ตอนที่ 597 หอมกลิ่นเงิน
“หอกต้นน้ำแข็งฟ้าคือของวิเศษของเผ่าคนแคระน้ำเงิน พวกมันเกิดในทะเลน้ำเงินและก่อให้เกิดการตกผลึกของพลังงาน สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมันก็คือมันบรรจุพลังงานที่เป็นพิษและเราเรียกกันว่าพิษน้ำเงิน พลังงานพิษรูปแบบนี้ไม่สามารถพบได้ในที่อื่น มันสามารถเข้าไปในพลังงานอย่างอื่นและกัดกร่อนพลังงานนั้นด้วย ด้วยความเร็วระดับนั้น พิษนี้จึงมีพลังคุกคามและน่ากลัวมาก”
ไป๋เสี่ยวอธิบาย เมื่อเขาพาดหอกน้ำแข็งฟ้าก็รู้ถึงพลังน่ากลัวที่แผ่ออกมา
“ในโลกน้ำเงินมีเพียงคนแคระน้ำเงินระดับสูงและคนแคระน้ำเงินชั้นราชวงศ์จึงจะมีคุณสมบัติได้ใช้หอกต้นน้ำแข็งฟ้าได้”
“มีแต่คนแคระน้ำเงินที่อยู่ในโลกน้ำเงินเท่านั้นหรือ? มันใหญ่มากไหม?” ฉินอวี่หรันถามอย่างสงสัย
“เป็นแดนที่กว้างขวางมาก พวกเขามีเมือง ภาษาและวัฒนธรรมของตนเอง” ไป๋เสี่ยวอธิบาย “คนแคระน้ำเงินเป็นเผ่าพันธุ์หนึ่ง และมีจำนวนมากกว่าที่เราจะนึกภาพออก และพวกที่เราพบเห็นก็เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ส่วนใหญ่ของคนแคระน้ำเงินจะอยู่ในมิติว่างและส่วนของมิติว่างนั้นจะเชื่อมโยงกับทวีปต่างๆ นั่นจะทำให้คลื่นน้ำเงินปรากฏได้ทุกที่”
ฉินอวี่หรันประหลาดใจ “ข้าเคยคิดว่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่เขลา ที่ไม่มีปัญญา”
“พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้น” ไป๋เสี่ยวพูดต่อ “แต่มีพวกเขาหลายคนและมีบางกรณีที่พวกเขากลายเป็นคนที่มีสติพวกเขาจะกลายเป็นผู้ตื่น คนแคระน้ำเงินที่ตื่นแล้วจะมีสติปัญญาฉลาดมากและถ้าพวกเขายินดีจะมอบความจงรักภักดีให้กับทะเลน้ำเงิน พวกเขาจะได้รับตำแหน่งที่สูงส่งทันที แต่มีคนแคระน้ำเงินผู้ตื่นหลายคนที่มีความคิดเป็นของตนเองและอาศัยอยู่ด้วยกัน ดังนั้นตอนนี้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตจะมาจากกลุ่มคนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้วนี้”
“พี่ไป๋ช่างรู้เยอะจริงๆ” หน้าของฉินอวี่หรันเต็มไปด้วยความยำเกรง นางชี้ไปที่หอก “อย่างนั้นหอกต้นน้ำแข็งฟ้าจะมีราคามากไหม?”
“พวกมันมีราคามากจริงๆ” ไป๋เสี่ยวพยักหน้า “ของอย่างนี้ใช้ประโยชน์ได้สองอย่าง หนึ่งใช้ในการค้นคว้า และอีกประการหนึ่งใช้กลั่นสร้างพิษน้ำเงิน ถ้าท่านเอามาประมูลขายจะต้องมีราคาเกินกว่าสิบล้านคลาวด์”
ฉินอวี่หรันตาเป็นประกาย “พี่ไป๋, โปรดอย่าล้อผู้น้องเลย 20 ล้านผู้น้องจะได้มีสมบัติสักชิ้นหนึ่ง”
นางต้องการช่วยพี่เหมิ่งหนาน แม้ว่านางไม่ได้มาจากครอบครัวที่มีฐานะดีมาก แต่นางก็ยังหาเงินได้ 20 ล้าน แม้ว่าในความเป็นจริงนางรู้ว่าพี่เหมิ่งหนานทำรายได้ไปแล้ว600 ล้านและไม่ได้ขาดแคลนเงิน 20 ล้าน แต่นางต้องการจะแสดงความปรารถนาดีในฐานะที่เขาเป็นผู้มีพระคุณของนาง
ต่อหน้าไป๋เสี่ยวสามารถพูดอะไรก็ได้ แต่ถังเทียนโบกมือและพูดอย่างอ่อนโยน “ข้าจะให้ชิ้นนี้เป็นของขวัญเจ้า”
โดยไม่สนใจว่าฉินอวี่หรันจะมีท่าทีแปลกใจยังไง เขาหันมาถามไป๋เสี่ยว “ท่านต้องการซื้อจริงๆ หรือเปล่า?”
