ตอนที่ 598 มาถึงทวีปทรายขาว!
นอวี่หรันลืมตากว้าง อากาศที่อบอุ่นนุ่มนวลรอบตัวนางอบอวลไปด้วยกลิ่นที่นางชอบใจห้องของนางเงียบสงบราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง นางยืดตัวอย่างเกียจคร้าน ลุกขึ้นและพออาบน้ำเสร็จนางเพลิดเพลินกับอาหารเช้าและน้ำชา และนางได้ยินบ่าวรับใช้คุยกันว่าพี่เหมิ่งหนานไปที่สนามฝึกฝนแต่เช้าตรู่ นางตกใจและวางขนมในมือลง
สนามฝึกฝน?
นางประหลาดใจ นางไม่ต้องการจดจำเรื่องสงครามในวันก่อน นางตกอยู่ในความสิ้นหวังและความกลัวครอบงำราวกับว่ามันกำลังควบคุมหัวใจนางจนนางไม่สามารถดิ้นรนออกมาได้
ไม่ใช่แต่เพียงนางเท่านั้น ไป๋เสี่ยวก็เช่นกันรู้สึกกดดันและตกใจหนัก และจนกระทั่งตอนเช้า เขาก็ยังรู้สึกในลักษณะเดียวกัน แม้ว่ากลุ่มของทหารฝีมือดีที่พวกเขาจ้างไว้ก็ดูไม่มีชีวิตชีวาเลย
แต่เวลานี้ พี่เหมิ่งหนานกำลังอยู่ในลานฝึกฝนได้จริงๆ...
จากการต่อสู้เมื่อวานนี้อาจกล่าวได้ว่าเขาเหน็ดเหนื่อยที่สุด แต่ทำไมเขาดูเหมือนยังสบายดีอยู่? เป็นไปได้ไหมว่าสำหรับเขาแล้ว การสู้รบเมื่อวานนี้ยังไม่หนำใจพอ?
ฉินอวี่หรันตัดสินใจไปดู
หลังจากเสร็จอาหารเช้าแล้วนางมุ่งหน้าไปที่ลานฝึกฝีมือ เมื่อนางมาถึง นางก็ตระหนักได้ว่ามีกลุ่มคนออกันอยู่ด้านนอก
“พวกเขาไม่ธรรมดากันเลยทุกคน! เข้ากันได้ขนาดนั้น พวกเขาทำได้อย่างไร?”
“การผสานเข้ากันได้ระดับสูง80%! พระเจ้า! ข้ากำลังดูอะไรอยู่!”
“พวกเขาเป็นใครกันแน่?”
รอบๆ ลานฝึกเต็มไปด้วยพวกหน่วยคุ้มกันและกลาสีเรือ พวกเขาถูกป้าชิวจ้างไว้ทุกคน และทุกคนมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี พวกเขาคุ้นเคยกับการตั้งรูปกระบวนและทุกคนนั้นโดดเด่นเป็นคนฝีมือดีจากทวีปต่างๆ
แต่ในขณะนั้น นักสู้ฝีมือดีทุกคนมีสีหน้าท่าทางตกใจ เหมือนกับว่าพวกเขาเห็นผีและทุกคนอุทานออกมาเสียงดัง
ฉินอวี่หรันยิ่งรู้สึกสงสัยมาก โดยไม่ต้องทำให้คนอื่นแตกตื่น นางมองผ่านกระจก สิ่งที่นางเห็นประจักษ์ก็คือในลานฝึกภายในทำให้นางรู้สึกตกใจ เป็นกลุ่มของผู้คุ้มกันพี่เหมิ่งหนาน
เมื่อสือเซินตื่นขึ้นก็ตระหนักได้ว่าถังเทียนไปฝึกฝนแล้ว เขารู้สึกละอายใจมาก ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ผู้นำกำลังฝึกและบริวารอยู่อย่างเกียจคร้าน? เป็นไปได้ยังไงที่เรื่องตลกอย่างนั้นเกิดขึ้นกับกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวผู้กลายเป็นอภิสิทธิ์ชน?
