ตอนที่ 17-40 ทรยศ
เทือกเขาสกายไรท์ ในตำหนักใต้ดินที่พักของฟอร์ลัน ในห้องโถงใหญ่ใต้ดินมีแสงสลัว
ห้องโถงหนาวเย็นและดูน่ากลัว ตอนนี้มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในนั้นก็คือฟอร์ลัน ฟอร์ลันนั่งอยู่บนบัลลังก์ในห้องโถงแววตาเหมือนกับสัตว์ร้ายเตรียมซุ่มจู่โจม ตาของเขาเป็นประกายสลัวจมอยู่กับความคิดที่เขารู้เพียงคนเดียว
“แจ้งให้กองกำลังของแปดตระกูลใหญ่?” แม้ว่าฟอร์ลันต้องการให้ลินลี่ย์ตายและให้แปดตระกูลใหญ่ลงมือทำเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าแค่ความคิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามขณะที่เขาคิดอย่างจริงจัง... เขาเริ่มลังเล
นี่เป็นเพราะวิธีเดียวที่จะทำให้กองกำลังของแปดตระกูลใหญ่รู้ก็คือแจ้งพวกเขาให้ทราบ
สำหรับการลงมือแจ้งพวกเขาให้ทราบ ไม่มีทางที่คนอื่นจะรับงานนี้ไปดำเนินการได้ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ นี่เป็นเพราะการกระทำเช่นนี้จะถูกมองว่าทรยศต่อเผ่าตระกูล เป็นความผิดร้ายแรง ในฐานะผู้อาวุโสเขามั่นใจว่าสามารถส่งผ่านข้อมูลเกี่ยวกับลินลี่ย์นี้ไปถึงแปดตระกูลใหญ่ได้ อย่างไรก็ตามถ้าปล่อยข่าวให้รั่วไหลอย่างนั้น เขาฟอร์ลันจะไม่มีที่ยืนหยัดในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
“การทรยศตระกูล...จะต้องถูกลงโทษโดยกำจัดทุกร่าง” ฟอร์ลันจำบทลงโทษได้ชัดเจน
“เพื่อให้ได้แก้แค้นลินลี่ย์...ก็ต้องมีการเสี่ยงเช่นนั้น..จะคุ้มกันไหม?” ฟอร์ลันต้องการทำ แต่เขาก็ยังลังเล
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฟอร์ลันภูมิใจกับความจริงที่ว่าเขาเป็นลูกหลานของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาจะไม่ทรยศตระกูล แต่เขาต้องการจะฆ่าลินลี่ย์และกังวลถึงผลกระทบในภายหลัง!
“แหวนมังกรฟ้าเป็นของบรรพบุรุษของเรา! เจ้าลินลี่ย์เป็นเด็กรุ่นหลังหลายรุ่นมากยังเอาไปจากเราได้... เขามีสิทธิ์อะไรจึงถือครองเอาไว้?” ตาของฟอร์ลันเย็นชา ความริษยาเกาะกุมหัวใจของเขาทำให้เขาไม่ชอบลินลี่ย์มากขึ้น
