ตอนที่ 594 ประตูลับทวีปกู่ฟงนำพาไปที่ใด?
แม้ว่าไห่อิงอู่จะรู้สึกว่ามิอาจทนพรากจากเย่ว์หยางได้ แต่นางจำต้องอยู่เพื่อฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ทะเล
เพราะอีกสองสามปีข้างหน้า นางจะมีงานยุ่งกว่านี้
ด้วยพลังของบิดานางที่ถ่ายทอดให้นางและอาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับแผนการของมารดาของนางและการสนับสนุนจากเผ่าพันธุ์, การสนับสนุนจากเย่ว์หยาง งานของไห่อิงอู่ในฐานะจักรพรรดินีสมุทรจึงง่ายขึ้นมากกว่าที่คิดไว้ในตอนแรก ก่อนหน้านี้ นางเตรียมใจรับภาระงานที่หนักมากและน่าเบื่อ อย่างไรก็ตามชาวเผ่าทะเลทั้งหมดในปัจจุบันนี้ยอมรับว่านางคือจักรพรรดินีสมุทร ไม่เพียงแต่ไห่อิงอู่เท่านั้น แม้แต่พะยูนนรกทั้งสองซึ่งแต่เดิมเป็นทาสเชลยของเย่ว์หยางยังได้รับการเชิดชูให้เป็นเทพอารักษ์รุ่นใหม่จากชาวเผ่าทะเล...
“ข้าจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด! ข้าจะต้องเป็นจักรพรรดินีสมุทรที่ประสบความสำเร็จให้ได้ เมื่อหลายอย่างที่นี่ลงตัวแล้ว ข้าจะเป็นภรรยาผู้ประสบความสำเร็จคอยดูแลเอาใจใส่ท่านได้ทุกวัน!” ไห่อิงอู่น้ำตาไหลขณะจูบเย่ว์หยางอย่างดูดดื่ม ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องแยกจากกัน แม้บริวารของนางกำลังมองดูอยู่ แต่นางไม่สนใจพวกเขา
“อะแฮ่ม!” ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย, ท่านหญิงเยี่ยน ผู้เฒ่าซิงผาน ราชาฉลามและข้าราชบริพารทุกคนรู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของไห่อิงอู่และเย่ว์หยาง
อย่าว่าแต่คนที่มองเห็นเลย ต่อให้คนตาบอดก็ยังสามารถบอกได้
สำหรับท่าทีที่ไห่อิงอู่จูบเย่ว์หยางด้วยความลุ่มหลงต่อหน้าธารกำนัล พวกเขาหันหน้าไปทางอื่นแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไร
สำหรับชาวเผ่าพันธุ์ทะเล สัมพันธ์รักที่แนบแน่นของเย่ว์หยางกับไห่อิงอู่เป็นผลดีที่สุดที่พวกเขาหวังให้เกิดขึ้น
คุณชายสามตระกูลเย่ว์ย่อมมีคุณสมบัติดีที่สุดสำหรับการเป็นพระสวามี บางทีตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่ชาวเผ่าทะเลจะประกาศพิธีอภิเษกสมรส แต่เรื่องที่คนสองคนเข้ากันได้นับเป็นเรื่องดี ทั้งต่อทวีปมังกรทะยานที่หอทงเทียนชั้นหนึ่ง หรือจะเป็นทะเลไร้ขอบเขตบนหอทงเทียนชั้นสิบ พวกเขาคือกลุ่มคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เพราะการอภิเษกสมรสระหว่างคนสำคัญที่สุดจากสถานที่นั้นตามลำดับ คนทั้งสองกลุ่มนี้จะผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้นกลายเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือต่อกัน
