ตอนที่ 17-49 สามเดือน
หลังจากที่คาสเทลพูดเสร็จทั้งห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบทันที
ลินลี่ย์ไตร่ตรองอย่างรีบเร่ง “แม้ว่าอาจารย์ของคาสเทลผู้นี้จะอยู่ในแคว้นอินดิโก แต่ระยะทางอยู่ไกลมาก ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาพอ ถ้าเราเดินทางไปกลับที่นั่นก็จะไม่มีเวลาพอ! เป็นไปได้ไหมว่าเราส่งเดเลียไปที่นั่น?”
ถ้าพวกเขาส่งเดเลียไปที่นั่น ระยะเวลาที่ใช้ไปจะสั้นลงมากอย่างแน่นอน
แต่ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้น อย่างนั้นจะไม่มีเวลาพอหาคนอื่นที่อาจช่วยชีวิตนางได้
“คาสเทล!” ลินลี่ย์จ้องมองเขา “บอกข้าที ถ้าข้าส่งเดเลียไปยังที่อยู่ของอาจารย์เจ้า มีโอกาสแค่ไหนที่อาจารย์ของเจ้าจะช่วยเดเลียได้?”
คาสเทลขมวดคิ้ว เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นมองลินลี่ย์และพูดด้วยความมั่นใจ “ถ้าอาจารย์ของข้าเข้ามาช่วย แม้ว่าข้าไม่อาจบอกได้ว่าเขาจะทำได้สำเร็จแน่นอน แต่อย่างน้อยเขามีโอกาสทำสำเร็จได้ถึง 90%”
“90%?” ลินลี่ย์หันไปมองเดเลียที่หมดสติ
จากนั้นลินลี่ย์หันไปมองประมุขกัซลีสัน “ท่านประมุข ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจะต้องส่งเดเลียไปให้ท่านอัลฟองซัส
กัซลีสันขมวดคิ้ว และส่ายศีรษะช้าๆ “ลินลี่ย์! อย่าใจร้อน ยังมีอีกทางหนึ่ง”
“อีกทางหนึ่ง?” ลินลี่ย์ตะลึง
“พี่ใหญ่” ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวที่ดูเย็นชาเย่อหยิ่งพูดขึ้นบ้าง “เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าจะไปเยี่ยมและพาอัลฟองซัสมาเอง การเดินทางไปกลับของอสูรเจ็ดดาวธรรมดาใช้เวลาครึ่งปี แต่ถ้าข้าไปเอง.. เวลาเดินทางรวมทั้งเวลานำอัลฟองซัสกลับมาด้วย จะใช้เวลาเพียงสามเดือน”
ลินลี่ย์อดรู้สึกดีใจอย่างช่วยไม่ได้
ในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เผ่าพยัคฆ์ขาวเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ธาตุลม ในแง่ความเร็วประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวเป็นยอดฝีมือที่เร็วที่สุดของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ และไวกว่าอสูรเจ็ดดาวทั้งหมดมากนัก
“ไม่จำเป็น” กัซลีสันส่ายศีรษะ
“ท่านประมุข?” ลินลี่ย์ลนลานกล่าว
กัซลีสันหัวเราะอย่างใจเย็น “ลินลี่ย์ไม่ต้องกังวล ข้าแค่ใช้สำนึกเทพของข้าสั่งหน่วยข่าวกรองของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เราให้แจ้งเจ้าแคว้นอินดิโกถึงสถานการณ์ของเจ้า..ในไม่ช้าเราจะได้รับคำตอบทันที”
ลินลี่ย์ประหลาดใจ ความจริงทุกคนในหอโถงนั้นก็ประหลาดใจ
เจ้าแคว้นอินดิโกจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือ?