“ถ้าปล่อยให้ลินลี่ย์เติบโตต่อไป คงจะมีวันที่ลินลี่ย์ได้ขี่คอเขาแน่” ฟอร์ลันยังจำได้ชัดถึงบทสนทนาที่เขาพูดกับมารดาของเขา ประธานผู้อาวุโส
ตอนนั้นประมุขสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์สั่งไว้ว่าลินลี่ย์จะไม่เข้าร่วมรับภารกิจในหุบเขาอ่างโลหิตอีกต่อไป ฟอร์ลันสงสัย และต่อมาเขาได้พูดกับประธานผู้อาวุโสด้วยตนเองในรายละเอียด เพื่อพยายามทำความเข้าใจเหตุผลที่ประมุขเผ่าตัดสินใจเช่นนี้
ประธานผู้อาวุโสไม่ต้องการคุยถึงมหาเทพเรดบุด ดังนั้นนี่คือคำที่นางพูดกับฟอร์ลัน “ฟอร์ลัน เจ้ารู้ใช่ไหมว่าลินลี่ย์เป็นเพียงเทพแท้? เทพแท้ผู้มีพลังเท่าอสูรเจ็ดดาว... เมื่อเขากลายเป็นเทพชั้นสูง เจ้าคิดว่าเขาจะมีพลังมากเพียงไหน? เขาคือความหวังในอนาคตของเผ่าเรา เราไม่อาจเอาเขาไปเสี่ยงอันตรายได้ในตอนนี้ก่อน!” ฟอร์ลันเมื่อได้ยินคำอธิบายของประธานผู้อาวุโสถึงกับตกใจ
เขามักจะเชื่ออยู่เสมอว่าลินลี่ย์มีทักษะซ่อนพลังไว้ได้ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าลินลี่ย์จะเป็นแค่เพียงเทพแท้จริงๆ
ภายในโถงใต้ดิน เย็นยะเยือก
ฟอร์ลันลุกขึ้นทันใด ตาของเขาเย็นชาน่ากลัว เขาพูดด้วยเสียงพึมพำ “เจ้าลินลี่ย์นี่เป็นอสูรเจ็ดดาวแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อกลายเป็นเทพชั้นสูง เขาจะกลายเป็นไม้ตายลับของเผ่าเราแน่นอน สถานะของเขาก็จะสูงยิ่งกว่าข้า และเขาจะต้องขี่หัวข้า! มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่ข้าจะต้องมองดูเขาหยิ่งผยองต่อหน้าข้าตลอดไปหรือ?”
เมื่อฟอร์ลันคิดว่าลินลี่ย์จะมีความรุ่งเรืองและอิทธิพลในอนาคตมากเพียงไหน หน้าของฟอร์ลันยิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดมากขึ้น!
“ไม่!” ฟอร์ลันตวาดด้วยเสียงดัง “ไม่อย่างเด็ดขาด ต้องอยู่ใต้เขาไปตลอดชีวิตน่ะหรือ? ข้ายอมตายดีกว่า”
“ลินลี่ย์ต้องตาย ต้องตาย!”
ฟอร์ลันตัวสั่นเล็กน้อย “ใช่แล้ว, ข้าก็แค่กำจัดลินลี่ย์ ข้าไม่ได้ทำลายเผ่าตระกูล นี่ไม่ถือว่าทรยศเผ่าตระกูล ไม่นับ! นอกจากนี้ ข้าไม่ได้ฆ่าเขาด้วยตัวเอง ข้าแค่ให้แปดตระกูลใหญ่ฆ่าเขา ลินลี่ย์ก็ถือได้ว่าตายเพื่อรับใช้เผ่าตระกูล รบกับแปดตระกูลใหญ่!”
“แหวนมังกรฟ้านั่น...”