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวก็ละอายเช่นกัน ยังดีที่พวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้านายของพวกเขา แต่มีความเพียรน้อยกว่าผู้เป็นนาย นั่นสมควรตาย! และการต่อสู้เมื่อวานนี้ล้วนเป็นฝีมือของเจ้านายคนเดียว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย สำหรับกองกำลังปีศาจผู้โอ้อวดว่าเป็นชนชั้นสูง ปลอดภัยภายใต้การปกป้องของเจ้านายพวกเขาเป็นเรื่องน่าละอาย
นอกจากนี้เจ้านายของพวกเขายังปฏิบัติกับพวกเขาเป็นอย่างดีมาก
โดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขารวมกันที่สนามฝึกและเริ่มฝึก
สือเซินโกรธ ถ้าในอนาคต เจ้านายของพวกเขาเป็นหนึ่งในแนวหน้าอย่างนั้นพวกเขาจะอยู่ในจุดไหน? การต่อสู้คือสิ่งเดียวที่กลุ่มทหารแก่นี้สามารถทำได้ และพวกเขาไม่สามารถปลดเปลื้องตัวเองจากสภาพนั้นได้แน่
ทุกคนผู้ติดตามเขาล้วนเป็นทหารผ่านศึกกันมาแล้วทั้งนั้นมีความหยิ่ง ความภูมิใจและไม่สามารถจะทนอยู่ได้ และพยายามอย่างมากเพื่อจะเพิ่มความยากในการฝึกฝน ความต้องการนี้เป็นข้อตกลงเห็นพ้องของทุกคน
ยิ่งสือเซินคิดมากขึ้นว่าเจ้านายเห็นด้วยแล้วกับการเสริมระดับของพวกเขา พวกเขาก็ต้องเตรียมตัวไว้ก่อน เนื่องจากพวกเขามีคนไม่เต็มหน่วยมานานแล้ว
ดังนั้นจึงเกิดภาพต่อหน้าของฉินอวี่หรัน
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะได้เห็นกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวที่นี่”
เสียงของไป๋เสี่ยวที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มดังอยู่ข้างตัวนางและฉินอวี่หรันจึงได้รู้ว่าไป๋เสี่ยวปรากฏข้างตัวนางโดยไม่รู้ตัว แต่นางสนใจคำพูดของไป๋เสี่ยวทันที “กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว?กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวน่ะหรือ?”
“ความตกต่ำของกองพลปีศาจทวีปโยวโจวมีมานานแล้ว และปัจจุบันกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวในตลาดเกินกว่าสิบจะมีจริงเพียงหนึ่งแม้แต่ชาวพื้นเมืองของทวีปโยวโจวก็ไม่ยินดีจะเข้าสอบเป็นกองกำลังปีศาจ แต่คนพวกนี้เป็นกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวของแท้แน่นอน” ไป๋เสี่ยวอธิบาย
“กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวของแท้?” ฉินอวี่หรันทวนย้ำ
“กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจวที่แท้จริงจะกล้าหาญชาญศึกมานะอดทนมีวินัยดีสามัคคีกลมเกลียว คุ้นเคยกับการรบเป็นรูปกระบวนศึกมากและเป็นทหารฝีมือดีที่ภายใต้สวรรค์ได้รับยกย่องว่าราชันย์ในหมู่ทหารจากในอดีต” ไป๋เสี่ยวจ้องมองสือเซินและคนของเขาที่กำลังเตรียมตัวฝึกฝนและสรรเสริญ “นอกจากนี้บุรุษทุกคนนี้เป็นทหารผ่านศึกมาแล้ว เรื่องน่าเสียดายประการเดียวก็คือพวกเขาไม่ใช่คนหนุ่มอีกต่อไป ถ้าพวกเขาอ่อนกว่านี้สัก 10 ปี แม้จะมีคนเพียง 46 คน พวกเขาจะมีพลังที่ใครๆ ไม่อาจดูถูกได้เลย”
จากนั้น ฉินอวี่หรันสังเกตเห็นว่าสือเซินผมเริ่มหงอกแล้วและเหงื่อเต็มใบหน้า นางรู้สึกตื่นเต้น “ทำไมพวกเขายังคงฝึกอย่างดีที่สุด? พวกเขาแก่มากแล้ว!”