“ลินลี่ย์” ฟูโซ่เดินเข้ามาตบไหล่ลินลี่ย์และหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงกองทัพของเจ้าแคว้นอินดิโกกระจายอยู่ทั่วแคว้นอินดิโก ถ้าเขาไปถึงตัวอัลฟองซัส ก็จะทำได้เร็วมาก! และบางทีท่านเจ้าแคว้นยังอาจจะรู้จักคนอื่นที่ช่วยเดเลียได้”
ตาของลินลี่ย์เป็นประกายอีกครั้ง
เจ้าแคว้นในฐานะเจ้าปกครองแคว้นอินดิโกมีอิทธิพลในแคว้นเหนือกว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มากมาย ต้องเข้าใจว่าแม้แต่แปดตระกูลใหญ่ยังไม่กล้าบุกเทือกเขาสกายไรท์ ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าแคว้น
ทุกคนสามารถนึกตามได้ว่าเจ้าแคว้นอินดิโกแข็งแกร่งทรงพลังขนาดไหน
“ท่านเจ้าแคว้นยินดีจะช่วยข้าหรือ?” ลินลี่ย์ค่อนข้างกระวนกระวายเช่นกัน ที่สำคัญคือเขาไม่มีสหายไม่มีครอบครัวที่เกี่ยวกับคนพวกนี้
“อย่าใจร้อน รอสักครู่ หน่วยข่าวกรองของเราจะส่งคำตอบมาไม่ช้า” กัซลีสันหัวเราะ และลินลี่ย์พยักหน้าระงับความใจร้อนฝังเอาไว้ในจิตใจ และรอคอยอย่างเงียบงัน
ขณะต่อมา...
“เราได้รับคำตอบแล้ว” กัซลีสันยิ้มกว้าง เห็นได้ชัดว่าหน่วยข่าวกรองมีการติดต่อกับเขาผ่านสำนึกเทพ
ทุกคนในหอโถงใหญ่มองดูกัซลีสัน
“ฮ่าฮ่า, ข่าวดีลินลี่ย์! ท่านเจ้าแคว้นพูดเอง” กัซลีสันหัวเราะขณะมองลินลี่ย์อย่างมีความสุข “อัลฟองซัสเป็นหนึ่งในสหายของเขา และในอีกวันหรือสองวันบริวารของเขาจะไปแจ้งอัลฟองซัสซึ่งเขาจะมาถึงที่นี่ภายในสามเดือน”
ลินลี่ย์รู้สึกโล่งใจ
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น!” กัซลีสันหัวเราะ “ท่านเจ้าแคว้นจะมาเยี่ยมด้วยตนเอง เขาบอกว่าเขาจะมาช่วยรักษาเดเลียด้วยตนเอง”
“พี่ใหญ่, ท่านเจ้าแคว้นสามารถรักษาวิญญาณได้ด้วยหรือ?” ประธานผู้อาวุโสถามด้วยความประหลาดใจ “ข้าคิดว่าท่านเจ้าแคว้นไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องรักษาพลังวิญญาณ” ประธานผู้อาวุโสและคนอื่นจำได้อย่างชัดเจน ปีนั้นเจ้าแคว้นอินดิโกเข้ามาแทรกแซงและหยุดยั้งแปดตระกูลใหญ่
นั่นอธิบายได้อย่างเดียวก็คือน่ากลัวมาก!
และเพราะเหตุการณ์นั้นอย่างเดียว แม้แต่หลายคนอย่างเช่นกัซลีสันก็ให้ความเคารพเขาในฐานะเจ้าแคว้น ที่สำคัญถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าแคว้น ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีแนวโน้มว่าจะถูกทำลายไปแล้ว
“ฮ่าฮ่า ข้าค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากท่านเจ้าแคว้นพูดแล้ว เขาจะไม่กลับคำพูดของเขาแน่นอน!” กัซลีสันหัวเราะขณะที่มองดูลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! ตอนนี้ทั้งอัลฟองซัสและเจ้าแคว้นกำลังทะยอยตามมา เจ้าไม่ต้องกังวลใจแล้ว”
“ข้านึกไม่ถึงจริงๆ ว่าท่านเจ้าแคว้นจะเป็นผู้สามารถรักษาอาการทางวิญญาณด้วยเช่นกัน!” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงถอนหายใจด้วยความรู้สึกทึ่ง
ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้นในหัวใจ
