ตอนที่ 583 มุ่งมั่นในเงามืด
ผู้สร้างแห่งสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคานำเอาวิทยายุทธของพวกเขามาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์มาสู่สวรรค์วิถีและเนื่องจากสวรรค์วิถีมีสภาพแวดล้อมที่ปริมาณพลังวิญญาณมากแต่ปริมาณพลังงานต่ำผ่านกระบวนการและขยายตัวแตกต่างจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
พวกลูกหลานทายาทมีความคิดที่แตกต่างกันและในใจของนักสู้หลายคนในสวรรค์วิถี ระดับเซียนคือระดับสูงสุด แต่ในเวลาเดียวกัน ในสายตาของผู้สร้างสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาซึ่งถือกำเนิดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเซียนเป็นแค่จุดเริ่มต้น
แม้จะเกี่ยวกับเซียนแต่ก็ยังทำให้พวกเขาคิดถึงบ้านเกิดของพวกเขาและใช้ชื่อเดียวกับพวกเขาเช่นกัน
แต่ไม่ว่าจะเป็นดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์หรือสวรรค์วิถีพวกเซียนในแต่ละที่โดยพื้นฐานนั้นไม่แตกต่างกัน
ขอบเขตเซียนชั้นเงิน!
มีดนางแอ่นเป็นประกายรัศมีแพรวพราวทันที หลังแปรสภาพพลังงาน พลังของพลังงานในร่างของซุนเจี๋ยเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
เสียงร้องอึงอลของนกนางแอ่นสามารถได้ยินได้
แสงรังสีบนกระบี่จางลง นกนางแอ่นขนาดฝ่ามือแพรวพราวกับแสงสีเงินเจิดจ้าเปล่งออกมาจากตัวมันและมันเกาะลงที่ไหล่ของซุนเจี๋ย นางแอ่นเงินมองดูเหมือนจริงมากตาของมันกรอกขยับได้และกระโดดขึ้นลงอยู่บนตัวซุนเจี๋ย แต่ละครั้งที่มันคลอเคลียอยู่บนไหล่ของเขาดูเหมือนจะสนิทกันมาก
นางแอ่นที่คล่องแคล่วปลดปล่อยปราณที่อันตรายมาก
ถังเทียนจ้องมองนางแอ่นเงินมีแววเหลือเชื่อในดวงตา เสี่ยวเอ้อที่ด้านหลังของเขาก็มีสีหน้าตกใจเช่นกัน
นางแอ่นมีร่างกายที่เป็นเงินเลื่อมพรายถูกสร้างขึ้นมาจากการบีบอัดพลังอย่างหนักจนร่างเป็นแก้วเงิน ส่วนที่สำคัญคือในองค์ประกอบของร่างเงินแก้วนี้ไม่แตกต่างจากหินดวงดาวมากนัก และความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือความหนาแน่นของมัน
ความหนาแน่นของร่างแก้วเงิน อาจมีความหนาแน่น 46เท่าเมื่อเทียบกับหินดวงดาวชั้นดีที่สุด
ถ้าพลังงานที่เต็มอยู่ภายในนางแอ่นเงินเกิดระเบิดขึ้นมามันสามารถกวาดล้างดาวหญ้าแดงได้ถึงสามในสิบส่วน นั่นคือความมั่นใจที่กล้าแข็งที่สุดของซุนเจี๋ย เขาหัวเราะเบาๆ ด้วยความภูมิใจ
ขอบเขตเซียนเงินนั้นเป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งมากและสำหรับเซียนบรอนซ์ทุกคนนั่นคือขอบเขตพื้นที่ซึ่งคิดไม่ถึง
เมื่อเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยหิ่งห้อย ตาของนกนางแอ่นเต็มไปด้วยแววเย้ยหยันมันอ้าจะงอยปากและกู่ร้องทันที!
ปัง!
คลื่นพลังงานระเบิดออกมาเหมือนพายุหมุนพุ่งออกมาจากจะงอยปากน้อยของมัน
เป๊าะเป๊าะ เป๊าะ!