ไป๋เสี่ยวตกใจและพูด “บางที่เป็นเพราะพวกเขาเคยชินมากเกินไป ประเพณีกองทัพและการฝึกฝนได้ฝังแน่นอยู่ในกมลสันดานพวกเขาจึงไม่อาจเปลี่ยนได้แค่วันหรือสองวัน ข้าเคยพบเห็นทหารผ่านศึกมาก่อน ทุกคนยังฝึกจนเป็นนิสัย จนกระทั่งบัดนี้พวกเขาก็ยังไม่อาจหยุดฝึกได้”
จากนั้นเขาชี้ให้เห็นว่า “เบื้องหลังพี่เหมิ่งทำให้ข้าสงสัยจริงๆ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องกล่องพลังต้นกำเนิดมาก่อน และมีกิ่งไม้น้ำแข็งฟ้ามากมายมหาศาล ทั้งผู้คุ้มกันรอบๆ ตัวเขากลับเป็นกองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว ตระกูลพี่เหมิ่งน่ากลัวกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”
ฉินอวี่หรันมองดูไป๋เสี่ยว จากนั้นรั้งสายตากลับ “แล้วยังไง? ข้าเพียงแต่รู้ว่าพี่เหมิ่งช่วยชีวิตข้าไว้ และยิ่งกว่านั้นต่อให้เป็นเช่นนั้น เป็นสหายก็ยังดีกว่าเป็นศัตรู”
ไป๋เสี่ยวยิ้มและชื่นชม “ยังคงเป็นอวี่หรันมองเห็นได้ชัด! เป็นเพราะผู้พี่เขลาไปหน่อย”
ฉินอวี่หรันหัวเราะ “พี่ไป๋เสี่ยวช่วยข้าไว้มากเช่นกัน”
นางซาบซึ้งใจต่อไป๋เสี่ยวที่สามารถรวบรวมความกล้าในช่วงเวลาที่อันตราย เป็นเรื่องที่หลายคนไม่สามารถทำได้ นางไม่ต้องการเห็นบุรุษทั้งสองเป็นศัตรูกันและจะดีที่สุดคือเป็นสหายกัน พี่ไป๋เสี่ยวมีเครือข่ายความรู้กว้างขวางและฉลาด ด้วยความช่วยเหลือของเขา พี่เหมิ่งก็จะทำเงินได้มาก
ขณะที่หลายคนเทความสนใจไปที่การฝึกเป็นกลุ่มของสือเซิน การฝึกของถังเทียนไม่มีอะไรที่ดูโดดเด่นมากต่อไป
หลังจากฝึกมาสี่ชั่วโมงเต็มในที่สุดถังเทียนก็หยุด และเตรียมกลับไปอาบน้ำที่ห้อง ขณะที่เขาเตรียมจะออกมาจากลานฝึก เขาพบกับไป๋เสี่ยวและฉินอวี่หรัน ไป๋เสี่ยวยิ้ม “พี่เหมิ่งขยันฝึกฝนจริงๆ มิน่าเล่าท่านถึงดูแข็งแกร่งยิ่งนัก ผู้น้องประทับใจจริงๆ”
ถังเทียนไม่มีการถ่อมตัวแม้แต่น้อย แต่กลับพยักหน้าทำราวกับรู้ทุกอย่าง “แน่นอน,เพราะข้าต้องการจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ข้ายังมีหลายอย่างที่ข้าต้องการทำ ไม่อาจเสียเวลาได้”
ไป๋เสี่ยวตะลึง เขาไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะพูดอะไรอย่างนั้นออกมา อารมณ์แสดงออกของถังเทียนนั้นจริงจังขณะเดียวกันเขาสามารถรู้สึกได้ชัดว่าเป็นความคิดที่ออกมาจากใจของเขา
ถังเทียนตบไหล่ไป๋เสี่ยวและแนะนำ “เสี่ยวไป๋, เจ้าก็ต้องจริงจังเช่นกัน, เหงื่อไม่เคยโกหก! ข้าขอตัวไปอาบน้ำก่อน!”
เขาเดินออกมาจากไป๋เซียวไป๋เซียวมีสีหน้าเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดงด้วยความรู้สึกละอายใจ เขาเกิดมาเป็นผู้สูงศักดิ์ มีพรสวรรค์น่าประหลาด และกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อยเริ่มท่องเที่ยวและมีสหาย หยิ่งเมื่อพูดถึงเรื่องชีวิตและมักมีมุมมองที่พึงพอใจต่อชีวิตทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็ยกย่องสรรเสริญเขาทั้งวัน และทั้งหมดมักจะพูดอย่างเดียวกันว่าอนาคตของเขาไม่มีที่สิ้นสุด
แต่คำพูดของเหมิ่งหนานกลับระคายหูมาก แต่กลับดังเหมือนระฆังทุ้มต่ำ ทำให้เขาตกใจได้คนที่แม้จะแข็งแกร่งมากกว่าเขา ยังพูดว่าเขาไม่อาจเสียเวลาได้และหยาดเหงื่อไม่เคยโกหก
ฉินอวี่หรันเม้มริมฝีปากนาง นางเกือบจะอุทานออกมาดังๆ นางไม่เคยคิดว่าพี่เหมิ่งจะพูดทำเรื่องเช่นนั้น หัวใจนางกังวลมาก ไป๋เสี่ยวผู้หยิ่งและภูมิใจจะอดทนต่อความอายได้ยังไง?
และยังมีคำนั้น ‘เสี่ยวไป๋’....
หน้าของไป๋เสี่ยวค่อยๆ คืนสู่ความสงบอีกครั้งเขาเงยหน้าและหัวเราะ “ข้าไม่อาจเทียบได้กับพี่เหมิ่ง!”
ความรู้สึกที่เขามีต่อเหมิ่งหนานก็คือเคารพและอิจฉา เคารพต่อพลังใจและความขยันหมั่นเพียรทำงานหนัก และอิจฉาก็เพราะเขามีเป้าหมายที่ชัดเจนมาก และไล่ตามด้วยความหลงใหลมุ่งมั่นตลอดกาลทำให้ผู้อื่นรู้สึกได้ชัดถึงความมุ่งมั่นกระหายผ่านหยาดเหงื่อของเขา
เพราะเขามีหลายอย่างที่เขาต้องการทำ
แท้จริงข้าต้องการทำอะไรกันแน่?
เขาสับสนทันใดนั้นเขาเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่เขาจำเป็นต้องคิดและเข้าใจ เขารู้สึกขอบคุณต่อเหมิ่งหนานมากถ้าไม่ใช่เพราะเหมิ่งหนาน เขายังคงมั่นใจว่าตนเองมีชีวิตอิสระและง่ายดาย ทั้งที่ในความจริงแล้วเขาใช้ชีวิตอย่างยุ่งเหยิง
วันเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็ได้รับทราบข่าวว่ากองเรือรบทวีปทรายขาวส่งทูตมาต้อนรับพวกเขา เมื่อเรือรบไม้โลหิตไปถึงทวีปทรายขาว พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้น
ฉินอวี่หรันได้รับการยกย่องว่า นักร้องผู้เข้าถึงจิตวิญญาณและมีชื่อเสียงโด่งดังในหลายทวีปของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่านางจะไปที่ใด นางจะได้รับการต้อนรับและติดตามจากตระกูลและเจ้าหน้าที่ซึ่งมีตำแหน่งสูงส่ง
“โห โห, มีคนตั้งเยอะแยะมากมาย!” ถังเทียนมองลงมาเห็นคลื่นผู้คนถึงกับพูดไม่ออก
“พี่เหมิ่ง,ท่านจะไม่มากับเราจริงๆ หรือ?” ฉินอวี่หรันใช้ดวงตาที่งดงามมองดูถังเทียนในลักษณะอ้อนวอน
“ไม่ ไม่” ถังเทียนส่ายศีรษะ “ข้าต้องการไปซื้อของก่อน”
ไป๋เสี่ยวฉลาดในหลายเรื่องอย่างเห็นได้ชัด เขาหัวเราะ “พี่เหมิ่งชอบความเงียบสงบเราคงไม่รบกวนท่านอีกต่อไป แต่ข้าจองห้องพักไว้ในโรงแรมทรายขาวไว้ให้ท่านแล้ว ท่านสามารถไปที่นั่นได้โดยตรงเลย พี่เหมิ่ง, ท่านอย่าหงุดหงิดข้าเลยนะ ข้ายังกังวลเรื่องหอกต้นน้ำแข็งฟ้าที่อยู่ในมือของท่าน ข้าหวังว่าท่านยังคงเก็บไว้ให้ข้าส่วนหนึ่ง”
ถังเทียนหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง ข้ามีให้เจ้าแน่ไม่ว่าเจ้าต้องการเท่าใดก็ตาม”
ไป๋เสี่ยวสะท้านใจ เป็นไปได้ไหมว่าเขายังมีอีกกองหนึ่ง เขายังซ่อนเก็บเอาไว้หรือ? ทันใดนั้นเขาสงสัยเกี่ยวกับพลังซื้อของตนเอง เขาจะต้องส่งจดหมายไปให้ศาสตราจารย์ของเขาและติดต่อตระกูลสองสามตระกูลเพื่อให้ซื้อหอกต้นน้ำแข็งฟ้า
เมื่อเห็นว่าไป๋เสี่ยวมีแผนเรียบร้อยแล้ว ฉินอวี่หรันสงบใจได้
ในเวลาอันรวดเร็วเรือรบก็เข้าใกล้ท่าและเพลงจากด้านนอกได้ยินเข้ามาข้างใน
ถังเทียนเกาคางและบ่นพึมพำ “เฮ้,มิน่าเล่าข้าถึงรู้สึกว่าสถานที่นี้มันคุ้นๆ นัก นี่คือสถานที่ขลุ่ยวิเศษชอบนักไม่ใช่หรือ? ฮืมมมม ข้าสามารถดึงคุณชายขลุ่ยวิเศษมาแสดงฝีมือที่นี่รับรองว่าเขาคงได้โด่งดังแน่, ไม่แน่ว่าเขาจะทำรายได้จากที่นี่...”
ฉินอวี่หรันตาเป็นประกาย “ขลุ่ยวิเศษ?”
คำพูดนี้เกี่ยวข้องกับเพลงอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนู, เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้แล้ว” ป้าชิวเตือน
ฉินอวี่หรันจำและจดชื่อนั้นไว้ในใจ นางแต่งกายแล้วโบกมือยิ้มให้ถังเทียน “พี่เหมิ่ง, ข้าไปก่อนนะ”
ทันทีที่ฉินอวี่หรันก้าวออกจากเรือรบ กลุ่มผู้คนด้านนอกก็คลั่งไคล้เสียงสนั่น
“ดูเหมือนคุณหนูฉินจะโด่งดังที่นี่มากเลยนะ” สือเซินพูดขณะมองผ่านหน้าต่าง
ถังเทียนลูบคาง เขารู้สึกว่าการดึงขลุ่ยวิเศษมาที่นี่เพื่อหารายได้นับเป็นความคิดที่ดีเช่นกัน!