไม่สามารถช่วยสตรีคนนี้ได้ นอกจากนี้ข้าขอแนะนำว่าให้เจ้ายอมแพ้เสียเถอะ การช่วยสตรีนางนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย”

เมื่อได้ยินคำพูดจากปากอัลฟองซัส ลินลี่ย์รู้สึกความคิดว่างเปล่าขาวโพลน

“ไม่!”

ลินลี่ย์โกรธทันทีและจ้องอัลฟองซัสเขม็งเหมือนราชสีห์ที่กำลังคลุ้มคลั่ง “ท่านอัลฟองซัส, ท่านต้องโกหกข้าแน่ ก็เมื่อครู่นี้เดเลียยังมีอาการตอบสนอง นางหมดสติ แล้วจู่ๆ ท่านบอกว่าท่านไม่สามารถรักษาได้ได้ยังไง?”

“ใช่แล้ว ก็นางเพิ่งจะกระเตื้องขึ้นเดี๋ยวนี้เองไม่ใช่หรือ?” กัซลีสันพูดเช่นกัน

เมื่อเห็นท่าทีที่ดุร้ายป่าเถื่อนบนใบหน้าของเด็กหนุ่มข้างหน้าเขา อัลฟองซัสถอนหายใจเบาๆ “ลินลี่ย์ เมื่อครู่นี้ภรรยาของเจ้าไม่ได้ฟื้นคืนสติ แต่ขณะที่ข้ากำลังรักษานาง วิญญาณของนางต่อต้านข้าอย่างรุนแรงทำให้ร่างของนางมีอาการตอบสนองเล็กน้อย”

“แต่...แต่คาสเทลบอกว่าท่านมีโอกาสช่วยภรรยาข้าถึง 90% ไม่ใช่หรือ? แล้วนี่เป็นไปได้ยังไง?..” ลินลี่ย์ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้

เขาไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้จริงๆ!

สามเดือนที่แล้ว ลินลี่ย์ยังคงมั่นใจว่าเดเลียจะได้รับการรักษาแน่นอน พอผ่านไปสามเดือนลินลี่ย์รอคอยวันนี้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครู่นี้ลินลี่ย์ยังเชื่อว่าเดเลียได้รับการรักษาแล้ว

แต่บัดนี้....

อัลฟองซัสระบายลมหายใจ “สามเดือนที่แล้ว ถ้าข้ารักษาภรรยาของเจ้า ข้าคงช่วยนางได้แน่นอน แต่ตอนนี้ มันสายเกินไป”

“หมายความว่ายังไง? ท่านสามารถช่วยนางได้เมื่อสามเดือนที่แล้ว แต่ตอนนี้?” ลินลี่ย์ลนลานกล่าว

อัลฟองซัสมองดูคนรอบๆ ทุกคน จากนั้นกล่าว “ทุกคน นี่เป็นพลังโจมตีวิญญาณที่ร้ายกาจชั่วร้าย จุดเขียวเหล่านั้นจะกัดกินวิญญาณและแปรสภาพไปเรื่อยๆ จากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปดทวีคูณเรื่อยไป...”

“แม้ว่าวิญญาณของเทพชั้นสูงจะทรงพลัง และการกัดกินและเปลี่ยนแปลงจะทำได้ยากมาก.. แต่เนื่องจากผลกระทบทวีคูณที่ดำเนินอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไร อัตราการกัดกินก็จะเพิ่มมากขึ้น” อัลฟองซัสพูดอย่างจริงจัง

ทุกคนพยักหน้า

“ข้ารู้เรื่องเหล่านี้แล้ว แต่ทำไมท่านถึงไม่สามารถช่วยเดเลียได้เล่า?” ลินลี่ย์รีบถาม

อัลฟองซัสมองดูลินลี่ย์และถอนหายใจ “ลินลี่ย์ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? ความเร็วในการกัดกินและเปลี่ยนแปลงมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามเดือนที่แล้ว ความเร็วในการกัดกินและเปลี่ยนแปลง..ยังช้ากว่านี้เป็นล้านเท่า!”

