ตอนที่ 584 ไม่ได้ขโมย แค่เอาไปเฉยๆ
แม้แต่การต่อสู้ในวังฝนดาวตกก็มาถึงจุดสิ้นสุด และการรบที่เหลือในเกาะต่างๆ ยังคงเป็นไปอยู่
เดิมทีนี่เป็นศึกภายในระหว่างเผ่าพันธุ์ทะเล เนื่องจากแผนของราชินีแมงกะพรุนและการปรากฏตัวของเย่ว์หยาง ทำให้ผู้ทรงพลานุภาพหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ปรากฏตัวมาตั้งแต่แรกก็ตาม ยังมีบางพวกที่ฉวยโอกาสก่อกวนสถานการณ์ มีพวกที่ต้องการสนับสนุนพันธมิตรของพวกเขา, มีพวกที่ต้องการสร้างความยุ่งยาก ทั้งพวกที่ต้องการทำลายจากภายใน มีแม้กระทั่งผู้ที่ต้องการทำร้ายคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว....
ที่ขอบเกาะฝนดาวตก มีเงาร่างสองร่างปรากฏอยู่ที่ชายหาดสีหยก
พวกเขาสังเกตการต่อสู้จากที่ไกลอย่างเงียบสงบ
“เราใช้สงครามที่วุ่นวายนี้ฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์กันเถอะ เขาคือภัยพิบัติที่ต้องถูกกำจัดออกไป” ร่างที่ดูเหมือนสตรีกล่าว แม้ว่าร่างของนางจะดูกึ่งโปร่งใส แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่านางคือสนมชื่อเฟยที่ได้รับบาดเจ็บขณะลอบทำร้ายเย่ว์หยาง
“คอยดูต่อไปเถอะ ดูเหมือนจะมีความผิดปกติอยู่” อีกร่างหนึ่งก็คือจักรพรรดิชื่อตี้ที่ยังไม่สามารถมองเห็นได้ชั่วขณะ
“ราชันย์พันปีศาจเจ้าเล่ห์มาก ข้าประกันได้เลยว่าเขาไม่มีทางฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นั้นได้ เขากลับใช้เขาไปหยุดยับยั้งราชาเฮยอวี้ ตอนนี้ราชาเฮยอวี้ก็อยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นก็อาจดึงดูดความสนใจจักรพรรดิมังกร, มารสัมฤทธิ์ฟ้า, จักรพรรดิใต้พิภพและคนอื่นๆ มาด้วย ถึงเวลานั้นก็จะเป็นเวลาฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ แม้ว่าเราไม่สามารถสังหารเขาได้ ขอให้ตัดแขนตัดขาเขาได้ก็ยังดี ร่างกายของมนุษย์อ่อนแอมากไม่สามารถฟื้นคืนดังเดิมได้ ถ้าคุณชายสามสูญเสียแขนไป พลังของเขาจะต้องลดลงมากมายแน่นอน” สนมชื่อเฟยเข้าใจจุดอ่อนของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน
“ถ้าสตรีนางนั้นไม่อยู่ที่นั่น บางทีเราอาจจะคิดอย่างนั้นก็ได้...” จักรพรรดิชื่อตี้ลังเลเล็กน้อย
“สตรีคนไหน?” สนมชื่อเฟยถามอย่างหงุดหงิด
“สตรีที่เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เรียกกันว่าจื้อจุนนั่นไง” ขณะที่จักรพรรดิชื่อตี้พูด เขามองดูรอบๆ ราวกับกลัวว่าจะมีบางอย่างผิดปกติโดยรอบ
“แม้ว่าจื้อจุนจะแข็งแกร่ง แต่นางก็เป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง! ถ้าข้าฟื้นฟูพลังได้เต็มที่ ข้าจะฆ่านางแน่นอนและกำจัดตัวยุ่งยากนี่ซะ” สนมชื่อเฟยพึมพำอย่างหงุดหงิด อย่างไรก็ตาม ความจริงในใจนางริษยาจื้อจุนมากกว่า ทั้งนี้เพราะนางมักคิดว่านางคือสตรีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก ใครจะคิดกันว่าจากสิ่งที่นางได้ยินได้ฟังในหอทงเทียน นางพบว่าจื้อจุนมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิอวี้เมื่อครั้งอดีตแล้ว
“ด้วยฝีมืออย่างเจ้าน่ะหรือ?”