“ขอบคุณ, ขอบคุณพวกท่านทุกคน” ลินลี่ย์มองดูทุกคนและพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อกว่าท่านอัลฟองซัสจะมาก็คงเป็นเวลานาน ตอนนี้ข้าจะขอกลับไปก่อน”
“ไปเถอะ” กัซลีสันพยักหน้าและหัวเราะ “ลินลี่ย์! กลับไปพักบ้าง อย่ากังวลจนเกินไป มีเจ้าแคว้นอินดิโกเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง ด้วยฝีมือและอิทธิพลของเขา เขาสามารถเชื้อเชิญคนสองสามคนมาได้อย่างง่ายดาย เดเลียจะได้รับการรักษาอย่างแน่นอน”
ลินลี่ย์ฝืนยิ้มและพยักหน้า
และจากนั้นเขาแผ่พลังเทพสายธาตุดินออกจากร่างสร้างเป็นเตียงลอยได้คล้ายเมฆแล้ววางลูกชายไว้ จากนั้นเอาอุ้มเดเลียไว้ในอ้อมแขน แล้วพยักหน้าให้ผู้อาวุโสจากนั้นบินออกไปจากโถงใหญ่
“ตอนนี้ ทุกคนกลับไปได้แล้ว” กัซลีสันพูดชัดเจน
ผู้อาวุโสของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์กล่าวอำลาจากนั้นบินออกไปเป็นกลุ่มเล็กๆ ครู่ต่อมาในหอโถงใหญ่เหลืออยู่แต่กัซลีสันและฟูโซ่ ทั้งสองมองหน้ากัน
กัซลีสันกางสนามพลังเทพกั้นเสียงไม่ให้คนภายนอกได้ยินทันที จากนั้นรีบกล่าว “ฟูโซ่, ครั้งสุดท้ายที่เราพูด...”
—————-
ลินลี่ย์กลับมาที่หุบเขาในเทือกเขาสกายไรท์ เขาใช้เวลาทุกวันนั่งอยู่ข้างเดเลียหรือไม่ก็เลี้ยงลูก แต่แน่นอนว่าลินลี่ย์จะให้สมาชิกอื่นของสาขายูลานช่วยเลี้ยงเวดเป็นบางครั้ง
หมอกบางพัดเป็นระลอก ยามนี้บาลุคยืนอยู่ในพื้นดินว่างมองดูที่พักที่อยู่ไกลๆ ของลินลี่ย์
“พ่อ” ไรอันเดินเข้ามาหา “ท่านห่วงเดเลียกับลินลี่ย์หรือ?”
บาลุคถอนหายใจ “ถูกแล้ว ลินลี่ย์กลับมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แต่ช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยร่วมทานอาหารค่ำกับเราเลยเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ในสายตาของเขาคนที่เขาเห็นตอนนี้ นอกจากเดเลียก็คงเป็นลูกชายของเขา”
“ลินลี่ย์ก็หมกมุ่นเกินไป” ไรอันไม่พอใจ
“ความรัก...ซับซ้อนยิ่งนัก เป็นเรื่องที่ยากอธิบายได้” บาลุคส่ายศีรษะ
ขณะนี้เองมีร่างหนึ่งบินลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง “ท่านหัวหน้าตระกูลบาลุค, พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้าง?” ผู้มาถึงคือบีบี กลุ่มของบีบีมาถึงทีหลังลินลี่ย์
“บีบี?” ใบหน้าของบาลุคมีรอยยิ้ม “ดีแล้วที่เจ้ากลับมา ไปคุยกับลินลี่ย์เถอะ ต่อให้เจ้าไม่สามารถชวนเขาออกมาได้ แต่ถ้าเจ้าชวนเขาพูดคุยได้ บางทีอารมณ์ลินลี่ย์คงจะดีขึ้นบ้าง”
“ได้เลย” บีบีพยักหน้า จากนั้นวิ่งไปที่พักของลินลี่ย์ทันที
ห้องโถงใหญ่ ที่พักของกัซลีสัน
“ท่านประมุข ชาวเผ่าเราเกือบร้อยคนยังไม่ได้สติ เราจะทำอย่างไรดี?” ทเวลลนลานกล่าว “ชาวเผ่าของเรามากมายกำลังเสียใจ!” การกลับมาของทเวล เขานำชาวเผ่าที่หมดสติกลุ่มใหญ่กลับมาด้วย
กัซลีสันผิดหวังและหงุดหงิดเช่นกัน
“เรื่องนี้พอเถอะ” กัซลีสันตัดบท “ข้ารู้อาการของพวกเขาดี พวกเขาก็เป็นเหมือนภรรยาของลินลี่ย์ เรายังไม่สามารถช่วยภรรยาของลินลี่ย์ได้ แล้วเราจะช่วยคนอื่นได้ยังไง?”
หน้าของทเวลเต็มไปด้วยความกังวล
“ให้ชาวเผ่าเตรียมตัว” กัซลีสันกล่าว “โชคดีที่เผ่าเราทุกคนมีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ แต่ภรรยาของลินลี่ย์เป็นเทพโดยผ่านการหลอมรวมกับประกายเทพ นางไม่มีร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ นางตาย นางก็จบสิ้นอย่างแท้จริง!”
ทเวลพยักหน้าถอนหายใจ
เขาเห็นกับตาตนเองขณะที่เดเลียถูกไม้ตายนั้นเล่นงานและเห็นว่าลินลี่ย์ได้รับผลกระทบอย่างไร “มีความเป็นไปได้ว่าชีวิตของภรรยาของเขาสำคัญมากกว่าตัวเขาเองเสียอีก ภรรยาของเขาโชคไม่ดีที่กลายเป็นเทพโดยผ่านการหลอมรวมประกายเทพ!”
“ทเวล” กัซลีสันสั่ง “ชาวเผ่าที่หมดสตินี้.....เจ้าไปดำเนินการ เป็นไปได้ว่าให้บางคนหลอมรวมกับประกายเทพได้”
“ขอรับ, ท่านประมุข ข้าจะไปดำเนินการเรื่องทั้งหมดเอง” ทเวลกล่าว
“ดีแล้ว เจ้าไปได้แล้ว” กัซลีสันกล่าว
หลังจากทเวลออกไปแล้ว หน้าของกัซลีสันใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า สำหรับเขาเรื่องเดเลียและชาวเผ่าหมดสติยังคงเป็นเรื่องรอง สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังก็คือข่าวที่ฟูโซ่นำมาแจ้งเขา
“หรือว่า...จะไม่มีหวังเลยจริงๆ?” กัซลีสันเงยหน้าและหลับตา ประกายน้ำตาติดอยู่ที่ขนตาเขาเหมือนแสงอัญมณี
กัซลีสันสูดหายใจลึก ความอ่อนล้าหายไปจากใบหน้า และจากนั้นความมั่นใจในตนเองกลับมาอีกครั้ง
“ตอนนี้...”
ตาของกัซลีสันแข็งและมั่นคง “ทั้งหมดที่เราทำได้คือฝากความหวังไว้ที่มหาเทพเรดบุดผู้อยู่เบื้องหลังลินลี่ย์ เช่นเดียวกับมหาเทพบลัดริจผู้หนุนหลังเจ้าแคว้น โชคไม่ดีที่เจ้าแคว้นไม่ยินดีทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของตระกูลเรา มิฉะนั้น...”
ในพริบตา ผ่านไปสามเดือน
“ทำไมเขายังไม่มาที่นี่?” ลินลี่ย์ยืนอยู่นอกห้อง เขาเงยหน้ามองดูท้องฟ้า ตั้งแต่ครบกำหนดสามเดือน เขามายืนดูท้องฟ้าทุกวัน หวังว่าอัลฟองซัสจะเหาะลงมายังหุบเขา
อย่างไรก็ตาม ไม่มีข่าวของอัลฟองซัส
บีบีเดินออกมาด้านหลังมองเห็นหลังของลินลี่ย์ บีบีรู้สึกทุกข์ใจต่อลินลี่ย์ เขากล่าว “พี่ใหญ่, ไม่ต้องกังวล เขาบอกว่าสามเดือน แต่นั่นเป็นการประมาณการ คงไม่เป็นการกำหนดแน่นอน แต่ก็คงไม่ห่างเกินไป เป็นไปได้ว่าอัลฟองซัสจะมาถึงที่นี่วันพรุ่งนี้”
ลินลี่ย์หันไปมองบีบีและพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกแล้ว เขาจะมาวันพรุ่งนี้แน่นอน”
“ลินลี่ย์! ลินลี่ย์!” เสียงเรียกแตกตื่นดังมาจากอากาศ
ลินลี่ย์มีความรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า และเขาหันไปมองท้องฟ้าทันที เห็นมีร่างหนึ่งบินเข้ามาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้น “ลินลี่ย์, ท่านอัลฟองซัสมาถึงแล้ว เขามาถึงแล้ว!!!”