ฟอร์ลันอดหงุดหงิดไม่ได้ “ถ้าลินลี่ย์ตาย ก็หมายความว่าแหวนมังกรฟ้าจะตกไปอยู่ในมือของแปดตระกูลใหญ่ไม่ใช่หรือ?” ฟอร์ลันค่อนข้างกังวล ที่สำคัญแหวนมังกรฟ้าเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูล
“ไม่ ไม่เป็นไร นั่นก็แค่ร่างแยกที่ทรงพลังที่สุดของลินลี่ย์ที่ตายไป ร่างแยกอื่นยังคงมีชีวิตอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์ แม้ว่าแปดตระกูลใหญ่จะได้แหวนมังกรไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถผูกสัญญาโลหิตได้” ฟอร์ลันมั่นใจตัวเอง “หลังจากนั้น เมื่อข้ามีโอกาส ข้าจะยึดแหวนกลับมาและที่ยิ่งกว่านั้นความตายของลินลี่ย์จะไม่ส่งผลใหญ่ต่อเผ่าตระกูล ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราอยู่ในสถานะอ่อนแอมาแต่แรก เราก็แค่อยู่ในเทือกเขาสกายไรท์เท่านั้นเอง เผ่าของเราจะไม่ถูกทำลาย”
หลังจากไตร่ตรองแล้ว ในที่สุดฟอร์ลันก็ตัดสินใจ
“เผ่าตระกูลที่มีลินลี่ย์อยู่ด้วย ข้าไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลที่ทรงพลังเพียงไหนก็ตาม เผ่าตระกูลที่ไม่มีลินลี่ย์อยู่ด้วย ไม่ว่าอ่อนแอแค่ไหนก็ยังเป็นที่ให้ข้าใช้ชีวิตได้อย่างสบาย” ฟอร์ลันยิ้มมุมปาก เขาทำใจไว้แล้ว
“พรึ่บ!” ผ้าคลุมของฟอร์ลันโบกสะบัดขณะที่เขาเดินออกมาจากโถงใต้ดิน เขาตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป
มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยในหมู่บ้านในภูเขา นั่นเป็นร่างของฟอร์ลัน อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่เพียงร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ของฟอร์ลัน ฟอร์ลันหัวเราะเบาๆ จากนั้นลักษณะของเขาเปลี่ยนไป จากชายชราผมทองเป็นบุรุษหนุ่มศีรษะโล้น
ฟอร์ลันปลอมตัวเป็นบุรุษหนุ่มศีรษะโล้นบินตรงออกไป
“ครืนนน” น้ำในแม่น้ำม้วนตัวและบุรุษหนุ่มร่างปลอมของฟอร์ลันยืนลอยตัวในอากาศกวาดสายตาเย็นชามองดูข้างล่าง เขาพูดด้วยเสียงเบา “คนของแปดตระกูลใหญ่ จงออกมา”
ตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า คนที่ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไม่เป็นเครือข่ายหน่วยข่าวกรองของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นของแปดตระกูลใหญ่ ฟอร์ลันรู้ว่าใครเป็นหน่วยข่าวกรองของเขาและสถานที่พวกเขาอยู่ ถ้าใครบางคนที่ปรากฏไม่ใช่คนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ อย่างนั้นพวกเขาก็เป็นคนของศัตรู!
“เจ้าเป็นใคร?” เสียงทุ้มดังออกมาจากใต้แม่น้ำ
“จำเรื่องนี้ไว้ให้ดี ผู้อาวุโสลินลี่ย์แห่งเผ่ามังกรฟ้าจะโดยสารอสูรโดยสารรูปนกฟีนิกซ์ และกำลังมุ่งหน้าไปเมืองเมียร์ ถ้าเจ้าต้องการฆ่าเขา อย่างนั้นจงฉวยโอกาสนี้ มีผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งโดยสารไปกับเขาด้วย!” แม้ว่าอสูรโลหะจะมีรูปร่างเป็นนกฟีนิกซ์ดำ เมื่อพวกเขาออกไป แต่ผู้อาวุโสฟอร์ลันรู้ว่าในแต่ละครั้ง เมื่อออกไป อสูรโลหะจะเปลี่ยนเป็นสีลักษณะต่างๆ และอีกอย่างผู้อาวุโสฟอร์ลันสืบมาล่วงหน้าแล้ว
