ตอนที่ 582 ระดับเซียนเงิน
ตุ๊ดตู่...
ควั่บ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายศัตรูหรือฝ่ายถังเทียนสายตาทุกคนหันไปที่ซุนเจี๋ยทันที อากาศเหมือนกับจะถูกแช่แข็งและบรรยากาศกดดันหนักหน่วง
หน้าของซุนเจี๋ยเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวจากเขียวเป็นดำจากดำเป็นขาว
อาเฮ่อมองอย่างอ่อนใจและเตือนเบาๆ “เฮ้, แผนเราก็คือไปเมืองเป่ากวง...”
แต่เขาแอบฉลองในใจเงียบๆ ถังห้าวหยาบคายเกินไปและชอบพูดทำร้ายความรู้สึกคนอื่น...อย่างไรก็ตาม เขาชำเลืองมองซุนเจี๋ย และแอบชื่นชมในใจ
จิ่งหาวรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย “เจ้าฆ่าทหารได้แต่เจ้าอย่าไปดูหมิ่นพวกเขา....”
“ท่านแน่ใจนะว่าเขาถูกหมิ่น?” หลิงซิ่วดีใจในความโชคร้ายของซุนเจี๋ย ทันใดนั้นเขาเพิ่งนึกออกว่าเขาก็สวมชุดขาวเหมือนกันและสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เขารีบแยกตัวออกมาอย่างรวดเร็วโดยพูดกันไว้ก่อน“ไม่ว่าจะเป็นชุดสีอะไร ข้าก็รู้สึกว่าเจ้านั่นเหมือนตุ๊ดตู่!”
ซุนเจิ้งตะลึงอีกครั้ง ตุ๊ดตู่....
แม้ว่าเขาจะเป็นเหมือนถุงเหล้ากระสอบอาหาร แต่เขาเข้าใจญาติของเขาดีมากกว่าใคร ญาติของเขามองดูเหมือนสุภาพบุรุษไม่ว่ากับใครก็ตามเขาจะถ่อมตัวและสุภาพ แต่ซุนเจิ้งรู้ว่าภายใต้หน้าฉากอย่างนี้ เขายังมีหัวใจที่เย็นชาและอำมหิต
เขาเคยฆ่าคนใช้ที่แม่เลี้ยงเขามอบหมายให้คอยจับตามองเขาอย่างใกล้ชิดจากนั้นสร้างภาพกลบเกลื่อน
แม่เลี้ยงของเขาส่งคนรับใช้มาเพิ่มอีกหกคน แต่ไม่มีรอดชีวิตอยู่ได้เกินหนึ่งเดือนเมื่ออยู่ข้างตัวเขา และสิ่งที่น่ากลัวก็คือเขาไม่เคยทิ้งหลักฐานไว้เบื้องหลัง
ทั้งตระกูลตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้แต่แม่เลี้ยงของเขาก็ยังสั่นด้วยความกลัวและพลอยหยุดไปโดยอัตโนมัติ วันที่สามหลังจากซุนเจี๋ยกลายเป็นผู้บัญชาการกองพล เรือกลที่นางโดยสารพบกับปัญหายุ่งยากและนางตายอย่างโชคร้าย
ญาติของเขาผู้นี้เข้มแข็งและหัวใจเย็นชาและถูกตราหน้าว่าเป็นกระเทยเช่นกัน...
ซุนเจี๋ยผู้อยู่ข้างเขาสงบใจได้แล้ว ขณะที่ขาและท้องของซุนเจิ้งสั่นเล็กน้อย เมื่อเขายังเด็ก เขาเห็นญาติของเขากำจัดบ่าวไพร่ของเขา ด้วยสีหน้าที่สงบถึงกับทำให้เขาปัสสาวะราดในที่นั้น ตั้งแต่นั้นมาภาพที่น่ากลัวของญาติของเขาผู้มีใบหน้าสงบฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา
ญาติผู้น้องโกรธแล้ว
ทั่วทั้งกองพลที่แปดมีสีหน้าหวาดหวั่นทหารทั้งกองทัพเงียบด้วยความกลัว และไม่กล้าหายใจแรง พวกเขารู้อารมณ์ของเจ้านายตนเอง
“พวกที่ถอยออกมาโดยไม่ได้รับคำสั่งต้องถูกประหารชีวิตทันที”
ทั้งที่ใบหน้ายังสงบ ซุนเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา
สายตาของรองผู้บัญชาการที่อยู่ข้างเขาเป็นประกายเยือกเย็น เขาพูดทันที “ประหารชีวิต!”