ทวีปมังกรทะยานมีคุณชายสามตระกูลเย่ว์ซึ่งมีพรสวรรค์มากที่สุดและเป็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นที่สุด
ชาวเผ่าทะเลมีขอบเขตทะเลกว้างขวางที่สุด แผ่นดินกว้างใหญ่ และจักรพรรดินีสมุทรผู้เป็นศรีภรรยาของคุณชายสามตระกูลเย่ว์... ความผูกพันที่แข็งแกร่งจะทำให้เติบโตกล้าแข็งในหอทงเทียนอย่างแน่นอน
หลังจากออกจากทะเลไร้ขอบเขต เย่ว์หยางกลับไปยังป้อมสายฟ้าในหอทงเทียนชั้นที่หก
เขาพบกับการต้อนรับฉลองยินดีอย่างมากมาย
บ่าวทาสและนักสู้ในป้อมล้วนแต่ภาคภูมิใจในผลงานที่น่ามหัศจรรย์ของเจ้านายพวกเขา พวกเขารู้แล้วว่าไตตันน้อย ความจริงก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ ผู้จัดการหอการค้าไตตันกลายเป็นคนสำคัญในหอทงเทียนชั้นที่หกไปแล้ว แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ยังต้องให้เกียรติเขาเมื่อพวกเขามาพบเขา พวกที่เคยดูถูกเขาในครั้งก่อนล้วนพากันมาขอโทษเขาอย่างสุดซึ้ง กลัวว่าเจ้ากบอ้วนนี้จะโกรธแค้น แน่นอนว่าความรุ่งเรืองทั้งหมดที่ทำให้เขาปลาบปลื้มยินดีอยู่นี้ เป็นเพราะผลงานที่ยอดเยี่ยมของเย่ว์หยาง เขารอดชีวิตกลับมาจากสมรภูมิมรณะ สร้างความปั่นป่วนในแดนสวรรค์ เอาชนะนักสู้แดนสวรรค์และจับพะยูนนรกกลับมาจากแดนสวรรค์ จากนั้นเขาเดินทางไปทะเลไร้ขอบเขตหยุดการก่อกบฏและช่วยไห่อิงอู่ธิดาของจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานให้ได้รับสืบทอดราชบัลลังก์ด้วยตัวเขาเอง....
มีเสียงเล่าลืออีกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ยังสังหารนักรบสามพันปีอย่างราชันย์พันปีศาจอีกด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ทรงอานุภาพเต็มเปี่ยมอย่างนี้ ไม่มีใครในหอทงเทียนที่ไม่ก้มหัวคำนับ
ดังนั้นเจ้ากบอ้วนจั๊ดด์จึงพลอยได้รับความนับถือจากทุกคนไปด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นแค่เพียงบริวารผู้คอยวิ่งเต้นทำงานของคุณชายสามตระกูลเย่ว์
“เซี่ยอีอยู่ไหน?” เย่ว์หยางตระหนักว่าหลายๆ อย่างในป้อมสายฟ้ายังดูปกติ มีแต่เพียงสาวน้อยเซี่ยอีที่มักจะหาเรื่องทะเลาะกับเขาอยู่เสมอหายไป เย่ว์หยางรู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างขาดหายไปจากใจของเขา
“คุณหนูเซี่ยอียังอยู่ในทวีปกู่ฟง นางส่งจดหมายมาเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน แต่จดหมายนั้นอยู่กับพี่น้องตระกูลเซี่ย... พี่น้องตระกูลเซี่ยไม่รู้ว่านายท่านกลับมาบ้าน พวกเขาไปเมืองหยินเย่เพื่อเซ็นสัญญาวันนี้ เกือบจะได้เวลากลับมาแล้ว ข้าขอตรวจดูก่อน” เจ้ากบจั๊ดด์นึกอยากให้มีปีกงอกจะได้ไปจับตัวพี่น้องตระกูลเซี่ยกลับมาจากเมืองหยินเย่เร็วๆ ความจริง พี่น้องตระกูลเซี่ยไม่จำเป็นต้องออกไปเพื่องานธุรกิจในวันนี้เลย แต่จั๊ดด์แต่งตั้งเขาอย่างเร่งด่วน ดังนั้นพ่อบ้านเหยียนเจิ้งจึงส่งพี่น้องตระกูลเซี่ยไปแทน
