ตอนที่ 583 อาหมันสู้ได้ไม่รู้เหนื่อย
ถ้าพลังแดนฝันมังกรนิทราสามารถสะกดแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วได้สิบวินาทีก่อนที่เขาจะตื่น อย่างนั้นยักษ์ภูเขาหิมะคงได้ลำบากหนักแน่นอน
ยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสองแข็งแกร่งแน่นอน ร่างของมันไม่เพียงแต่สูงถึงร้อยเมตรเท่านั้น แต่มันยังคงสวมเกราะหนักน้ำแข็ง ด้วยพลังชีวิตที่อดทน คงเป็นเรื่องยากที่อสูรฟ้าระดับสองชนิดอื่นจะสามารถต้านมันได้ แม้ว่านางพญาดอกหนามมงกุฎทองจะให้ความรู้สึกที่เป็นลางร้ายต่อราชันย์พันปีศาจก็ตาม แต่ก็แค่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองอยู่นั่นเอง ดังนั้นเขาเชื่อมั่นในยักษ์ภูเขาหิมะของเขาเอง ที่สำคัญคือยักษ์ภูเขาหิมะเป็นอสูรฟ้าระดับสองที่น่ากลัว ซึ่งทำให้แม้แต่มังกรโบราณกลัวจนหัวหดหลุบหาง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ต่อสู้ในปัจจุบันเป็นเรื่องที่ราชันย์พันปีศาจไม่เคยคาดคิดมาก่อน ยักษ์ภูเขาหิมะกำลังจะตายในตอนนี้...
พูดให้ถูกกว่าก็คือ นับตั้งแต่มันเข้าสนามประลองมรณะ มันยังคงหลับอย่างต่อเนื่อง
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองได้แพร่กระจายเกสรดอกนิทราไว้ทั่วสนามประลองมรณะ เมื่อพวกเขาถูกเทเลพอร์ตส่งตัวเข้าไป ยักษ์ภูเขาหิมะก็ดำดิ่งสู้ห้วงนิทราไร้ที่สิ้นสุดทันทีก่อนที่มันจะทันได้ยืนหยัดมั่นเสียอีก
ปกติดอกนิทราเป็นเพียงหนึ่งในกลยุทธ์ของนางเท่านั้น
กลยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดก็คือใช้พิษ
ถ้ามีแต่เพียงต้นดอกหนามอยู่เพียงต้นเดียว อย่างนั้นพิษบนหนามของมันก็คงไม่มีผลอะไรต่อยักษ์ภูเขาหิมะ แต่เมื่อยักษ์ภูเขาหิมะเข้ามา สิ่งที่รอต้อนรับมันก็คือทะเลดอกหนาม ผลก็คือดอกหนามนับร้อยนับพันแทงเข้าที่ร่างของมัน หนามแหลมเหล่านี้จะมีกลิ่นหอมบางอย่าง เมื่อหนามแทงใครก็ตาม พวกเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามพวกเขากับรู้สึกยินดีเหมือนกับอยู่ในความฝัน ทันทีที่พวกเขาหลับ กล้ามเนื้อและกระดูกก็จะเริ่มละลาย.... เทียบกับพิษของแมงมุมที่สามารถละลายอวัยวะภายในแล้ว นี่คือพิษกร่อนวิญญาณยังน่ากลัวมากกว่าเป็นพันเท่า
เกสรนับไม่ถ้วนนำพาพิษกร่อนวิญญาณไปแพร่กระจายในตัวของยักษ์ภูเขาหิมะ อีกด้านหนึ่งมันจะละลายเลือดเนื้อของศัตรูให้กลายเป็นอาหารของละอองเกสร อีกอย่างหนึ่งมันจะดูดซึมซับพลังงานของศัตรูอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นพิษ
ถ้าพิษของนางพญาดอกหนามมงกุฎทองไม่น่ากลัวขนาดนี้ ทำไมมังกรดำนรกทำไมถึงได้กลัวนางนักหนาเล่า?