ไป๋เสี่ยวยินดี แต่ก็อดตกใจไม่ได้ “อย่าบอกนะว่าพี่เหมิ่งยังมีหอกต้นน้ำแข็งฟ้าอยู่อีก?”
“เจ้าต้องการมากเท่าไหน?” ถังเทียนถาม
ไป๋เสี่ยวยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม แต่ก็มีความสุข “พี่เหมิ่ง ท่านมีอยู่เท่าไหร่ ข้าขอเหมาหมดก็แล้วกัน!”
“แน่ใจนะ?” ถังเทียนสงสัย
หัวใจของไป๋เสี่ยวเต้นผาง หรือว่าคนผู้นี้มีมากมาย? แต่เมื่อคิดถึงการ์ดในกระเป๋าของเขา เขาชักจะวิตก แต่ก็ยังระมัดระวังอยู่ “ถ้าท่านมีมาก เราไม่สามารถประเมินราคาได้อีกต่อไป งั้นชิ้นละแปดล้านเป็นยังไง?”
“ไม่มีปัญหา!”
พูดได้แค่นั้นก็มีเสียง ปัง,หอกน้ำแข็งฟ้ากองหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้าไป๋เสี่ยว ฝุ่นฟุ้งกระจายขึ้นฝุ่นที่ฟุ้งขึ้นแฝงด้วยกลิ่นเงินคลาวด์
ไป๋เสี่ยวตะลึง ตาของเขาจ้องมองกองหอกต้นน้ำแข็งฟ้าและสีหน้าของเขากลับกลายว่างเปล่า
ฉินอวี่หรันเอามือปิดปากที่อ้าค้างของนาง นางไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง
กองหอกต้นน้ำแข็งฟ้า ขนาดครึ่งส่วนสูงคน..
สือเซินที่เพิ่งได้สติกลับมารู้สึกว่าโลกนี้ก็ยุติธรรมเช่นกันและอดชุ่มชื่นในหัวใจมิได้ ถ้าไป๋เสี่ยวรู้ว่านายท่านมีหอกต้นน้ำแข็งฟ้าที่กองเต็มลานฝึกฝนได้ทั้งหมด ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเขาจะทำหน้ายังไง?
แต่หลังจากมีความสุขมากมายแล้ว สือเซินก็สงบใจลงได้ เขายิ่งตกใจจนความรู้สึกชา
จริงสิ ความจริงข้าพบว่าตัวข้าเองได้พบผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เข้าแล้ว!
ในการรับสมัครคนเพิ่ม เขาเชื่อว่าเจ้านายของเขาคงไม่ปฏิเสธความคิดนั้นอีกต่อไป ด้วยราคาเพียงสองล้านคลาวด์ต่อกองกำลังปีศาจ 10กองก็เป็น 20 ล้าน และ 100 กองก็ 200 ล้าน และ 500 กองก็เพียงพันล้าน
สวรรค์ในที่สุดก็เมตตาสงสารข้า หน่วยรบพันล้าน และข้าสามารถใช้คำว่า “เพียง”นี่ยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปใหญ่
โดยการเพิ่มคนห้าร้อยคน บวกกับพวกเขาอีก 45คนสามารถดำเนินภารกิจภาคบังคับได้ นั่นย่อมเกิดขึ้นได้
นายท่านไม่ควรปล่อยวางเพียงเท่านี้ ใช่แล้ว เขาไม่ควร ทำไมข้าต้องกังวลมากนักเล่า?