“มาถึงแล้ว?” หลังจากรอเป็นเวลานาน หัวใจของลินลี่ย์เหมือนกับมีไฟ ผมขนในตัวลุกชันเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต
ผู้มาถึงก็คือผู้อาวุโสการ์วีย์
“ท่านประมุขสั่งให้ข้ามาแจ้งเจ้า รีบเตรียมตัวเร็วเข้า ตอนนี้เขาอยู่กับท่านอัลฟองซัสและพวกเขาจะมาถึงอีกในไม่ช้า” หน้าของผู้อาวุโสการ์วีย์เต็มไปด้วยความดีใจ “ลินลี่ย์, ภรรยาเจ้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”
ลินลี่ย์มีสีหน้าดีใจเช่นกัน
“ใช่แล้ว เดเลียจะต้องปลอดภัย” ลินลี่ย์วิ่งกลับไปในห้อง
เดเลียนอนสงบอยู่บนเตียงในห้องเหมือนกับว่านางกำลังหลับ ด้านข้างเดเลียเป็นเตียงน้อยซึ่งเวดกำลังหลับอย่างเงียบสงบ โชคดีเมื่อเวลาที่ออกจากเมืองเมียร์ เวดสามารถกินอาหารเหลวได้แล้ว
“เดเลีย! อัลฟองซัสมาถึงที่นี่แล้ว เจ้าจะต้องหายอย่างแน่นอน” ลินลี่ย์พูดอย่างอ่อนโยน
“พี่ใหญ่! พวกเขามาถึงแล้ว!” เสียงของบีบีดังอยู่ด้านนอก
ลินลี่ย์รีบวิ่งออกไปมองขึ้นไปในท้องฟ้า เขาเห็นว่าในท่ามกลางหมอกมีร่างเลือนรางมากกว่าสิบร่างกำลังบินมาด้วยความเร็วสูง และในไม่ช้าพวกเขาลงมายืนอยู่บนพื้น เป็นกัซลีสัน, เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิง คาสเทลและกลุ่มผู้อาวุโส
ที่ไม่ใช่ผู้อาวุโสมีสองคนคือ ฟูโซ่คนหนึ่ง ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นชายชราผมขาวแต่มีเผิวเรียบเนียนเหมือนกับทารก
“เขาต้องเป็นอัลฟองซัส” ลินลี่ย์ตาทอประกายวูบ
“ลินลี่ย์! ท่านผู้นี้คือท่านอัลฟองซัส” กัซลีสันหัวเราะ และชายชราผมขาวแต่หน้าเด็กหัวเราะเช่นกันและพยักหน้าให้ลินลี่ย์ “เจ้าคือลินลี่ย์ใช่ไหม? แล้วภรรยาเจ้าเล่า?”
ถึงตอนนี้ลินลี่ย์ค่อยรู้สึกตัว และเขารีบกล่าว “ท่านอัลฟองซัส โปรดตามข้ามา” เขารีบนำพวกเขาเข้าไปทันที
ทั้งกลุ่มเข้าไปในห้อง
“ท่านอัลฟองซัส” ลินลี่ย์ชี้ไปที่ภรรยาของเขา “โปรดช่วยภรรยาข้าด้วย!”
“ข้าจะลองดู” อัลฟองซัสยิ้ม เขาเดินไปที่เตียง ยืนนิ่งกับที่ครู่หนึ่งขณะที่เขาใช้สำนึกเทพตรวจอาการ สีหน้าของเขายิ่งเพิ่มความเคร่งขรึม นี่ยิ่งทำให้ลินลี่ย์เครียดขึ้น และจากนั้นอัลฟองซัสเหยียดมือขวาและกดที่กระหม่อมของเดเลีย
แสงสีเขียวเลือนรางไหลออกจากมือของอัลฟองซัสซึมเข้าไปในศีรษะเดเลีย
ทันในนั้นทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครกล้าส่งเสียง ลินลี่ย์กลั้นหายใจขณะมองดูภาพข้างหน้า “เมื่ออัลฟองซัสลงมือ เขาต้องมีความมั่นใจในความสำเร็จของฝีมือของเขา”