ตอนที่ 17-48 ข้อเสนอพวกเขา
“ขอรับ, ท่านประมุข!”
ผู้อาวุโสการ์วีย์และฟอร์ลันไม่กล้าลังเล รีบแยกไปที่หุบเขาอ่างโลหิตทันที ทั่วทั้งโถงใหญ่เงียบลงทันที แม้แต่เวดก็ยังหลับอยู่ในอ้อมแขนของฟูโซ่
“เวด... เอาลูกมาให้ข้า” ลินลี่ย์กล่าว
ฟูโซ่ส่งลูกให้ลินลี่ย์ ลินลี่ย์อุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขนและมองดูเดเลียที่ยังหมดสติอยู่ด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
“ควั่บ!” “ควั่บ!” ผู้อาวุโสหลายคนรีบตามมาสมทบ ขณะที่พวกเขากำลังจะพูด กัซลีสันส่งสำนึกเทพขึงขังบอกพวกเขา “เงียบหน่อย ภรรยาของลินลี่ย์บาดเจ็บหนักจากการโจมตีของตระกูลอีดริคแห่งแปดตระกูลใหญ่ พวกเจ้าทุกคนใครเชี่ยวชาญพลังวิญญาณ ไปตรวจดูด้วยว่าจะช่วยนางได้ยังไง”
“พวกท่านมากันหมดเชียวหรือ?” ลินลี่ย์มองดูผู้อาวุโสทั้งหมดด้วยความรู้สึกประหลาดใจระคนดีใจ
“ช่วยตรวจดูด้วย พวกท่านสามารถช่วยเดเลียได้ไหม?” ลินลี่ย์ชี้ทุกคนที่เขาเห็น เขาต้องการให้พวกเขาช่วยดู
ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากันเอง และจากนั้นทุกคนเดินมาอยู่ข้างตัวเดเลีย ผู้อาวุโสผมขาวคนหนึ่งกล่าว “อย่างนั้นขอข้าตรวจดูก่อน” เนื่องจากผู้อาวุโสสองมีความสำเร็จเกี่ยวกับพลังวิญญาณอย่างสูง
“ฟูโซ่” กัสลีสันพาฟูโซ่ไปอีกด้านหนึ่ง “ท่านเจ้าแคว้น...”
“นี่ยังไม่ใช่เวลาคุยเรื่องนั้น” ฟูโซ่อดหงุดหงิดไม่ได้
กัซลีสันสะดุ้ง จากนั้นเขาชำเลืองมองลินลี่ย์ จากนั้นพยักหน้าให้ฟูโซ่ “ข้าเข้าใจแล้ว แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่าน ทเวลและลินลี่ย์เดินทางด้วยกันครั้งนี้ เกิดเรื่องกับเดเลียได้ยังไง? ช่วยเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ให้ข้าฟังด้วย”
ในฐานะประมุขเผ่า กัซลีสันรู้ว่ามีบางอย่างไม่ธรรมดา
“ฮึ่ม, ทั้งหมดก็เนื่องมาจากสถานการณ์ระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของท่านและแปดตระกูลใหญ่” ฟูโซ่แค่นเสียงเบาๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจมาก เนื่องจากเท่าที่ฟูโซ่เห็น ลินลี่ย์ได้รับอันตรายเพราะตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
และจากนั้นฟูโซ่อธิบายรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้น “ตอนแรก, ลินลี่ย์กับข้าโดยสารมาในอสูรโลหะนั้นออกจากเมืองเมียร์..” ฟูโซ่อธิบายโดยละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ
ขณะเดียวกัน พวกผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้เดเลียใช้พลังวิญญาณตรวจสอบเข้าไปในใจของเดเลียเพื่อดูสถานการณ์
“เป็นยังไงบ้าง?” ลินลี่ย์อุ้มเวดมองดูผู้อาวุโสเหล่านี้ เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาสั่นสะท้านไม่หยุด
“ข้าทำอะไรไม่ได้เลย” ผู้อาวุโสผมขาวส่ายศีรษะถอนหายใจ “จุดเขียวเรืองแสงเหล่านี้ยากจะควบคุมได้ พวกมันกัดกินอย่างต่อเนื่อง และขณะที่เป็นเช่นนั้น จุดเขียวเรืองแสงเหล่านั้นยังกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณไปด้วย การใช้แรงบังคับแข็งขืนเพื่อฆ่าและขจัดจุดเขียวเหล่านี้จะทำให้เดเลียตายทันที! การรักษาเดเลียทำได้ยาก ยากมากจริงๆ!” เมื่อพูดคำนี้ว่า ‘ยากมาก’ ผู้อาวุโสผมขาวก็หยุดพูด
ลินลี่ย์รีบมองดูผู้อาวุโสคนอื่น
ผู้อาวุโสคนอื่นก็ส่ายศีรษะเหมือนกัน
“ลินลี่ย์! อย่าเพิ่งใจร้อน ในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเรา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวิญญาณมากที่สุดก็คือสมาชิกของเผ่าหงส์เพลิง พวกเขามีวิชา ‘เพลิงหวนกำเนิด’ และบางที..พวกเขาคงจะมีวิธีรักษาเดเลีย” ผู้อาวุโสผมขาวกล่าว
“ถูกแล้ว เพลิงหวนกำเนิด!” แววแห่งความหวังปรากฏในใจของลินลี่ย์
ขณะนั้นเองลินลี่ย์รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนในบรรยากาศ และอดหันไปดูไม่ได้ เขาเห็นร่างคนหลายสิบคนลอยลงมาจากอากาศ
“พี่ใหญ่!” เสียงทุ้มก้องดังขึ้น เป็นประมุขเผ่าพญาเต่าดำ
ประมุขเผ่าอีกสามคนพร้อมกับประธานผู้อาวุโสก็มาพร้อมกัน เพราะคำสั่งของกัซลีสัน คนกลุ่มใหญ่จึงมากันเต็มหอโถงใหญ่เพื่อดูลินลี่ย์กับเดเลีย
“ฟูโซ่” คนเหล่านี้สังเกตเห็นฟูโซ่เช่นกัน
“รีบไปดูภรรยาของลินลี่ย์ก่อน” ฟูโซ่กล่าว
“ภรรยาของลินลี่ย์เป็นอะไร?” ผู้อาวุโสคนหนึ่งของเผ่าหงส์เพลิงรีบถาม
ลินลี่ย์อุ้มลูกชายและลุกขึ้นยืนทันที ขณะที่มองดูคนเหล่านั้น ทุกคนเป็นสมาชิกระดับสูงของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขารีบกล่าว “ภรรยาข้าบาดเจ็บจากพลังโจมตีวิญญาณของผู้อาวุโสตระกูลอีดริค อาการของนาง..ทุกท่าน.. เชิญดูได้ ข้าหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยภรรยาข้าได้”
ผู้อาวุโสเหล่านี้ทุกคนเห็นสีหน้าและนัยน์ตาของลินลี่ย์ พวกเขาทุกคนรู้สึกได้ว่าใจของลินลี่ย์แทบฉีกขาดเป็นชิ้นเพราะความกังวล
“ทุกท่านเชิญตรวจดู บางทีอาจมีใครช่วยอะไรได้บ้าง” กัซลีสันรีบกล่าว
ทั่วทั้งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์รวมกันแล้วมีผู้อาวุโสเจ็ดสิบถึงแปดสิบคน มากกว่าห้าสิบคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าส่วนใหญ่รีบมาที่นี่ พวกแรกที่ตรวจดูอาการเดเลียก็คือสามประมุขเผ่า
และจากนั้นผู้อาวุโสใช้พลังวิญญาณตรวจสอบอาการเดเลียทีละคน
เมื่อเห็นคนกลุ่มใหญ่ ลินลี่ย์ค่อยรู้สึกมีวี่แววของความมั่นใจขึ้นมาบ้าง “มีคนมากมายขนาดนี้.. ก็คงเหมือนกับเราที่ฝึกฝนวิถีธาตุอย่างอื่นมาด้วย ผู้อาวุโสของตระกูลอาจมีคนที่ฝึกมาทางวิถีชีวิต บางทีอาจมีคนช่วยเดเลียได้ นอกจากนี้ ประมุขเผ่าหงส์เพลิงก็ยังอยู่ด้วย เผ่าหงส์เพลิงมีวิชา ‘เพลิงหวนกำเนิด’ พวกเขาสามารถช่วยพวกตัวเองได้โดยใช้วิชานั้น บางทีพวกเขาอาจช่วยเดเลียได้”