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ไป๋เสี่ยวฝืนหัวเราะ “พี่เหมิ่งร้ายกาจสมชื่อจริงๆ ร้ายกาจมาก ข้าชักสงสัยแล้วว่าท่านไปบุกตะลุยเมืองคนเเคระน้ำเงินมาหรือเปล่า?”
ด้วยคำพูดเหล่านั้นเขาพยายามจะสืบค้นว่าหอกต้นน้ำแข็งฟ้านั้นได้มาจากไหน หลังจากมีหอกน้ำแข็งฟ้าปรากฏขึ้นมามากมายนี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาให้ความสนใจเบื้องหลังของเหมิ่งหนาน
“ท่านมีเงินอยู่เท่าใด?” ถังเทียนมองไป๋เสี่ยวและถามตรงๆ เขาแก้สายที่มัดหอกต้นน้ำแข็งฟ้าออก
ดวงตาที่รุกเร้าแข็งกร้าวของเขา เขานับว่าแข็งแกร่งมาก ไป่เสี่ยวฝืนหัวเราะในใจ “ข้ายังพอมีแปดร้อยล้านคราวด์”
“กิ่งละ 8 ล้าน 80 ล้านต่อ 10 กิ่ง 800 ล้านก็ 100 กิ่งหึหึหึ อย่างนั้น! โอ๊ะๆเนื่องจากเจ้าเป็นลูกค้าคนแรกของข้า ข้าจะแถมให้ 10 กิ่ง” ถังเทียนคำนวนและกล่าว
เขาหยิบหอก 110 กิ่งและวางไว้ข้างหน้าของไป๋เสี่ยวจากนั้นแบมือ
ไป๋เสี่ยววางการ์ดไว้ในมือของถังเทียนด้วยความยินดีและหัวเราะ “คำกล่าวที่ว่าคนเกลียดเงินน้อยลงเมื่อยามต้องใช้จ่ายนับว่าข้าได้เจอกับตัวเองแล้ว”
เขามองดูอย่างไม่เต็มใจขณะที่ถังเทียนมัดหอกน้ำแข็งฟ้าอื่นๆ หอกต้นน้ำแข็งฟ้า 100 กิ่ง แค่ทำให้จำนวนลดลงเล็กน้อย
“ไม่ต้องห่วงเมื่อท่านมีเงินอีก ก็มาหาข้าได้” ถังเทียนตบอกตนเอง แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญใจกว้าง
ไป๋เสี่ยวพูดอย่างจริงจัง “เมื่อเรามาถึงทวีปทรายขาว ข้าจะไปเอาเงินจากบ้านมาเพิ่มอีก ดังนั้นข้าหวังว่าพี่เหมิ่งคงจะเหลือไว้ให้ผู้น้องสักจำนวนหนึ่ง”
เขารู้ว่าการแข่งขันต่อสู้เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์นี้มากมายเพียงไหน
“ย่อมได้!”ถังเทียนตอบตกลงอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่าถังเที่ยนทำรายได้ถึง 1.4 พันล้านฉินอวี่หรันมีความสุข แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกผิดหวัง นางมีความสุขที่ว่าพี่เหมิ่งหาเงินได้ แต่ผิดหวังเพราะนางไม่ได้ช่วยอุดหนุนเขาเลยแม้แต่น้อย นางลอบสังเกตในใจ และบอกตัวนางเองว่านางจะสามารถช่วยพี่เหมิ่งที่ทวีปทรายขาวได้บ้าง
ถังเทียนเก็บหอกน้ำแข็งฟ้า และหลังจากพูดสนทนากันแล้ว พวกเขาสังเกตว่าฉินอวี่หรันเหนื่อยบ้างแล้วทุกคนจึงแยกย้ายกัน
หลังจากประสบกับการต่อสู้ดุเดือด ทุกคนรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
แน่นอน ถังเทียนไม่จำเป็นต้องกลับไปที่ห้องโกดังสินค้าแล้วเนื่องจากป้าชิวจัดห้องพักอย่างดีให้เขา และให้ถังเทียนกับคนของเขาได้พัก
เมื่อกลับมาที่ห้อง สือเซินพูดทันที “นายท่าน, แผนเสริมทัพกองกำลังปีศาจ...”
