บทที่ 8 ข้าควรทำอย่างไรกับความสัมพันธ์นี้?
รางวัลสุดท้ายคือทักษะการใช้พลังปราณที่เรียกว่า “คชสารมังกรเจ๋อเทียน” ทักษะนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับ
สำหรับผลของทักษะนั้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้งาน (เช่น หนึ่งในนั้นทำให้ผู้ใช้งานแข็งแกร่งขึ้นอย่างถาวร) และไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดเพียงสองถึงสามประโยค
หลี่หรานยังไม่ต้องการทดสอบทักษะตอนนี้ ถ้าเขาเกิดใช้มันแล้วผู้เชี่ยวชาญในนิกายรับรู้ เขาคงไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมเกี่ยวกับที่มาของทักษะ
“ข้าคงต้องพักผ่อนก่อน ข้าหวังว่าหลังจากคืนนี้ท่านอาจารย์จะลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้น...” ด้วยเหตุนี้หลี่หรานจึงเก็บหอกหยุนหลิงไว้ในร่างกายของเขาและเข้านอน
ในขณะเดียวกัน ร่างที่เหมือนอเมทิสต์ในทะเลแห่งจิตของเขาก็ยังคงฝึกฝนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และพลังปราณจำนวนมากก็ถูกดึงดูดเข้าสู่ร่างกายของหลี่หราน
......
ณ ยอดเขาปีศาจ ตำหนักของผู้นำนิกาย
เหลิงอู่เหยียนนั่งอยู่บนเตียงด้วยความงุนงง ดวงตาของนางว่างเปล่าราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ
‘ในที่สุดข้าก็บอกลาชีวิตที่โดดเดี่ยวได้แล้ว’
‘แต่... เป้าหมายกลับเป็นลูกศิษย์ของข้า...’
แก้มขาวผ่องที่ดูบอบบางของนางแดงระเรื่อ
‘ข้าหุนหันเกินไป ข้ายอมรับคำสารภาพรักของหรานเอ๋อร์ไปได้อย่างไร?’
‘แม้ว่าเขาจะหล่อเหลาและมีความสามารถจริงๆ และความรู้สึกที่เขามีต่อข้านั้นก็เป็นของจริง...’
‘...แต่เขาเป็นลูกศิษย์ของข้า!’
เหลิงอู่เหยียนสามารถจินตนาการถึงความโกลาหลภายในนิกายได้หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย
เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของนางในนิกายจะเปลี่ยนจาก “สตรีเหล็กเหมันต์” เป็น “สตรีวิปริตที่คุกคามทางเพศลูกศิษย์”!
แม้ว่านางจะมีจิตใจที่แข็งแกร่ง แต่นางไม่สามารถยอมรับชื่อเรียกเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางจะเผชิญหน้ากับหลี่หรานอย่างไรในอนาคตหากเป็นเช่นนั้น
เป็นเวลาหลายร้อยปีที่เหลิงอู่เหยียนจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะและไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบุรษและสตรี
ความสัมพันธ์ของนางกับหลี่หรานเกินขอบเขตความรู้ของนางโดยสิ้นเชิง
“ทำไมตอนนั้นข้าถึงตอบตกลงกัน...” เหลิงอู่เหยียนนวดคิ้วของนางด้วยความเศร้าหมอง
แต่มันสายเกินไปที่จะพูดอะไรในตอนนี้ จากการกระทำก่อนหน้านี้ของหลี่หราน ถ้านางยกเลิกความสัมพันธ์กับเขา เขาน่าจะเลือกฆ่าตัวตายทันที ใช่ไหม?
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงแววตาและน้ำเสียงที่มั่นคงของหลี่หราน หัวใจของเหลิงอู่เหยียนก็สั่นไหว นางกลิ้งตัวไปมาบนเตียงอย่างเขินอาย ไม่เหลือเค้าความเป็นผู้นำนิกายแม้แต่น้อย
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูทำให้นางตื่นตระหนก
ทันใดนั้นเหลิงอู่เหยียนก็นั่งตัวตรง
“เข้ามา”
ประตูถูกเปิดออก ข้ารับใช้เดินเข้ามาและพูดด้วยความเคารพว่า “นายท่าน ขออภัยสำหรับการรบกวนเจ้าค่ะ ข้ามาที่นี่เพื่อรับผลการประเมินเม็ดยา”
“การประเมิน?” เหลิงอู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำสารภาพรักของหลี่หรานและเริ่มเขินอายอีกครั้ง “ข้ายังตรวจสอบไม่เสร็จ เจ้าค่อยมารับมันพรุ่งนี้”
วันนี้หัวใจของนางยุ่งเหยิงมาก นางจะมีเวลาตรวจสอบเม็ดยาเหล่านั้นได้อย่างไร?
“เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้ไม่ได้ถามเรื่องนี้ นางพูดเพียงว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“เดี๋ยวก่อน!” เหลิงอู่เหยียนหยุดนางอย่างไม่ตั้งใจ
ข้ารับใช้หยุดลง “มีอะไรหรือคะนายท่าน?”
ความประหม่าวาบผ่านดวงตาของเหลิงอู่เหยียน แต่นางแสร้งทำเป็นถามว่า “เจ้าเคยมีความรักไหม?”
“อ๋า?” ข้ารับใช้ตกใจ จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงพร้อมกับเหงื่อเย็นเยียบและคุกเข่าลงกับพื้น
“นายท่าน ข้าปฏิบัติตามกฎของนิกายมาโดยตลอดและไม่สนใจบุรุษ ถ้าข้าเคยทำอะไรผิดไปเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้โปรสั่งสอนข้าด้วย!”
“......” เหลิงอู่เหยียนนวดขมับของนางอย่างช่วยไม่ได้ “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ข้าบอกตอนไหนว่าเจ้าทำอะไรผิด?”
ข้ารับใช้ยังคงไม่สบายใจ “งั้น ทำไมท่านถึงถามเช่นนั้น...”
เหลิงอู่เหยียนพูดด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แม้ว่าข้าจะตัดขาดจากเรื่องทางโลก แต่ข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องเหล่านั้นได้ สิ่งนั้นไม่เอื้อต่อการบ่มเพาะ”
“เอ่อ...ถูกแล้วเจ้าค่ะ” ข้ารับใช้พยักหน้า
“อะแฮ่ม” เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง ถ้าเจ้ามีคนรักเจ้าอยากจะทำอะไรกับเขามากที่สุด?”
ข้ารับใช้ลังเลและพิรี้พิไรที่จะตอบ
เหลิงอู่เหยียนเสริมว่า “เรากำลังหารือเกี่ยวกับการบ่มเพาะ แค่พูดความคิดของเจ้าออกมา ข้าจะไม่ลงโทษเจ้า”
“เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้ไม่ลังเลอีกต่อไป นางมองไปข้างหน้าและพูดว่า “มีหลายอย่างที่เราสามารถทำได้ เช่น ไปเที่ยวด้วยกัน ฟังเพลงด้วยกัน ทานของหวานด้วยกัน...”
“ไปเที่ยว ฟังเพลง ทานของหวาน” เหลิงอู่เหยียนหยิบสมุดบันทึกขนาดเล็กออกมาและแอบจดข้อมูล
ข้ารับใช้ยังคงเพ้อฝันและพูดต่อว่า “หากความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น ท่านสามารถจับมือกัน จูบกัน และแน่นอนว่าสุดท้ายก็ต้องนอนด้วยกัน...”
ปัง!
เหลิงอู่เหยียนทำลายขอบเตียงเป็นผุยผงโดยไม่ได้ตั้งใจและพูดอย่างตะกุกตะกัก “นะ...นอนด้วยกัน?!”
ข้ารับใช้ตื่นตระหนกและรีบพูดว่า “ข้าได้ยินเรื่องนี้มาจากผู้อื่นเท่านั้น มันจำเป็นหรือไม่ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ!”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้” เหลิงอู่เหยียนหันศีรษะของนางและกล่าว
“เจ้าค่ะ” ข้ารับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกว่าผู้นำนิกายทำตัวแปลกไป
‘ผู้นำนิกายไม่เย็นชาดั่งอดีต นางดูมีลักษณะทางโลกมากขึ้น เป็นเหมือนกับสตรีที่พึ่งมีรักแรก’
“นายท่านกำลังมีความรัก?”
“ไม่ๆๆ เป็นไปไม่ได้! ต้องเป็นเพียงจินตนาการของข้า ใช่ๆๆ มันเป็นไปไม่ได้...” ข้ารับใช้ตกใจกับความคิดของนางเอง
ในขณะนั้นเอง เหลิงอู่เหยียนกำลังจับแก้มที่ร้อนผ่าวของนาง “ไปเที่ยวด้วยกัน...”
//////////