ครั้งนี้การเปลี่ยนแปลง เป็นรูปฟีนิกซ์สีฟ้า
ขณะเดียวกันฟอร์ลันโบกมือและมีลูกแก้วลูกหนึ่งหล่นลงมาจากท้องฟ้า
“ในลูกแก้วนี้จะเก็บภาพลักษณะของเดเลียภรรยาลินลี่ย์ และบีบีสหายของเขาด้วยเช่นกัน”
เมื่อแก้วผลึกร่วงลงผิวน้ำ แสงพลังงานสีฟ้าปรากฏฉายรอบตัวแก้วผลึกและถูกดึงลงไปใต้น้ำ ฟอร์ลันเมื่อเห็นเช่นนี้ ก็ยิ้มอย่างเยือกเย็นจากนั้นหันหน้าและบินจากไปด้วยความเร็วสูง
หลังจากฟอร์ลันจากไปนานมีร่างบุรุษผมเขียวโผล่ขึ้นมาจากผิวแม่น้ำ
“ผู้อาวุโสลินลี่ย์แห่งเผ่ามังกรฟ้า?” แววเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของหน่วยข่าวกรองผู้นี้ “คาดไม่ถึงเลยว่าข้าจะทำตามคำสั่งได้สำเร็จในวันนี้” แปดตระกูลใหญ่มีคำสั่งให้หาตัวและฆ่าลินลี่ย์มานานแล้ว เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาได้สั่งหน่วยข่าวกรองให้มองหาเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามตลอดหลายปีมานี้ไม่มีใครหาตัวเขาได้สำเร็จ
ข่าวจากหน่วยข่าวกรองรวดเร็วมาก ในวันนั้นแปดตระกูลใหญ่ก็รู้เรื่องนี้ และในทันทีประมุขแปดตระกูลใหญ่พากันตื่นเต้นทั้งหมด ไม่มีใครในพวกเขาคาดหวังว่าข่าวนี้จะมาอย่างกะทันหัน
หลังจากพูดคุยกัน ภารกิจนี้มอบหมายให้ตระกูลอีดริคและอีกสามตระกูล
ที่สำคัญแปดตระกูลใหญ่อยู่ในตำแหน่งแยกกันสองด้านตรงกันข้ามของแคว้น สี่ตระกูลทางด้านตะวันตกเป็นตระกูลอีดริคจากพิภพแห่งชีวิต ตระกูลเวียนนาแห่งโลกธาตุลมศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลดีนแห่งโลกธาตุดินศักดิ์สิทธิ์ และตระกูลไรเนลแห่งแดนนรก
ชายขอบแคว้นอินดิโกตะวันตก ตระกูลอีดริคและอีกสามตระกูลรวมอยู่ด้วยกัน ตำหนักใหญ่ข้างล่างมีคนชุดเทาแปดคน
“แม้ว่าลินลี่ย์ผู้นี้จะเป็นเพียงเทพแท้ แต่เขามีพลังระดับอสูรเจ็ดดาว ในช่วงรับภารกิจสั้นๆ เขาทำให้แปดตระกูลใหญ่เราสูญเสียอสูรเจ็ดดาวไปมาก” เสียงที่นุ่มนวลไพเราะดังมาจากบุรุษรูปงามคล้ายกับคนเผ่าเอลฟ์ ในกลางหอประชุมใหญ่
เขาไว้ผมสีเขียวยาวสยายถึงเอว และตาของเขาเป็นประกายเหมือนดวงดาว นี่คือประมุขตระกูลอีดริค เขานำตระกูลของเขามาจากพิภพแห่งชีวิตและปักหลักตระกูลของเขาที่นี่
“เขาไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่สำหรับเรา แต่ถ้าผ่านไปอีกไม่กี่ปี และเขากลายเป็นเทพชั้นสูง อย่างนั้นจะเป็นเรื่องน่ากลัว”
“ดังนั้นพวกเจ้าทั้งแปดคนต้องฆ่าลินลี่ย์ผู้นี้ให้ได้ ไม่ว่าต้องทุ่มเทยังไงก็ตาม” เสียงนั้นยังคงนุ่มนวลไพเราะเหมือนเคย
“ขอรับ, ท่านประมุข” ด้านนอกหอโถงใหญ่ บุรุษหนุ่มชุดเทารูปงามแสดงความเคารพ ขณะที่บุรุษชุดเทาอีกหกคนรีบทำตามทันที
ภายในหอประชุม ประมุขอีกตระกูลหนึ่งพูดเย็นชา “นี่คือหยดพลังมหาเทพสามหยด ในบรรดาพวกเจ้าแปดคน ผู้อาวุโสซาร์ปแข็งแกร่งที่สุดจะได้ไปหยดหนึ่ง ขณะที่อีกสองคน..ผู้อาวุโสเทมปาห์และผู้อาวุโสไนซ์จะได้ไป”
“ขอรับ!”
