ตอนที่แล้วตอนที่ 590 ราชันย์พันปีศาจตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 592 ความสุขที่รอไม่ได้

ตอนที่ 591 เสร็จสิ้นภารกิจจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่


เมื่อประตูลับเปิดออกอีกครั้ง  เย่ว์หยางเดินออกมาช้าๆ

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียกอดเขาแน่นต้อนรับการกลับมา

ศึกครั้งนี้ยากลำบากมาก งานนี้อันตรายอย่างที่สุด ผิดพลาดเพียงก้าวเดียวอาจทำให้พวกเขาพลาดท่าจนไม่มีโอกาสกอบกู้ได้  โชคดีที่แผนของราชินีแมงกะพรุนได้ดำเนินการไว้ก่อนแล้ว  หลังจากนั้นเมื่อเย่ว์หยางดำเนินการตามยุทธวิธี  แผนของคนทั้งสองรุ่นจึงผสานกันเป็นหนึ่ง  ในที่สุดพวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์จนได้เปรียบและชนะที่สุด

แม้ว่าราชันย์พันปีศาจจะถูกฆ่า  แต่ศัตรูยังไม่ได้ถูกกำจัดเสร็จสิ้นเด็ดขาด

ร่างสิงของจ้าวปีศาจโบราณยังหาไม่พบเลยตั้งแต่แรกเริ่ม มันซ่อนตัวอยู่ในที่ลับ

สำหรับจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี  ทั้งสองคงจะบุกเข้าประตูลับไปนานแล้ว

สุดท้าย มีการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างราชาเฮยอวี้ผู้น่ากลัวกับมารสัมฤทธิ์ฟ้าในทวีปมังกรทะยาน... เป็นเพราะความร่วมมือกันของจักรพรรดิมังกร, จักรพรรดิใต้พิภพและมารสัมฤทธิ์ฟ้าร่วมมือกัน พวกเขาจึงสามารถเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้และบังคับให้เขาหยุดก่อความวุ่นวายในทวีปมังกรทะยาน  นี่ช่วยให้เย่ว์หยางมีความสงบใจเมื่อต่อสู้กับราชันย์พันปีศาจโดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องในทวีปมังกรทะยาน  นั่นทำให้เขาประสบความสำเร็จฆ่าราชันย์พันปีศาจที่สามารถจุติเกิดใหม่ได้เป็นล้านครั้ง

“พวกท่านจับองค์ชายสือจินได้ยังไง?”  เย่ว์หยางเห็นศีรษะมนุษย์ในมือเย่คงและยืนยันว่าเป็นหนึ่งในร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ  องค์ชายสือจิน

“เราไม่ได้จับเขา  เราเพียงแต่พูดกับองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของอาณาจักรสือจิน  แม้ว่าอาณาจักรสือจินจะเป็นอริกับเรา  แต่เขาไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้อีกต่อไป  ความจริงที่ว่าองค์ชายสือจินคือร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ,  องครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งสองน่าจะรู้เรื่องแล้ว  เมื่อเราไปหาพวกเขาที่สำนักงานพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิด  ดูเหมือนพวกเขาจะรู้เหตุผลที่พวกเรามาหาพวกเขา  พวกเขาจากไปปรึกษาเรื่องนี้กับอาณาจักรของพวกเขา  ราวๆ หนึ่งชั่วโมงพวกเขาก็ส่งมอบตัวองค์ชายสือจินให้เย่คงและเจ้าอ้วนไห่  จากนั้นเราก็พาเขามาที่นี่และฆ่าเขาตามแผนที่เจ้าวางไว้”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสรุปเรื่องที่เกิดขึ้นให้เย่ว์หยาง

“ความจริงมีเงื่อนไขที่อาณาจักรสือจินนำองค์ชายสือจินมาส่งให้เป็นการแลกเปลี่ยน  ภายในสิบปี เราจะต้องไม่รุกรานอาณาจักรสือจิน  แน่นอนพวกเขาก็จะไม่ส่งกองทัพมารุกรานเราเช่นกัน  การรุกรานครั้งก่อน พวกเขาจะชดใช้ให้เราตามเหมาะสมกับความสูญเสีย”  หน้าของเสวี่ยอู๋เสียเย็นชาขณะที่นางกล่าว  “พวกเขาก็แค่ถ่วงเวลาและหลีกเลี่ยง”

“ถูกแล้ว  ถ้าเจ้าไม่บอกให้เราละเว้นเจ้าตัวใหญ่นั่นไว้ เราจะต้องฆ่าเจ้านั่นเช่นกัน”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า

“???”  เย่คงและเจ้าอ้วนไห่พากันสงสัย

พวกเขาคิดว่า ยังมีร่างแยกอื่นอีกด้วยหรือ?

