2110 - ต่อสู้ที่เมืองจักรพรรดิอีกครั้ง
2110 - ต่อสู้ที่เมืองจักรพรรดิอีกครั้ง
“วู ด้านนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายใจอย่างแท้จริง เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หายไปแล้ว นี่มันเป็นสถานที่ที่เปรียบเสมือนกับนรกก็ไม่ปาน!”
ชายหนุ่มที่หล่อเหลาจนน่ากลัวปิดปากและจมูกไว้ เขาสวมชุดเกราะสีเงิน มีลักษณะท่าทางที่หยิ่งยโส แสดงออกถึงความรังเกียขณะที่ก้าวลงจากสัตว์ขี่ของเขา
ชายหนุ่มคนนี้มาจากตระกูลจักรพรรดิ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังซึ่งบรรลุเต๋ามาหลายปี เป็นผู้สูงสุดมานานกว่าแสนปีแล้ว
วู!
สิ่งมีชีวิตที่หุ้มเกราะเงินนั้นปล่อยเสียงคำรามเบาๆ แล้วหันกลับมาถามว่า
“ฮวงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
ชื่อของเขาคือซือหยูซึ่งเป็นทายาทของจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญซือถู
“เขายังมีชีวิตอยู่ จากที่เราได้ยินดูเหมือนว่าเขาจะบรรลุเต๋ามาเป็นเวลานานแล้ว!”
"อะไร?!" เมื่อชายรูปงามชุดเกราะเงินได้ยินดังนั้นดวงตาของเขาก็หดลงและถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก
“เขาอายุเท่าไหร่? เป็นไปได้ยังไง”
“ตอนนี้เขาอายุสามพันห้าร้อยปี เขากลายเป็นผู้สูงสุดก่อนอายุห้าร้อยปี” มีคนรายงานอย่างระมัดระวัง
"เป็นไปได้อย่างไร? ความเร็วแบบนี้เร็วเกินไป!” ชายผู้ชั่วร้ายในชุดเกราะเงินกล่าว
“นั่นคือเหตุผลที่ผู้อาวุโสซือหยูต้องระวังตัวให้ดี เด็กน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!”
“การเป็นผู้สูงสุดในยุคไร้การฝึกฝนนั้นไม่ง่ายเลย อย่างไรก็ตาม เขาฝึกฝนมาเพียงสามพันห้าร้อยปีเท่านั้น เขาสามารถสะสมทักษะเต๋าได้มากแค่ไหน? ไม่มีทางที่เขาจะไปถึงจุดสูงสุดได้ พวกเจ้าไม่ต้องห่วง!” ซือหยูกล่าว
“อย่างนั้นหรือ? เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งและกลายเป็นผู้สูงสุดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นี่ก็น่าสนใจเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นถ้าเราบดขยี้เขาให้ตายง่ายเกินไปแล้วมันจะน่าสนุกตรงไหน?”
ในเวลานี้ ชายอีกคนหนึ่งปรากฏตัวบนแท่นบูชาในชุดเกราะทองแดง ใบหน้าของเขาดูเหมือนแกะสลักจากใบมีด สันจมูกและโหนกแก้มของเขานั้นสูงมาก ให้ความรู้สึกที่มั่นคง
เขามีรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ก็เย็นชาเล็กน้อย
บุคคลนี้มีชื่อว่าอันเติ้งซึ่งเป็นทายาทของจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญอันหลาน
เขาแทบจะเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนฝั่งนั้น เพราะเขาสามารถบรรลุเต๋าได้ในเวลาไม่ถึงสองพันปี
คราวนี้ หลังจากค้นหาทุกหนทุกแห่ง พวกเขาพบวิธีที่จะเจาะผนึกของเซียนโบราณ หลังจากค้นพบเส้นทางโบราณนั้นแล้ว อันเติ้งก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในครั้งนี้เพื่อนำความสำเร็จกลับไป
เป็นเพราะทุกคนรู้ว่าอาณาจักรนี้แทบจะพิการไปแล้ว
ที่นี่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับเต๋าอมตะดูแล การต่อสู้เมื่อสามพันปีก่อนดินแดนแห่งนี้ประสบความสูญเสียมากเกินไปยากที่จะฟื้นตัวได้
ตราบใดที่สิ่งมีชีวิตระดับผู้สูงสุดสองสามตัวเข้ามา มันก็เพียงพอแล้วที่จะกวาดล้างอาณาจักรนี้ กวาดล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!