จากขบวนของเขานางแอ่นแสงขนาดฝ่ามือสี่สายกระพริบวาบและฝังเข้าไปในตัวทหารทั้งสี่ที่แยกออกมาจากกองร้อย ร่างทั้งสี่ชะงักอยู่กับที่
ปัง!
ลูกไฟสี่ลูกขยายขึ้นในกลางอากาศกลืนร่างของคนทั้งสี่
“ตุ๊ดตู่..”ซุนเจี๋ยหยีตาและยิ้มกว้าง “ข้าไม่เคยคิดว่ายังจะมีคนที่กล้าพูดกับข้าอย่างนั้น”
“ทำไมข้าจะไม่กล้าเล่า? เจ้าแข็งแกร่งมากนักหรือ?” ถังเทียนเต็มไปด้วยความสงสัย “อย่างไรก็ตามนี่ไม่เกี่ยวกับว่าทรงพลังหรือไม่... อย่างไรก็ตาม ฮืม... อา ลักษณะอย่างนี้ใช่แล้ว ใช่เลย ท่าทางที่เจ้าแสดงออกมามันฟ้อง”
การอดกลั้น... มันเจ็บมาก...
อาเฮ่อ หลิงซิ่วเสี่ยวเอ้อเอามือก่ายหน้าผาก แม้แต่คนจิตใจมั่นคงอย่างจิ่งหาวก็ยังเอามือก่ายหน้าผาก
แม้ว่าเขาจะเป็นศัตรูคนหนึ่ง แต่...เราก็ยังเห็นด้วยกับเจ้า...
ซุนเจิ้งสังเกตอย่างระมัดระวังได้ว่าเส้นเลือดที่หลังหูของญาติผู้น้องของเขาปูดขึ้น เขาขยับไปอีกทางหนึ่งเงียบๆ
ซุนเจี๋ยพยายามข่มความโกรธในอกและควบคุมตนเองเต็มที่ เขาระบายลมหายใจช้าๆ และบังคับตนเองให้ใจเย็น “เป้าหมายของเจ้าคือเมืองเป่ากวงใช่ไหม?เป็นไปได้ว่าพวกเจ้าคือคนจากซางโจวหรือ? พวกเจ้า....”
ถังเทียนทะลุกลางปล้องทันที “เฮ้, หยุดพูดไร้สาระเลย เจ้าต้องการสู้หรือเปล่า?เจ้าตุ๊ดตู่ขาว!”
ตุ๊ด..ตู่..ขาว...
ซุนเจี๋ยที่กำลังอดกลั้นความโกรธก็ระเบิดออกมาในที่สุด เขาบินขึ้นมาด้วยความโกรธ “ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าจะส่งเสริมเจ้าก็ได้!”
“นายท่าน...” รองผู้บัญชาการเห็นว่าหลายอย่างไม่ดีแน่จึงรีบพยายามแนะนำเขา
“หุบปากไปเลย!” ซุนเจี๋ยหันมาตะคอกด้วยความโกรธ เขาถลำเด่นออกมาจากพวกที่เหลือ ถ้าเขาไม่สามารถกำจัดเจ้าบัดซบที่อยู่ต่อหน้าเขาให้สิ้นซาก เขาจะไม่กลับลงมา
หลิงซิ่วที่อยู่ข้างหลังถังเทียนมีสีหน้ารู้ตัวทันที เขาชูนิ้วโป้งให้ “ถังห้าวฉลาดจริงๆเขายั่วโมโหหัวหน้าของพวกเขาให้แหลมออกมาหาที่ตาย จะกำจัดฝูงโจรก็ต้องฆ่าหัวหน้า!”
