ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 154 เกาะบุษผา
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 154 เกาะบุษผา
แปลโดย iPAT
เด็กหนุ่มบ่น “ท่านหญิงสนใจหลี่ฉิงซานเพราะความแข็งแกร่งของเขา แต่ท่านหญิงมีพวกเราอยู่แล้ว ท่านหญิงไม่ควรลังเล” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนรักกำลังตัดพ้อ เด็กหนุ่มทั้งหมดมองไปที่ยายประจิมด้วยความหลงใหล มันไม่เหมือนการบังคับแต่เป็นความรู้สึกจากใจจริง พวกเขาเหมือนคนในเมืองเจียเผิงที่ลุ่มหลงนางโลมฟู่หรง
ในฐานะจอมยุทธ์ขั้นสอง ทักษะของฟู่หรงเพียงพอที่จะทำให้คนธรรมดาคลั่งไคล้และปลุกความกลัวในหัวใจของจอมยุทธ์พลังปราณ ยายประจิมเป็นจอมยุทธ์ขั้นเก้า ทักษะของนางย่อมทรงพลังกว่าอย่างไม่สามารถเปรียบเทียบ มันไม่ใช่สิ่งที่เด็กหนุ่มธรรมดาไม่กี่คนจะสามารถต่อต้าน กระทั่งจอมยุทธ์พลังปราณก็ยังจะทำทุกอย่างเพื่อนาง
ยายประจิมกล่าว “เอาล่ะ อย่าคิดมาก ข้าจะฆ่าเขาทันทีที่พบ”
“ตราบเท่าที่ท่านหญิงรักเรา ท่านหญิงจะมีชายอื่นก็ไม่สำคัญ เราจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยอย่างสนุกสนาน รถม้าก็ค่อยๆเลื่อนออกไปอย่างช้าๆและเงียบเชียบ หากมองอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่ามีช่องว่างประมาณหนึ่งนิ้วอยู่ระหว่างล้อรถกับพื้นถนน กล่าวคือมันลอยอยู่ในอากาศ
หลังจากชั่วครู่ ม้าก็ลากรถม้าพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
พวกเขาทิ้งบ่อนที่เต็มไปด้วยซากศพไว้เบื้องหลัง จากนั้นลูกน้องตัวเล็กตัวน้อยที่รอดชีวิตก็เริ่มแย่งผลประโยชน์กันอีกครั้ง นี่คือวิถีของยุทธภพ
หลี่ฉิงซานยังลงเอยด้วยการไปที่ภูเขาราชากวาง เนื่องจากโอกาสที่กองโจรอาชากลุ่มนี้จะตอบรับคำเชิญของเจ้าเกาะบุปผามีค่อนข้างน้อย ข้อมูลกล่าวว่าโจรกลุ่มนี้เป็นคนเถื่อน แต่ละคนมีเคราสีน้ำตาลขนาดใหญ่
กระทั่งเจ้าเกาะบุปผาจะเชิญพวกเขา มันก็เป็นไปไม่ได้ที่โจรกลุ่มนี้จะขี้ม้าของพวกเขาไปที่เกาะ ดังนั้นหลี่ฉิงซานจึงตัดสินใจที่จะจัดการพวกเขาเป็นอันดับแรก
โจรกลุ่มนี้ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ภูเขาราชากวางเป็นเพียงหนึ่งในที่พักชั่วคราวของพวกเขาเท่านั้น
หลี่ฉิงซานไม่พบพวกเขาแต่เขายังไม่ยอมแพ้ เขาก้มลงใช้จมูกดมกลิ่นและติดตามร่องรอยไปในลักษณะนั้น เขาเหมือนสัตว์ป่าที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม
ในความเป็นจริง ยิ่งแก่นปีศาจของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด โลกในสายตาของเขาก็ยิ่งมีสีสันมากขึ้นเท่านั้น ความสามารถในการไล่ล่าของเขาแทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณของเขาไปแล้ว
กลิ่นและร่องรอยบนพื้นยังสดใหม่ พวกเขาอยู่ไม่ไกล และจากรอยบนพื้น เขาพบว่ามีโจรขี่ม้าอย่างน้อยสองร้อยตัวซึ่งทำให้ดวงตาของหลี่ฉิงซานส่องประกายขึ้น
เขาเดินทางผ่านทุ่งหญ้าที่สูงพอๆกับผู้ชายคนหนึ่ง เขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วภายใต้ท้องฟ้ามืดสลัวในยามค่ำคืน สองชั่วโมงต่อมา เขาก็พบเป้าหมาย
ภายในกลุ่มควัน กองโจรพุ่งเข้าโจมตีขบวนสินค้า
ทันใดนั้นบางคนก็อุทานขึ้นมาว่า “นั่นคือสิ่งใด?”
ร่างหนึ่งกระโจนขึ้นสู่อากาศก่อนจะร่อนลงในตำแหน่งที่หัวหน้ากลุ่มโจรอยู่
หลี่ฉิงซานยืนอยู่บนอานม้าและวางมือข้างหนึ่งลงบนศีรษะของหัวหน้ากลุ่มโจร เขาใช้มืออีกข้างจับบังเหียนม้าและบังคับมันวิ่งไปรอบๆ กลุ่มพ่อค้าเงยหน้าขึ้นและเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่ดูร่าเริง การแสดงออกของเขาทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเขาไม่ได้จับศีรษะของบางคนอยู่แต่เป็นก้อนทองคำขนาดใหญ่
โจรบางคนตะโกน “มีคนมา!”
กลุ่มโจรอาชาสาปแช่ง พวกเขาไม่สนใจขบวนสินค้าอีกต่อไปแต่ต้องการช่วยหัวหน้าของพวกเขา
หลังจากนั้นก็ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นกองโจรอาชาแห่งภูเขาราชากวางอีกเลย
หลี่ฉิงซานบังคับม้าไปยังสถานที่รกร้างก่อนจะกระแทกมือลงบนศีรษะของหัวหน้าโจรและทำให้ทั้งคนและม้าทรุดลงบนพื้น
เมื่อกลุ่มโจรตามมาถึง หลี่ฉิงซานก็หายตัวไปแล้ว พวกเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ตัวเลขเปลี่ยนเป็นเจ็ดร้อยห้าสิบห้าอย่างรวดเร็ว
เพียงหนึ่งวันหลังจากหลี่ฉิงซานออกจากภูเขาราชากวาง รถม้าของยายประจิมก็มาถึง
เด็กหนุ่มชุดแดงคนเดิมออกมาตรวจสอบ “ท่านหญิง เขาไม่อยู่ที่นี่”
“เด็กคนนี้ค่อนข้างเร็ว” ยายประจิมคลี่แผนที่จิตและชี้ไปยังบางแห่ง “ไปต่อกันเถอะ” มันคือเส้นทางเดิมของหลี่ฉิงซาน ชัดเจนว่านางเข้าใจภารกิจของเขาอย่างถ่องแท้
อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มทั้งหมดต่างบ่นว่ามันน่าเบื่อ พวกเขาคุ้นเคยกับความสุขและความสะดวกสบายในเมืองชิงเหอ พวกเขาไม่ชอบการเดินทาง
ยายประจิมกล่าวอย่างมีเลศนัย “เอาล่ะ เราจะพักผ่อนเมื่อเราไปถึงเมืองถัดไป”
…..
มันเป็นแอ่งน้ำเล็กๆบนแผนที่ แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้กับตาตนเอง มันเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอก
“มันคือที่นี่ คนเลวผู้นี้รู้วิธีใช้ชีวิตจริงๆ” หลี่ฉิงซานเก็บแผนที่จิตและมองทะลุกลุ่มหมอกไปในระยะไกล เขาเห็นเกาะอย่างคลุมเครือ มันเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยต้นหลิว มีกำแพงสีแดงและกระเบื้องสีเขียวปรากฏอยู่ที่นั่น
ถัดจากทะเลสาบคือเมือง มันมีทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน นี่เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการลงหลักปักฐานและใช้ชีวิตที่เหลืออยู่
หลี่ฉิงซานเลียริมฝีปากและจินตนาการถึงสภาพที่น่าสมเพชของคนชั่วเหล่านั้น
เขาเดินทางไปยังอีกด้านหนึ่งของเกาะและพบอาคารที่หรูหราอยู่ที่นั่น
มียามติดอาวุธจำนวนมากลาดตระเวนอยู่รอบๆคฤหาสน์ การรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก แต่ในสายตาของหลี่ฉิงซาน มันเหมือนไม่มีสิ่งใด
หลี่ฉิงซานกระโดดข้ามกำแพงและวิ่งไปยังอาคารหลังใหญ่ที่สุด
หลังม่าน ร่างเลือนรางของบางคนเคลื่อนไหวไปมา เสียงครวญครางและวาจาหยอกล้อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“นายท่าน ท่านช่างเก่งกาจนัก!”
หลี่ฉิงซานลูบจมูก เขารู้สึกเหมือนตนเองมักบุกเข้ามาในเวลาเช่นนี้เสมอ ในยามดึก คนชั่วมักนอนอยู่บนเตียงขณะที่คนดีทำได้เพียงเฝ้ามองความสุขของฝ่ายตรงข้าม
ด้วยการไอเบาๆ บางคนก็ผุดลุกขึ้นจากเตียงและเปิดผ้าม้านออก “ผู้ใด?”
สายตาสองคู่ประสานกัน ทั้งคู่ต่างตกตะลึง
หลี่ฉิงซานไม่เคยคิดว่าเฉินซื่อฮัวจะเป็นคนแก่ เส้นผมส่วนใหญ่บนศีรษะของเขาหงอกไปแล้ว
ในทางกลับกัน แม้หลี่ฉิงซานจะไม่ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายใดๆออกมา แต่การที่เขาสามารถปรากฏตัวในห้องนอนของเฉินซื่อฮัวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตกใจ
“ใส่เสื้อผ้าของเจ้าซะ มีบางสิ่งที่ข้าอยากคุยกับเจ้า” หลี่ฉิงซานวางบางอย่างลงบนโต๊ะก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
เฉินซื่อฮัวรีบไปที่โต๊ะ เมื่อเขาเห็นสิ่งนั้น ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดเผือด เขาประคองมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ความเย็นของสิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้านยิ่งขึ้นไปอีก
มันคือป้ายเหล็กดำที่สลักเป็นรูปหมาป่าแยกเขี้ยวและกางกรงเล็บของมันออก
ในศาลาเล็กๆใต้ต้นไม้ หลี่ฉิงซานยืนพิงเสาและมองทิวทัศน์ของทะเลสาบ เฉินซื่อฮัวที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วรีบวิ่งเข้ามาขณะประคองป้ายหมาป่าเหล็กดำไว้ในมือ “นายท่าน ข้าขอทราบชื่อของท่านและเหตุผลที่ท่านมายังที่พำนับอันต่ำต้อยของข้าได้หรือไม่?”
หลี่ฉิงซานนำป้ายหมาป่าเหล็กดำกลับมา “เจ้าไม่รู้ว่าตนเองทำสิ่งใดไปบ้างงั้นหรือ? เจ้าคือคนร้าย เฉินซื่อฮัว!” เขาเคยดูซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนทางโทรทัศน์มามากในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงเลียนแบบวิธีการของพระเอกซีรีส์ด้วยความมั่นใจ
ด้วยเสียงดังลั่น เข่าของเฉินซื่อฮัวทรุดลงบนพื้น “นายเหนือหัวของข้า สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นการกระทำในอดีตเมื่อข้ายังเด็กและหัวร้อน นายท่านเป็นบุรุษที่สูงส่งและประเสริฐ โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย หากมีสิ่งใดที่ท่านต้องการ ข้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าท่านจะบรรลุเป้าหมาย”
ร่างกายที่ทรงพลังของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งนอกรีตกลายเป็นไร้เรี่ยวแรงและเร่งคุกเข่าร้องขอชีวิตของตนทันที หลี่ฉิงซานยังไม่ได้ทำสิ่งใด ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเพราะป้ายหมาป่าเหล็กดำเท่านั้น
เฉินซื่อฮัวรู้สึกหมดหนทาง เดิมทีเขาคิดจะวิ่งหนี แต่เขาลังเลที่จะละทิ้งทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้น นอกจากนั้นหากผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ต้องการตัวเขาจริงๆ พวกเขาก็จะพบเขาเสมอ สำหรับการต่อสู้ นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ กระทั่งเขาจะได้รับชัยชนะในครั้งนี้ มันก็ไร้ประโยชน์ ตรงข้าม มันจะยิ่งกระตุ้นความโกรธของหน่วยผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
หลี่ฉิงซานไม่ใช่เด็กหนุ่มที่โดดเดี่ยวอีกต่อไป ตอนนี้เขามีกองกำลังที่น่าสะพรึงกลัวของทางการอยู่เบื้องหลัง ผู้คนในยุทธภพสามารถเพียงยอมจำนนต่อสิ่งนี้ แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เฉินซื่อฮัวจะเข้าใจความขัดแย้งระหว่างหลี่ฉิงซานกับจ้าวจื่อป๋อ นั่นเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม
อย่างไรก็ตามเฉินซื่อฮัวยังมีความหวัง เนื่องจากหลี่ฉิงซานไม่ได้โจมตีเขาตั้งแต่แรก นั่นก็หมายความว่าเขายังมีโอกาสและเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากล้ามาที่นี่เพื่อรับฟังสิ่งที่หลี่ฉิงซานต้องการ
ดังคาด หลี่ฉิงซานกล่าว “ข้ามีบางอย่างต้องการให้เจ้าทำ” เขานั่งลงบนม้านั่งหินในศาลาและมองไปที่เฉินซื่อฮัวจากด้านบนโดยไม่ได้บอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมานั่งกับเขา
หลี่ฉิงซานสามารถปฏิบัติต่อคนธรรมดาอย่างสุภาพ แต่การมีมารยาทต่อสหายเช่นนี้เป็นเรื่องน่าขัน ในความเป็นจริงการกระทำเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอับอาย หากไม่ใช่เพราะแผนการของเขา เขาคงฆ่าเฉินซื่อฮัวไปแล้ว
สีหน้าของเฉินซื่อฮัวสว่างขึ้น “โปรดบอกข้า”
หลี่ฉิงซานโยนเอกสารจำนวนมากใส่หน้าเฉินซื่อฮัว “ข้าต้องการให้เจ้าเชิญคนเหล่านี้พร้อมผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขามาที่นี่ ยิ่งเยอะยิ่งดี”
การแสดงออกของเฉินซื่อฮัวเปลี่ยนไป เขาตระหนักถึงเป้าหมายของหลี่ฉิงซานทันที เด็กหนุ่มผู้นี้อายุยังน้อยแต่กลับซ่อนความคิดที่น่ากลัวเอาไว้ เขาต้องการกำจัดจอมยุทธ์นอกรีตทั้งหมดในครั้งเดียว
หลี่ฉิงซานกล่าว “อาจเป็นวันเกิด มีบุตร หรือเหตุผลอื่นๆ เจ้าสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด”
เฉินซื่อฮัวกล่าว “นะ...นายท่าน นั่นอาจเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรม”
หลี่ฉิงซานหัวเราะ “เจ้าเป็นนักข่มขืน เจ้ายังกล้ากล่าวคำว่าชอบธรรมงั้นหรือ?”
ใบหน้าของเฉินซื่อฮัวกลายเป็นสีแดง เขาโต้เถียงอย่างไร้เหตุผลว่า “นั่นเป็นเรื่องในอดีตทั้งหมด ข้ายังทิ้งเงินมากมายไว้ให้ผู้หญิงเหล่านั้น พวกนางไม่จำเป็นต้องไม่พอใจกับผลลัพธ์...”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ พลังมหาศาลก็ผลักศีรษะของเขาลงกระแทกพื้นอย่างแรง