ลินลี่ย์ตะลึง

หนึ่งเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปดทวีคูณขึ้นไป จนเป็นจำนวนที่น่าตกใจ

“สิ่งที่ข้าต้องการทำเพื่อช่วยภรรยาของเจ้าก็คือต้านทานการกัดกินและต้านทานการเปลี่ยนของจุดสีเขียวเหล่านั้น!” อัลฟองซัสกล่าว

ลินลี่ย์รู้เรื่องนี้เช่นกัน ว่าวิธีการรักษาจะต้องตอบโต้การกัดกินและย้อนการเปลี่ยนแปลง

“ขอเพียงเมื่อความเร็วในการตอบโต้การกัดกินวิญญาณของข้าเหนือกว่าความเร็วในการกัดกินวิญญาณ ข้าจะสามารถช่วยภรรยาของเจ้าได้” อัลฟองซัสกล่าว และลินลี่ย์จึงได้เข้าใจทั้งหมด

“ตอนนี้ ความเร็วในการรักษาของข้ายังช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วในการกัดกิน ต่อให้ข้าทุ่มเทกำลังทั้งหมดก็ตาม อย่างมากสุดข้าก็แค่ชะลอความเร็วในการกัดกินวิญญาณยืดชีวิตให้ภรรยาของเจ้าได้บ้าง” อัลฟองซัสถอนหายใจ “ถ้าเป็นสามเดือนที่แล้ว ข้ายังสามารถช่วยภรรยาเจ้าได้ แต่ตอนนี้อภัยให้ข้าด้วย ข้าไร้ความสามารถ”

ลินลี่ย์ยืนตะลึงงันกับที่

เขาเข้าใจดี ความเร็วในการกัดกินนี้เหมือนกับประกายไฟที่กลายเป็นไฟลามทุ่ง ยิ่งเวลาผ่านไปมาก การเผาไหม้ก็กินพื้นที่มาก ประกายไฟแค่ประกายเดียวเพียงพอจะแผดเผาทั้งทุ่งหญ้าได้ เป็นความจริงที่คล้ายกับจุดแสงเหล่านี้

ยิ่งเวลาผ่านไปการกัดกินก็เร็วมากขึ้น..และความหวังที่จะช่วยชีวิตเดเลียก็ลอยห่างออกไปไกล

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่” บีบีเรียกลินลี่ย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ลินลี่ย์” ฟูโซ่ก็เรียกด้วยเช่นกัน

แต่ลินลี่ย์ยังคงยืนนิ่งเหมือนคนไร้ปัญญา เงียบอย่างสิ้นเชิง

“น่าเสียดาย” อัลฟองซัสถอนหายใจเช่นกัน

ภายในห้อง ทั้งกัซลีสัน เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงและเหล่าผู้อาวุโสมองหน้ากันเองและพูดไม่ออก บรรยากาศโดยรวมตึงเครียดและหม่นหมอง

“ท่านอัลฟองซัส” ลินลี่ย์ลนลานกล่าวทันที “ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดรักษาภรรยาข้า ยืดชีวิตนางไปก่อน ให้ข้าได้มีเวลาพอหาคนมารักษานาง แค่นั้นยอมรับได้ไหม?” ลินลี่ย์มองอัลฟองซัสด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง

ลินลี่ย์เข้าใจว่าความเร็วในการรักษาด้อยกว่าความเร็วในการกัดกินวิญญาณ อย่างนั้น...ถ้าอัลฟองซัสต้องการยืดชีวิตของเดเลีย เขาจะต้องรักษานางอย่างต่อเนื่อง คำขอร้องนี้นับว่ามากเกินไปจริงๆ

แต่...เขาไม่มีทางเลือก!