ทั้งสามคนคำนับด้วยความเคารพ ในสามคนนี้ คนหนึ่งมีลักษณะเหมือนกับชาวเอลฟ์
“จำเอาไว้ เจ้าต้องพยายามทำงานนี้ให้สำเร็จ ต่อให้พวกเจ้าต้องใช้หยดพลังมหาเทพทั้งหมด ต่อให้พวกเจ้าทั้งแปดคนต้องตาย พวกเจ้าต้องฆ่าลินลี่ย์ให้ได้!” มีอีกเสียงหนึ่งสั่งการอย่างหนักแน่นดังขึ้น
“ขอรับ!”
ผู้อาวุโสทั้งแปดที่ด้านล่างอดรู้สึกเครียดในใจมิได้
แม้ว่าพวกเขารู้ว่าเป้าหมายนี้ของเขาคือลินลี่ย์จะเป็นเพียงอสูรเจ็ดดาวผู้มาพร้อมกับอสูรเจ็ดดาวอีกคนหนึ่ง และเนื่องจากพลังที่คนทั้งแปดครอบครองอยู่นั้น การฆ่าลินลี่ย์ไม่ควรจะเป็นปัญหา... เมื่อได้ยินคำพูดจากประมุขตระกูล พวกเขาอดรู้สึกกดดันไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปได้! ไปให้เร็ว เผื่อว่าพวกเจ้าอาจไปถึงเมืองเมียร์ได้เร็วกว่า” เสียงนุ่มนวลดังขึ้น
ผู้อาวุโสชุดเทาทั้งแปดคนคำนับและรีบจากไปทันที
ภายในหอประชุม ประมุขสี่ตระกูลเริ่มคุยกันในหมู่พวกเขา “นี่คือโอกาสที่ยอดเยี่ยม การล้มเหลวไม่ใช่เงื่อนไข หลังจากเราฆ่าลินลี่ย์ผู้นั้นได้ เราก็คงเบาใจได้เสียที ข้าปฏิเสธจะเชื่อว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะสามารถสร้างอัจฉริยะผู้มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเทพชั้นสูงระดับพารากอนได้”
“ไม่ต้องห่วง แปดผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นยอดฝีมือชั้นสูงซึ่งเราเลือกมาจากสี่ตระกูลของเราแล้ว ลินลี่ย์จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งทั้งแปดคน กับหยดพลังมหาเทพอีกสามหยด ต่อให้ข้าเจอพวกเขาตรงๆ ข้าคงไม่กล้าสู้เขาซึ่งหน้าแน่”
………………
อสูรโลหะรูปนกฟีนิกซ์ฟ้ากำลังทะยานผ่านขอบฟ้า ภายในอสูรโลหะ ลินลี่ย์กับเดเลียกุมมือกัน นั่งอยู่ด้านหน้าริมหน้าต่าง ขณะมองดูข้างนอกผ่านโลหะใส
“เราบินมาเป็นเวลานานแล้ว น่าจะถึงเมืองเมียร์ในไม่ช้า” ลินลี่ย์หัวเราะ
เดเลียมองดูที่หน้าต่าง ตรวจสอบพื้นที่ด้านนอกอย่างระมัดระวัง “ข้ามาที่นี่ครั้งล่าสุด ถ้าข้าจำไม่ผิด... เราควรจะถึงเมืองเมียร์ในอีกครึ่งชั่วโมง” และจากนั้นเดเลียมองลินลี่ย์ พูดพลางถอนหายใจ “ผู้อาวุโสทเวลเป็นคนช่างระมัดระวัง เขายืนกรานให้เจ้าปลอมตัว”
ตอนนี้ลินลี่ย์ไว้เครา และแม้แต่ส่วนสูงก็ยังลดลงเล็กน้อย
ลินลี่ย์หัวเราะ “ไม่แย่สำหรับเจ้า แต่สำหรับเราเหล่าผู้อาวุโส ศัตรูของเราโดยทั่วไปจะรู้ว่าเรามีลักษณะยังไง... แม้ว่าโอกาสจะเผชิญเจอพวกเขาจะต่ำ แต่ระมัดระวังไว้เสมอย่อมดีกว่า”
“อะไรกัน, เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเห็นข้าเป็นแบบนี้หรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะพลางถาม
เดเลียส่ายหน้า จากนั้นหลับตา “ต่อให้ข้าหลับตา ข้าก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายรัศมีของเจ้า แล้วข้าจะรู้สึกอึดอัดได้ยังไง?”