“ไม่เป็นไร, ข้าคิดว่าสาระของจดหมายคงไม่มีอะไรสำคัญ” เย่ว์หยางโบกมือแสดงว่าไม่สนใจ
ถ้าเซี่ยอีตกอยู่ในอันตราย พี่น้องตระกูลเซี่ยคงกระวนกระวายแน่นอน
ถ้าพวกเขายังมีเวลาว่างพอเดินทางไปเมืองหยินเย่เพื่อทำธุรกิจ นี่หมายความว่าเซี่ยอียังคงปลอดภัยดี
หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกและมนุษย์ปลาดาบจี๋ฟงกลับมานานแล้ว สำหรับพวกเขาทะเลไร้ขอบเขตไม่สนุกสนานเท่ากับทวีปมังกรทะยาน ที่สำคัญเดิมทีพวกเขาเป็นมนุษย์นักสู้ปราณก่อกำเนิด เพียงแต่หลังจากกลายเป็นมนุษย์มัจฉา พวกเขายังอยากใช้ชีวิตบนแผ่นดิน เนื่องจากติดเป็นนิสัยพวกเขาไปแล้ว พวกเขาไม่ที่ให้กลับในเผ่าพันธุ์ทะเล แต่พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกในป้อมสายฟ้า บ่าวไพร่ที่นี่ทุกคนให้ความเคารพพวกเขามาก พวกเขาได้รับการยอมรับนับถือทุกวัน นอกจากนี้ พวกเขายังต่อสู้เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความรู้สึกผูกพันกับสถานที่นี้เหมือนกับเป็นภูมิลำเนาแห่งที่สองของพวกเขาไปโดยปริยาย
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือพวกเขาสาบานเป็นศัตรูกับเผ่าพันธุ์ทะเล
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รื้อฟื้นเรื่องนี้อีกต่อไป และความสัมพันธ์ของพวกเขากลายมาเป็นมิตรต่อกัน แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ถ้าเจ้างานยุ่ง ก็ไปจัดการเรื่องของเจ้าได้ พวกเราคนชราเหล่านี้มีมือมีเท้าของตัวเอง เรายังดื่มยังกินได้เอง เจ้าไม่ต้องมาดูแลเราหรอก แค่อย่าลืมเชิญเราไปแดนสวรรค์เมื่อเจ้าไปปักอาณาเขตดินแดนที่นั่น” หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกหัวเราะลั่น
“....” มนุษย์ปลาตีนสุ่ยจุ้ยที่เป็นคนช่างพูดอยากจะพูดบ้าง แต่มนุษย์ปลาดาบจี๋ฟงปิดปากเขาไม่ให้พูด ทำให้เขาโกรธและดิ้นรนจะพูดให้ได้
“ครั้งนี้ ข้าเอาเลือดปีศาจโบราณมาเลี้ยงพวกท่าน” เย่ว์หยางโยนขวดเงินที่ลงอักขระรูนบรรจุเลือดปีศาจโบราณ มนุษย์ปลาตีนสุ่ยจุ้ยรับไว้ได้เพราะอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเขาเปิดขวดดู เลือดปีศาจโบราณร้อนเหมือนแม็กมาแทบจะแผดเผาผิวของเขา ด้วยความตกใจสุดขีด เขารีบปิดขวดอีกครั้งร้องอย่างตื่นกลัวขณะที่ส่งขวดให้มนุษย์ปลาดาบจี๋ฟง
“เอาไปกินผสมเหล้ากับน้ำแข็ง ถ้าไม่มีเหล้าดีกรีแรงเพื่อเจือจางเลือดปีศาจโบราณนี้ ด้วยความสามารถปัจจุบันของเจ้า บางทีเจ้าคงไม่มีปัญญาดื่มมันได้แน่” มนุษย์ปลาดาบจี๋ฟงเตะก้นมนุษย์ปลาตีนสุ่ยจุ้ยหนึ่งป้าบ
“เฮ่ย, นี่มันของดี!” ปลาวาฬจางชูหัวแม่มือให้เย่ว์หยาง
ด้วยความสามารถปัจจุบันของพวกเขา บางทีพวกเขาคงไม่มีปัญญาได้ดื่มเลือดปีศาจโบราณตลอดชีวิต
ตอนนี้ แม้แต่เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ที่อ่อนแอกำลังถือเหล้าโลหิตแช่น้ำแข็งอยู่ในมือ พวกเขาเป็นบ่าวทาสผู้มีระดับนักสู้ที่ต่ำ แน่นอนพวกเขาไม่กล้าดื่มเหล้าโลหิตที่เหมือนพวกมนุษย์มัจฉาแน่ พวกเขาเทน้ำสิบถังลงในถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ จากนั้นเติมน้ำแข็งลงไปอีกชุดใหญ่ สุดท้ายพวกเขาหยดเลือดปีศาจโบราณลงไปเพียงหยดเดียว ถึงจะเป็นอย่างนั้น พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าร่างของพวกเขาแทบจะระเบิด เหมือนกับมีไฟลุกไหม้จากร่างพวกเขา เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์แค่เพียงจิบดู แต่ก็รีบพ่นออกมาเป็นไฟจากลำคอแทบจะทันที สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจและตกใจพร้อมกัน ขณะกล่าว “ข้าพ่นไฟได้จริงๆ ด้วย โอวพระเจ้า ข้าคิดว่าข้าจะตายอยู่แล้ว! นี่มันน่ากลัว น่ากลัวมาก ของดีอย่างนี้ เราจะขายได้สักเท่าไหร่? แก้วละห้าสิบเหรียญทอง? ไม่, ข้าคิดว่าต้องไม่ต่ำกว่าห้าร้อยเหรียญทอง”
พ่อบ้านเหยียนเจิ้งยิ้มซึ่งมิได้เห็นกันง่ายๆ
เย่ว์หยางอยู่ในป้อมสายฟ้าไม่นาน เขาใช้ให้พี่น้องตระกูลเซี่ยนำทางเขา ช่วยให้เขาเดินทางสู่ทวีปกู่ฟง
ทวีปกู่ฟง
เป็นโลกหนึ่งที่คล้ายกับทวีปมังกรทะยาน ดินแดนเกือบทั้งหมดครอบครองโดยมนุษย์ แต่บางส่วนก็มีพวกก็อบลินและพวกกึ่งอสูร เมื่อพวกปีศาจรุกรานครั้งล่าสุด พวกเขาเอาพวกก็อบลินและพวกกึ่งอสูรไปเป็นทาส พวกเขาเป็นลูกหลานของทาสเหล่านั้น สายพันธุ์ที่มีสติปัญญาจากแดนอเวจีที่มาถึงในช่วงปีศาจรุกรานก็ได้ครอบครองพื้นที่นี้ พวกเขากลายเป็นราชาของอาณาจักรเล็กๆ หรือไม่ก็เป็นเจ้าปกครองแว่นแคว้น มีเจ้าปกครองที่เป็นมนุษย์ไม่กี่คน
จากทางเข้าทวีป หออาคารใหญ่และประตูเทเลพอร์ต ถูกควบคุมโดยหมอผีเผ่าปีศาจ
สำหรับนักสู้ทั่วไป ทัศนคติของพวกเขาไม่ค่อยดีนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับอาคันตุกะผู้แข็งแกร่งอย่างน้อยระดับเจ็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์หยางที่นั่งอยู่ระหว่างสองพี่น้องตระกูลเซี่ย ระดับของเขาไม่ใช่ผู้ที่หมอผีปีศาจจะเข้าไปตอแยได้ ในสายตาของพวกเขา อย่างน้อยเย่ว์หยางต้องเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างมิต้องสงสัย
“นายท่าน, เราขอต้อนรับท่านเข้าสู่ทวีปกู่ฟง” หมอผีปีศาจคำนับเย่ว์หยางด้วยความเคารพ
โชคดีที่เย่ว์หยางสวมหน้ากากปิดหน้า มิฉะนั้น ถ้าหมอผีปีศาจพบว่าคนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาคือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ หัวใจของพวกเขาอาจกระดอนออกมาจากปากเพราะความตกใจก็เป็นได้
พี่น้องตระกูลเซี่ยกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อรับมารดาและญาติพี่น้องของพวกเขา เพื่อว่าจะพาพวกเขาไปอยู่ด้วยกันในป้อมสายฟ้า
เย่ว์หยางตามหาเซี่ยอีที่คอยสอดแนมหาข่าวของกองกำลังนรกดำ ตามเนื้อความในจดหมาย เด็กสาวนั้นพบรายงานกองกำลังนรกดำที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น นางพบตำแหน่งฐานลับของกองกำลังนรกดำและมีช่วงเวลาเปิดใช้ประตูเทเลพอร์ต นางค้นหาพวกเขาอย่างระมัดระวังมากและทำภารกิจได้สำเร็จ แต่แล้วนางพบรายงานที่พิเศษ สำคัญ ดังนั้นนางจึงยังไม่กลับป้อมสายฟ้าและรั้งอยู่ต่อไปเพื่อสังเกตสถานการณ์
ขณะที่เย่ว์หยางกังวลความปลอดภัยของเซี่ยอีผู้ชอบก่อเรื่องยุ่งยากให้เขา เย่ว์หยางตัดสินใจไปพานางกลับด้วยตนเอง
แม้ว่ารายงานของนางจะสำคัญ แต่ชีวิตน้อยๆ ของนางยังสำคัญมากกว่า
ราชาเฮยอวี้ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ คงเป็นเรื่องเลวร้ายถ้าเขาจับนางได้
แน่นอน ความเป็นไปได้นี้มีน้อยมาก ราชาเฮยอวี้คงไม่สนใจจะทำอะไรกับเซี่ยอี ถ้าราชาเฮยอวี้ต้องการจะลักพาใครสักคน เขาควรจะลักพาคนจากปราสาทตระกูลเย่ว์.. เพียงแค่นั้น มีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดขึ้นได้และเย่ว์หยางไม่ต้องการให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
“ประตูเทเลพอร์ต?” เย่ว์หยางไปตามแผนที่ซึ่งเซี่ยอีทิ้งไว้ให้ และหลังจากเดินไปครึ่งวัน เขามาถึงที่ซึ่งดูเหมือนเป็นประตูเทเลพอร์ตร้าง
นี่คือหนึ่งในเครื่องหมายสำคัญที่เซี่ยอีระบุไว้ในจดหมายนาง
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงไม่สามารถหาสถานที่รกร้างเช่นนั้นได้ ต่อให้พวกเขาพบประตูเทเลพอร์ต พวกเขาก็ไม่สนใจ เพราะดูเหมือนว่าถูกทิ้งร้างมานานแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขาเห็นบางอย่างเกี่ยวกับประตูเทเลพอร์ตนี้ เขาเห็นว่าประตูเทเลพอร์ตถูกใช้งานเมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ยังใช้มามากกว่าหนึ่งครั้ง
มันนำไปที่ไหน?
ในหอทงเทียนชั้นที่สี่ มีประตูเทเลพอร์ตที่ถูกทิ้งร้างคล้ายๆ กัน
ประตูเทเลพอร์ตนั้นนำไปสู่ที่ลึกลับมากแห่งหนึ่ง ในนั้นมีม่านพลังสีทองซึ่งเย่ว์หยางไม่สามารถเข้าไปได้ และมีคัมภีร์เทพที่ไม่มีเจ้าของเขาเล่มหนึ่ง (ตอนที่ 483)
ประตูเทเลพอร์ตในทวีปกู่ฟงนี้ สามารถนำไปยังที่ลึกลับคล้ายกันหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าจะมีคัมภีร์เทพเล่มที่สอง? หรือบางที นี่คือฐานทัพลับของราชาเฮยอวี้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายของเขา?
ยังคงมีความเป็นไปได้อื่น อาจจะเป็นทางเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
แม้ว่าเซี่ยอีชอบก่อเรื่องยุ่งยากให้เขา แต่นางรู้คำสั่งเขาดี นางคงไม่ทำเรื่องวู่วาม ดังนั้นนางต้องมีเหตุผลพิเศษ เมื่อนางตัดสินใจอยู่ต่อ ที่สำคัญที่สุด เขามีความรู้สึกเหมือนว่าประตูเทเลพอร์ตของทวีปกู่ฟง, ประตูเทเลพอร์ตโบราณในทวีปอ้าวเจี๋ยและในทวีปอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งซากหักพังของประตูเทเลพอร์ตชนิดนี้ซึ่งดูเหมือนว่าจะถูกทิ้งร้างไว้นาน มีบางอย่างแปลกประหลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้
บางทีอาจเป็นบางอย่างที่ราชาเฮยอวี้ทำไว้ใช้ก็ได้ เพราะความสงสัยนี้ เย่ว์หยางจึงสั่งให้เซี่ยอีมาคอยสืบดู
ตอนนี้ดูเหมือนข้อสงสัยในใจเขาจะถูกต้อง
“เจ็บใจนัก เจ้าขโมยนั่น ถ้าข้าจับเจ้าคนเจ้าเล่ห์นั่นได้ ข้าจะถลกหนังเขาทั้งเป็น! มันชั่วร้ายจริงๆ เขาเหมือนวิญญาณที่คอยหลอกหลอนเรา ถ้าเป็นอย่างนี้และเรายังหาสมบัติไม่พบ ข้าคงได้บ้าจริงๆ แน่” ในหุบเขาด้านนอกประตูเทเลพอร์ต กลุ่มนักรบระดับสี่และที่สูงกว่าปรากฏตัวทันทีเดินตรงมาทางเย่ว์หยาง ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านเย่ว์หยางที่ซ่อนตัวอยู่ หนึ่งในบุรุษหน้าเต็มไปด้วยไขมันบ่นไม่หยุด
“ใครไม่ชอบสมบัติกันเล่า? เจ้าผู้นั้นมีระดับที่สูงและรวดเร็ว ถ้าเราไม่ใช้กลลวงก็คงยากจะจับนางได้” บุรุษร่างผอมพล่ามน้ำลายเต็มปาก
“เมื่อเราจับเขาได้ ศีรษะของเจ้าขโมยนั่นต้องเป็นของข้า! เจ้าไม่ต้องแบ่งส่วนสมบัติให้ข้าก็ได้ แต่ว่าขโมยนั่นต้องเป็นของข้า และนางต้องมีชีวิต เจ้ารู้อะไรไหม ขโมยนั่นความจริงก็คือเด็กสาว แม้ว่านางจะใส่ชุดขโมย แต่ข้าบอกได้เลยว่านางเป็นคนงามแค่เพียงมองแว่บแรก นางเอวบาง ขาเรียวยาว หุ่นอย่างนั้นไม่ใช่บุรุษแน่นอน” บุรุษอ้วนน้ำลายหกขณะพูด
“นั่นไม่ได้หมายความนางสวย เจ้ายังไม่เห็นหน้านาง ดังนั้นไม่มีใครยืนยันเรื่องนั้น” อีกคนหนึ่งคัดค้าน
“พอได้แล้ว เรามาถึงจุดหมายแล้ว ใต้เท้าม่อหลงจะมาถึงในไม่ช้า ทุกคนหุบปาก อย่าพูดถึงขโมยหรืออะไรอื่นให้ใต้เท้าม่อหลงฟัง ลืมเรื่องขโมยนั่นไปซะ ข้าไม่สนว่าเขาเป็นหญิงหรือชาย ลืมเรื่องขโมยนั่นไปซะ พวกเจ้าทุกคนมาที่นี่เพื่อหาสมบัติ ไม่ใช่หาหญิง นอกจากนี้ ขโมยนั้นไม่มีกุญแจทองสำหรับเปิดประตู นางจะไม่มีทางเข้าประตูเทเลพอร์ตพร้อมเรา เราไม่ต้องสนใจนางแม้แต่น้อย” บุรุษร่างสูงใหญ่ล้วงเอาหินมีค่าออกมาจากถุงของเขาและวางทั้งหมดในตำแหน่งตรงข้ามกับประตูเทเลพอร์ตอย่างระมัดระวัง
ประตูเทเลพอร์ตเปล่งแสงส่องประกายทันที สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางตกใจก็คือแสงนั่นเปลี่ยนเป็นรูปอาคารที่ส่องประกาย
ดูเหมือนกับป้อมปราการขนาดเล็ก
ที่ด้านหน้าอาคารแสง มีบานประตูแสงที่ที่ก่อตัวเป็นรูปจากอักษรรูน
เหลือเชื่อจริงๆ ประตูนี้จะนำพาไปที่ใด? อย่าว่าแต่เซี่ยอีเลย ตอนนี้แม้แต่เย่ว์หยางก็สงสัย เขาไม่อาจทนรอเข้าประตูและไปดูภูเขาสมบัติได้ เขาจะยอมกลับบ้านมือเปล่าได้ยังไง