ต้นดอกหนามนับล้านสานเข้าด้วยกันกลายเป็นต้นดอกหนามขนาดมหึมาที่ดูเหมือนเสาค้ำสวรรค์ได้ ขณะที่พวกมันค่อยๆ ย่อยกลืนยักษ์ภูเขาหิมะ
มันกำลังถูกย่อยทีละนิดๆ
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองรู้สึกเบื่อจัดขณะที่นางนอนลงบนเตียงดอกไม้ ในมือของนางถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เขียนโดยเย่ว์หยาง เกี่ยวกับอสูรต่างๆ ที่มาจากบันทึกของมารดาสหายผู้น่าสงสาร
หนังสือในมือของนางพญาดอกหนามมงกุฏทองเขียนถึงความรู้วิธียกระดับอสูรสายพฤกษาจากครั้งโบราณกาล
“ยังมีตัวหนังสืออีกหลายรูปแบบที่ข้าไม่สามารถเข้าใจได้... ไว้ข้าถามเขาตอนกลับไปก็แล้วกัน!” ตั่วตั่วอ่านอยู่ชั่วขณะพลางโคลงศีรษะ จากนั้นปิดหนังสือเอามาหนุนแก้มขณะที่นางคิดอะไรไม่ออก
ในสนามประลองมรณะ นางยังไม่สามารถออกมาได้อีกนาน เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยังไม่ตาย
แม้ว่ายักษ์ภูเขาหิมะจะไม่มีพลังต่อต้านได้ก็จริง แต่มันยังคงเป็นอสูรฟ้าระดับสอง การฆ่ามันในทันทีไม่ใช่งานง่ายๆ
ผลก็คือ นางทำได้แต่รอ
การย่อยอย่างสมบูรณ์ไม่ใช่เรื่องจำเป็น และอย่างน้อยที่สุดนางต้องรอจนกว่ามันหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจึงจะกลับไปอยู่ข้างกายเย่ว์หยางได้
เทียบกับนางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่งานสบายแล้ว โคเงาอาหมันกำลังตกอยู่ในการต่อสู้ที่ยากลำบาก ไม่ว่าจะเป็นมังกรปีศาจแดนสวรรค์อสูรฟ้าระดับหนึ่งชั้นสูง หรือจะเป็นมังกรเพลิงยักษ์สามตัว ศัตรูทั้งหมดนั้นนางไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ แต่เพื่อแบ่งเบาภาระให้เย่ว์หยาง นางก้าวออกมาข้างหน้าอย่างกล้าหาญและไม่ลังเล
ในฐานะอสูรพิทักษ์ของเขา นางไม่เคยยอมแพ้การต่อสู้
ต่อให้ศัตรูแข็งแกร่งกว่านางก็ตาม นางจะสู้จนกว่าจะถึงที่สุด
ไม่มีความเสียใจ!
โคเงาได้ใช้โซ่ล่ามเทพกับมังกรแดนสวรรค์และล่ามไว้กับตัวนางเอง
ตราบใดที่นางยังคงอยู่กับพื้น มังกรแดนสวรรค์จะไม่สามารถบินได้ เว้นแต่มันสามารถยกแผ่นดินได้ทั้งหมด... อาหมันมีพลังหัวใจธรณีสารทำให้เทพธิดานักสู้อย่างนางไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มังกรอายุสามพันปีถูกลากลงมาจากท้องฟ้าให้อยู่กับพื้น หลายร้อยครั้ง มันพ่นไฟใส่อาหมัน อย่างไรก็ตาม อาหมันไม่หลบ เพียงแต่ยกหมัดข้างหนึ่งกันไว้ พยายามเล่นงานศัตรูต่อหน้านางอย่างต่อเนื่อง
มังกรปีศาจแดนสวรรค์โกรธเกรี้ยว ศัตรูที่ไม่ตายและไม่รู้จักเหนื่อยแบบนี้คือสิ่งที่มันเกลียดมากที่สุด
มันอ้าปากและพยายามกัดกินนางอย่างบ้าคลั่ง
มันตั้งใจจะกินโคเงาลงท้องมัน
อาหมันยังคงม้วนตัวหลบ ท่าเท้าลึกลับและทักษะต่อสู้ที่เย่ว์หยางสอนให้นางเริ่มผุดขึ้นมาทีละท่าๆ
ถ้าว่ากันในเรื่องทักษะต่อสู้ นางเก่งที่สุดในบรรดาอสูรอื่น แม้แต่เสี่ยวเหวินหลีและนางพญากระหายเลือดก็ยังด้อยกว่านางเล็กน้อย เพียงแต่นางเรียนรู้วิทยายุทธต่อสู้จากเย่ว์หยางอย่างพิถีพิถัน นางจะจดจำสลักทุกอย่างไว้ในใจจากนั้นค่อยดึงออกมาในการต่อสู้ของนางเอง เสี่ยวเหวินหลีและอสูรอื่นๆ จะรวมทักษะต่อสู้ที่เหมาะกับลักษณะเผ่าพันธุ์ของพวกนาง มีเพียงอาหมันที่ไม่ทำอย่างนั้น นางเชื่อว่าทักษะต่อสู้ที่เขาสอนให้นางนั้นดีที่สุดในโลก นางจึงเรียนรู้โดยไม่ผสมผสานอะไรเพิ่มลงไป ผลก็คือ อาหมันเป็นอสูรที่เก่งที่สุดในเรื่องฝีมือต่อสู้และในการสู้ประชิดตัว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของนาง มังกรปีศาจแดนสวรรค์พยายามจะกัดและใช้กรงเล็บตะปบนาง แต่มันช้าเกินไป จึงไม่สามารถทำอะไรนางได้
มันเป็นผู้เชี่ยวชาญต่อสู้ทางอากาศ โดยมันจะทิ้งดิ่งตัวลงมาและใช้ปีกโจมตี ใช้กรงเล็บมังกรของมันจับศัตรู และใช้การพ่นไฟมังกร
แต่โซ่ล่ามเทพจำกัดความสามารถในการบินของมันทันที ทำให้ส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของมัน แม้แต่การเปลี่ยนแปลงมันก็ทำไม่ได้
“เจ้ากิ้งก่าแดนสวรรค์หน้าโง่ เจ้าบังอาจท้าทายศักดิ์ศรีเจ้านายข้า วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!” อาหมันม้วนตัวในอากาศและสะบัดโซ่ม้วนตัวเป็นเกลียวมัดปากมังกรปีศาจไว้ จนคล้ายๆ กับบังเหียนครอบปากม้า นี่ยิ่งทำให้มังกรแดนสวรรค์โกรธขึ้นไปอีก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
หนึ่งในมังกรไฟยักษ์พันปีโฉบลงมาพยายามจับอาหมันที่อยู่ในกลางอากาศ
พวกมันรู้ตัวแล้วว่าอาหมันไร้เทียมทานเมื่อต่อสู้ภาคพื้นดิน
แต่ตราบใดที่นางอยู่ในกลางอากาศ นางจะสูญเสียการได้รับการสนับสนุนจากหัวใจธรณีสารและไม่สามารถทนรับการจู่โจมจากพวกมันได้
เมื่อเห็นเงาจู่โจมเข้ามา อาหมันตะโกนลั่นด้วยความโกรธ นางใช้มือล้วงทวนทองฆ่ามังกรออกมาจากแหวนแพลตตินัมเก็บสมบัติที่เยว์หยางมอบให้นาง เมื่อมังกรเพลิงยักษ์ใช้กรงเล็บจับนาง หอกก็แทงลึกเข้าไปในคอหอยของมัน
เมื่อมันโจมตี มันไม่สามารถหลบได้
เลือดฉีดพุ่งจากคอมันไม่หยุด
มันต้องการจะบินขึ้นทั้งที่เจ็บปวด แต่ร่างของมันร่วงถลาไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้และมีรอยเลือดฉีดเป็นทางยาว
ทวนทองฆ่ามังกรมีผลในการสังหารมังกร อย่าว่าแต่มังกรพันปีเลย มันยังสามารถทำร้ายจ้าวมังกรในอดีตได้ มังกรเพลิงอีกสองตัวหวาดกลัวพากันบินสูง พวกมันร้องอย่างแตกตื่นไม่กล้าโฉบลงมาอีกเลย ขณะที่มังกรตัวที่ถูกแทงคอ เริ่มส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดราวกับจะขอความช่วยเหลือจากสหายของมัน จากนั้นมันพยายามจะโงหัวขึ้นแต่ก็ล้มกับพื้นอย่างมิอาจควบคุมได้
มันพยายามจะดิ้นรนลุกขึ้นครั้งที่สอง
มันซวนเซราวกับจะขอความช่วยเหลือจากเจ้านายมัน มังกรปีศาจแดนสวรรค์ แต่ก่อนที่มันจะสามารถเดินไปได้ครึ่งทาง มันไม่สามารถทนอาการบาดเจ็บหนักได้และล้มลงกับพื้น
อาหมันไม่ยอมปล่อยมัน นางกระโจนและควงทวนทองฆ่ามังกรจากนั้นเงื้อแล้วแทงมังกรเพลิงยักษ์ก่อนที่มังกรปีศาจจะได้ทันยกเลิกการอัญเชิญ
มังกรเพลิงยักษ์ถูกทวนทองฆ่ามังกรแทงศีรษะก็ตายในที่สุด
มังกรปีศาจแดนสวรรค์เริ่มแตกตื่น
เมื่อเผชิญหน้ากับอาหมันพร้อมกับทวนทองฆ่ามังกรและมีโซ่ทองล่ามเทพ มันรู้สึกว่าตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง...จึงคำรามกึกก้อง ทำให้มังกรอีกสองตัวหายแตกตื่น พวกมันบินโฉบลงมาพร้อมกับพ่นไฟใส่อาหมัน พวกมันตั้งใจจะต้อนให้อาหมันถอยไปจากมังปีศาจแดนสวรรค์ แม้ว่าโดยสัญชาตญาณแล้วพวกมันรู้สึกกลัว แต่พวกมันไม่กล้าขัดคำสั่งเจ้านายของมัน
“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย” อาหมันตาสีแดงดังโลหิตย้อม เหมือนกับเทพธิดาสงครามใช้ทวนทองฆ่ามังกรอย่างสุดกำลัง
มังกรปีศาจแดนสวรรค์มีความเจ้าเล่ห์มาก ขณะที่มันดึงโซ่ล่ามเทพ แม้ว่ามันจะไม่สามารถทำให้อาหมันขยับได้ แต่มันทำลายท่าที่มั่นคงของอาหมันได้สำเร็จ
ทวนทองฆ่ามังกรพลาดเป้าไปเล็กน้อยเฉียดคอของมังกรเพลิงยักษ์ตัวหนึ่งไปทำให้มันสะดุ้งกลัว มังกรเพลิงยักษ์อีกตัวเห็นว่าอาหมันไม่มีอาวุธอะไรอยู่ในมือ มันจึงมีความมั่นใจมากขึ้น มันโฉบลงมาอีกครั้งพร้อมกับพ่นเพลิงยาวเป็นสาย
อาหมันกระทืบเท้ากับพื้นปรากฏเป็นรอยเท้ากดลึก
ตัวของนางพุ่งขึ้นไปบนอากาศขณะชักอาวุธสมบัติออกมา
มีดทองฆ่ามังกรส่องประกายอยู่ในมืออาหมัน.... อาหมันขี่หัวมังกรและแทงมีดลงที่นัยน์ตาซ้ายของมัน
ถึงตอนนี้ มังกรปีศาจแดนสวรรค์ฉวยโอกาสนี้สะบัดหางของมันส่งผลให้อาหมันลอยกระเด็นทันที
โครม!
ตัวอาหมันกระแทกกับพื้นไม่สามารถลุกได้ชั่วครู่
นางพยายามฟื้นตัวด้วยความช่วยเหลือของหัวใจธรณีสารหลังจากได้รับบาดเจ็บหนัก มังกรปีศาจแดนสวรรค์ก็ส่งนางปลิวไปอีกสองสามครา แต่ทุกครั้ง นางก็สามารถยืนขึ้นต่อสู้ได้อีก ขณะที่นางแกร่งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ มังกรที่สูญเสียตาซ้ายร้องโหยหวนอย่างเศร้าใจ มันกระพือปีกบินขึ้นสูง พยายามอยู่ห่างจากอาหมันผู้ไม่รู้จักเหนื่อย
มังกรปีศาจแดนสวรรค์ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่สั่นอยู่ต่อหน้าอาหมันผู้กวัดแกว่งมีดทองฆ่ามังกรที่กำลังมีเลือดหยดไหล
“ฆ่า!” ความต้องการสู้ของอาหมันดุเดือดรุนแรงขณะที่นางตะโกนก้อง
นางก้าวยาวและพุ่งเข้าหาศัตรูของนางเต็มกำลัง
ไม่ว่าศัตรูที่นางเผชิญจะเป็นอะไรก็ตาม ลึกๆ แล้วนางเชื่อว่านางจะได้รับชัยชนะในที่สุด ทั้งนี้เพราะนางกำลังปกป้องเขา ตราบใดที่นางมุ่งปกป้องเขา นางจะชนะการต่อสู้ทุกศึก
ขณะที่อาหมันกำลังอาบโลหิตต่อสู้ในสนามประลองมรณะ มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวในสนามต่อสู้ด้านนอก
กลับเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วกำลังหาวง่วงนอน หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดยักษ์ภูเขาหิมะก็หยุดหายใจและนางค่อยกลับมาอยู่ข้างเจ้านายนางได้ ผลเช่นนี้ไม่เพียงแต่แม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่วพูดไม่ออก แม้แต่ราชันย์พันปีศาจผู้เริ่มเปิดผนึกก็ยังไม่กล้าเชื่อ แม้หลังจากได้รับผลกระทบที่อสูรของเขาตาย ในใจเขาก็ยังคลางแคลงใจการตายของยักษ์ภูเขาหิมะ อสูรฟ้าระดับสอง
แม้ว่ามันจะตายในการต่อสู้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะตายในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนั้น ด้วยพลังและระดับของมัน
ทำไม?
ราชันย์พันปีศาจมองดูนางพญาดอกหนามมงกุฎทองที่ทำท่าสะลึมสะลือ เขาไม่อยากเชื่อว่ายักษ์ภูเขาหิมะตายในเงื้อมมือนาง
ถ้ายักษ์ภูเขาหิมะเผชิญหน้ากับเยี่ยนซั่วนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม เยี่ยนซั่วต้องใช้เวลาสามวันสามคืนถึงจะเอาชนะยักษ์ภูเขาหิมะได้ แต่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองใช้เวลาเพียงครึ่งชั่งโมงก็ฆ่ายักษ์ภูเขาหิมะได้ เป็นไปได้ไหมว่านางแข็งแกร่งยิ่งกว่าแม่ทัพปีศาจเยี่ยนซั่ว?
“ข้าง่วงแล้ว มีตัวหนังสือตั้งหลายตัวที่ข้าไม่รู้จักในหนังสือที่ท่านให้ข้า!” นางพญาดอกหนามมงกุฎทองหาวอีกครั้ง “ข้าจะกลับไปนอนสักงีบแล้วค่อยออกมาช่วยท่านปราบคนไม่ดีอีกครั้ง!”
“เมื่อเจ้าอ่านหนังสือทีไร ก็ง่วงทุกที, ข้าจะทำยังไงกับเจ้าดี...” เย่ว์หยางงงเล็กน้อย ตั่วตั่วไม่ชอบเรียน และมักจะเกียจคร้านอยู่เรื่อย ไม่อย่างนั้นนางคงแข็งแกร่งขึ้น
“อย่างนั้นครั้งหน้าท่านสอนข้าก็แล้วกัน!” นางทำท่าแง่งอนเหมือนเด็กเจ้าอารมณ์ นางเข้ามากอดเย่ว์หยางจากนั้นกลับเข้าไปพัก
แม้ว่านางจะไม่ได้เคลื่อนไหวลงมือโจมตียักษ์ภูเขาหิมะด้วยตัวเอง แต่การโจมตีของต้นดอกหนามก็ยังต้องใช้พลังงานและพลังจิต นี่คือเหตุผลที่นางจำเป็นต้องนอนทุกครั้งหลังการต่อสู้ ความจริงไม่ใช่แค่เฉพาะนางเท่านั้น แม้แต่เสี่ยวเหวินหลี, นางพญากระหายเลือด, สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและพวกที่เหลือก็เป็นเหมือนกับมนุษย์ พวกเขาเหนื่อยได้ เพียงแต่ฟื้นฟูได้เร็วระหว่างพัก
ฮุยไท่หลางกลับมาจากทางเดิน
มันวิ่งเข้ามาหาเย่ว์หยางและเห่าสองครั้ง แสดงว่ามันไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้ นี่หมายความว่าฟงจู้และเป่ยฟงเจียสั่วยังต่อสู้ได้อยู่และยังไม่พ่ายแพ้ หรือว่าพวกเขาแม้จะโดนเล่นงานแต่ก็ยังสู้ต่อได้ เป็นผลให้ฮุยไท่หลางไม่สามารถลากพวกเขากลับมาได้
ราชันย์พันปีศาจหน้าเขียวคล้ำ
เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อยและโบกมือ “พวกเจ้าทั้งหมดออกไปช่วยเถอะ เสี่ยวเหวินหลีรั้งอยู่ก็พอแล้ว ตอนนี้สถานการณ์การต่อสู้ชักน่าสนใจมากขึ้นทุกที”
ราชันย์พันปีศาจแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าวางแผนไว้ดีจริงๆ”
เย่ว์หยางโบกมือตนเอง “ข้าไม่กล้ารับความดีความชอบเรื่องนี้ การต่อสู้ทั้งหมดนี้ถูกชักโยงโดยราชินีแมงกะพรุน คุณชายผู้นี้เป็นแค่ตัวเติมเต็ม ข้าลืมบอกเจ้าไปเลยว่าทักษะแฝงเร้นของข้าคือปรับปรุงให้ดีขึ้น”