ลินลี่ย์หัวเราะ
ตลอดการเดินทางลินลี่ย์กับเดเลียมีความเพลิดพลินอย่างเงียบๆ พวกเขาใช้ชีวิตคู่อย่างสงบ ในไม่ช้าลินลี่ย์กับเดเลียก็เห็นเมืองเก่าปรากฏอยู่ในระยะไกล และมีผู้คนเดินเข้าออกประตูเมืองไม่ขาดสาย
“ว้าว, ในที่สุดเราก็มาถึงจนได้!” บีบีเป็นคนแรกที่กระโดดออกไปข้างนอก
ลินลี่ย์กับเดเลียยืนอยู่ด้วยกัน ตามมาด้วยคนในเผ่าที่ออกมาจากอสูรโลหะ พวกเขาตามผู้อาวุโสทเวลไปที่ประตูเมืองเมียร์ เพราะลินลี่ย์เป็นอสูร เขาจึงไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
“ข้าไม่ได้พบทารอส ไดลินและคนอื่นๆ มานานหลายปีแล้ว” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาเดินเข้าไปในเมือง
แต่สิ่งที่เขาไม่ได้สังเกตก็คือไม่ไกลออกไป มีคนกลุ่มหนึ่งจับตามองดูประตูเมืองไม่หยุด การมาถึงของอสูรโลหะเผ่ามังกรฟ้าทำให้พวกเขาตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“อสูรโลหะเผ่ามังกรฟ้ามาถึงแล้ว พวกเจ้าพบลินลี่ย์หรือยัง?”
“เรายังไม่พบ”
“เรายังไม่เห็นอะไรเลย!”
“ข้าไม่เห็นลินลี่ย์ แต่ข้าเห็นเดเลียและบีบี พวกเขามีคนธรรมดาคนหนึ่งอยู่ใกล้เขาด้วย ดูเหมือนจะเป็นเทพแท้ นั่นควรจะเป็นลินลี่ย์!”
“เทพแท้? อย่างนั้นก็คงเป็นเขา!”
หน่วยข่าวกรองของแปดตระกูลใหญ่สนทนากันในหมู่พวกเขาผ่านสำนึกเทพกำหนดตำแหน่งกลุ่มของลินลี่ย์ได้
ไม่มีทางที่พวกเขาจะกำหนดเส้นทางของอสูรโลหะของเผ่ามังกรฟ้าได้โดยตรง ดังนั้นพวกเขาจึงมารออยู่ที่ประตูเมืองเมียร์เหมือนกับรอกระต่ายให้มาติดกับ ที่สำคัญ ไม่นานต่อมากลุ่มของลินลี่ย์ก็มาถึงเมืองเมียร์จนได้ ตอนนี้พวกเขาเข้าเมืองไปแล้ว ไม่มีทางที่พวกเขาจะทำอะไรได้
แต่เมื่อกลุ่มของลินลี่ย์ออกมาและกลับไปที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แปดตระกูลใหญ่จึงจะเริ่มเคลื่อนไหว