“ไม่มีปัญหา!” ถังเทียนโบกมือและพูดอย่างใจกว้าง ความรู้สึกตอนมีเงินแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
สือเซินดีใจแทบบ้า หลังจากผ่านมาหลายปีนี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยของเขาสามารถเสริมสายเลือดใหม่เข้ามาได้
ถังเทียนถามทันที “ผู้อาวุโสซือ เรือรบแบบนี้ราคาเท่าไหร่?”
“ข้าไม่แน่ใจ สือเซินมีสีหน้าสับสน ”เรือรบระดับสูงอย่างนั้นเป็นสิ่งที่ข้าน้อยไม่เคยได้เกี่ยวข้องมาก่อน แต่ทวีปทรายขาวมีอู่ต่อเรือที่เชี่ยวชาญนายท่านสามารถไปถามที่นั่นได้”
ถังเทียนผิวปาก จากนั้นพูดเสียงงัวเงีย “พักกันเถอะ”
เมื่อเอนตัวลงนอนความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทับโถมใส่ถังเทียน การสู้รบทำให้ร่างกายของเขาต้องทนรับภาระหนักจากพลังงาน และเขาต้องใช้ความอดทนอย่างหนักเป็นเพราะความตื่นเต้นระหว่างต่อสู้ทำให้เขาไม่สนใจตรงนี้ แต่เมื่อเขาพักเขาไม่อาจทนได้อีกต่อไปและหลับสนิททันที
ถังเทียนเวลาหลับสนิท ลมหายใจจะอ่อนล้าแผ่วเบา ขณะที่ร่างกายของเขากระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ
เปลวเพลิงสีเทาลุกพรึ่บจากผิวของเขาและลามไปเงียบๆ พลังงานรอบๆ ยังคงโจมตีใส่เปลวไฟและส่วนหนึ่งของพลังงานที่ไม่บริสุทธิ์สามารถวิ่งเข้าไปในร่างของเขาได้ เปลวไฟได้เผาไหม้พลังงานที่ไม่บริสุทธิ์และทำลายมันอย่างรวดเร็ว
เปลวเพลิงมีขนาดเล็กลงๆ จนกระทั่งหายวับไป
เมื่อถังเทียนตื่นขึ้นเขารู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวเขายืดหลังโดยไม่รู้ตัว
เป๊าะ เป๊าะ เป๊าะ!
เสียงระเบิดดังสองสามครั้งเกิดขึ้นในร่างกายของเขาทำให้เขาตกใจ เขาตรวจสอบร่างกายของเขาทันที หลังจากนั้นจึงมีสีหน้าดีใจ
ร่างของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นในทุกๆ ด้าน!
หลังจากสงบใจได้ เขานั่งลงและเริ่มกลั่นกรองทุกอย่างความก้าวหน้าในร่างกายของเขาดูไม่ค่อยมีเหตุผล และหลังจากคิดดูแล้ว เหตุผลที่สมควรที่สุดก็คือการต่อสู้เมื่อวานนี้
หลังจากคิดถึงรายละเอียดในการรบทุกอย่าง เขาพบเหตุผลในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากใช้อาวุธของเรือรบอย่างบ้าระห่ำแล้ว ร่างของเขาต้องอดทนต่อแรงเครียดในการรับภาระพลังงาน การรับภาระของพลังงานที่โจมตีเขาไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี แต่ในช่วงเวลานั้นเขาตื่นเต้นเกินไปและอดทนใช้พลังของร่างกายของเขาและทนต่อการบรรจุรับพลังงานที่แข็งแกร่งรุนแรง
จากลักษณะที่เห็น แม้ว่าประจุของพลังงานจะมีบางส่วนจากพลังโจมตีมันก็สามารถทำร้ายร่างของเขาให้บาดเจ็บได้ แต่สำหรับร่างพลังกายเป็นศูนย์กลับมีประโยชน์อย่างมาก
เอ.. นี่ก็เป็นวิธีการฝึกที่ดีไม่ใช่หรือ?
ตาของถังเทียนเป็นประกาย เขาตระหนักได้ทันทีว่า ร่างพลังกายเป็นศูนย์เข้ากันได้กับเรือรบอย่างสมบูรณ์แบบ! ถ้าทุกคนบนเรือรบมีร่างพลังกายเป็นศูนย์ พวกเขาจะต้องมีความสามารถในการรบแบบไหนกันแน่?
