ตอนที่ 20 สถานีตำรวจวอริกที่ 8
ตอนที่ 20 สถานีตำรวจวอริกที่ 8
สถานีตำรวจวอริกที่ 8
เรนและพวกมองดูสถานีตำรวจด้านหน้า คือหนึ่งในสถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่ด้านนอกเมืองวอริก โดยตามปกติแล้วในเมืองจะมีรัฐบาลท้องถิ่นพวกเขาจะตั้งสถานีตำรวจที่เรียกว่าส่วนกลาง หรือก็คือสถานีกลางคอยดูแลสถานีตำรวจย่อยที่กระจายตัวออกมา
ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะพื้นที่ของเมืองแต่ละแห่งนั้นใหญ่มาก การให้สถานีตำรวจเพียงแห่งเดียวไม่อาจจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนได้ทั่วถึง
สถานีตำรวจวอริกที่ 8 นั้นก็เป็นหนึ่งในสถานีตำรวจเหล่านั้น และอาคารของสถานีนี้ยังแบ่งออกเป็นสามชั้น มีทั้งห้องขัง โรงอาหาร ห้องน้ำ โรงจอดรถใต้ดินอีกชั้นและส่วนอื่น ๆ เรียกว่าเป็นสถานีตำรวจที่ไม่เล็กเลย
เรนมองไปที่หน้าต่างเขาเห็นผู้คนหลายคนมองลงมาจากสถานีตำรวจ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะใช่ตำรวจของสถานี
“ยังมีผู้คนรอดอยู่เหรอ” เรนถามกับตำรวจที่เดินอยู่ด้านหน้า
“ยังมีอยู่ ส่วนใหญ่เป็นพวกที่หนีมาได้ทัน แต่ก็มีไม่มาก” จ่าวัฒน์หันมาตอบเรน
พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน ตอนนี้รั้วของสถานีตำรวจดูจะใช้การไม่ได้ เพราะมีรถพุ่งมาชนจนพังไปแล้ว แต่ตัวอาคารของสถานีตำรวจถูกออกแบบมาให้เหมือนกับป้อมปราการที่ป้องกันตัวเองได้
ประตูและหน้าต่างจึงมีลูกกรงเหล็กติดตั้งไว้อีกชั้นหนึ่ง
“เปิดประตูให้หน่อย” เมฆที่อยู่หน้าประตูได้ทำการเคาะประตูส่งสัญญาณให้คนข้างใน
ประตูด้านในเปิดออก เหลือแค่ประตูกรงเหล็ก ด้านหลังประตูกรงเหล็กมีตำรวจนายหนึ่งยืนอยู่ ตำรวจนายนั้นรีบหากุญแจ แต่ด้วยความที่พวงกุญแจมันมีหลายดอกทำให้เขาหามันไม่เจอสักที
“เฮ ไอ้เด็กใหม่รีบเปิดเข้า ฉันไม่มีเวลามานอนรออยู่ตรงนี้หรอกนะ” เมฆพูดอย่างไม่พอใจใส่ตำรวจใหม่คนนั้น
“ดอกนั้น” เดฟที่ทนไม่ไหวจึงชี้ให้กับตำรวจใหม่ว่าคือกุญแจดอกไหน
ตำรวจใหม่รีบใช้กุญแจดอกนั้นเปิดประตูกรงเหล็กในทันที ประตูกรงเหล็กเปิดออกมา เมฆก็เดินเข้าไปอย่างหงุดหงิด โดยไม่สนใจว่าจะชนไหล่ของเด็กใหม่หรือเปล่า
เดฟเดินตามเมฆไป ทั้งสองไม่สนใจใคร เข้าไปยังชั้นสองทันที
“ลี ฉันสั่งให้เต้มาเฝ้าไม่ใช่เหรอ เขาไปไหน” ผู้กองเชนถาม
“เขาไปแบ่งอาหารเช้าให้ทุกคนครับ ตามคำสั่งดาบอิน” ตำรวจลีตอบด้วยท่าทางขึงขัง
ผู้กองเชนพยักหน้า ก่อนจะหันไปพูดกับจ่าวัฒน์
“จ่าฝากหาที่พักให้พวกเขาหน่อย” พูดจบผู้กองเชนก็เดินออกไปจากตรงนี้ขึ้นไปยังชั้นสองเช่นกัน
“พวกคุณตามผมมา เราไปหาที่พักกันก่อน” จ่าวัฒน์หันไปพูดกับเรน คนอื่น ๆ ตกลงและเดินเข้าไปด้านในสถานีตำรวจ
ลีมองดูกลุ่มคนที่มาใหม่นี้ ‘พวกเขาเหมือนกับพึ่งผ่านสงครามมาเลย’
“เด็กใหม่อย่าลืมปิดประตู” จ่าวัฒน์หันมาเตือนลี
ลีเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ เขารีบไปปิดประตูด้วยความกลัว
...
เรนตามจ่าวัฒน์ขึ้นมาที่ชั้นสอง เพราะดูเหมือนสภาพชั้นหนึ่งนั้นจะเละจนตอนนี้ไม่เหมาะจะไปนอนพักกัน เนื่องจากในช่วงที่เกิดเรื่อง ชั้นล่างคือจุดที่ยิงกันจนเลือดนองพื้น แม้เลือดส่วนใหญ่จะล้างออกไป แต่กลิ่นก็ยังคละคลุ้งจนชวนอ้วกเกินไป
พอขึ้นมีที่ชั้นสอง มันแบ่งออกเป็นสองห้องโถง
“พวกคุณไปพักฝั่งนี้ได้ คนอื่น ๆ ก็อยู่ที่นี่ มันมีห้องน้ำที่น้ำยังไหลอยู่ แต่ถ้าห้องน้ำไม่พอไปที่ชั้นล่างได้มันมีอีกหลายห้อง ส่วนด้านนี้เป็นโรงอาหาร ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินในนั้นได้” จ่าวัฒน์เปิดประตูห้องโถงข้าง ๆ และอธิบายให้พวกเขาฟัง
“ถ้ามีอะไรก็เรียกผมที่ชั้นบนได้” จ่าวัฒน์หันมาพูดเสริมและขึ้นไปยังชั้นสาม
ชั้นสามนั้นเป็นที่พักของพวกตำรวจและยังมีอาวุธกับของอื่น ๆ อยู่ด้วย พวกเขาจึงแยกที่พักของประชาชนและของตำรวจออกจากกัน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องที่ไม่ควรเกิด
เรนและกลุ่มเข้าไปด้านใน พวกเขาก็พบว่าที่โถงนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นที่นอนชั่วคราว ด้านในมีทั้งหมอนผ้าห่มให้ด้วย ดูจากสีแล้วคงเป็นของที่ให้นักโทษที่มาคุมขังยังสถานีตำรวจแห่งนี้ใช้กัน
นอกจากนั้นก็ยังมีคนอื่น ๆ อยู่ด้วย พวกเขาคือผู้รอดชีวิตที่เรนและพวกเคยเห็นก่อนหน้า ทุกคนมีสีหน้าตื่นกลัว เมื่อพบกับผู้ที่มาใหม่ เรื่องนี้ไม่แหลก เพราะพวกเขาเหล่านี้กลัวว่าคนที่มาใหม่นี้จะเป็นพวกที่โดนกัดติดเชื้อมา
ทำให้พวกคนที่อยู่มาก่อนเว้นระยะห่างจากพวกเขาทันที
“มีคนรอดกันอยู่เยอะเลย” ไอราพูดขึ้นมา สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เพราะอย่างน้อยก็ได้เจอผู้คนที่ยังเป็นคนจริง ๆ มากกว่าที่จะไปเจอพวกผู้ติดเชื้อเหล่านั้น
“ประมาณ 15 คน เรน นายคิดว่าอาหารที่สถานีมากพอให้กินกี่วัน” ธันวาถาม
“นายคิดจะอยู่ยาวเหรอ” เรนถามเพื่อนเขากลับ
“อ้าว นายไม่คิดจะอยู่ที่นี่เหรอ” ธันวาสงสัย
“ไม่แน่ใจ ไว้รอดูสถานการณ์ก่อน ไปพักกันเถอะ” เรนบอกกับธันวา
กลุ่มของเรนไปหาที่พักตรงมุมหนึ่ง
พวกผู้หญิงสามคนนั้นพากันไปที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างตัวกัน ดังนั้นเรนและธันวาช่วยกันยกโต๊ะมาขวางกั้นไว้ เพื่อแบ่งเป็นที่นอนของกลุ่มพวกเขาและบังสายตาจากผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ
“ไอ้บ้านั่นไม่มาช่วยพวกเราเลย มันออกไปไหนแล้วก็ไม่รู้” ธันวาบ่นออกมา ซึ่งคนที่เขาบ่นก็คือธนินท์ผู้จัดการคนนี้พอเข้ามาถึงก็หายหัวไปเลย
“ช่างเขาเถอะ เราควรแยกกลุ่มกับคนแบบนั้น” เรนพูดกับธันวา ก่อนจะหาผ้าห่มมาปูที่พื้นและวางของลงที่หัวนอน
เรนนั่งลงและพักหายใจ
“ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ธันวาพูดจบก็โยนของและวิ่งเข้าไปทางห้องน้ำ
ห้องน้ำที่นี่มีทางเข้าทางเดียว ด้านในแบ่งออกเป็นหลายห้องด้วยกัน มีทางเข้าออกปิดอย่างมิดชิด ที่ต้องทำแบบนี้ เพื่อกันไม่ให้นักโทษหนีได้
ธันวาลองเรียกไอราดูและเขาก็เจอห้องที่ไอราอาบอยู่ ชายหนุ่มไม่รอช้าเข้าไปอาบพร้อมกับไอราในทันที
เรนไม่ได้เข้าไปอาบน้ำและเลือกจะอยู่เฝ้ากระเป๋าคนอื่น ๆ
“เรน”
เสียงของธันวาเรียกดังขึ้นมา เรนที่ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปตอนไหนก็ลืมตาขึ้นมา เขาเห็นว่าธันวา ไอราและรินดานั้นออกมาจากห้องน้ำกันแล้ว
ธันวานั้นมีเสื้อผ้ามาด้วยและเขาก็แบ่งให้หลินใส่ ส่วนรินดาหญิงสาวไปหยิบเสื้อผ้าจากกองผ้าที่อยู่ในห้องมันเป็นพวกเสื้อผ้าของก๊อบปี้ที่ยึดมาและยังไม่ได้ทำลาย พวกเขาจึงเอามาให้คนที่รอดชีวิตใช้กันไปก่อน
ตอนนั้นแววตาของเรนก็เหลือบไปเห็นว่าที่ใบหน้าของรินดานั้นฟกช้ำผิดปกติ ราวกับเธอโดนตบหน้ามาอย่างรุนแรง
ธันวาหันไปส่งสายตาว่าเขาไม่รู้
“หน้าคุณไปโดนอะไรมา” เรนถามพร้อมเธอ
“เปล่าไม่ได้เป็นอะไร” รินดาตอบด้วยใบหน้าตายด้าน ก่อนจะนั่งลงกอดเขาอยู่เงียบ ๆ
เรนเดาว่าเธอน่าจะทำร้ายตัวเอง เขาขมวดคิ้วนิ่งเงียบ ในเมื่อเธอไม่คิดจะพูด เรนก็ไม่มีสิทธิ์ไปวุ่นวาย
ชายหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำไป
ตอนนั้นเองเรนหันไปเห็นถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างอ่างล้างหน้า เขานึกขึ้นมาได้ เรนถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดและเหงื่อออกมา โดนทิ้งไปที่ถังขยะ
จังหวะที่เรนหันกลับมาก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อาจารย์หลินที่พึ่งอาบน้ำก็เปิดประตูเดินออกมาพอดี
หลินที่ไม่ทันระวังหันไปชนที่หน้าอกของเรน เธอเงยหน้ามองด้วยความสงสัยว่าตัวเองชนอะไร ก่อนที่สายตาจะเห็นชายหนุ่มที่เปลือยท่อนบนก้มหน้ามองเธอด้วยแววตาสงบนิ่ง
“เรน! เธอมาทำอะไรตรงนี้” หลินถามด้วยใบหน้าแดง เมื่อเธอมองดูเรนที่แนบชิดกับเธอ
“ผมมาอาบน้ำ” เรนตอบไปตามตรงและยืนอยู่แบบนั้น
ก่อนที่แววตาของเขาจ้องไปที่หญิงสาวด้านหน้า ใจเขาก็เต้นแรงเช่นกัน เพราะหญิงสาวนั้นใส่เสื้อเพียงตัวเดียวและในมือยังถือชุดชั้นในที่เหมือนจะพึ่งซักมาด้วย
แม้หลินจะมีสถานะเป็นอาจารย์ แต่เธอก็ยังคงสาวและสวยมาก
แววตาที่จ้องมาของเรนทำให้หลินใจเต้นแรง โดยเฉพาะเมื่อเธอมองดูกล้ามแน่น ๆ ในระยะประชิดของชายหนุ่ม แถมพอคิดไปถึงฉากที่เรนยอมเสี่ยงตายกระโดดไปล่อผู้ติดเชื้อเพื่อให้เธอหนีออกมามันยิ่งทำให้หลินใจเต้นและหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า
หลินเหมือนจะคุมตัวเองไม่ได้ เธอมีท่าทางลังเลว่าจะทำยังไงดีกับสถานการณ์ตอนนี้และพยายามย้ำเตือนตนเองว่า
‘เขาเป็นเด็กมหาลัย เขาเป็นเด็กมหาลัย ฉันเป็นอาจารย์ ฉันเป็นอาจารย์ แต่เขาก็น่าฟัดมากเลย ไม่...ไม่...ไม่สิ! ฉันคิดบ้าอะไรกัน’ หลินหลับตาและส่ายหัวไปมา
เรนมองท่าทางของเธอและเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน เรนรีบสงบสติตัวเอง
“ผมจะไปอาบน้ำ” เรนพูดขึ้นมา
“ฉันอาบแล้ว” หลินตอบไป
แต่ว่าจากคำตอบมันทำให้ทั้งสองอึ้งไป หลินพึ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรไปก็รีบเดินออกไปจากห้องน้ำในทันที
หลังจากหลินเดินออกมาเธอก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ว่าตนถือชุดชั้นในอยู่
“อ้า! แย่แล้ว เราทำอะไรลงไป เขาเห็นมันแล้วแน่ ๆ” เธอรู้สึกอายสุด ๆ จนอยากจะเอาหน้ามุดผ้าห่มสักสามวัน
เนื่องจากเธอหนีมาอย่างรีบร้อนจึงไม่มีชุดอะไรมาเลย เสื้อผ้าที่พอใส่ได้หาจากกองที่มีอยู่ในกล่องของกลางได้ แต่ชุดชั้นในมันไม่มี ทำให้เธอต้องซักพวกมันและด้านในก็ไม่ได้ใส่อะไรไว้
กลับมาที่เรน เขาสูดหายใจเข้าลึก เพื่อสงบอารมณ์ตื่นเต้นของตนเอง
“รับมือกับผู้ติดเชื้อยังง่ายกว่า” เรนพึมพำ หลังจากออกจากสถานการณ์ที่แสนจะกดดันได้ เขาไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อน