“ฮ่าฮ่า น่าสนใจ เจ้าหนูน้อยจากอดีตกลายเป็นบุคคลที่สามารถแข่งขันกับเราได้แล้ว การต่อสู้แบบนี้ค่อยมีรสชาติขึ้นมาหน่อย”
เสียงหัวเราะแหลมเล็กดังออกมา นี่คือหญิงสาวที่สวมชุดเกราะสีดำ แม้ว่านางจะหัวเราะแต่ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงหัวเราะของนางก็ค่อนข้างเย็นชาเช่นกัน
นี่ก็เป็นหนึ่งในทายาทของจักรพรรดิผู้ไม่ดับสูญเช่นกัน นางมีชื่อว่าฉีเสี่ยว เมื่อเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วนางถือว่าอายุน้อยที่สุดเพราะตอนนี้นางพึ่งอายุได้หมื่นแปดพันปี
นางคือผู้สูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาทายาทของจักรพรรดิแดง
ในอดีตนั้นนางเคยบรรลุเต๋าได้ก่อนที่จะอายุครบห้าพันปี พรสวรรค์ของนางถือได้ว่าสูงส่งอย่างแท้จริง
แม้ว่านางจะอายุน้อยที่สุดแต่นางก็บรรลุเต๋ามาหมื่นกว่าปีแล้ว
ฉีเสี่ยวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ในตอนนั้น เขาฆ่าหลานชายของข้าฉีเมิ่งหง หากเช่นนั้นข้าก็ยังพออภัยให้ได้ แต่การที่เขาย่างหลานชายของข้ากินเป็นอาหาร วันนี้ข้าจะถลกหนังเขาออกมาซะ!”
แม้ว่าข้อตกลงจะบอกว่าให้ส่งผู้สูงสุดมาเพียงสองสามคนเท่านั้น ความเป็นจริงมีผู้สูงสุดที่ปรากฏตัวขึ้นมากกว่าสิบคนแล้ว
ทุกคนล้วนเป็นทายาทของตระกูลจักรพรรดิที่ต้องการมาล้างแค้นให้กับลูกหลานของตัวเอง
ในสายตาของพวกเขา การต่อสู้ครั้งก่อนเป็นความอัปยศของตระกูลจักรพรรดิ ผู้เชี่ยวชาญรุ่นเยาว์ของตระกูลจักรพรรดิพ่ายแพ้ให้กับฮวงทีละคน
โดยบางคนนั้นได้เสียชีวิตอย่างน่าสังเวช แม้กระทั่งตอนท้ายที่สุดก็ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้
“อู๋ เมื่อเรามาถึง ก็แสดงว่าเวลาของเขาได้หมดลงไปแล้ว!” ใบหน้าที่หล่อเหลาและน่ากลัวของซือหยูมีรอยยิ้มที่เย็นชา
“ตรงนั้น! มาเล่นแมวกับหนูกันเถอะ น่าสนใจจริงๆ!” อันเติ้งยังคงยิ้มอย่างสนุกสนาน
ด้านหลังมีทหารของพวกเขาปรากฏตัวออกมาเรื่อยๆ ในตอนท้ายมีกองทหารจากต่างมิติหลายหมื่นคนเข้าแถวอยู่ด้านหลังของพวกเขา
ในหมู่พวกเขาสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่เป็นผู้นำได้ปรากฏตัวขึ้นมาถึงสิบสามคน ภารกิจของพวกเขาก็เพื่อกวาดล้างดินแดนนี้และสังหารสิ่งมีชีวิตที่สามารถบรรลุเต๋าทุกคน
อีกทั้งสี่คนในนั้นยังมาจากตระกูลจักรพรรดิอีกด้วย
“ระวังตัวให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ ไอ้เด็กเหลือขอนั่นมีบางอย่างที่ค่อนข้างแปลก เจ้าก็รู้ดีว่าเขายืมเลือดหยดเดียวก็สามารถต่อสู้กับราชาอมตะได้” มีคนเตือน
การแสดงออกของอันเติ้งมืดครึ้มลงทันทีและพูดว่า
“ไม่เป็นไร บรรพบุรุษโบราณของเราได้ตรวจสอบแล้ว เลือดหยดนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถใช้ได้เพียงเพราะเขาต้องการ วันนี้เราจะมายึดเลือดหยดนั้นไปด้วย!”