และมันยังสามารถช่วยในการพัฒนาร่างพลังกายเป็นศูนย์ได้
สมบูรณ์แบบเกินไปมิใช่หรือ?
เมื่อคิดถึงเรือรบจำนวนมากครอบคลุมเต็มท้องฟ้าและสร้างระเบิดพลังโจมตีนับไม่ถ้วน ปราบปรามศัตรูของพวกเขาจนโงหัวไม่ขึ้น ถังเทียนตื่นเต้นมากขึ้นทันที วิธีการใช้ประโยชน์ของร่างพลังกายเป็นศูนย์มักจะเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของกลุ่มดาวหมีใหญ่ ถ้าคำตอบนี้สามารถทำให้สำเร็จจริงๆ อย่างนั้นช่องว่างระหว่างกลุ่มดาวหมีใหญ่กับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะลดลงอย่างมาก
เรือรบ! ข้าต้องซื้อเรือรบให้ได้!
ถังเทียนตัดสินใจ เมื่อไปถึงทวีปทรายขาว เขาจะต้องมองหาอู่ต่อเรือเพื่อจองสร้างเรือรบสักสองสามลำ
แต่สำหรับตอนนี้เรื่องดีที่สุดก็คือแยกย่อยประโยชน์ที่ได้รับ
ถังเทียนลุกออกจากเตียง และผลักเปิดประตูถามถึงสนามฝึกฝนและมุ่งตรงไปที่นั่น สำหรับเรือรบไม้โลหิตนั่นมีความหมายเอาไว้ต่อสู้ บ่อยครั้งที่การเดินทางในทะเลพลังงานกินเวลานานและสถานที่ฝึกฝนก็มักจะมีการติดตั้งไปด้วย ความเข้มแข็งของกลาสีเรือเกี่ยวข้องกับพลังของเรือรบ
ในแง่เกี่ยวกับวิทธยายุทธ ยอดฝีมือด้านวิชากระบี่จะควบคุมปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งก็จะเพิ่มพลังให้กับปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งอีกมาก ยอดฝีมือที่แท้จริงสามารถควบคุมกลไกปืนใหญ่กระบี่รังผึ้งและทำลายเรือรบ
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนในคุณภาพ แต่การเปลี่ยนแปลงที่มีคุณภาพนั้นย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดไป!
ภายในสถานที่ฝึกฝน เขาเป็นบุคคลคนเดียว หลังจากต่อสู้วันก่อน ทุกคนแค่พักผ่อนกัน ไม่ต้องคำนึงถึงสภาพร่างกายหรือจิตใจ พวกเขาทุกคนจำเป็นต้องพัก
มีแต่เพียงผู้ที่ผิดมนุษย์อย่างถังเทียนเข้าฝึกวันที่สองหลังจากการต่อสู้ใหญ่ผ่านไป
ถังเทียนไม่เคยเห็นอุปกรณ์ทั้งหมดนี้มาก่อน แต่เขาคลุกคลีกับปิงมานาน และเห็นจักรกลประหลาดทุกรูปแบบและในไม่ช้าเขาก็เข้าใจถึงประโยชน์และวิธีใช้เครื่องมือ
เขาเริ่มฝึกในวิทยายุทธพื้นฐานมาได้ชั่วขณะแล้ว นั่นเป็นเรื่องที่น่าหลงใหลมากที่สุด
วิทยายุทธพื้นฐานเป็นตัววัดที่ดีที่สุดของเขา เขาคุ้นเคยมากเกินไปด้วยซ้ำ และการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใดๆก็ตามก็ไม่หลีกหนีความเข้าใจของเขาได้ หลังจากผ่านการฝึกวิชาพื้นฐานแล้ว เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนทางร่างกายได้ดีเช่นกัน
ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
แม้ว่าจะเป็นเพียงนิดเดียว ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น และนั่นก็ไม่ง่าย
เขาสงบจิตใจตนเองลง และเริ่มจมอยู่กับการฝึกฝนของตนเอง
เปลวไฟรอบกำปั้นของเขา ไม่มีพันธนาการ ขณะที่เขาตรวจสอบและดูความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ ทั้งหมดในเปลวเพลิง