พลังเพลิงเริ่มระเบิดต่อเนื่องราวกับประทัดระเบิดตามๆ กันลูกแล้วลูกเล่า ขณะที่หิ่งห้อยระเบิด เกิดเป็นภาพที่งดงาม
พลังลมหมุนที่สร้างขึ้นโดยนางแอ่นเงินครอบคลุมพื้นที่กว้าง ถังเทียนไม่สามารถหลบได้ทันเวลาดังนั้นเขาได้แต่งอตัวและใช้มือป้องกันด้านหน้าไว้ พลังผ่านตัวเขาไปทำให้ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่ามีสัตว์ร้ายมหึมาพุ่งปะทะใส่เขาความคิดแรกของเขาก็คือเขาไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้ และปล่อยไปตามคลื่นพลังงานเขากลายเป็นเหมือนกับสปริงยืมแรงเหวี่ยงของพลังงานกระเด้งกลับไปด้านหลัง
พอทำเช่นนั้นแขนของเขาแทบจะหักและรู้สึกเจ็บจนครางออกมา
ควั่บ
ถังเทียนถูกปะทะกระเด็นถอยไปด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาดเหมือนกับธนูหลุดจากแล่งยิงเข้าไปในเมฆหนา
นางแอ่นเงินแสดงความสามารถในการรบที่แข็งแกร่งทำให้ขบวนรบส่งเสียงเฮสนั่นหวั่นไหว ทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมสู้หรือบินพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นกระจายไปทั่วร่าง นี่คือการสู้ตายที่แท้จริงเจ้านายได้รับยกย่องว่าเป็นแม่ทัพคนหนึ่งที่มีศักยภาพ และมีชื่อเสียงในอนาคต
ทันใดนั้นนางแอ่นเงินกางปีกและเปลี่ยนสภาพเป็นแสงเงินขณะที่พุ่งเข้าไปในหมู่เมฆเหมือนกับลูกธนู
เสี่ยวเอ้อสบถอยู่ในใจ เขารู้ว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่และพุ่งออกไปทันที มือขวาของเขายื่นเข้าไปในมิติว่าง และยืมแรงเหวี่ยงดึงเอากระบี่ปราบสมุทรออกมา!
ด้วยมิติว่างเป็นเหมือนฝักกระบี่ เพลิงดำเป็นเหมือนตัวดาบ ความคิดของเขาเป็นเหมือนด้ามกระบี่
กระบี่เซียนปราบสมุทร!
เสี่ยวเอ้อไม่เคยมีความคิดจริงจังเหมือนที่เป็นในปัจจุบันมาก่อน เพราะเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นอันตรายอย่างสูงขนาดนั้นนางแอ่นเงินที่บอบบางแข็งแกร่งเกินกว่าคู่ต่อสู้ใดๆ ที่เคยพบ
เขาแตกต่างจากเจ้าเด็กโง่ เขาอยู่ในฟากมืดของกลุ่มดาวคนคู่ เมื่อเกิดมาเขาสูญเสียการควบคุมร่างของเขาจึงต้องอยู่ในอีกฟากหนึ่ง
ถังเทียนมีค่ายของดาวกางเขน ขณะที่เขามีตำหนักเจมินี่ ถังเทียนมักจะมะงุมมะงาหรากับอนาคตขณะที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำงานสำคัญ
วังที่กว้างขวางและว่างเปล่าปกคลุมไปด้วยฝุ่นและแมงมุมชักใยอยู่ทั่วทุกมุมที่พวกมันหาได้ ผนังกำแพงมีรอยแตกร้าวอยู่ทั่วไปหมด มีวัชพืชงอกเงยอยู่ทุกที่รอยพอกรอยฉาบสามารถมองเห็นได้
ความรุ่งเรืองของกลุ่มดาวคนคู่แต่เดิมหายไปนานแล้ว
กลุ่มดาวคนคู่ถูกผนึกมานานยี่สิบปี แม้แต่ตำหนักของกลุ่มดาวก็ถูกผนึกมานานยี่สิบปี
พลเมืองด้านนอกตำหนักทุกคนยังคงคิดถึงเจ้ากลุ่มดาวคนก่อน ทุกๆ ปีพลเมืองทุกคนจะมารวมกันที่ด้านนอกวังเพื่อบูชากันอย่างไม่ขาดสาย เสี่ยวเอ้อสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าพวกเขาสามารถได้ยินเสียงสวดและเสียงรำพึงในสายลม ยี่สิบปียังไม่พอจะทำให้คนที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเหล่านี้สิ้นศรัทธา บางทีความหวังของพวกเขาเลือนราง แต่ก่อนที่พวกเขาจะตายไม่มีใครสามารถลบมันออกไปจากใจพวกเขาได้
ในชั่วขณะหนึ่งเสี่ยวเอ้ออยากจะออกไปข้างนอก
แต่เขาไม่สามารถทำได้เนื่องจากประตูวังเปิดไม่ออก ท่านพ่อควรจะเตรียมแผนสำรองเอาไว้วังจะถูกเปลี่ยนเป็นวังที่เหมาะสมให้วิญญาณได้รุ่งเรืองเติบโต และทางเข้าวังยังคงอยู่บนร่างของเขา ภายในวังยังคงเก็บบันทึกมากมายมหาศาลราวกับทะเลแผนการที่ท่านพ่อรวบรวมไว้ทั้งหมด ดังนั้นเขาน่าจะจัดการทุกอย่างไว้ก่อนหน้านั้น
นอกจากนั้นยังมีอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นขุนพลวิญญาณเซียนกระบี่ทั้งหกประกอบไปด้วยเซียนกระบี่ปราบสมุทรอูหวังไห่ เซียนกระบี่ผีผาซ่างหวั่นถิง ฯลฯนี่เพื่อป้องกันเขาไม่ให้เปลี่ยวเหงาเกินไป แม้ว่าความต้องการของพวกเขาสูงและเข้มงวดมาก และการฝึกฝนก็ต้องอดทนและโหดร้ายมากแต่เนื่องจากนิสัยที่หยิ่งยโสของเขา เขาพยายามบรรลุความสมบูรณ์แบบด้วยตนเอง และพยายามฝึกฝนตนเองอย่างโดดเด่นดังนั้นอาจารย์ของเขาทุกคนจึงสรรเสริญเขาไม่หยุด
สติปัญญาความพากเพียรและความเยือกเย็นเงียบขรึมของเขาทำให้อาจารย์ขุนพลวิญญาณของเขารู้สึกว่าเขาเป็นนักเรียนที่โดดเด่น
เขามักจะมีเวลาที่มีความสุข ตัวอย่างเช่นมองดูเจ้าเด็กโง่ทำเรื่องโง่ๆ
แต่หลายครั้งที่เขาเป็นเหมือนวังที่สวยสง่างามซึ่งโดดเด่นแต่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นแบกน้ำหนักความหวังของประชาชน แบกความหวังของบิดาของเขา เขาอาจจะเงียบขรึม แต่เขาจำเป็นต้องยืนหยัด เขาอาจโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่เขาจำเป็นต้องมุ่งไปข้างหน้า
ถูกแล้วข้าไม่อาจเอามาเทียบกับเจ้าเด็กโง่นี่บ่อยนัก
ห้าปีกับการฝึกวิทยายุทธพื้นฐานความเพียรขนาดนั้นทำให้คนทึ่งได้ แม้ขณะมองดูแต่ไกลเขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงความสดชื่นและหลงใหลที่เปล่งออกมาจากเจ้าเด็กโง่ได้ เขาเป็นคนที่เปล่งประกายออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นเสี่ยวเอ้อฝืนยิ้มใบหน้าที่ไร้เดียงสาและน่ารักพลันเปล่งประกายเยือกเย็นคมเหมือนดาบ ชีวิต 16 ปีของเขาผ่านเข้ามาในใจ
ความกล้าหาญไม่หวั่นเกรงความสดใสและความหลงใหลของเจ้า เจ้าคือคู่หูที่อบอุ่นและเป็นกำลังใจเสมอมา
แต่
แต่ข้าถูกคุมขังอยู่พื้นที่วังของข้าเป็นเวลา16 ปี เหมือนกับสัตว์ป่าที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีทางที่ข้าจะเสียเวลาอีก
ในความมืดของตำหนักเป็นเวลา16 ปี ข้าใช้ชีวิตอยู่อย่างเยือกเย็นและสันโดษ แต่เปี่ยมความหวัง
ทั้งหมดนั้นไม่ใช่เพื่อความล้มเหลว
มือซ้ายของเขาถือลูกปัดข่มวิญญาณเต็มไปด้วยทะเลแห่งกฎธรรมชาติคัมภีร์ทองเป็นชุดลอยออกมาและพันล้อมรอบกระบี่ปราบสมุทรเงียบๆและเข้าไปในเพลิงกลืนวิญญาณ
พลังงานในร่างของเสี่ยวเอ้อถูกกลุ่มคัมภีร์สีทองกวาดไปทันที เขาไม่ตื่นเต้น ด้วยพลังของเขาไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะต้านเซียนเงิน
เสี่ยวเอ้อไม่ชัดเจนระหว่างความแตกต่างระหว่างเซียนเงินและเซียนบรอนซ์ แต่เขารู้ดีทีเดียว
อาจารย์เซียนกระบี่ของเขามักจะคุยเรื่องเซียนเงินให้เขาฟังเสมอ
ไม่ต้องลังเลเลย เขาใช้วิธีที่ดีที่สุดเท่าที่เขาคิดออก ขณะที่ยืมพลังของลูกปัดข่มพลังออกมาใช้
กระบี่ปราบสมุทรเริ่มแปรสภาพทันที แม้ว่าเพลิงกลืนวิญญาณจะพันอยู่รอบตัวกระบี่แต่ไม่มีการหลอมรวมกันระหว่างเพลิงดำมิติว่างและเพลิงกลืนวิญญาณ แต่ครั้งนี้เพิ่มสายคัมภีร์ทองอีกด้วยทำให้เพลิงวิญญาณทั้งสองหลอมรวมกันได้สมบูรณ์
เพลิงกลืนวิญญาณสีรุ้งหายไปกลายเป็นเพลิงโปร่งใส ขณะที่เพลิงดำมิติว่างจางลงไปเหมือนกับว่ากลายเป็นเงา
เสี่ยวเอ้อฟันกระบี่ลงโดยไม่ลังเล
แสงกระบี่ที่เกิดจากรังสีที่ใสและรังสีเงาปรากฏต่อหน้านางแอ่นเงิน
นางแอ่นเงินตระหนักได้ถึงอันตรายและกรีดร้องแสบแก้วหู ขนบนตัวของมันยิงออกไปหาลำแสงกระบี่เหมือนกับธนูเงิน
ฟิ้วฟิ้ว ฟิ้ว!
ขนเงินบินไปในทิศทางแบบสุ่ม แต่แสงกระบี่ไม่มีตก
ซุนเจี๋ยหน้าเปลี่ยน เขาไม่เคยเห็นแสงกระบี่แปลกประหลาดขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต อันตรายรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของเขา
เป็นไปได้ยังไง...ขนนกเงินหายเข้าไปในอากาศโดยไม่มีการระเบิด! นั่นเป็นไปได้ยังไง... ชิ้นส่วนของขนนกน่าจะก่อให้เกิดการระเบิดได้
เดี๋ยวก่อน!
นั่นคือคู่หูวิญญาณ!
ตาของซุนเจี๋ยเบิกกว้าง หัวใจของเขาเต้นแรง ข้อกำหนดเบื้องต้นในการสร้างคู่หูวิญญาณมีมากมายและคนที่สามารถใช้คู่หูวิญญาณต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
เขาเริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้าง
สำหรับเขาทวีปซางโจวไม่มีค่าอะไรเลย ปัญหาการเกณฑ์ชาวบ้านก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาสามารถทำได้ในทวีปเซี่ยโจวเช่นกัน แต่ใครกันจะรู้ว่าซุนเจิ้งทำงานยังไม่เสร็จ และยืมหน้าตาของตระกูลซุนของเขาเองเขาขอร้องท่านจื่อชิง สำหรับท่านจื่อชิงจะไม่ใช่เรื่องลำบากเลย
เพราะเรื่องเล็กอย่างนั้นการไปสร้างศัตรูที่มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องฉลาด
แต่เมื่อมาถึงจุดนี้มันสายเกินไปแล้ว สถานการณ์ไม่สามารถกอบกู้คืนมาได้ง่าย
นางแอ่นเงินเปล่งแสงเจิดจ้ากลายสภาพเป็นแสงเงิน มันพุ่งเข้าหาแสงกระบี่
รังสีสองสายปะทะกันโดยตรง
ปัง!