เสียงหยิ่งถือดีดังขึ้นจากด้านหลังจักรพรรดิชื่อตี้และสนมชื่อเฟย
จักรพรรดิชื่อตี้สีหน้าเปลี่ยนทันที
แม้ว่าเขาจะยังไม่ฟื้นคืนพลังดั้งเดิมกลับมาทั้งหมดก็ตาม แต่เป็นไปได้ยังไงที่เขาไม่สามารถตรวจสอบเจอคนที่ลอบเข้ามาถึงเบื้องหลังได้?
เขามักคิดเสมอว่าจื้อจุนเป็นนักสู้ที่ระดับต่ำกว่าเขา เขาไม่เคยคิดว่าพลังที่แท้จริงของนางแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคาดไว้หลายเท่านัก... นอกจากจักรพรรดิอวี้ ที่มีพรสวรรค์หาได้ยาก จักรพรรดิชื่อตี้จำไม่ได้เลยว่ายังมีใครอื่นที่สามารถผ่านการระวังป้องกันมาอยู่ข้างหลังเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
น่าจะเป็นช่วงนั้น ช่วงที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นั่นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่จื้อจุนลอบเข้ามาอยู่ด้านหลังของเขา
นางสามารถปกปิดความคิดนางจากทักษะค้นหาทางใจของเขาได้สำเร็จ...
จื้อจุนหันหลังให้กับจักรพรรดิชื่อตี้ขณะที่ยังลอยตัวอยู่ในอากาศ แม้ว่าลมมหาสมุทรจะพัดรุนแรงมาก ก็ยังกลายเป็นลมพัดแผ่วรอบตัวนาง เหมือนกับว่าลมสมุทรต้องการแสดงความคารวะนาง คลื่นที่เท้าของนางกลายเป็นระลอกที่สวยงามเมื่อผ่านใต้เท้านางไปคล้ายกลับเกรงว่าถ้าระลอกคลื่นแรงเกินไปจะไม่เป็นการแสดงความเคารพนาง
นอกจากจื้อจุนแล้ว จักรพรรดินีราตรีผู้ล่องหนก็ยังอยู่ด้วยเช่นกัน
จักรพรรดิชื่อตี้ไม่สามารถเห็นร่างล่องหนของจักรพรรดินีราตรีได้ เขารู้สึกได้แต่เพียงว่านางปรากฏอยู่ในสนามพลังดารานภากาศที่เงียบสงบ
“ท่านคือจักรพรรดิชื่อตี้จากเมื่อหกพันปีที่แล้วใช่ไหม? ท่านแข็งแกร่งมากกว่าสหายจากแดนสวรรค์อยู่ไม่กี่คน มิน่าเล่าถึงทำให้เจ้าเด็กเย่ว์หยางนั่นกลัวได้ เพื่อเป็นการแสดงคารวะผู้อาวุโส ตอนนี้ข้าจะปล่อยท่านไปก่อน แต่ถ้าท่านปรากฏตัวในหอทงเทียนอีกครั้ง ข้าจะฆ่าท่าน” จื้อจุนพูดเสียงเย็นชา
“....” ร่างของจักรพรรดิชื่อตี้สั่นเล็กน้อย ความโกรธเกรี้ยวในหัวใจของเขาแทบจะระเบิดออกมาเหมือนภูเขาไฟ แต่เขาก็รีบข่มโดยเร็ว และรักษาความเยือกเย็นไว้ “โอว, จริงหรือ?”
“ว่าไงนะ? นังตัวดี กล้าใช้คำพูดท่าทางเช่นนั้นทำให้ฝ่าบาทของข้าต้องอับอายหรือ?” สนมชื่อเฟยกลับตรงกันข้าม นางโกรธจัดจนหัวของนางแทบระเบิด
ในใจนาง จักรพรรดิชื่อตี้ต้องได้รับการเทิดทูน ไม่มีใครแตะต้องได้ ถ้ามันผู้ใดบังอาจตำหนิเขา ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี พวกมันต้องถูกกำจัด
ความโกรธเผาลนอยู่เต็มหัวใจนางทันที
นางไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกของนางไว้ได้
เปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกมาเหมือนกับบัวแดงเต้นระริกอยู่ในอากาศ จากนั้นสนมชื่อเฟยผู้ควบคุมตนเองไม่ได้เตรียมพร้อมเข้าโจมตี ในทันใดนั้นสภาพแวดล้อมกลายสภาพเป็นเพลิงที่สามารถทำลายสวรรค์และโลกได้
สนมชื่อเฟยตวัดกรงเล็บต้องการจะฉีกจื้อจุนให้เป็นชิ้นๆ อย่างน้อยที่สุดนางต้องการจะเหยียบย่ำจื้อจุนกับพื้นและบังคับให้ศัตรูที่ตำหนิจักรพรรดิของนางยอมรับความผิด
“ไม่รู้จักประมาณตนเสียเลย!”
จื้อจุนไม่หันกลับมา นางแค่สะบัดข้อมืออย่างสบายๆ
กรงเล็บที่แหลมคมของสนมชื่อเฟยที่มีเพลิงลุกท่วมถูกจื้อจุนคว้าจับไว้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับการสะบัดมือง่ายๆ เบาๆ ร่างของสนมชื่อเฟยถูกเหวี่ยงออกไปเหมือนดาวตกพุ่งเข้าหาเกาะปะการังซึ่งห่างออกไปสิบกิโลเมตร พร้อมกับเสียงระเบิดดังบึ้ม เกาะปะการังแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากแรงกระแทก เมื่อถูกร่างสนมชื่อเฟยกระแทกใส่
เมื่อจักรพรรดิชื่อตี้เห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาต้องการห้ามนาง แต่ก็ตระหนักได้ว่าเขาช้าเกินไป
พลังของจื้อจุนไม่เพียงเกินกว่าที่เขาคิดไปมากเท่านั้น แต่จากที่เขาสามารถสังเกตเห็นได้ นางยังแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดหลายเท่า
แม้แต่จักรพรรดิชื่อตี้ผู้ไม่มีที่ติและเป็นรองเพียงจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว ก็ยังรู้ได้ว่าสตรีนางนี้แข็งแกร่งมาก เกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ตั้งแต่แรกโดยสิ้นเชิง พลังของนางลึกซึ้งเกินกว่าจะเข้าใจ เขาไม่สามารถประเมินพลังที่แท้จริงของนางได้
นางคือศัตรูที่น่ากลัว
นอกจากจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว จักรพรรดิชื่อตี้พบว่าเขามีคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวใหม่สองคนในชีวิตของเขา
หนึ่งก็คือเจ้าเด็กเย่ว์หยางนั่น คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ศักยภาพของเขาทำให้เขารู้สึกอิจฉา อีกคนหนึ่งก็คือจื้อจุนผู้แข็งแกร่งทรงพลังจนเขาไม่สามารถประเมินพลังของนางได้
“ในหอทงเทียน จะมีสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอยู่เพียงคนเดียว ถ้าผู้อาวุโสจักรพรรดิชื่อตี้ไม่ยินดีจะไปแดนสวรรค์และยืนยันจะอยู่เพื่อทำให้เด็กๆ ของเราสหายน้อยในหอทงเทียนต้องกลัว นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผู้อาวุโสควรทำเลย” จักรพรรดินีราตรีพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ “เราเลือกเย่ว์หยางในฐานะผู้รับสืบทอดชื่อจักรพรรดิอวี้ในยุคใหม่ จักรพรรดิชื่อตี้ หอทงเทียนเป็นของจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ มีพื้นที่กว้างขวางในแดนสวรรค์ให้ท่านได้ไปสำรวจ ในฐานะผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงดื้ออยู่ในหอทงเทียนต่อไปเล่า สถานที่เล็กน้อยเช่นนี้ ท่านจะต่อสู้กับเด็กรุ่นหลังไปเพื่อผลอะไร? ถ้าผู้อาวุโสกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางอนุชนรุ่นหลัง ความคงอยู่ของท่านจะมีความหมายอะไร ผู้อาวุโสโปรดพิจารณาตัวเอง”
“บังอาจนัก” สนมชื่อเฟยคลานออกมาจากภายใต้ซากหิน นางสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตาม นางรู้อยู่เต็มอกว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจื้อจุน แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ดีก็ตาม ด้วยความสามารถปัจจุบันของนาง นางคงมีแต่ต้องอับอายขายหน้า ถ้าหากยังจะขืนสู้ต่อไป
จักรพรรดิชื่อตี้กวักมือเบาๆ และสนมชื่อเฟยรีบโผเข้ามากอดเขา
แสงสีทองเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์เปล่งออกมาจากร่างของจักรพรรดิชื่อตี้
ในทันใดนั้น ร่างของสนมชื่อเฟยก็ฟื้นฟูอยู่ในสภาพปกติ นางไม่ต้องทนอยู่ในสภาพทรมานเหมือนเมื่อครู่
จักรพรรดิชื่อตี้ปลอบสนมชื่อเฟยให้บรรเทาความโกรธ เขาตบมือเบาๆ และกล่าว “รอจนกว่าพลังของเราฟื้นฟูเต็มที่เสียก่อน ระหว่างเราจำเป็นต้องสู้ตัดสินกัน ผู้ชนะจะได้หอทงเทียนไป”
จากนั้นเขาพร้อมกับสนมชื่อเฟยในอ้อมแขนก็หายไปจากพื้นผิวสมุทรเหมือนควัน... รอจนทั้งสองหลบหนีไปไกลแล้ว หลังจากผ่านไปนาน จักรพรรดินีราตรีปรากฏตัวอยู่ภายในสนามพลังดารานภากาศและถอนหายใจเบาๆ “หลังจากเย่ว์หยางสามารถผ่านตำหนักสิบสองนักษัตรได้ อักษรรูนโบราณกำลังสูญเสียประสิทธิภาพมากขึ้นทุกที ในอนาคตอาจจะมีสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ปรากฏออกมาก็ได้ นี่ช่างน่าปวดหัวเสียจริง โชคดีที่เย่ว์หยางกำลังก้าวหน้าได้เร็ว มิฉะนั้นเราคงไม่สามารถรับมือกับเรื่องเช่นนี้ได้เลยจริงๆ”
จื้อจุนไม่ตอบ
อย่างไรก็ตาม ร่างของนางกำลังเปล่งรังสีรบที่กล้าแข็ง ดังนั้นจักรพรรดินีราตรีเข้าใจทันทีว่าคำตอบของจื้อจุนจะเป็นเช่นไร
จักรพรรดินีราตรีถอนหายใจหนักหน่วง คำพูดของนางนุ่มนวลเหมือนสายลม “แทนที่จะใช้ชีวิตต่อสู้รุนแรง ข้าอยากจะใช้ชีวิตเงียบๆ สงบสุขเสียมากกว่า...”
“คงจะมีสักวันที่เราจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข” จื้อจุนพูดและชะงักเล็กน้อย “วันที่เราขึ้นไปยังจุดสูงสุดของโลกและมองลงมาดูทุกคนก็น่าจะพอ”
“ใช่, ข้ากำลังตั้งตารอวันนั้นอยู่จริงๆ” ทั้งจักรพรรดินีราตรีผู้ยังอยู่ในสนามพลังดารานภากาศและจื้อจุนทั้งคู่เหมือนกับกลายเป็นสายลมหายไปจากเกาะดาวตกที่งดงาม เหมือนกับว่าพวกนางไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน มีเพียงเกาะปะการังที่ถูกร่างสนมชื่อเฟยกระแทกพังไปครึ่งแถบปรากฏอยู่เป็นหลักฐานว่ามีการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่นี่เท่านั้น
ป้อมดาวตก ในสนามต่อสู้
เย่ว์หยางเห็นได้ชัดว่ามีเปรียบและกำลังจะชนะได้ง่ายดาย
ด้วยการสนับสนุนจากวงเวทอักษรรูนดวงดาว เย่ว์หยางสามารถหลบการโจมตีของแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วได้ด้วยความเร็วสูง ทำให้ปีศาจโบราณนี้โกรธมาก
แต่เขาไม่สามารถจัดการกับเจ้าเด็กมนุษย์เจ้าเล่ห์นี้ได้ อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วยังรู้สึกค่อนข้างพอใจ เพราะยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อออกไป ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อเขามากขึ้น ราชันย์พันปีศาจกำลังจะปลดผนึกบนโดมได้ในไม่ช้า เมื่อเขาสามารถเอาร่างของจ้าวปีศาจโบราณที่สมบูรณ์มาได้ เขาจะสำเร็จภารกิจทุกส่วนอย่างสมบูรณ์ ด้วยร่างของจ้าวปีศาจโบราณ ราชันย์พันปีศาจจะช่วยเขาฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้อย่างแท้จริง เพื่อตัวเขาเอง เขาจะได้ออกไปจากโลกหิมะน้ำแข็งที่เขาติดอยู่มาหลายพันปีได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง
ผนึกโดมท้องฟ้าถูกปลดออกแล้ว คลื่นพลังที่แข็งแกร่งมากของผนึกกระจายท่วมสนามต่อสู้
แม้แต่ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วนักสู้ปราณฟ้าระดับสามก็ยังรู้สึกหายใจลำบาก
ราชันย์พันปีศาจปลาบปลื้มดีใจ นัยน์ตาของเขาเป็นประกายตื่นเต้น
ในที่สุด ร่างสมบูรณ์ของราชันย์พันปีศาจจะตกเป็นของเขา
ด้วยทักษะแฝงเร้นแยกของเขา เลือด, สมบัติ, พลัง, ศักยภาพและทักษะของจ้าวปีศาจโบราณจะตกเป็นของเขาทั้งหมด นอกจากนี้ร่างที่เก็บไว้อย่างสมบูรณ์จะถูกทำให้เป็นร่างที่สี่ของเขาและกลายเป็นราชันย์พันปีศาจร่างที่ห้า
คืนชีพจ้าวปีศาจโบราณ?
นั่นเป็นความคิดที่ไร้สาระมากที่สุด!
ราชันย์พันปีศาจจะไม่ยอมคืนชีพผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาแน่นอน ดังนั้นเมื่อเขาต่อสู้กับวิญญาณเดิมของจ้าวปีศาจโบราณและขโมยร่างดั้งเดิมของเขา ถือว่าเป็นการป้องกันไม่ให้จ้าวปีศาจโบราณคืนชีพได้จริงๆ เมื่อไม่มีร่างที่สมบูรณ์ จ้าวปีศาจโบราณก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน.... ราชันย์พันปีศาจเข้าใจเรื่องนั้นชัดเจน เพราะก่อนที่เขาจะกลับกลายเป็นมนุษย์ ความจริงเขาเป็นบริวารของจ้าวปีศาจโบราณมาก่อนเป็นขุนพลปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากนี้เขายังเป็นบุตรของจ้าวปีศาจโบราณ แต่เพราะศักยภาพของเขาไม่สามารถเอาชนะบิดาของเขาได้ เขาทำได้เพียงถือกำเนิดใหม่ในเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็มีศักยภาพสูงที่สุด นั่นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์
เขาทำได้สำเร็จ
นั่นคือวิถีที่ปีศาจแดนนรกพ่ายแพ้บุตรของจ้าวปีศาจโบราณผู้แข็งแกร่ง และเป็นวิธีที่ราชันย์พันปีศาจปรากฏตัวในหอทงเทียน
ตราบใดที่เขายังคงเติบโตได้ต่อไป ราชันย์พันปีศาจมั่นใจว่าเขาจะอยู่เหนือจ้าวปีศาจโบราณบิดาของเขาได้ ..... แน่นอนว่าหนทางเติบโตที่เร็วที่สุดก็คือชิงเอาร่างสมบูรณ์แบบของจ้าวปีศาจโบราณ
“สวรรค์เบื้องบนและโลกมนุษย์เบื้องต่ำจะต้องศิโรราบแก่ข้า” ราชันย์พันปีศาจตื่นเต้นในใจและใช้พลังของเขาบังคับเปิดพลังของผนึก จากนั้นเขาค้นหาโลงแก้วผลึกที่ผนึกร่างของจ้าวปีศาจโบราณไว้ ตราบใดที่เขาได้รับพลังจากร่างของจ้าวปีศาจโบราณ เขาจะสามารถอยู่เหนือจ้าวปีศาจโบราณได้แน่ ร่างของอดีตบิดาของเขา เขาจะสามารถเอาชนะจักรพรรดิอวี้ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยพิชิตหอทงเทียน
“ยินดีด้วย, ยินดีด้วย” เย่ว์หยางปรบมือและแสดงสีหน้าปรารถนาดี
“....” ราชันย์พันปีศาจสีหน้าเปลี่ยน
สีผิวของเขาตอนแรกเป็นสีขาว จากนั้นเป็นสีเขียวและดำในที่สุด
เขารวบรวมพลังของเขาทั้งหมดข่มความโกรธและกล่าว “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ข้ารู้ว่าเจ้าคือคนที่ขโมยโลงแก้วผลึกของจ้าวปีศาจโบราณไป โปรดคืนมาให้ข้า ข้าไม่เพียงแต่จะไว้ชีวิตเจ้าเท่านั้น แต่จะให้สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เจ้า... โปรดคืนโลงแก้วผลึกมาให้ข้าขณะที่ข้ายังอดกลั้นความโกรธได้อยู่ มิฉะนั้น ข้าสาบานเลยว่าจะต้องทำลายหอทงเทียนทั้งหมด ข้าสาบานว่าจะทำแน่! คุณชายสามตระกูลเย่ว์ คืนโลงแก้วมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“อะไรกัน? ข้าน่ะหรือขโมยโลงแก้ว?” เย่ว์หยางตีสีหน้าเหมือนกับว่ารู้สึกผิดมาก และถามเสี่ยวเหวินหลีที่อยู่ข้างเขา “ลูกรักของพ่อ, บอกหน่อยซิว่าพ่อขโมยโลงแก้วหักชำรุดอย่างนั้นไปหรือเปล่า?”
“......” เสี่ยวเหวินหลีส่ายหัวทันที
“เจ้าไม่ได้ขโมยไปหรือ?” นัยน์ตาของราชันย์พันปีศาจลุกโชนเหมือนเปลวไป ถ้าทำได้เขาคงจ้องเย่ว์หยางจนเหลือแต่ขี้เถ้า เขาโกรธจัดจนหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย แทบจะเปลี่ยนลักษณะของเขา
“แน่นอน, ข้าไม่ได้ขโมยไปแน่นอน, ข้า ข้าแค่หยิบฉวยไปเฉยๆ” เย่ว์หยางตอบอย่างสบายใจ และเสี่ยวเหวินหลีผงกหัวอย่างน่ารัก คล้ายจะบอกว่า “ใช่แล้วๆ!”