เมื่อพวกเขาจากไป แท่นบูชายังคงส่องแสงระยิบระยับ ราวกับมีสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมากำลังเคลื่อนเข้ามา
ในที่สุด ด้วยเสียงหงษ์ ร่างทั้งสามก็ปรากฏขึ้นพร้อมกัน!
คนเหล่านี้เป็นคนที่มาเพื่อควบคุมการต่อสู้ในวันนี้
สิ่งมีชีวิตที่ปกป้องแท่นบูชาอยู่รอบๆต่างก้มลงกราบด้วยความเคารพ การแสดงออกของพวกเขาจริงจังเป็นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ตัวสั่นเล็กน้อย เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตอมตะสามตัว
“ความรู้สึกนี้ค่อนข้างแย่ ข้าเกลียดยุคไร้การฝึกฝน เกลียดอาณาจักรนี้” หนึ่งในนั้นกล่าว
เป็นเพราะหลังจากที่พวกเขาข้ามมา พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงข้อจำกัดในทันที มันทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก
ในเวลานี้พวกเขาต้องปิดประตูที่ใช้ข้ามมาอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นยุคที่ไร้การฝึกฝนของอาณาจักรนี้จะค่อยๆข้ามไปฝั่งของพวกเขา
“รีบปิดทางเดิน!” หนึ่งในนั้นกล่าว
“สวรรค์และปฐพีด้านนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เว้นแต่จะเป็นคนพื้นเมืองของโลกนี้ เมื่อพลังระดับเต๋าอมตะปรากฏขึ้นมันจะถูกปฏิเสธทันที” สิ่งมีชีวิตอมตะขมวดคิ้ว
“ข้าเชื่อว่าเราคงไม่ได้ลงมือต่อสู้แน่นอน” อีกคนพูดอย่างเย็นชา
กองกำลังนำโดยบุคคลกจากตระกูลจักรพรรดิมันเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะทำพลาด
สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เข้าสู่พื้นที่สามพันแคว้นปรารถนาจะกวาดล้างเก้าสวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆ่าฮวงเป็นภารกิจหลักของพวกเขาตั้งแต่แรก
จิ!
ริ้วรุ้งศักดิ์สิทธิ์ลงมาจากด้านบน สือฮ่าวเดินทางมาสกัดกั้นพวกเขาโดยตรง
จากนั้นมดเขาสวรรค์และเฉาอวี่เซิ่งก็ลงมายืนอยู่ข้างเขา
ก่อนหน้านี้พวกเขาไปที่เมืองจักรพรรดิ์และเห็นว่าพื้นที่นั้นไม่ได้ถูกโจมตี ดังนั้นพวกเขาจึงรีบมาที่นี่
“ฮวง?!” ซือหยูชายชุดเกราะเงินที่หล่อเหลายืนขึ้นทันทีเพราะว่าเขาจดจำสือฮ่าวได้
ซือหยูยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดว่า “พวกเรากำลังจะไปหาเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับลงมาหาที่เอง พูดสิ ว่าเจ้าต้องการให้เราฆ่าเจ้าครั้งเดียวหรือว่าค่อยๆถลกหนังของเจ้าออกมา?”
อันเติ้งสวมชุดเกราะทองแดงที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์ขี่ข้างๆกันก็กล่าวออกมาว่า
“ดีมาก เจ้ากลายเป็นผู้สูงสุดแล้ว หากไม่มีผู้สูงสุดที่แข็งแกร่งในดินแดนนี้เลยการมาของพวกเราครั้งนี้คงรู้สึกจืดชืดอย่างยิ่ง”
ฉีเสี่ยวเป็นผู้หญิงแต่นางกับมีอารมณ์ที่ร้อนแรงกว่าชายชาตรีเสียอีก ในเวลานี้นางตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้นว่า
“คลานมาที่นี่และอ้อนวอนขออภัยจากข้า อธิษฐานต่อหน้าสุสานของฉีเมิ่งหง แล้วยอมรับความตายซะ!”
สือฮ่าวมองดูพวกเขาอย่างเย็นชา เขารู้สึกโดยธรรมชาติว่าบุคคลเหล่านี้แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แข็งแกร่งกว่าผู้สูงสุดธรรมดาอย่างแน่นอน
ไม่ต้องบอกเขาก็ทราบว่าคนพวกนี้ต้องมาจากตระกูลจักรพรรดิ