ระเบิดรุนแรงแตกกระจายเป็นแสงที่แสบดวงตาทำให้ทั่วท้องฟ้าเป็นสีขาวเจิดจ้าและเสียงดังสั่นสะท้านแก้วหู
เมื่อแสงรัศมีหายไป นางแอ่นเงินที่หยิ่งยโสและงามประณีตมีปีกขวาที่แตกหักหมดบาดแผลบนตัวของมันดูน่ากลัว สถานการณ์ของเสี่ยวเอ้อย่ำแย่ กระบี่ปราบสมุทรในมือของเขาถูกทำลายยับเยินเพล้ง มันแตกกระจายสลายหายไปในท้องฟ้า
หน้าของเสี่ยวเอ้อซีดขาวและเขาเริ่มร่วงลงไป
ทะเลกฎธรรมชาติในลูกปัดข่มพลังมากมายกว้างขวางไม่มีขอบเขต ถ้าเขาเพียงแต่สู้อยู่ภายในลูกปัดข่มพลัง เขาจะเต็มไปด้วยความสามารถและใช้พลังได้ง่าย แต่การประยุกต์ใช้พลังของทะเลกฎธรรมชาติจากลูกปัดข่มพลังเข้ากับกระบี่ความยากในการใช้มากขึ้นถึงสิบเท่า
ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เสี่ยวเอ้อทุ่มเทจิตใจและวิญญาณทั้งหมดอยู่ในลูกปัดข่มพลัง และความเข้าใจลูกปัดข่มพลังของเขาเพิ่มมากขึ้นทุกวัน นอกจากนั้นความสำเร็จในวิชากระบี่ของเขายังโดดเด่นมาก เทียบกับทั้งกลุ่ม มีเพียงจิ่งหาวที่เป็นรองเขาและสามารถทำในสิ่งที่เขาทำได้
แต่กระบี่นี้ต้องสิ้นเปลืองพลังงานของเขาทั้งหมดไม่มีเหลือแม้แต่น้อย
“ยิยิ ย้า ย้า! หยาหยากรีดร้องขณะที่มันร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว มันไม่รู้ว่าจะบินได้ยังไงและเพียงแต่อาศัยความช่วยเหลือจากเสี่ยวเอ้อช่วยให้มันอยู่ในท้องฟ้าได้ แต่ในทันใดนั้นพลังงานของเสี่ยวเอ้อพลันหมดไปและทำให้มันร่วงลงมาอย่างควบคุมตัวไม่ได้
(หยาหยาคุ้นกับการใช้พลังเสี่ยวเอ้อช่วยบินเหมือนถังเทียนพอพลังหนุนเสริมของเสี่ยวเอ้อหาย หยาหยาก็ยังลืมอยู่ว่าตัวเองบินได้)
“เสี่ยวเอ้อ! เสี่ยวเอ้อ!”
ถังเทียนตะโกนอย่างเร่งร้อน เขาและหยาหยาอยู่ในชะตาเดียวกัน สิ่งที่เลวร้ายก็คือเขาโดนเหวี่ยงขึ้นไปที่ในสูงมากและเขาคิดว่าเสี่ยวเอ้อสามารถตามเขาได้ทัน แต่ใครจะรู้กันว่าความเร็วในการร่วงหล่นของเขาไม่ลดลง สายลมอื้ออึงกรอกหูของเขา ขณะที่เขาใกล้พื้นทุกขณะ แต่ถังเทียนไม่สนใจอะไรได้แต่ตะโกนลั่น
อย่างน้อยเจ้าทั้งสองจะไม่ร่วงมาตาย...
เสี่ยวเอ้อยิ้มอย่างจนใจ โลกในสายตาของเขาหมุนปั่นไปหมดและสติของข้ากำลังเลือนราง ข้ากำลังจะตายอย่างนี้..
ถังเทียนสังเกตอาการของเสี่ยวเอ้อแต่แรกได้ทันทีและรู้สึกกระวนกระวาย พื้นในสายตาของเขาใหญ่ขึ้นมาทุกที ในพริบตาเขาเตรียมกระแทกพื้น ถังเทียนกัดฟันและเคลื่อนไหวในแบบที่ไม่มีใครคิดมาก่อน