“เจ้าก็คิดมากเกินไป” คนอีกสองสามคนตอบพร้อมกัน ไม่มีใครเชื่อว่าถังเทียนฉลาดมากขนาดนั้น
อย่างไรก็ตามนี่เป็นโอกาสที่ดี...
อาเฮ่อพูดเบาๆ “เราต้องใช้เวลาช่วงนี้ขณะที่พวกเขาถูกถังเทียนยั่ว และไปเมืองเป่ากวงก่อน ช่วยคนอื่นๆ ออกมา”
จิ่งหาวพยักหน้า “ก็ได้”
หลิงซิ่วลังเลเล็กน้อยคงจะน่าเสียดายที่พลาดการต่อสู้ใหญ่ขนาดนั้น เขากล่าว “ทำไมพวกเจ้าไม่ไปล่ะ, ข้าจะอยู่ช่วยถังห้าว?”
อาเฮ่อจ้องหลิงซิ่ว “โอว, ข้ารู้แล้ว เจ้าก็สวมชุดขาวด้วยนี่นา...”
หลิงซิ่วหัวเราะลั่นทันทีและตบหน้าอกตนเอง เขาตะโกนลั่นซื่อๆ “ไม่มีข้า พวกเจ้าจะตกอยู่ในอันตรายหรือไง? ถังห้าวตายยากเหมือนแมลงสาบ อย่าไปรบกวนเขาเลย”
หลิงซิ่วโบกมือทันทีและตะโกน “เฮ้,เหมิ่งหนาน ที่นี่ยกให้เจ้าส่วนเราจะไปเมืองเป่ากวง”
คนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้แทบร่วงจากอากาศ แผนของพวกเขาถูกแฉในลักษณะนั้น..เจ้างี่ง่านี่!
ถังเทียนโบกมือไล่โดยไม่หันหลัง จิตวิญญาณต้องการสู้ของเขากำลังทะยาน “ไป ไปกันได้แล้ว ที่นี่ปล่อยให้ข้าจัดการเอง”
อาเฮ่อกัดฟัน เขาเสียใจที่จะบอกหลิงซิ่วเรื่องแผนจริงๆ “ก็ได้ ข้ามันโง่เอง”
หลิงซิ่วก็หลงลืมไปอย่างสิ้นเชิง เขาแกว่งหอกอย่างตื่นเต้นและนำหน้าโดยเปลี่ยนเป็นแสงสีเงิน “เมืองเป่ากวง ไปเลยๆๆ!”
คนอื่นๆ ไล่ตามไปอย่างช่วยไม่ได้มีเพียงเสี่ยวเอ้อและหยาหยาที่รั้งอยู่
“นายท่าน เราจะส่งคนไปเมืองเป่ากวงไหม?” บริวารถามซุนเจิ้ง
ซุนเจิ้งมองดูด้านหลังของญาติของเขาซึ่งดูคล้ายปีศาจ เขาสั่นศีรษะ “นี่คือวิธีที่ฝ่ายตรงข้ามยั่วให้เราเสียสมาธิแน่ ใครจะโง่ตะโกนบอกแผนของพวกเขา? พวกเขากำลังวางแผนแบ่งกำลังทหารของเรามันเป็นกับดักแน่นอน!”
บริวารของเขารู้สึกว่าสมเหตุผล เขารีบกล่าว “นายท่านฉลาดจริงๆ!”
ซุนเจิ้งดีใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานสายตาของเขาก็ตะลึงเมื่อเห็นรัศมีที่ญาติของเขาเปล่งออกมา
ซุนเจี๋ยเหาะออกไปจากขบวนและหยุดห่างถังเทียน 30 เมตร เขายังคงดูสงบเขาเป็นผู้บัญชาการที่โดดเด่นและเพราะคนๆ เดียวและคำพูดไม่คำ ทำให้เขาเกือบยอมทิ้งความเสียเปรียบ เขาตื่นตัวและตกใจจนแทบจะร่วงลงมา
แผนการที่ลึกซึ้งนัก!