ลินลี่ย์อุ้มลูกชายมองดูผู้อาวุโสเหล่านี้ด้วยความหวัง
เขาเหมือนคนกำลังจะจมน้ำและจ้องมองขอนไม้ที่ลอยน้ำ
ฟูโซ่เมื่อเห็นสีหน้าลินลี่ย์ เขาอดคิดถึงตอนครั้งแรกที่เขาพบกับลินลี่ย์มิได้ เวลานั้นแม้ลินลี่ย์จะเผชิญเจอสถานการณ์วิกฤติ เขาก็ยังไม่สูญเสียความเยือกเย็นที่มี “อนิจจา...” ฟูโซ่ลอบถอนหายใจ
ในไม่ช้า เหล่าผู้อาวุโสก็ตรวจอาการเสร็จสิ้น บางคนมีทักษะเชี่ยวชาญในเรื่องพลังวิญญาณมาก แต่พวกเขาทุกคนอดขมวดคิ้วและส่ายศีรษะมิได้ ลินลี่ย์เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสมีสีหน้าเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาส่ายศีรษะ เขารู้สึกเจ็บปวดใจ
“เป็นยังไงบ้าง?” เสียงของลินลี่ย์แหบเครือ แต่นัยน์ตาของเขาจับจ้องเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิง
เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงได้แต่หันไปมองคนอื่นๆ “ทุกคน, พวกเจ้าหาทางแก้ได้ไหม? น้องสี่เจ้าทรงพลังที่สุด เจ้าหาวิธีเยียวยาได้ไหม?”
“นี่ช่างประหลาดเหลือเกิน ข้าไม่เคยเห็นพลังโจมตีแบบนี้” บุรุษร่างกำยำผมน้ำตาลพูดพลางขมวดคิ้ว “จะช่วยเดเลียจะต้องรักษากันไปทีละขั้นตอนคล้ายกับกระบวนการเผาผลาญตนเอง ต้องดูดกลืนจุดแสงเขียวที่คลุมวิญญาณและเปลี่ยนให้เป็นพลังทางจิตก่อน นอกจากนี้...ระหว่างกระบวนการรักษา จะต้องไม่มีการผิดพลาดแม้แต่น้อย ถ้าระลอกพลังงานใดโจมตีวิญญาณ วิญญาณอาจสูญสลาย ยาก ยาก ยากจริงๆ!”
เมื่อได้ยินคำพูดอย่างนี้ หัวใจของลินลี่ย์ตกวูบ
“เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิง แล้วท่านเล่า?” ลินลี่ย์มองดูนาง
แต่เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเพียงแต่พูดว่า “ลินลี่ย์! ข้าเสียใจจริง ทักษะเผ่าหงส์เพลิงของเราในการช่วยตัวพวกเราเองก็ไม่เลว... แต่แม้ว่าเราจะช่วยพวกเราด้วยกันเอง ก็ต้องใช้พลังงานมหาศาล ช่วยคนอื่น? เราไม่มีความสามารถขนาดนั้น”
ลินลี่ย์ได้แต่มองผู้อาวุโสอื่นอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสทุกคนถอนหายใจส่ายศีรษะ ไม่มีใครแก้ปัญหาได้
“จุดสีเขียวที่กำลังกลืนกินอยู่นั้นเราจะต้องซึมซับโต้ตอบให้เร็ว.. มันยากเกินไป!” บุรุษผมน้ำตาลส่ายศีรษะ “เท่าที่ข้าเห็น ในทั่วทั้งแดนนรกมีอยู่เพียงไม่กี่คนที่ฝึกมาทางกฎธรรมชาติและวิถีอื่นที่จะช่วยนางได้ ข้าแทบจะนับคนเหล่านี้ได้ด้วยมือข้างเดียว คนอื่นที่เป็นสุดยอดฝีมือผู้ฝึกมาทางวิถีชีวิตซึ่งสามารถช่วยนางได้มีน้อยคนจริงๆ”
ไม่ใช่แค่ฝึกมาทางวิถีชีวิต แต่ต้องเป็นสุดยอดฝีมือที่ฝึกมาทางวิถีชีวิต
ถ้าคนที่ฝึกมาทางวิถีแห่งชะตา, วิถีมรณะก็ยังพอเป็นไปได้ เพียงแต่จะต้องเป็นผู้ที่ฝึกมาในระดับสูงล้ำ พวกเขาจะต้องเป็นสุดยอดฝีมือในแดนดิน มีพลังวิญญาณที่อยู่ในระดับใกล้จุดสมบูรณ์แบบ
ความต้องการยอดฝีมือในพลังวิถีชีวิตจะอยู่ในระดับต่ำกว่า ว่าโดยทั่วไปคนที่ถึงระดับผู้อาวุโสเอลฟ์นั้นก็พอ
“ไม่มีใครในกลุ่มพวกท่านที่ฝึกมาทางวิถีชีวิตเลยหรือ?” ลินลี่ย์ถามไม่ลดละ
ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวพยักหน้า “มีอยู่, อย่างไรก็ตามจะให้ถึงระดับเดียวกับผู้ที่ลงมือโจมตีเป็นเรื่องยาก.....จะโจมตีอย่างนี้ได้ก็ต้องมีความเข้าใจเรื่องจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง”
“อา!” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงจู่ๆ ก็ร้องขึ้น “เผ่าของข้ามีอยู่คนหนึ่งที่ฝึกมาทางวิถีชีวิต และระดับของเขาถือได้ว่าอยู่ในระดับสูงมาก”
ลินลี่ย์มองนางทันที
กัซลีสันและฟูโซ่มองดูนางทันที
เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงพูดด้วยความมั่นใจ “เขาชื่อคาสเทล เขาไม่ใช่ผู้อาวุโส เขาเป็นอสูรหกดาว อย่างไรก็ตามระดับความสำเร็จในวิถีชีวิตของเขาอยู่ในระดับสูง ข้าไม่แน่ใจว่าคาสเทลจะช่วยเดเลียได้หรือไม่ แต่..เขามีอาจารย์ชื่ออัลฟองซัส อัลฟองซัสไม่ใช่สมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาเป็นสุดยอดฝีมือผู้ฝึกมาทางวิถีชีวิต ครั้งล่าสุด ข้าได้ยินมาจากคาสเทลว่าอาจารย์ของเขาตอนนี้อยู่ในแคว้นอินดิโก! คาสเทลอาจช่วยเดเลียไม่ได้ แต่อัลฟองซัสคงช่วยได้แน่นอน!”
ตาของลินลี่ย์เป็นประกายทันที
ยอดฝีมือในสายวิถีชีวิตปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน
“รีบไปตามคาสเทลมา” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงสั่งผู้อาวุโสที่เป็นบริวารของนาง
“ขอรับ, เจ้าแม่” ผู้อาวุโสนั้นบินออกไปด้วยความเร็วสูง
ฟูโซ่หัวเราะขณะเดินเข้ามาหา “ฮ่าฮ่า...ลินลี่ย์, ข้าบอกเจ้าใช่ไหมเล่า? ที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีวิธีช่วยเดเลียแน่นอน ถ้าคาสเทลผู้นี้ทำไม่ได้ อย่างนั้นอาจารย์ของเขาคงทำได้แน่ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าโลกที่ขาดสีสันหายไป กลับกลายเป็นมีสีสดใสเต็มไปด้วยความหวังอีกครา
ลินลี่ย์ก้มหน้ามองเดเลีย เขาพูดเบาๆ “เดเลีย! เจ้าต้องอดทนเอาไว้ มียอดฝีมือที่ฝึกมาทางวิถีชีวิตถึงสองคน พวกเขาจะช่วยเจ้าได้ แน่นอน”
จากนั้นเขามองดูลูกชายในอ้อมแขน หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความหวัง “ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี”
ในท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโส ฟอร์ลันมองดูสีหน้าของลินลี่ย์ เขาคำรามในใจ “เจ้าโชคดีจริงๆ ที่ไม่ตาย แต่ก็ดีที่สุดแล้ว ภรรยาของเจ้าอยู่ในสภาพเช่นนั้น ทำให้เจ้าสิ้นหวังอย่างนั้น .... ข้ารู้สึกสะใจจริงที่เห็นเจ้าเป็นอย่างนี้!”
