ตอนที่ 595 แอปเปิลหรือไข่?
หลังจากเย่ว์หยางรอต่ออีกสิบนาที เจ้าเมืองปีศาจหัวหน้านักสู้ระดับหนึ่งก็มาถึง
บรรดาคนทั้งสามสิบคนนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเพียงนักสู้ระดับเจ็ด
ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจบ้างเล็กน้อยแล้วว่า ทำไมเซี่ยอีถึงได้กล้าติดตามคนกลุ่มนี้ นั่นเป็นเพราะนางมีความมั่นใจว่า ต่อให้นางเอาชนะศัตรูกลุ่มนี้ไม่ได้ นางก็ยังสามารถหลบหนีได้
“น่าแปลก” ตอนแรกเย่ว์หยางตั้งใจฆ่าทุกคนในตอนแรก ชิงกุญแจทองและเข้าไปในประตูค้นหาสมบัติด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นศัตรูอ่อนแอมาก เขาอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ ไม่มีเหตุผลเลยที่คนอย่างเจ้าเมืองหมอหลง (มังกรปีศาจ) จะครอบครองของสำคัญอย่างกุญแจทองได้ แม้กระทั่งครอบครองโดยไม่มีนักสู้ที่แข็งแกร่งหนุนหลังเขา แล้วคนอย่างเจ้าเมืองปีศาจหมอหลงจะหาสมบัติได้อย่างไร?
ด้วยความสามารถของกลุ่มคนเหล่านี้ คนที่มีความสามารถสูงที่สุดเป็นเพียงนักสู้ระดับเจ็ดเองหรือ? นี่ล้อเล่นกันหรือเปล่า?
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ของเขา เย่ว์หยางรอคอยอย่างช้าๆ
เจ้าเมืองหมอหลงระมัดระวังตัวมาก ก่อนที่เขาจะล้วงกุญแจทองออกมาไขเปิดประตูแสงลับ เขาสั่งให้บริวารตรวจดูรอบๆ ก่อน
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงสังเกตได้นานแล้ว แต่ทักษะซ่อนตัวลับของเย่ว์หยางแอบเรียนรู้มาจากทักษะการพรางตัวของสุดยอดนักฆ่าอันซี เป็นทักษะสูงส่งจนแม้แต่จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานก็ยังตรวจสอบไม่พบ ต่อให้เย่ว์หยางไม่สามารถเชี่ยวชาญทักษะของอันซีก็ตาม แต่นักรบโง่กลุ่มนี้ที่ยังไม่ถึงระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดด้วยซ้ำก็คงตรวจหาเขาไม่เจอได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่คนเหล่านี้เลย ถ้าเย่ว์หยางต้องการซ่อนตัวจริงๆ ประกอบกับทักษะแฝงเร้นลวงพราง ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบขั้นสูง บางทีอาจตรวจเขาไม่พบเย่ว์หยางซ่อนตัวอยู่ใต้จมูกพวกเขา เขาอยู่ห่างน้อยกว่ายี่สิบเมตรด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบพบเขาได้เลย
หลังจากบริวารของเขาตรวจสอบโดยรอบเสร็จแล้ว เจ้าเมืองหมอหลงค่อยรู้สึกปลอดภัยแล้วดึงกุญแจทองออกมา
เมื่อกุญแจทองถูกกดลงบนประตูแสงลับซึ่งสร้างขึ้นจากอักษรรูน ธนูทองแสงดอกหนึ่งยิงขึ้นไปบนฟ้าทะลุเมฆทันที
ในท้องฟ้าดูเหมือนมีพลังงานบางอย่างที่ตอบสนองอย่างเลือนรางกับธนูทองแสง จากนั้นบนพื้น ประตูอักษรรูนเรืองแสงบนป้อมแสงขนาดเล็กเปิดออกอย่างไร้เสียง
เผยให้เห็นทางเดินที่สร้างขึ้นจากศิลา มันดูยาวมาก ลึกและมืด
ถึงตอนนี้ จากทางเข้าหุบเขาที่ห่างออกไป ปรากฏร่างหนึ่งทันที ในช่วงสองสามวินาที ร่างนั้นก็มาถึงโขดหินที่อยู่ห่างจากประตูห้าสิบเมตร
เจ้าเมืองหมอหลงรู้สึกถึงบางอย่างได้ และเขาคำรามลั่น เขาโบกมือและสั่งบริวารของเขาให้เข้าไปโดยเร็ว
เมื่อทุกคนเข้าไปแล้ว เจ้าเมืองหมอหลงรีบดึงกุญแจทองออกมาทันทีและเข้าไปในประตูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าก่อนจะหายลับไป
เมื่อเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้าหินทางเดิน เขาหยุดและมองดูรอบๆ ทันที เขาวนดูรอบๆ ประตูลับ เหมือนกับว่าเขาต้องการให้ศัตรูที่กำลังติดตามเขาโจมตีรุนแรง ร่างที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโขดหินไม่ขยับแม้แต่น้อย เหมือนกับว่านางไม่เคยอยู่ตรงนั้นมาก่อน เมื่อเจ้าเมืองปีศาจหมอหลงพบว่าไม่มีคนติดตามเขา เขาถอนหายใจโล่งอกและค่อยๆ ปิดประตูลับและหายไป เหลือแต่เพียงประตูเทเลพอร์ตโบราณเท่านั้นเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นที่นั่นมาก่อน
ร่างนั้นยืนขึ้นด้วยความรู้สึกเหมือนไม่ยอมแพ้ ขณะที่นางก้าวออกมาสั้นๆ
ทันใดนั้น มีมือดำยื่นออกมาจากด้านหลังร่างนั้น จากนั้นคว้าอกของร่างนั้นไว้
“เอ๊ะ?” ร่างนั้นแข็งชะงัก เหมือนกับว่านางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนลอบทำร้ายนาง อย่างไรก็ตามนางตอบสนองได้ว่องไว ภายในเสี้ยววินาที นางชักมีดเงินที่เอวออกมาตวัดฟันกลับหลังใส่คนที่ลอบทำร้ายนาง
“ใจคอเจ้าจะฆ่าผัวได้ลงคอเชียวเหรอ?” เย่ว์หยางโผล่ออกมาจากด้านหลัง ร่างของเขายังแนบชิดร่างนั้น มือข้างหนึ่งกอดที่อกร่างนั้น และมืออีกข้างหนึ่งจับมือข้างที่ถือมีดของนาง ร่างนั้นชะงักค้างอีกครั้งขณะที่นางค่อยๆ หันหน้ามาอย่างประหลาดใจ ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเซี่ยอีนั่นเอง เมื่อนางเห็นเย่ว์หยาง นางทั้งประหลาดใจ สุขใจ โกรธ อายและกระวนกระวาย นางดิ้นรนและดุเขา “เจ้าเองเหรอ? ยังไม่ปล่อยข้าอีก”
“อา!” เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายรีบปล่อยมือข้างที่ถือมีดของนาง
“ข้าหมายถึงมืออีกข้างต่างหากเล่า!” เซี่ยอีโมโหจริงๆ เจ้าผู้นี้เป็นคนยังไงกันแน่?
“อะแฮ่ม, นี่คือธรรมเนียมปกติจากบ้านข้า เมื่อต้องการให้สหายที่ดีที่สุดของเราประหลาดใจ เราต้องจับอกพวกเขา เซี่ยอี ข้าอุตส่าห์เดินทางไกลมาพบเจ้า นั่นยังแปลกใจไม่พอหรือ?” เย่ว์หยางค่อยๆ ปล่อยนางอย่างไม่เต็มใจนัก ภายใต้สายตาที่ถลึงมองด้วยความโกรธ เขาดมมือนางที่มีกลิ่นกายนางจางๆ นี่แทบจะทำให้เซี่ยอีแทบคลั่ง
“ธรรมเนียมบ้านเกิดข้าคือต้องทุบคนที่ไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานาน เพื่อสร้างความประหลาดใจให้พวกเขา” เซี่ยอีต้องการจะกัดเย่ว์หยางให้ตายนัก
“อ๋อ..จริงเหรอ? ธรรมเนียมบ้านเกิดเจ้าไม่เท่เท่ากับธรรมเนียมบ้านเกิดข้า.... ความจริง ในบ้านเกิดข้ายังมีธรรมต้องกอดกันเมื่อได้พบเพื่อนเก่าอีกด้วย ถ้าเจ้าไม่ว่ากระไร ข้าจะสาธิตให้ดู ความรู้แบบนี้เจ้าควรศึกษาไว้บ้างก็ดี” ว่าแล้วเย่ว์หยางทำท่าจะเข้าไปกอดเซี่ยอี
“ไสหัวไป ห่างๆ ข้าไว้เลย” เซี่ยอีใช้มีดขู่เย่ว์หยางไม่ยอมให้เขาเข้ามาใกล้ นางกลัวว่าเขาจะเข้ามากอดนางจริงๆ นางกลัวว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ นางอาจใจอ่อนก็ได้
“สาวน้อย เจ้าซูบผอมลงนะ” เย่ว์หยางทำเป็นห่วงใยนางและลูบหน้านาง
“ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า” เซี่ยอีเดิมทีตื่นเต้นมาก เมื่อคิดว่าด้วยคำพูดไม่กี่คำของเขา นางรู้สึกว่าความลำบากที่นางได้รับมาตลอดเวลานี้นับว่าคุ้มค่า แต่ทันใดนั้นนางสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นนางค่อยรู้ตัว่าเจ้าเด็กนี่แค่พูดถึงความรู้สึกเกี่ยวกับร่างกายของนาง นางยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เจ้าผู้นี้ชักจะมากเกินไปแล้ว! เขายังโกหกได้ว่ายังห่วงนาง นอกจากมีความคิดลามกเต็มหัวใจแล้ว ในหัวสมองที่งี่เง่าของเขายังจะมีอะไร?
“งั้นก็ไม่เป็นไร ตอนแรกข้าตั้งใจจะให้ชุดเสื้อผ้าใหม่เจ้า” เย่ว์หยางทำท่าผิดหวังเล็กน้อยขณะบ่น
“เอามาสิ” เซี่ยอีใจอ่อนลงทันที ยังดีที่เขายังจำได้ว่าจะให้ของขวัญนาง นางเกรงว่าเขาจะลืมนางเสียสนิท
“ข้าออกแบบให้เจ้าเองเป็นพิเศษ ดูนี่สิ เจ้าชอบไหม?” เย่ว์หยางหยิบชุดชั้นในออกมา มันทำจากผ้าลายลูกไม้โปร่งใส สร้างด้วยวัสดุที่บางเบาราวกับปีกจั๊กจั่น ให้ความรู้สึกสัมผัสที่นุ่มนวล แต่เมื่อเอาไปใช้สวมใส่ จะไม่มีความรู้สึกแตกต่างกันไม่ว่าจะถอดอยู่หรือสวมใส่อยู่ก็ตาม
“....” ขณะที่ถือชุดชั้นใน ควันแทบขึ้นพลุ่งขึ้นจากศีรษะของเซี่ยอี นางอยากจะทุบเขายิ่งนัก แต่นางรู้ว่านางไม่สามารถทุบหรือไล่ทันเขาได้ นั่นยิ่งทำให้นางโกรธมากขึ้น
เจ้าเด็กนี่เกิดมาเพื่อกวนโมโห
บางทีเขาคงมาที่นี่เพื่อกลั่นแกล้งให้นางร้องไห้
ดังนั้น นางต้องไม่ร้องไห้
เซี่ยอีเม้มริมฝีปากและสูดหายใจลึก หลังจากกลั้นน้ำตาที่ปริ่มๆ เต็มเบ้าตา นางสัญญากับตัวเองว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะไม่ยอมให้เขาเห็นความอ่อนแอของนาง
นางรับชุดชั้นในใสและเก็บเอาไว้ แสร้งแสดงออกอย่างใจเย็น นางถาม “คุณชายผู้นี้ มาทำอะไรที่นี่แทนที่จะทำเรื่องลามกกับสาวใช้อกโตของท่าน? โอว ใช่สิ เจ้างี่เง่าเอง ทำไมเจ้าต้องวิ่งมาถึงนี่ด้วย.. เจ้าเอาแต่ดูพวกเขาเข้าไปโดยไม่ทำอะไรหรือไง? อาจจะมีสมบัติอยู่ข้างในก็ได้ เจ้าช่างโง่จริงๆ”
เย่ว์หยางรีบอธิบาย “ข้ากำลังรอเจ้าไงเล่า รู้หรือเปล่า? เจ้าไม่เข้าไปข้างใน ดังนั้นข้าเลยอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
เซี่ยอีรู้ได้ทันทีว่าเป็นข้ออ้าง นางตะโกนอย่างหงุดหงิดทันที “เจ้ารั้งอยู่ตรงนี้เพื่อแอบจับหน้าอกข้าไม่ใช่หรือ?”
“แค่กๆๆ, ข้าคือสุภาพบุรุษตัวจริง เป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชนทั่วทั้งทวีปมังกรทะยาน ข้าเป็นผู้บุกเบิกและผลักดันสังคมของเยาวชนรุ่นใหม่ที่ดีกว่า แล้วข้าจะทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นได้ยังไง? เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว” เย่ว์หยางกำหมัดแน่นพูดเน้นเสียงจริงจัง เซี่ยอีแทบสลบกับพื้น คุณพระช่วย, ในโลกนี้ยังมีใครหน้าด้านกว่าเจ้าเด็กนี่อีกไหม?
“อย่างนั้น มือเจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” เซี่ยอีถลึงตามองถามเย่ว์หยางอย่างเย็นชา
“ก็ไม่มีอะไรมาก!” เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
“ไม่มีอะไรมาก?” เซี่ยอีแทบระเบิดอารมณ์ทันที เหมือนกับแมวถูกเหยียบหาง เขาลวนลามนางแล้วยังบอกว่าไม่รู้สึกอะไรมากอีกหรือ?
“เอ่อ.. นั่น ข้าหมายความว่า ข้ายังรู้สึกได้ไม่ชัดเจน” เย่ว์หยางรีบอธิบาย
“เจ้าจับอยู่ตั้งนาน ก็ยังรู้สึกไม่ชัดอีกหรือ?” เซี่ยอีมองเยาะเย้ยเย่ว์หยาง
“ก็..มันเล็ก..มาก ข้าคลำอยู่ตั้งนาน ก็ยังหาไม่เจ๊ย....” เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบก็ปลิวกระเด็นด้วยหมัดของเซี่ยอีที่ระดมต่อยอย่างดุร้าย นางคลั่งไปแล้ว ด้วยความโกรธจัดเซี่ยอีล้วงขวานยักษ์ออกมากวัดแกว่งใส่เย่ว์หยางอย่างดุเดือดพลางวิ่งไล่กวดเขา “ตายซะเถอะ! ข้าจะส่งเจ้าไปอยู่นรกพิเศษที่พวกผู้ชายหน้าด้านอยู่กัน”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
เมื่อเย่ว์หยางเปิดประตูแสงลับ ก่อนที่จะเข้าไปในทางเดินหิน เซี่ยอียังไม่หายโกรธ ดังนั้นนางถือโอกาสทุบหลังเย่ว์หยางหนึ่งที
เย่ว์หยางรีบเตือนนางทันที “เฮ้, เจ้าเป็นคนขอหย่าศึกเองนะ เจ้าบอกว่าให้เรามองหาสมบัติก่อนไม่ใช่หรือ จากนั้นค่อย.. ไม่ ข้าหมายถึงจากนั้นเราค่อยแบ่งสมบัติกัน.. โธ่เซี่ยอี ทูนหัวจ๋า... อย่าใจแคบนักเลย เจ้าต้องทำอกใหญ่เข้าไว้ (ในความหมายนี้หมายถึง ใจใหญ่ ใจกว้าง)”
เซี่ยอีต้องการยกโทษให้เขาตั้งแต่แรก แต่เมื่อได้ยินว่า “อกใหญ่” นางอดโมโหอีกไม่ได้ “ใช่เลย, ข้าใจแคบ และอกข้าไม่ใหญ่! ทำไมเจ้าไม่หาแม่โคอกโตมาช่วยเจ้าหาสมบัติ? ข้าจะได้ไม่ต้องคอยหงุดหงิดกับคุณชายอย่างเจ้า! ปล่อยข้านะ, ปล่อยนะ!” เย่ว์หยางจับแขนนาง ดังนั้นนางพยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระ แต่เมื่อเห็นว่านางไม่อาจหลุดพ้นได้ นางจึงหยุดดิ้นรน ความจริงนางไม่ต้องดิ้นให้หลุดอยู่แล้ว แต่นางโกรธและคิดว่าคนผู้นี้ไม่สนใจความรู้สึกของนางเลย นางรู้ว่าอกนางไม่ใหญ่ แต่เขาก็ยังชอบหยอกล้อเรื่องนี้กับนางอยู่เรื่อย และนางจะไม่โกรธได้ยังไง?
เย่ว์หยางหัวเราะ “ของโปรดย่อมแตกต่างกันไป จะให้ข้ากินจำเจทุกวันก็คงไม่ได้ ข้าก็ต้องกินไข่บ้างเป็นบางวัน คนเราไม่ควรจู้จี้จุกจิกจนเกินไป”
เซี่ยอีถลึงตาเมื่อได้ยินคำนี้
นางคิดว่าบรรดาผู้ชายทั้งโลก คงมีแต่เพียงคุณชายสามตระกูลเย่ว์คนเดียวที่สามารถพูดอะไรแบบนี้ได้
นางเห็นคนไร้ยางอายมามากมาย แม้แต่พวกที่ดูไร้ยางอายที่สุด ยังกลายเป็นคนต่ำต้อย เมื่อเทียบกับคุณชายผู้นี้ เขาคือคนหน้าด้านไร้เทียมทานอย่างแท้จริง!
เกี่ยวกับคำพูดที่ไร้ยางอายของเย่ว์หยาง เซี่ยอีโต้ตอบไม่ลดเลิกรา “เจ้าหมายถึงไข่อะไร? คำว่าไข่เจ้าหมายถึงใคร? อย่างน้อยข้าต้องเป็นแอปเปิล แอปเปิลผลใหญ่เสียด้วย”
“ถ้าข้าไม่ฟังสามัญสำนึกของข้าเอง ข้าคงจะเห็นด้วยกับเจ้า” เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบ เซี่ยอีเงื้อขวานยกอีกครั้ง
“ว่าต่อไป และพูดอีกครั้ง...” เซี่ยอีเงื้อขวานยักษ์สูงกวัดแกว่งอยู่ที่ปลายจมูกเย่ว์หยาง
“ก็ได้ ก็ได้ เจ้าคือแอปเปิล แอปเปิลเดลี่ (หนังสือพิมพ์ฮ่องกงยี่ห้อหนึ่ง)” เย่ว์หยางทำเป็นตอบเสียงสั่น แม้ว่าเซี่ยอีจะไม่เข้าใจความหมายของยี่ห้อแล็บท็อปของแอปเปิลหรือสำนักพิมพ์ฮ่องกง แต่นางรู้สึกว่าไม่ใช่ชื่อดีแน่ นางรู้สึกว่าเขากำลังสื่อความหมายว่าอกนางแฟ่บ
ความจริงเซี่ยอีต้องการฟันเจ้าคนที่น่ารังเกียจด้วยขวานของนาง
อย่างไรก็ตาม นางเปลี่ยนใจทันที
นางโยนขวานออกไปทันที
เย่ว์หยางชะงัก ไม่ดีแน่ แม่สาวน้อยกำลังจะร้องไห้!
ขณะที่เขาคิดหาวิธีปลอบโยนนาง ทันใดนั้นเขาเห็นเซี่ยอีเริ่มถอดชุดนางออก นางถอดเกราะหนังและเปิดเผยร่างนางที่สวมชุดชั้นในไว้ ทันใดนั้นเย่ว์หยางได้กลิ่นกายสาวบริสุทธิ์ เมื่อเห็นร่างเปลือยที่ไร้ตำหนิของนาง ปากของเย่ว์หยางอ้าค้างแทบติดพื้น เขามองดูนางอย่างพูดไม่ออก คิดว่าเด็กสาวนี้ต้องบ้าไปแล้ว นี่นางคิดจะเป็นฝ่ายรุกเขาจริงๆ หรือ?
เซี่ยอีดึงมือขวาเย่ว์หยางจากนั้นกดลงที่หน้าอกนาง
“เกิดอะไรขึ้น..” เย่ว์หยางสั่น นี่คือความฝันหรือความจริง? นี่ต้องเป็นการเข้าใจผิดบางอย่างกระมัง? การกระทำแบบนี้ คงมีแต่มารกฎฟ้าที่กล้าทำ
“แอปเปิลหรือไข่?” เซี่ยอีถามอย่างใจเย็น
“แอะ..อะ..แอปเปิล” เย่ว์หยางตอบตะกุกตะกัก
“ขอบคุณ.. ตอนนี้ไปตายได้แล้ว” เซี่ยอีถีบเย่ว์หยางที่กำลังงงๆ จนกระเด็นลอย จากนั้นนางสวมชุดเกราะหนังอย่างสงบและชุดนางโจร
“นี่ไม่ใช่ความฝัน” เย่ว์หยางล้มลงอยู่กับพื้นดมมือตนเองและลุกขึ้นจากพื้นเข้าหาเซี่ยอีที่ตกใจกลัว เขาคว้ามือนางไว้แน่นและกล่าว “แม่นางคนงาม เจ้าทำได้ยังไง ข้าคือเย่ว์หยาง คนทั่วไปเรียกข้าว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ บ้านข้าคือปราสาทตระกูลเย่ว์อยู่ในทวีปมังกรทะยาน ข้าร่ำรวยเงินทอง แถมยังเก่งและรูปก็หล่อ ชาติตระกูลก็ดี มีนิสัยดีงาม อารมณ์ก็ดี แถมยังเป็นเพื่อนที่ดีอีกต่างหาก...”
ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดว่า “ข้าสามารถเป็นคู่นอน โปรดรับข้าไว้พิจารณา” เขากระเด็นออกไปเพราะหมัดของเซี่ยอี