“ลินลี่ย์”

อัลฟองซัสพูดอย่างจริงจัง “เพราะทั้งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และเพราะท่านเจ้าแคว้นของเจ้า ข้าคงช่วยยืดอายุภรรยาของเจ้าแน่ถ้าข้ามีความสามารถพอทำได้ แต่...ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน แม้ว่าข้าจะช่วยยืดอายุได้ ข้าคงยืดอายุนางได้อีกวันหรือสองวันเท่านั้น”

“หนึ่งวันหรือสองวัน?” ลินลี่ย์ตะลึง

เขาหวังว่าจะยืดอายุได้สักหลายปี ยิ่งนานก็ยิ่งดี

“การรักษาวิญญาณแบบนี้... ไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด การรักษาภรรยาของเจ้า..อย่างที่ข้าบอก เพราะวิญญาณของภรรยาเจ้าปฏิเสธพลังของข้า จนแม้แต่ร่างของนางก็มีปฏิกิริยาต่อเนื่อง” อัลฟองซัสพูดต่อ “วิญญาณเป็นส่วนสำคัญของคน เมื่อต้องรักษาใครสักคน ข้าต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถ้าพลังของข้าแผ่เกินไปสักเล็กน้อย ข้าอาจจะทำร้ายวิญญาณของภรรยาเจ้าและนางจะต้องตาย”

“ข้าสามารถคงอาการที่หนักนี้ได้เพียงระยะเวลาสั้น เพื่อให้แน่ใจว่าข้าจะไม่ทำผิดพลาดอันใด แต่ถ้าข้าใช้เวลามากอยู่กับการรักษานี้นานเกินไป และใช้พลังจิตมากเกินไป ความผิดพลาดจะเกิดได้เป็นธรรมดา และเมื่อความผิดพลาดเกิดขึ้น ภรรยาของเจ้า...” อัลฟองซัสพูดขออภัย

ลินลี่ย์เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง

“ลินลี่ย์! ท่านเจ้าแคว้นจะมาถึงในอีกไม่นาน บางทีท่านเจ้าแคว้นอาจช่วยภรรยาเจ้าได้” กัซลีสันรีบบอก

ลินลี่ย์ตาทอประกาย “ใช่แล้ว ยังมีท่านเจ้าแคว้นอีกคนหนึ่ง”

แต่อัลฟองซัสกล่าว “ลินลี่ย์, ข้าบอกเจ้าแล้วให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้บ้าง แม้ว่าลึกๆ แล้วข้าชื่นชมท่านเจ้าแคว้น แต่ว่ากันตามตรง... ข้าไม่เชื่อว่าท่านเจ้าแคว้นจะมีความสามารถพอรักษานางได้”

“ท่านอัลฟองซัส!” ลินลี่ย์เริ่มโมโห

“จะช่วยชีวิตภรรยาเจ้า มีเพียงสามวิธี” อัลฟองซัสกล่าว

ลินลี่ย์เริ่มตั้งใจฟังทันที

“วิธีแรกก็คือต้องมียอดฝีมือที่ฝึกฝนในสายวิถีชีวิตมาในระดับสุดยอด มีแนวโน้มว่า ความเร็วในการรักษาของเขาจะต้องเหนือกว่าความเร็วในการกัดกินวิญญาณ คนอย่างนี้จึงจะช่วยภรรยาของเจ้าได้...แต่แน่นอนว่าเจ้าต้องเข้าใจว่าถ้าเวลาผ่านไปอีกสามเดือน และกระบวนการนี้ยังทอดเวลาช้าออกไป มีทางเป็นไปได้ว่าแม้แต่ยอดฝีมือสายวิถีชีวิตที่ทรงพลังมากที่สุดก็คงช่วยเหลือนางไม่ได้” อัลฟองซัสกล่าว “อย่างไรก็ตาม คนแบบนี้ผู้ฝึกมาในสายวิถีชีวิตระดับสุดยอดยังหาได้ยาก แม้ในพิภพแห่งชีวิตซึ่งเป็นพิภพระดับสูง ในแดนนรกยังยากยิ่งกว่า วิธีที่สองก็คือใช้พลังมหาเทพสายวิถีชีวิต ความเร็วในการกัดกินวิญญาณระดับนี้ คิดว่าต้องใช้พลังมหาเทพสายวิถีชีวิตจึงจะรักษาได้เร็ว!”

กัซลีสันพูดอย่างกระวนกระวาย “ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราก็มีพลังมหาเทพสายวิถีชีวิต!”

“ใช่แล้ว เรามีพลังมหาเทพสายวิถีชีวิต!” ลินลี่ย์รีบพูดเช่นกัน

“เจ้ายังฟังข้าไม่จบเลย!”

อัลฟองซัสส่ายศีรษะ “พลังมหาเทพสายวิถีชีวิตทรงพลังมากมายนัก ปกติความเร็วในการฟื้นฟูน่าอัศจรรย์ แต่...พลังมหาเทพสายวิถีชีวิตมีข้อเท็จจริงคือทรงพลังมากเกินไป ไม่มีทางที่เทพชั้นสูงจะควบคุมได้อย่างสิ้นเชิง ข้าคิดว่าในบรรดาพวกเจ้าที่ใช้พลังมหาเทพก็รู้ว่าพลังอาจจะรั่วออกมาก็ได้ใช่ไหม?”

ลินลี่ย์ตะลึง

ใช่แล้ว...

พลังมหาเทพทรงพลังเกินไป ความแข็งแกร่งทางวิญญาณที่เทพชั้นสูงจะใช้ได้ยังไม่เพียงพอจะควบคุมได้อย่างสิ้นเชิง นี่จะทำให้ผู้ใช้พลังมหาเทพเปล่งรัศมีพลังสีฟ้าหรือสีดำหรืออย่างอื่นเหนือร่างกายได้

นี่เป็นเหตุให้พลังมหาเทพรั่วไหลอกมาได้เป็นธรรมดา

อย่างที่ข้าบอกไว้ว่าพลังมหาเทพสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว! นี่เป็นเพราะเมื่อเทพชั้นสูงใช้พลังมหาเทพ ไม่มีทางที่เทพชั้นสูงจะสามารถจะป้องกันพลังมหาเทพมิให้รั่วไหลออกมาได้ ต่อให้เขาหยุดสู้พลังมหาเทพก็ยังแผ่กระจายออกมาตามปกติ

“ต่อให้ข้าใช้พลังมหาเทพช่วยเดเลียโดยการเจาะลึกเข้าไปในวิญญาณของนาง.. ถ้ามีความผิดพลาดแม้แต่เพียงเล็กน้อย วิญญาณของเดเลียจะได้รับผลกระทบและอาจถึงตายได้ ต้องบอกว่าต้องไม่มีพลังงานรั่วไหลออกมาจากพลังมหาเทพ!” อัลฟองซัสกล่าว “จำไว้ จะช่วยเดเลียได้ ไม่อาจให้พลังมหาเทพรั่วไหลออกมาแม้แต่น้อย หรือผิดพลาดแม้แต่ครั้งเดียว!”

ลินลี่ย์หน้าซีดเผือดอย่างช่วยไม่ได้

เขาเข้าใจหลักการนี้ พลังของมหาเทพก็คือพลังงานของมหาเทพ เขาไม่เคยได้ยินว่าเทพชั้นสูงจะควบคุมพลังนี้ได้อย่างสิ้นเชิง จนถึงขนาดไม่มีพลังสูญเสียหรือกระจายตัวออกมา

กัซลีสันกล่าว “มีเทพชั้นสูงผู้สามารถควบคุมพลังมหาเทพได้สมบูรณ์แบบ... ตามตำนาน เทพชั้นสูงที่ถึงระดับพารากอนสามารถควบคุมพลังมหาเทพได้อย่างสมบูรณ์แบบ น่าเสียดายข้าไม่เคยได้ยินว่าเทพชั้นสูงระดับพารากอนพำนักอยู่ในแคว้นอินดิโก”

ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่น

“ท่านอัลฟองซัส ท่านยังไม่ได้บอกวิธีที่สามเลย?” ลินลี่ย์ถามทันที

อัลฟองซัสพูดพลางถอนหายใจ “วิธีที่สามคือขอให้มหาเทพช่วย! ถ้ามหาเทพยินดีเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นมหาเทพใดก็ตาม! ภรรยาของเจ้าจะปลอดภัยอย่างง่ายดาย แต่...เจ้าจะโน้มน้าวขอให้มหาเทพช่วยได้ยังไง?”

“วิธีการที่สามของท่านเปลืองคำพูดเปล่าๆ” บีบีพูดอย่างไม่พอใจ

แต่ลินลี่ย์ยังคงเงียบอยู่นาน

“ท่านอัลฟองซัส ท่านไม่มีทางอื่นอีกแล้วใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถามอีกครั้ง

อัลฟองซัสพยักหน้ามั่นใจ “ด้วยความเข้าใจในเรื่องวิญญาณของข้า ข้ากล้าพูดได้ว่าข้าพูดไปครบทุกอย่างแล้ว นอกจากสามวิธีการนี้ ไม่มีวิธีอื่นอีก”

วิธีการแรกหายอดฝีมือผู้ฝึกสายวิถีชีวิตมาในระดับสุดยอด สุดยอดฝีมือผู้เหนือกว่าอัลฟองซัสมากมาย แต่ในแคว้นอินดิโกพวกเขาจะไปหาคนแบบนั้นได้ที่ไหน?

วิธีการที่สองหาคนที่สามารถควบคุมพลังมหาเทพได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ให้พลังรั่วไหลหรือสร้างความผิดพลาด ผู้มีพลังควบคุมวิญญาณมหาศาลแบบนี้มีแต่พารากอนในตำนานเท่านั้นจึงจะทำได้

วิธีการที่สาม...

มีแต่มหาเทพซึ่งลินลี่ย์เชื่อมโยงได้ก็มีแต่มหาเทพเรดบุด แต่ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่ว่านางจะช่วยหรือไม่ แค่เวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางจากทวีปบลัดริจไปทวีปเรดบุดนั้นยาวนานไกลมาก

เดเลียรอนานขนาดนั้นไม่ได้!

“ทุกท่าน..ข้ารบกวนพวกท่านทุกคนมาหลายวันแล้ว” ลินลี่ย์ฝืนยิ้ม “พวกท่านเชิญกลับไปพักได้ ไม่จำเป็นต้องเอาธุระของข้าเป็นภาระของพวกท่านเลย ท่านอัลฟองซัส ข้าขอขอบคุณท่านจากใจจริง ที่รีบมาไกลขนาดนั้นเพื่อช่วยภรรยาของข้า”

กัซลีสัน, เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิง, ฟูโซ่และคนอื่นๆ เมื่อเห็นสีหน้าของลินลี่ย์ทุกคนลอบถอนหายใจ

“ลินลี่ย์! เราจะกลับก่อน” กัซลีสันและคนอื่นๆ ต้องการจะปลอบโยนเขา แต่พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไร ทุกคนจากไปอย่างง่ายดาย

แม้ว่าพวกเขารู้ว่าเจ้าแคว้นอินดิโกจะมาถึงในไม่ช้า แต่หลังจากฟังคำอธิบายของอัลฟองซัส ทุกคนเข้าใจ..ว่าแม้แต่เจ้าแคว้นก็อาจช่วยเดเลียไม่ได้ เว้นแต่พลังควบคุมวิญญาณของเขาสามารถควบคุมพลังมหาเทพได้ แต่น่าเสียดายตามตำนานเล่าขานมีแต่พารากอนที่ทำเช่นนี้ได้

“พี่ใหญ่..”

บีบีมองดูร่างลินลี่ย์ จู่ๆ เขาก็ร้องไห้

ลินลี่ย์หันมามองบีบี และฝืนยิ้ม “บีบี, เจ้าก็ออกไปเถอะ ข้าขออยู่กับเดเลียก่อน” ลินลี่ย์ตบไหล่บีบี บีบีรับคำและพยักหน้าซ้ำๆ

และจากนั้นบีบีออกจากห้องไปเช่นกัน

ภายในห้อง มีเหลือแต่เพียงลินลี่ย์ เดเลีย และหนูน้อยเวดที่กำลังหลับอย่างไร้เดียงสา

ลินลี่ย์มองดูเดเลียเงียบๆ ฉากภาพนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจเขา ความเศร้าโศกอัดแน่นเต็มอยู่ในใจเขา และเขาไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้ “สวรรค์! ทำไมท่านลงโทษข้าอย่างนี้!!!”

เสียงแหบแห้งดังก้องสะท้อนอยู่ภายในห้องเงียบ เต็มไปด้วยความเสียใจ โกรธ เศร้า...และสิ้นหวัง

ลินลี่ย์หลั่งน้ำตานองหน้า

ลินลี่ย์เดินมาที่เตียงช้าๆ คุกเข่าข้างหน้าและมองหน้าเดเลียอย่างระมัดระวัง เขายื่นมือและลูบหน้าเดเลียแผ่วเบา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาเช่นกัน เป็นรอยยิ้มที่สงบ “เดเลีย ข้ากับเจ้าจะร่วมเดินทางสุดท้ายด้วยกัน เราจะไม่มีวันพรากจากกัน!”

เวลาผ่านไป ในพริบตาผ่านไปอีกหลายวัน

บีบียืนนอกห้องจ้องมองจากนอกหน้าต่าง ขณะนี้เองบาลุคเดินผ่านมา เขากลัวจะรบกวนลินลี่ย์จึงพูดเบาๆ “บีบี, ตอนนี้ลินลี่ย์เป็นยังไงบ้าง?” ทุกคนรู้สภาพอาการของเดเลีย และพวกเขาเข้าใจกันหมด...

ว่าเดเลียแทบไม่มีหวังแล้ว เพียงแต่ทุกคนกลัวว่าเพราะเรื่องนี้ลินลี่ย์จะพังทลายและอาจทำบางอย่างซึ่งเป็นเหตุให้ทุกคนเสียใจและเจ็บปวด

“ดูเอาเองเถอะ” บีบีถอนหายใจ ตอนนี้ใบหน้าของบีบีไม่มีรอยยิ้มแล้ว เขาไม่มีอารมณ์หัวเราะหรือเล่นสนุกอีกต่อไป

บาลุคมองเข้าไปในหน้าต่าง

เขาเห็นภายในห้อง...

ลินลี่ย์กำลังอุ้มเวดป้อนอาหารเหลว บ่อยครั้งที่ลินลี่ย์จะเดินไปดูเดเลียและพูดอย่างอ่อนโยน “เดเลีย! วันนี้เวดเป็นเด็กดีมาก ไม่โยเยกวนใจแต่อย่างใด”

เมื่อเห็นภาพนี้จากนอกหน้าต่าง บาลุคทนดูต่อไปไม่ได้

“ข้าหวังจริงๆ!” บีบีพูดเบาๆ “ข้าหวังจริงว่า เจ้าแคว้นอินดิโกจะมาถึงเร็วๆ และช่วยเดเลียไว้ได้! เขาต้องทำได้!”

“ใช่แล้ว” บาลุคพยักหน้าเช่นกัน

ขณะนั้นเองมีร่างหนึ่งเหาะลงมาจากท้องฟ้า เป็นฟูโซ่ ฟูโซ่พูดเบาๆ เช่นกัน “บีบี, ลินลี่ย์..เขา..”

“ฟูโซ่, ท่านมาแล้วหรือ?” เสียงสุภาพดังขึ้น ลินลี่ย์ยิ้มเดินอุ้มเวดออกมาจากห้อง “ข้าอุ้มเวดออกจากห้องเอง มาเถอะฟูโซ่ ท่านมาอุ้มเวดสักเดี๋ยวก็ได้ ท่านไม่ได้มานานแล้ว เวดคิดถึงท่าน”

ฟูโซ่เมื่อเห็นลินลี่ย์ยิ้ม เขาอดรู้สึกตะลึงมิได้

เขาไม่คาดเลยว่าในเวลาอย่างนี้ ลินลี่ย์ยังจะยิ้มออกได้อีกหรือ? แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง เขามีความรู้สึกนี้ว่า...ยิ้มของลินลี่ย์นี้ทำให้เขาเศร้าใจมากยิ่งกว่า

“ก็ได้ ข้าจะอุ้มเขาเอง..” ฟูโซ่เดินเข้ามาทันที

“อุ้ม...” เวดพอเห็นฟูโซ่เดินเข้ามา ก็ยื่นมือน้อยๆ โผเข้าหาพร้อมกับพูด “อุ้ม..อุ้ม..”