“ลินลี่ย์” เสียงทุ้มดังขึ้นและกัซลีสันเดินเข้ามาหา “ครั้งนี้, หลังจากเจ้าออกมาจากเมืองเมียร์ไม่นาน เจ้าก็โดนแปดผู้อาวุโสซุ่มทำร้าย และสามคนในพวกเขาใช้พลังมหาเทพตั้งแต่ต้น... นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการซุ่มโจมตีที่ตระเตรียมอย่างดี ศัตรูรู้เบาะแสของเจ้าได้ยังไงว่าเจ้าอยู่ที่ไหน?
ลินลี่ย์เงยหน้ามองกัซลีสัน
“ท่านประมุข ท่านกำลังจะบอกว่า...?” ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่ง
“ราวๆ หนึ่งปีมาแล้ว เจ้าโดยสารอสูรโลหะไปเมืองเมียร์ ในปีที่ผ่านมามีสามกลุ่มที่เดินทางด้วยอสูรโลหะ แต่แปดตระกูลใหญ่ก็ไม่ลงมือโจมตี แต่ทันทีที่เจ้าออกมาจากเมืองเมียร์ พวกเขาก็โจมตีอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าพวกเขาติดตามไปจนถึงที่อยู่ของเจ้า เป็นผลให้พวกเขาสามารถจัดกองกำลังซุ่มรอได้” กัซลีสันกล่าว “ศัตรูรู้เบาะแสที่อยู่ของเจ้ามากขนาดไหน?
ลินลี่ย์พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
“บางทีอาจมีบางคนในตระกูลของท่านเปิดเผยความลับนี้” ฟูโซ่แค่นเสียงเย็นชา “มิฉะนั้น พวกเขาจะพบลินลี่ย์ได้ง่ายๆ อย่างไร?”
“ฟูโซ่” กัสลีสันอดขุ่นเคืองและตวาดออกไปมิได้
เมื่อฟอร์ลันได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาหรี่ตาทันที ขณะนี้เองลินลี่ย์หันไปมองฟอร์ลันทันที สายตาของพวกเขาสบกันโดยบังเอิญ และฟอร์ลันอดประหลาดใจไม่ได้ “ลินลี่ย์สงสัยข้าด้วยหรือ?”
“ถ้าจะมีคนเปิดเผยความลับ...ก็ต้องเป็นเขาหรือไม่ก็ลูกชายของเขา” ลินลี่ย์บอกตัวเอง
ที่สำคัญในตระกูลนี้ มีเพียงสองคนที่มีความแค้นกับเขา
ขณะนั้นเองมีสองร่างบินเข้ามาจากด้านนอกด้วยความเร็วสูง ลินลี่ย์หันไปมองทันที และสายตาเขาเห็นบุรุษหนุ่มหล่อเหลาผมดำคนหนึ่ง บุรุษหนุ่มผมดำเดินมาหาเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงทันทีและกล่าวทักทาย “เจ้าแม่!”
“รีบมาดูภรรยาของลินลี่ย์ และดูว่าเจ้าจะช่วยนางได้ไหม” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงสั่ง
“ขอรับ” บุรุษหนุ่มผมดำพยักหน้าให้ลินลี่ย์ก่อน จากนั้นมองดูเดเลียก่อนที่เขาจะหลับตาคิด
ลินลี่ย์มองดูภาพนี้ด้วยความกระวนกระวาย
แต่จากนั้นบุรุษผมดำก็ลืมตาและเขามองดูลินลี่ย์ด้วยความแตกตื่น “ผู้อาวุโสลินลี่ย์ อาการของภรรยาของท่านหนักหนาสาหัสมาก ไม่มีใครในเผ่าเราที่จะช่วยนางได้”
“แต่ท่านมีอาจารย์อยู่....” ลินลี่ย์พูดด้วยความกังวล
“อาจารย์ของข้าน่าจะช่วยนางได้, แต่...แม้ว่าอาจารย์ของข้าจะอยู่ในแคว้นอินดิโก แต่การเดินทางจากเทือกเขาสกายไรท์ไปยังที่อยู่ของอาจารย์ข้าไปกลับใช้เวลาครึ่งปี ต่อให้เป็นอสูรเจ็ดดาวเดินทางเร่งรีบ ข้าเกรงว่าความเร็วในกระบวนการกลืนกินวิญญาณ อาจทำให้ภรรยาของท่านไม่สามารถทนได้นานขนาดนั้น!”