หน้าซื่อๆ ไร้เดียงสาของเขาควบคู่ไปกับวิธีการพูดของเขาและภาษายั่วโมโห แทบจะหลอกข้าได้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง และจากนั้นใช้สหายทำให้แผนรั่วอย่างบังเอิญ มันเป็นแผนซ้อนแผน นี่เป็นสิ่งที่ซุนเจี๋ยคิดอยู่ในในขณะมองดูถังเทียน
ก่อนนี้ ข้าใจเร็วเกินไปและหม่นหมองไปเล็กน้อยข้าต้องรับมือเรื่องนี้ให้ดี
ซุนเจี๋ยตื่นตัวมากขึ้น
“เฮ้,ข้าจะลงมือแล้วนะ!” ถังเทียนตะโกน และขณะที่เขาพูด เขาก็ลงมือทันที
ร่างของเขากระพริบและมาปรากฏอยู่ข้างตัวซุนเจี๋ยและปล่อยหมัดใส่ซุนเจี๋ย
ซุนเจี๋ยหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดายมันไม่ได้คุกคามอะไรเขามาก เนื่องจากซุนเจี๋ยได้รับการยกย่องของทวีปฝานซิงโจว พลังของซุนเจี๋ยเองโดดเด่น ตั้งแต่ก่อนอายุ 30 เขาก็เข้าถึงระดับพลังของเซียนเงินแล้วและเป็นหนึ่งและเป็นเพียงคนเดียวในบรรดาผู้บัญชาการทหารในทวีปฝานซิงโจว
ประชาชนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นเซียนตั้งแต่เกิดและจะรู้วิธีใช้พลังงานโดยธรรมชาติ และได้เปรียบในแง่การฝึกฝน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนเป็นยอดฝีมือ
หลังจากที่คนธรรมดาถือกำเนิด เขายังถูกมองว่าเป็นคนไร้ระดับ หลังจากผ่านการอบรมอย่างเป็นระบบแล้วเขาจะเพิ่มความแข็งแรงและมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้พลังงาน หลังจากผ่านการสอบพิเศษแล้วพวกเขาจึงจะได้รับการยอมรับให้เป็นเซียนบรอนซ์
การเป็นเซียนบรอนซ์ก็หมายความว่าแยกออกมาจากคนธรรมดาและพวกเขาจะถูกพิจารณาให้เป็นทหารชั้นสูงในกองทัพได้ และพวกที่โดดเด่นจะได้รับตำแหน่งอย่างเช่นหัวหน้าหน่วยหรือระดับจ่าในกองทัพ
เหนือกว่าระดับบรอนซ์ขึ้นไปจะเป็นเซียนเงินเป็นเรื่องยากอย่างมากกว่าจะได้เลื่อนขึ้นเป็นเซียนเงิน ถ้าเราจะกล่าวกันว่าเซียนบรอนซ์คือเซียนที่จำเป็นต้องเข้าใจการใช้พลังงานขั้นต้น อย่างนั้นเซียนบรอนซ์ที่แข็งแกร่งกว่าจำเป็นต้องโดดเด่นและค้นหาการควบคุมพลังงานในร่างของพวกเขา
แต่ระดับเซียนเงินแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เป็นการแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการแปรสภาพพลังงาน!
โดยผ่านการทำลายพลังงานในระดับอนุภาค พวกเขาจะได้รับพลังงานใหม่ที่มากถึงสิบเท่า กระบวนการนี้เรียกว่าแปรสภาพพลังงาน สามารถปลุกการแปรสภาพพลังงานได้กลายเป็นเครื่องหมายของการเป็นเซียนเงิน
อย่างน้อยที่สุดพลังงานก็เพิ่มขึ้นมาถึงสิบเท่า นั่นคือสิ่งที่ทำให้เซียนบรอนซ์และเซียนเงินมีความแตกต่างกันอย่างแท้จริง
นี่คือที่มาของความเชื่อมั่นของซุนเจี๋ย แม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะมีแผนการและมีเบื้องหลังที่ไม่รู้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขายังไม่ได้รู้แจ้งเรื่องการแปรสภาพพลังงาน ด้วยเคล็ดวิชาที่เขามี ตราบใดที่เขายังไม่รู้แจ้งเรื่องการแปรสภาพพลังงาน เขาไม่สามารถเอาชนะซุนเจี๋ยได้
แต่เนื่องจากศัตรูเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ เขาคงไม่ยอมส่งตัวเองเข้าไปหาความตายและจะต้องมีวิชาสังหารที่คาดคิดไม่ถึงแน่นอน
ซุนเจี๋ยตัดสินใจคอยดู
ถังเทียนปล่อยหมัดอย่างต่อเนื่องถูกแต่อากาศ แต่เขาไม่สูญเสียกำลังใจ เขากลับตื่นเต้นมากขึ้นและตะโกนตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างหมัดของเขาเปลี่ยนเป็นกรงเล็บตะปบคว้าซุนเจี๋ย
ประกายแพรวพราวกวาดผ่านอากาศ
ซุนเจี๋ยหรี่ตาเล็กน้อย น่าสนใจนั่นเป็นบางอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน วิธีใช้พลังงานที่ไม่เหมือนใคร แต่การโจมตีแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะข้า
ริมฝีปากของซุนเจี๋ยโค้งยิ้มเย็นชา
หัวใจของเสี่ยวเอ้อสะท้าน ซุนเจี๋ยคือคู่ต่อสู้คนแรกที่แท้จริงของถังเทียนในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากดาราจักรเซียนศักดิ์เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีกองทัพก็ได้เป็นเจ้า ตอนแรกเสี่ยวเอ้อคิดว่าพลังความแข็งแกร่งส่วนบุคคลจะแย่มาก แต่เสี่ยวเอ้อตระหนักได้ว่าเขาคิดผิด
การเคลื่อนไหวของซุนเจี๋ยแคล่วคล่องว่องไวมากและเป็นธรรมชาติ เทียบกับวิชาบินในสวรรค์วิถีแล้วเขาฝึกมาดีกว่าและมีข้อบกพร่องน้อยมาก เมื่อคิดเรื่องนี้แล้วเสี่ยวเอ้อจึงเข้าใจว่าชาวดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์รู้จักวิธีบินทันทีที่พวกเขาเกิดมา สำหรับพวกเขาแล้ว การบินเป็นสัญชาตญาณ
วิชาบินของพวกเขาถูกขัดเกลาอยู่ทุกวันเป็นเรื่องที่สวรรค์วิถีมิอาจเทียบได้เลย
เสี่ยวเอ้อผู้ร่ำรวยความรู้และประสบการณ์รู้ชัดว่าวิชาบินที่โดดเด่นสำคัญในการต่อสู้ขนาดไหนร่างทั้งสองบินตัดกันไปมาในอากาศ พวกเขาไวเหมือนสายฟ้า แต่ก็ยิ่งยืนยันความสงสัยของเสี่ยวเอ้อ ถังเทียนแทบจะไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้ศัตรูได้เลย
ทันใดนั้นถังเทียนกู่ร้องและเปลี่ยนวิชากรงเล็บทันที
หิ่งห้อยจ้าวปีศาจ!
พลังงานเผาไหม้เป็นรูปหิ่งห้อยซึ่งบินเต็มอยู่ทั่วท้องฟ้าเหมือนกับจะมีไม่สิ้นสุด
ซุนเจี๋ยนัยน์ตาค้างบอลแสงที่คล้ายกับหิ่งห้อยก็คือพลังงานที่ถูกเผาไหม้และเขาตระหนักถึงความรู้สึกคุ้นเคยที่มาจากพวกมัน
แปรสภาพพลังงาน!
แม้ว่าจะเป็นระดับต่ำและไม่ใช่แปรสภาพอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ก็หมายความว่าคู่ต่อสู้ของเขาเริ่มเข้าแตะขอบพื้นที่ของเซียนเงินแล้ว อีกไม่กี่วันเขาจะย่างเข้าสู่ระดับเซียนเงินแน่!
อย่างนั้นนี่คือไม้ตายของเจ้าสินะ?
น่าเสียดาย....
สายตาซุนเจี๋ยเปลี่ยนเป็นเย็นชาและมีกระบี่สั้นเล่มหนึ่งคล้ายกับนกนางแอ่นปรากฏอยู่ในมือของเขา