ลินลี่ย์หัวเราะ “เวดพูดคำพูดง่ายๆ ได้แล้ว เขาพูดว่า ‘แม่’ ได้แล้ว”

ขณะนั้นเอง...

มีร่างหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง เป็นผู้อาวุโสการ์วีย์ ผู้อาวุโสการ์วีย์บินเข้ามาหาและรีบพูดขึ้น “ลินลี่ย์, ท่านเจ้าแคว้นมาถึงแล้ว!”

ลินลี่ย์ตะลึง

“ท่านเจ้าแคว้นมาแล้วหรือ?” ดวงตาที่ไร้ชีวิตของลินลี่ย์เริ่มมีสีสัน แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่หวังอะไรมากว่าเจ้าแคว้นอินดิโกจะช่วยเดเลียได้อีกต่อไป แต่อย่างน้อยก็ควรจะลองดู

“ใช่แล้ว ประมุขทั้งสี่และท่านประธานผู้อาวุโสไปต้อนรับเขาอยู่ อีกเดี๋ยวก็คงมาถึง” ผู้อาวุโสการ์วีย์อธิบาย

ประมุขสี่ตระกูลของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ปกติจะหยิ่งถือตัวมาก แต่พวกเขาชื่นชมเจ้าแคว้นอินดิโกอย่างจริงใจ ทั้งชื่นชมและเคารพเขา ความกรุณาที่คนผู้นี้แสดงต่อตระกูลพวกเขารวมทั้งพลังอำนาจของคนผู้นี้เพียงพอแล้วที่ทำให้ประมุขเผ่าเหล่านี้ปฏิบัติต่อเขาอย่างนี้

“โอว, ลินลี่ย์อยู่ที่นี่หรอกหรือ?” น้ำเสียงเป็นมิตรดังขึ้น

ร่างคนสิบคนบินลงมาจากอากาศ ลินลี่ย์ ฟูโซ่ บีบีและคนอื่นเงยหน้ามองดู คนที่บินนำหน้าก็คือเจ้าแคว้นอินดิโก ขณะที่กัซลีสันและประมุขสี่เผ่าตามอยู่ด้านข้างด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน

แต่ลินลี่ย์จ้องมองร่างที่มีประมุขสี่เผ่าคุ้มกันราวกับดาวล้อมเดือนเขม็ง

คนผู้นั้นอยู่ในชุดยาวดำ ผมของเขายาวพัดพลิ้วตามสายลมและเคราของเขาห้อยยาวถึงอก ตาของเขาตี่เล็ก แต่มีชีวิตชีวาเหมือนกับดวงดาว เขายิ้มและมองด้วยสีหน้าที่เป็นกันเอง

“ลินลี่ย์!” คนผู้นั้นหัวเราะขณะทักทายเขา

“ลินลี่ย์! ท่านผู้นี้คือท่านเจ้าแคว้น” กัซลีสันแนะนำ

แต่ลินลี่ย์จ้องมองเขาด้วยท่าทีเหลือเชื่อ “ละ...ลอร์ดเบรุต?!”

“ปู่!” บีบีร้องเรียกด้วยความตกใจเช่นกัน เขาวิ่งเข้ามาหาอย่างตื่นเต้น และเบรุตหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าฮ่า บีบี..” ขณะที่พูดเขาดึงบีบีเข้าไปกอด

“ปู่!” บีบีเรียกด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง

“ฮ่าฮ่า..ไงเจ้า..คิดถึงปู่หรือเปล่า หือ?” เบรุตหัวเราะอย่างมีความสุข

ขณะที่กัซลีสัน เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิง และผู้นำเผ่าที่เหลือรวมทั้งประธานผู้อาวุโสและผู้อาวุโสอื่นรวมทั้งฟูโซ่... ทุกคนตาเบิกค้างมองฉากภาพข้างหน้าด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ

“ท่านเจ้าแคว้น? ‘ปู่’?”

แววอัศจรรย์สุดขีดปรากฏบนใบหนาของกัซลีสันและคนอื่นๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด