บทที่ 7 รางวัลภารกิจ: หีบสมบัติระดับสุดยอด!
ถ้าถามว่าเหลิงอู่เหยียนมีเสน่ห์หรือไม่?
ร้อยทั้งร้อยย่อมตอบว่าแน่นอน!
ผมดำขลับที่ดูมันเงาและแก้มขาวผ่องบอบบางเจือสีชมพูระเรื่อ พร้อมกับริมฝีปากสีแดงและฟันขาวสะอาดดั่งหยกเนื้อดี ดวงตาที่สวยงามของนางเปล่งประกายด้วยแสงแห่งจิตวิญญาณ
เมื่อนางหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม แม้แต่สุริยันและจันทราก็ยังถูกบดบังด้วยความงดงามอันไร้ที่ติ
แม้ว่าร่างกายของนางจะถูกซ่อนไว้ด้วยชุดคลุมขนาดใหญ่ แต่ก็ยังไม่สามารถปิดบังรูปร่างที่น่าทึ่งของนางได้ มันกลับทำให้นางน่าประทับใจในและน่าค้นหามากยิ่งขึ้น
พูดง่ายๆคือ...
หลี่หรานไม่เคยเห็นหญิงสาวที่สวยขนาดนี้มาก่อนในชีวิตทั้งสองของเขา!
แต่ถ้าใครคิดว่ามันเป็นเรื่องโชคดีที่มีความสัมพันธ์กับสาวงามเช่นนี้ พวกเขาจะพบว่ามันผิดอย่างน่าเศร้า
นางคือใคร?
นางคือเหลิงอู่เหยียน!
ผู้นำนิกายแห่งวิหารโหยวหลัว!
ตัวตนอยู่ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนอันกว้างใหญ่!
ครั้งหนึ่งนางเคยกวาดล้างนิกายฝ่ายธรรมะทั้งหมดเพียงเพราะศิษย์คนหนึ่งของพวกเขาฆ่าศิษย์ของนาง นางทำลายทั้งนิกายทิ้งด้วยดาบเล่มเดียวเพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะส่งตัวผู้กระทำผิด
นิกายฝ่ายธรรมะระดับต้นๆถูกกวาดล้างโดยทันทีด้วยวิธีการเช่นนี้!
และสมาชิกของนิกายทั้งหมด... ล้วนสิ้นชีพ!
เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนอันกว้างใหญ่
ด้วยเหตุนี้ นิกายฝ่ายธรรมะหลายแห่งจึงจัดการประชุมปราบปีศาจสำหรับงานนี้ จุดประสงค์เดียวของการประชุมคือการปราบปรามปีศาจอย่างเหลิงอู่เหยียน!
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์คนใดจากนิกายฝ่ายธรรมะ พวกเขาล้วนจบลงด้วยความตายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ร่างกายและโครงกระดูกของพวกเขาถูกกองพะเนินไว้บนทางเดินของวิหารโหยวหลัว เลือดของพวกเขาย้อมยอดเขาปีศาจจนแดงฉาน ในทางกลับกัน เหลิงอู่เหยียนไม่ได้รับแม้แต่รอยขีดข่วน
ตั้งแต่นั้นมา ชื่อ “ปีศาจเหลิง” ก็กลายเป็นสิ่งต้องห้ามในดินแดนอันกว้างใหญ่ ถ้าหลี่หรานเป็นปีศาจตัวน้อย เหลิงอู่เหยียนก็คงเป็นบอสใหญ่!
การเป็นคนรักของสตรีนางนี้ ชีวิตของเขาจะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป แต่จะอยู่ในเงื้อมมือของเหลิงอู่เหยียนแทน
มันมีแรงกดดันอย่างใหญ่หลวง!
หลี่หรานอยากจะพูดออกไปว่า “ข้าขอโทษ ข้าทำผิดไป ข้าไม่ได้จะสารภาพรักกับท่าน”
แต่นั่นจะเป็นการแสวงหาความตายอย่างแท้จริง!
“ลืมมันซะ ค่อยๆแก้ปัญหาไปทีละขั้น...” หลี่หรานรู้สึกหดหู่ใจ
......
“หรานเอ๋อร์...”
ใบหน้าของเหลิงอู่เหยียนแดงก่ำ เดิมทีนี่เป็นชื่อเรียกปกติ แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันมันกลับทำให้นางรู้สึกเขินอายอย่างสุดจะพรรณนา
“เส้นทางอมตะนั้นไร้ขอบเขต ถ้าเจ้าต้องการให้เราอยู่ด้วยกันตลอดไป เจ้าต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุด”
“เจ้าต้องฝึกฝนอย่างหนักและไม่ย่อท้อ”
“ข้า... ข้าจะรอเจ้า...”
เหลิงอู่เหยียนไม่รอให้หลี่หรานตอบรับ ก่อนที่จะหายไปในพายุหิมะ
หลี่หรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็พยักหน้า “ถูกต้อง เส้นทางสู่ความเป็นอมตะนั้นไร้ขอบเขต แต่วันหนึ่งข้าจะปีนขึ้นไปและยืนอยู่บนจุดสูงสุดของดินแดนอันกว้างใหญ่!”
“แต่แน่นอน ก่อนหน้านั้นข้าต้องมีชีวิตรอดภายใต้ ‘การดูแล’ ของท่านอาจารย์...” หลี่หรานถอนหายใจก่อนจะหันหลังกลับและเดินลงจากภูเขา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าภายในพายุหิมะมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้งในที่ที่เขาเพิ่งจากมา
เหลิงอู่เหยียนมองตามหลังเขาด้วยดวงตาชุ่มชื้น
เมื่อนึกถึงคำพูดที่น่าตกใจของหลี่หรานและความมุ่งมั่นของเขาที่จะตายเพื่อนาง แก้มของเหลิงอู่เหยียนก็ร้อนผ่าว
“นี่...”
“นี่คือความรู้สึกของการถูกรัก?”
......
หลี่หรานกลับมาที่ห้องพักของเขา
แผ่นหลังของเขายังคงเปียกโชกเมื่อนึกย้อนกลับไปถึงการสนทนากับอาจารย์ของเขาในวันนี้
“แม้ว่ากระบวนการจะน่าระทึกขวัญ แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาดี ไม่เพียงแต่ฐานการบ่มเพาะของข้าฟื้นฟูแล้วเท่านั้น แต่ข้ายังได้รับหีบสมบัติมาถึงสามใบ”
หลี่หรานมุ่งความสนใจไปที่ระบบ หีบสมบัติทองคำสามใบปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา หีบเหล่านี้เป็นรางวัลที่ได้รับจากการทำภารกิจ
【คุณต้องการเปิดหีบสมบัติระดับสุดยอดหรือไม่?】
“ใช่” หลี่หรานถูมือของเขาด้วยความคาดหวัง
หีบสมบัติถูกเปิดออกและแสงสีทองเจิดจ้าก็ส่องประกายอยู่ตรงหน้าเขา
【ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ “เทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์”!】
【ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ “หอกหยุนหลิง”!】
【ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับ “คชสารมังกรเจ๋อเทียน”!】
‘เทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์’ เป็นตำราโบราณ ภายในตำรามีสัญลักษณ์และคำต่างๆที่ดูเข้าใจยาก หลี่หรานไม่รู้จักพวกมันแม้แต่น้อย
เขาพยายามจดจ่อกับตำรา และทันใดนั้นแสงจ้าก็สว่างวาบขึ้นมาตรงหน้าเขา
สัญลักษณ์ลึกลับเหล่านั้นเปล่งแสงสีทองและหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของเขาราวกับกระแสน้ำ
“ไขว่คว้าความลึกลับอันลึกซึ้งของสวรรค์เพื่อบรรลุเส้นทางแห่งเต๋า!”
“ฉกฉวยสรวงสวรรค์และกลายเป็นเทพเจ้าอมตะที่แท้จริง!”
“แทนที่กฎสวรรค์ด้วยกฎของข้า แทนที่เจตจำนงของสวรรค์ด้วยเจตจำนงของข้า!”
“พิชิตสวรรค์!”
ท่วงทำนองของเต๋ามากมายดังก้องอยู่ในหูของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน มันทำให้จิตใจของหลี่หรานตกตะลึงสู่สภาวะอนิจจัง และในไม่ช้าสติของเขาก็จมดิ่งสู่ความมืดมิด
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว และแสงสีทองก็สว่างขึ้นท่ามกลางความมืด จากนั้นมันก็ทำให้ทั้งทะเลแห่งจิตของเขาสว่างขึ้นในทันที ราวกับประกายไฟที่กำลังลุกไหม้ไปทั้งผืนป่า
วินาทีต่อมา ร่างเล็กๆที่โปร่งแสงราวกับอเมทิสต์ก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยท่านั่งขัดสมาธิในทะเลแห่งจิตของเขา ร่างนั้นถูกสลักด้วยสัญลักษณ์สีทองมากมาย
ข้อความในตำราโบราณที่ถูกสลักไว้เปล่งประกายราวกับรอยสักสีทอง
“สุดยอด!” หลี่หรานเปิดตาของเขาพร้อมกับแสงสีทองที่ส่องออกมา
ตำราโบราณเล่มนี้ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการบ่มเพาะที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาได้อีกด้วย
ร่างเล็กๆนั้นยังคงอยู่ในทะเลแห่งจิตของเขาและดูดซับพลังปราณอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเขา ตันเถียน เส้นชีพจร และแม้กระทั่งจิตวิญญาณของเขาก็ถูกปรับปรุงโดยร่างเล็กๆนั้น
พูดง่ายๆคือหลี่หรานสามารถบ่มเพาะได้โดยไม่จำเป็นต้องทำสมาธิ
“ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ มันเป็นเทคนิคสุดโกงสำหรับคนเกียจคร้านที่ต้องการบ่มเพาะอย่างแท้จริง! มันเหมาะกับข้าเกินไป!” หลี่หรานไม่สามารถควบคุมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขาได้
รางวัลที่สองคือหอกหยุนหลิง มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับสูงซึ่งสามารถเก็บไว้ในร่างกายของผู้ใช้ได้ และพลังของมันก็พัฒนาควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งของผู้ใช้
ในทางทฤษฏี ตราบใดที่ผู้ใช้งานแข็งแกร่งเพียงพอ จะไม่มีการจำกัดระดับของอาวุธชิ้นนี้ นอกจากนี้หอกหยุนหลิงยังมาพร้อมกับทักษะการใช้หอกอย่าง ‘สี่ท่าร่างแห่งหอกหยุนหลิง’ ซึ่งพวกมันทั้งหมดล้วนทรงพลังอย่างมาก
หลี่หรานลูบคางของเขาขณะมองดูหอกสีเงินที่ยาวกว่าสองเมตรตรงหน้า “หนึ่งในสิ่งที่บุรุษปรารถนาย่อมเป็นการโบยบินบนท้องฟ้าด้วยกระบี่ แต่การโบยบินด้วยหอก... นอกจากนั้น อาวุธที่ดูกักขระเช่นนี้ไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาของข้าจริงๆ”
“ช่างเถอะ ลองใช้มันไปก่อนก็ได้ ถ้าหอกไม่เหมาะกับข้าก็แค่เปลี่ยนมันทีหลัง” หลี่หรานวางหอกสีเงินไว้ข้างๆ
เขาหารู้ไม่ว่าหากหอกหยุนหลิงปรากฏขึ้นในทวีปหลักมันจะทำให้เกิดสงครามแห่งการแย่งชิง!
แต่อาวุธที่มีพลังระดับนี้กลับถูกปฏิเสธโดยรสนิยมของหลี่หราน...
ช่างเสียของเสียนี่กระไร!
//////////