หรือว่าเป็นประมุขน้อยไป่หวินเฟยผู้เป็นสหายสนิทขององค์ชายสือจิน?

หรือว่าเป็นอีกคนหนึ่ง?

อาจเป็นคนที่ไม่โดดเด่น แต่ความจริงเป็นคนบ้าสงคราม  จักรพรรดิฉู่เทียนเสี่ยวแห่งอาณาจักรสือจิน?  หรือว่าจะเป็นขุนนางชั้นสูงผู้เป็นนักรบแข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรสือจิน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแดนอเวจี สื่อจินโหว?

แม้แต่เย่ว์ซาน ลุงใหญ่ของเย่ว์หยางก็ยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยของเย่คงและคนอื่นๆ

นี่เป็นเพราะการกระทำของเย่ว์ซานน่าสงสัยมาก

ปัญหาก็คือ ถ้าเย่ว์ซานเป็นหนึ่งในร่างแยกของราชันย์พันปีศาจจริงๆ นานขนาดนี้แล้วเย่ว์หยางจะไม่รู้ได้ยังไง?

องค์ชายสือจินไม่ใช่ร่างแยกของราชันย์พันปีศาจล่าสุดแน่นอน  อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรากฏตัวของเย่ว์หยางผู้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในระดับที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน  จากนั้นเย่คงและเจ้าอ้วนไห่มีความก้าวหน้าอย่างมากด้วยความช่วยเหลือจากเย่ว์หยาง ทำให้องค์ชายสือจินรู้สึกกดดัน  ในที่สุดเขาตกอยู่ภายใต้อำนาจการล่อหลอกของราชันย์พันปีศาจ  น่าสมเพชจริงๆ  องค์ชายสือจินผู้ตั้งฉายาให้ตนเองว่าเทพล่ากวาง และเป็นยอดฝีมือชำนาญวิชาดาบพายุทะเลทราย เนื่องจากขาดความอดกลั้นและโลภมากอยากได้พลังยิ่งใหญ่จึงทำให้เขาสูญเสียหัวใจดั้งเดิมไป

สิ่งที่น่าสมเพชมากที่สุดก็คือองค์ชายสือจินยอมสละแลกกับอาณาจักรของตนเองในที่สุด

เย่คงลอบถอนหายใจเบาๆ

ในชีวิตมีอยู่หลายครั้งที่ท่านจะต้องยืนอยู่บนทางสองแพร่ง ทางหนึ่งนำไปสู่ความรุ่งเรือง  อีกทางหนึ่งนำไปลงเหว

ถ้าท่านเดินผิดทาง ท่านอาจทำผิดพลาดครั้งใหญ่และสูญสิ้นทุกอย่างไม่มีหวังได้กอบกู้คืน

“ไม่ต้องห่วง  สหายผู้นั้นจะต้องตามหาหัวใจของราชันย์พันปีศาจแน่นอน... เราจะรอให้เขามาหาหัวใจปีศาจ จากนั้นเราสามารถฆ่าเขารวดเดียว  ร่างหลักของราชันย์พันปีศาจตายไปแล้ว  ดังนั้นร่างแยกร่างเดียวจะทำอะไรได้?  ความจริง ถ้าเราคิดดูให้ดี เหตุผลที่เราสามารถฆ่าราชันย์พันปีศาจได้เป็นเพราะจ้าวปีศาจโบราณได้ลอบจุดเชื้อเพลิงไว้ก่อนแล้ว  มิฉะนั้นการฆ่าราชันย์พันปีศาจก็คงจะเป็นเรื่องยาก”  เย่ว์หยางโบกมือให้สาวๆ ของเขาไม่ให้กังวลเรื่องร่างแยกของราชันย์พันปีศาจอีกต่อไป  เพราะสิ่งที่ควรจะกลัวมากกว่าก็คือจ้าวปีศาจโบราณที่ยังไม่มีใครรู้ว่าคือจ้าวปีศาจโบราณในเวลานั้น

“จ้าวปีศาจโบราณลอบช่วยเรา บางทีเขาอาจพยายามดำเนินแผนการบางอย่าง เช่นการคืนชีพก็ได้”  เสวี่ยอู๋เสียคิดถึงเหตุผลหนึ่งได้ทันที

“ใช่แล้ว,  การดำรงคงอยู่ของราชันย์พันปีศาจอาจเป็นอุปสรรคต่อการแผนการคืนชีพของจ้าวปีศาจโบราณก็ได้  นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้เราเพื่อกำจัดราชันย์พันปีศาจ หรืออาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ว่า  จ้าวปีศาจโบราณไม่เชื่อว่าเราสามารถฆ่าราชันย์พันปีศาจได้ตั้งแต่แรก  ดังนั้นเขาจึงจงใจทิ้งร่องรอยไว้ให้เราอย่างชัดเจน เกรงว่าความสามารถของเราจะไม่เพียงพอเอาชนะราชันย์พันปีศาจได้  อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาเปิดเผยมานั้นมีน้อยมาก  ด้วยสติปัญญาของจ้าวปีศาจโบราณ  ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้  บางทีตอนแรกเขาคิดว่าราชันย์พันปีศาจกับเราอาจสู้กันจนบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย ฮึ่ม.. เขาต้องคำนวณผิดไปในครั้งนี้แน่”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นสตรีที่ฉลาดคนหนึ่ง แม้ว่านางยังนึกภาพทั้งหมดไม่ออก  แต่นางก็รู้สึกถึงความจริงได้

“เรามีร่างสมบูรณ์ของจ้าวอสูรโบราณ  จ้าวอสูรโบราณอาจจะไม่ทำร้ายพวกเราก็ได้”  เจ้าอ้วนไห่หัวเราะลั่น

“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเราจะเก็บร่างสมบูรณ์ของจ้าวปีศาจโบราณเอาไว้?”  เย่ว์หยางแย้ง

“โลงแก้วของจ้าวปีศาจโบราณยังอยู่ข้างในไม่ใช่หรือ?”  เย่คงชะงักตกใจ

“ความจริง... ไม่มีอะไรอยู่ภายในผนึกโดมท้องฟ้าเลย”  เย่ว์หยางมองดูเย่คง, เจ้าอ้วนไห่, เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ  เขาส่ายศีรษะ  “แน่นอนว่า ข้าอาจบอกได้ว่าข้าได้รับโลงแก้วของจ้าวปีศาจโบราณมาแล้ว  ซึ่งก็คือกลลวงของจ้าวปีศาจโบราณ  ถ้าข้าไม่พูดเรื่องนั้น ทำไมเขาถึงได้สู้กับข้าเหมือนกับว่าชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมันเล่า?  เขาคงหลบหนีไปนานแล้ว”

“ภายในนั้นว่างเปล่าหรือ?”  เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่อยากเชื่อเรื่องนี้  เพราะเย่ว์หยางไม่เคยบอกเรื่องจริงกับพวกนางมาก่อน

“ใช่แล้ว มันว่างเปล่า  ไม่มีแม้กระทั่งโลงแก้วปลอมอยู่ในนั้น”  เย่ว์หยางพยักหน้า

“อะไรนะ?”  พวกที่เชื่อเรื่องนี้มากที่สุดก็คือฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วผู้เฝ้าสถานที่นี้มานานถึงหกพันปี  พวกเขาแทบสลบ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเสียเวลาเฝ้าสถานที่นี้มานานถึงหกพันปี  ไม่มีใครสามารถทนรับความกระทบกระเทือนใจครั้งนี้ได้

“หกพันปีที่แล้ว จักรพรรดิอวี้ต้องรู้สึกได้ว่าวิญญาณของจ้าวอสูรโบราณได้หลบหนีไปแล้ว  เมื่อทิ้งให้สองผู้อาวุโสฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วเฝ้าสถานที่นี้ ต้องเป็นเพราะเขาต้องการลวงจ้าวอสูรโบราณ  เพราะฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วเป็นผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือที่สุดของจักรพรรดิอวี้  ต้องมีบางอย่างที่สำคัญมากถ้าพวกเขาจะคอยปกป้อง   คาดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นกับดักอย่างหนึ่ง”  ไห่อิงอู่มีปัญญาเหมือนกับมารดาของนาง  สามารถรู้ได้ทันที  “ผนึกที่แท้จริงต้องอยู่ที่อื่น  ที่ซึ่งจ้าวปีศาจโบราณไม่มีวันหาได้พบ”

“เราทุกคนถูกต้มสนิท..”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วอยากกอดคอกันร้องไห้

อุตส่าห์ปกป้องมาตลอดหกพันปี  ถ้ามีโลงแก้วของจ้าวปีศาจโบราณอยู่ข้างใน  อย่างน้อยพวกท่านก็ไม่ได้ทำงานอย่างเปล่าประโยชน์

แต่กลับไม่มีอะไรอยู่ข้างใน

พวกท่านเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ หกพันปี  นับเป็นสถานการณ์ที่สร้างความท้อแท้ให้กับพวกท่านจริงๆ

เย่ว์หยางมองดูฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่ว จากนั้นตวาดลั่นทันที  “ฟงจู้, เป่ยฟงเจียสั่ว จงฟังคำสั่งข้า!”

ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วมองหน้ากันเองอย่างสับสนเมื่อพวกเขาได้ยินเย่ว์หยาง

เจ้าเด็กนี่จะพูดอะไรกันแน่?

“นี่คือราชโองการของจักรพรรดิอวี้  สำรวมตัวไว้ด้วย!”  เย่ว์หยางตะโกนอีกครั้ง

“อ๋า?” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วยืนตรงระมัดระวังตัวทันที ขณะพวกเขาฟังราชโองการของจักรพรรดิอวี้  พวกเขามองดูเย่ว์หยางอย่างไม่เข้าใจว่าเย่ว์หยางกำลังจะพูดอะไรกับพวกเขา

“ฟงจู้กับเป่ยฟงเจียสั่ว, พวกท่านไม่ได้ละทิ้งหน้าที่ตลอดเวลาหกพันปี  ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์จงรักภักดี ข้า, เย่ว์หยางผู้รับสืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ขอประกาศแต่งตั้งพวกท่านเป็นขุนพลฟ้า องครักษ์พิทักษ์หอทงเทียน ฟงจู้เป็นขุนพลฟ้าฝ่ายซ้ายและเป่ยฟงเจียสั่วเป็นขุนพลฟ้าฝ่ายขวา  นักรบทุกคนในหอทงเทียนจะต้องเทิดทูนเคารพพวกท่าน  พวกที่ไม่ปฏิบัติตามโองการนี้จะต้องถูกเนรเทศ” หน้าที่เคร่งเครียดจริงจังตอนแรกของเย่ว์หยางทำให้พวกเขาต้องกลั้นหายใจ,  แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนทันที ขณะที่เขาพยักหน้าให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วที่ยังคงงงงวยอยู่ และกล่าว “นี่คือราชโองการสุดท้ายจากจักรพรรดิอวี้  ภารกิจปกป้องคุ้มกันของพวกท่านเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว  สร้างความลำบากให้กับพวกท่านทั้งสองจริงๆ”

“มันจบลงจริงๆ หรือ?”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วพยายามระงับความตื่นเต้นและประหลาดใจที่ผุดขึ้นภายในใจพวกเขา และขอคำยืนยัน

“ใช่...ภารกิจของพวกท่านเสร็จสิ้นแล้ว”  เย่ว์หยางคำนับพวกท่านแสดงความเคารพ

เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็คำนับตามเย่ว์หยางเหมือนกัน

จากนั้นเป็นผู้เฒ่าหนานกงคำนับตาม

และเย่คง, เจ้าอ้วนไห่, เสวี่ยทันหลาง, องค์ชายเทียนหลัว, พี่น้องตระกูลหลี่, ไห่อิงอู่, นางพญากระหายเลือดอาหง, สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง.. ทุกคนคำนับแสดงความเคารพท่านอย่างสูง  ทั้งสองท่านนี้อยู่เฝ้าภายในประตูลับมานานถึงหกพันปี  เฝ้าผนึกโดมท้องฟ้า พวกท่านคือผู้อาวุโสที่คู่ควรแก่การแสดงความเคารพของทุกคน

ส่วนสมาชิกเผ่าพันธุ์ทะเล ผู้เฒ่าซิงผานนำทุกคนคุกเข่ากับพื้นพร้อมกับอัศวินสมุทรและเผ่ามนุษย์ปลาการ์ตูน

พวกเขาแสดงความเคารพเทิดทูน

แม้แต่พะยูนนรกที่เย่ว์หยางจับมาเป็นทาสรับใช้ก็ยังแสดงความเคารพฟงจู้กับเป่ยฟงเจียสั่วด้วยความเคารพ  เทียบกับพวกเขาแล้ว ความภักดีซื่อสัตย์ของพะยูนนรกยังเทียบไม่ได้ มีแต่นักรบอย่างฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วจึงคู่ควรแก่การเชื่อถือ  ตอนแรกพวกพะยูนนรกยังรู้สึกคับข้องใจอยู่บ้าง  พวกมันคิดว่าถ้าพวกมันไม่ถูกเย่ว์หยางคุกคาม  พวกมันคงไม่ยอมเป็นทาสแน่  อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกมันเข้าใจว่าการจะได้รับความเคารพจากผู้อื่นได้นั้น  ไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับสถานะ  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือศรัทธา

ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำอย่างที่ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วทำได้อย่างเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวมาตลอดหกพันปี

เย่คงและเจ้าอ้วนไห่มองหน้ากันและเข้าใจกันหลังจากพวกเขาแสดงความเคารพแล้ว

ทั้งสองคน ต่างฝ่ายต่างเห็นความมุ่งมั่นแบบเดียวกัน

เป็นความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์เหมือนอย่างเป่ยฟงเจียสั่วและฟงจู้ที่อยู่ข้างตัวจักรพรรดิอวี้พระองค์ก่อน มีความเชื่อมั่นเหมือนอย่างเป่ยฟงเจียสั่วและฟงจู้   ใครเล่าจะอยู่ข้างตัวจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่เล่า?  เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่ลังเลที่จะอาสาตนเอง  พวกเขารู้ว่าพวกเขาอาจไม่มีฝีมือพอเป็นเครื่องมือให้จักรพรรดิอวี้ได้  แต่พวกเขารู้ว่าพวกเขาสามารถทำบางอย่างเหมือนกับที่ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วทำได้

นั่นคือเป้าหมายของพวกเขา

“ขอบคุณ”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วยิ้มและถอนหายใจเต็มที่ และคำนับเย่ว์หยางอย่างเคารพ

“ไม่ต้องขอบคุณ”  เย่ว์หยางคำนับพวกท่านเป็นครั้งที่สอง  ครั้งนี้ เขาคำนับในฐานะผู้เยาว์ที่มีต่อผู้อาวุโส  ไม่ใช่จักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่

“เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน, วับเดียวผ่านไปหกพันปีแล้ว”  ฟงจู้ถอนหายใจ  “ตอนนี้เราสามารถพักจนได้  แต่เราไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี  เราตัดขาดจากโลกภายนอกมานานเกินไป  นานมากจนเรากลัวจะพบปะกับผู้คน...”

“ฟงจู้, เจ้าไม่ต้องการไป แดนสวรรค์หรอกหรือ?  ในฐานะที่เป็นสหายมานานพันปี  ข้านำเจ้าเที่ยวได้นะ”  เป่ยฟงเจียสั่วต้องการกลับแดนสวรรค์ทันที

“เจ้าต้องแนะนำสาวงามให้พี่ใหญ่ของเจ้า  มิฉะนั้นข้าจะไม่ร่วมเดินทางไปแดนสวรรค์กับเจ้า”  ฟงจู้โอบไหล่เป่ยฟงเจียสั่ว”

“อะไรกัน, ใครเป็นพี่ข้า?  เจ้านั่นแหละควรจะเรียกข้าเป็นพี่,  ข้าแก่กว่าเจ้า!”  เป่ยฟงเจียสั่วอารมณ์เสีย

“งั้นเจ้าก็เป็นพี่ใหญ่โดยอัตโนมัติเพราะเจ้าแก่กว่างั้นเหรอ?  การเป็นพี่ใหญ่หมายความว่าเจ้าต้องแข็งแกร่งกว่า และข้าก็แข็งแกร่งมากกว่าเจ้า”  ฟงจู้อวดอ้างว่าเขาแข็งแกร่งมากกว่าเป่ยฟงเจียสั่ว

“งั้นมาสู้กัน ดูว่าใครแข็งแกร่งกว่า”  เป่ยฟงเจียสั่วไม่ยอมอ่อนข้อเหมือนกัน

“ก็สู้กันสิเว้ย.. ข้ากลัวเจ้าเสียเมื่อไหร่?”

สองสหายยังทะเลาะกันเหมือนเด็กแม้จะใช้ชีวิตผ่านมาหลายพันปีแล้ว พวกเขาเดินไปพลางทะเลาะไปพลางจนร่างห่างออกไปทุกที

เมื่อเสวี่ยทันหลางเห็นเย่คงและเจ้าอ้วนไห่  เขาพยักหน้าให้อย่างเงียบงัน  เนื่องจากเขารู้สึกสองคนนี้คล้ายกับผู้อาวุโสทั้งสองมาก  เพียงแต่ความสามารถของพวกเขายังอ่อนแอกว่ามาก

เย่ว์หยางเห็นว่าทุกคนยังคงรั้งอยู่ที่เดิม  เขาโบกมือไล่ “ไป ไป ไปกันได้แล้ว  เราสู้กันจบสิ้นแล้ว  ถ้าพวกเจ้ามีสาวๆ รออยู่ ก็ไปหาสาวๆ ของพวกเจ้า ถ้าไม่มี ก็ไปฝึกวิทยายุทธต่อ  ทุกคนไปได้แล้ว ข้าอยากจะพักจริงๆ  อย่ารั้งอยู่ขัดคอเวลาแห่งความสุขของข้า”

เมื่อเจ้าอ้วนไห่ได้ยินเช่นนี้  เขาโอดครวญทันที  “เฮ้ เฮ้!  เจ้าก็เป็นแบบนี้เรื่อยเลยเหรอ? ความเป็นพี่เป็นน้องเอาไปไว้ที่ไหน?  เราร่วมต่อสู้กันชนะศึกอย่างยากลำบาก  เจ้าจะไม่แนะนำสาวๆ เผ่าทะเลให้ข้ารู้จักบ้างหรือไง?  เจ้าขับไล่ไสส่งพวกเราจนหมดแล้วคิดฮุบสาวงามไว้หมดใช่ไหม?  ทำแบบนี้ไม่ถูก  วันนี้ไม่ว่ายังไงก็ตาม เจ้าต้องแนะนำสาวงามเผ่าทะเลให้เรา  ไม่อย่างนั้นข้าไม่ยอมไป”

เย่ว์หยางไม่สนใจมองเขา  “งั้นอยู่ก็ได้  ข้าจะแนะนำสาวปลาหมึกแปดมือให้เจ้า  จะได้ให้กำเนิดลูกปลาหมึกน้อยให้เจ้าในอนาคต”

“ปลาหมึก?.. งั้น..มะ..ไม่ต้องก็ได้..”  เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าได้สาวมนุษย์คงจะดีกว่า  สาวปลาหมึกคงจะทำให้เขาหมดความสะดวก  ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากนางมีหลายมือ เขาจะหายใจออกได้หรือหากว่านางกอดเขา?  นั่นคงเป็นปัญหาใหญ่!

“ฮึ” เย่คงรู้แล้วว่าเจ้าอ้วนไห่มีความคิดวิปริตพิสดาร  แต่ไม่กล้าไล่ตามความต้องการของตัวเอง  เขาได้แต่ชูนิ้วกลางเป็นการดูถูกดูแคลนเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด