ตอนที่ 578 ราชันย์พันปีศาจ
ภายในประตูลับ ในโลกที่เต็มไปด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ หุบเขาพายุน้ำแข็ง
มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่หน้าทะเลสาบลาวา มันเหยียดมือออกอย่างใจเย็นและเรียกฝนดาวตก
เมื่อผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนสั่วเห็นคนผู้นี้ปรากฏตัว เขาดีใจมากกับข่าวดีไม่คาดคิดนี้
ทันใดนั้น เขาโผล่ออกมาจากผิวทะเลสาบทันที
หมอบคารวะทักทาย
ในป้อมดาวตก บุรุษประหลาดที่อยู่ในชุดหมอผีเผ่าทะเลถอนสนามพลังและหลบหนีผ่านพะยูนนรกไปเหมือนปลา แม้ว่าฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วจะเร่งรีบกลับมาจากด้านนอก ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้สำเร็จ
“เจ้าจะหลบหนีไปไหน....” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไล่ตามเขาทันที ไม่ยินยอมให้เขาได้หนี
เย่ว์หยางยังคงไม่เคลื่อนไหว
เขายังคงรั้งอยู่ข้างๆ ไห่อิงอู่ที่ร้องไห้อยู่เงียบๆ
ไห่อิงอู่เป็นเด็กฉลาดเกิดมาพร้อมด้วยสัญชาตญาณสตรี นางไม่สามารถยืนยันได้ก่อนหน้านี้เพราะข่าวลือของราชินีแมงกะพรุนมีผลต่อการตัดสินใจของนาง เมื่อราชินีแมงกะพรุนตายในอ้อมแขนนาง ในที่สุดไห่อิงอู่ก็รู้สึกเสียใจกับการตายของนาง แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าในอดีตราชินีแมงกะพรุนทำลงไปเพื่ออะไร แต่เพียงได้เห็นรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจและปลาบปลื้ม นางจึงรู้ว่าอะไรก็ตามที่ราชินีแมงกะพรุนทำลงไปความจริงก็ล้วนแต่ทำเพื่อนางคนเดียว
“ไม่นะ, ไม่....” ไห่อิงอู่หลั่งน้ำตารำพึงกับตนเอง “เป็นจักรพรรดินีสมุทรผู้ปกครองสมุทรไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ สิ่งที่ข้าต้องการที่สุดคือครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่ที่รักและดูแลข้า ข้าไม่ต้องการความแข็งแกร่งอย่างนี้ ไม่ต้องการเป็นกำพร้าที่น่าสมเพช ข้าไม่ต้องการครอบครองขอบเขตมหาสมุทรที่กว้างใหญ่แต่กลับไร้ญาติสนิท.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้? ข้าอยากเป็นลูกสาวของคนธรรมดามากกว่า, ทำไม...”
“มีหลายเรื่องในโลกนี้ที่เราไม่อาจเลือกได้” เย่ว์หยางกอดนางและปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล
ห่างออกไปนอกป้อมดาวตกห้ากิโลเมตร บุรุษในชุดหมอผีเผ่าทะเลถูกฟงจู้, เป่ยฟงเจียโส่วและพะยูนนรกทั้งสองไล่ตามทัน
อย่างไรก็ตามบุรุษผู้นี้ไม่ตื่นเต้น
เขากลับใจเย็นอย่างมาก
จากระยะไกลมีเงาร่างสองร่างตรงเข้ามาทางพวกเขาราวกับสายลม
ลักษณะของพวกเขาทั้งเสื้อผ้า, อารมณ์, พลังและรายละเอียดอื่นๆ ของบุรุษทั้งสองคนเหมือนกัน ราวกับว่าเป็นร่างแยกของกันและกัน
ใบหน้าแคบยาวคล้ายกัน ส่วนสูง, จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเท่ากัน และดวงตาของพวกเขามีลักษณะคล้ายกัน สีหน้าแบบนี้ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เว้นแต่มีมาแต่กำเนิด
เมื่อเห็นท่าทีที่เย่อหยิ่งและรูปลักษณ์ที่อำมหิตและรังเกียจต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแล้ว สามารถบอกได้เลยว่าสองคนนี้คุ้นเคยกับการอยู่เหนือคนอื่น
นอกจากนั้น พวกเขายังเหี้ยมโหดมองเห็นชีวิตผู้อื่นเหมือนกับผักปลา
หากท่านจะพูดถึงความแตกต่าง ก็คงมีความแตกต่างระหว่างบุรุษทั้งสองก็คือมุกระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่หน้าพวกเขา คนที่อยู่ทางด้านซ้ายมีมุกสีแดงเลือดกำลังเผาไหม้ นี่คือมุกภูตเพลิงแดง คนทางขวามีมุกสีเขียวเข้มเหมือนไฟฟอสฟอรัส นี่คือมุกภูตเพลิงเขียว มุกภูตทั้งสองนี้เป็นเพียงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง
บุรุษที่ยืนอยู่ด้านซ้ายโค้งคำนับให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วด้วยมารยาทที่สุภาพ “ข้าคือร่างแยกของราชันย์พันปีศาจนาม ชี่เหยียน”
บุรุษที่อยู่ด้านขวายังคงคำนับด้วยมารยาทอย่างเดียวกัน “ข้าคือร่างแยกที่สองของราชันย์พันปีศาจ ชิงเยี่ยน”
บุรุษประหลาดที่ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเลเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหมือนกับร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ ปีศาจเพลิงสีม่วง มุกภูตเพลิงม่วงลอยอยู่ต่อหน้าเขา
บุรุษผู้ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเลยิ้มเล็กน้อย “ข้าคือร่างแยกที่สามของราชันย์พันปีศาจ นามจื๋อจิ่ว”
ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วหน้าซีดไร้สีทันที สี่ต่อสามหรือ?
อย่างนี้ท่าทางไม่ดีแน่
เนื่องจากเพิ่งผ่านการต่อสู้กับผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่ว ทำให้พวกเขาสิ้นเปลืองพลังไปมาก ถ้าพวกเขาต้องสู้อีกครั้งหนึ่ง ผลที่ออกมาก็คงไม่ดีแน่ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า แม้ว่าพะยูนนรกจะมีพลังระดับอสูรฟ้าระดับสอง แต่พวกมันไม่ค่อยฉลาด ดังนั้นจึงมีขีดจำกัดในการแสดงขีดความสามารถทางทหารของพวกมัน บางทีพวกมันสามารถโจมตีคนหนึ่งในจำนวนนั้น แต่สำหรับอีกสองคน ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่มั่นใจว่าจะสู้กันตัวต่อตัวได้
ในอีกฝ่ายหนึ่ง บุรุษทั้งสามที่อ้างตัวว่าเป็นร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ ทุกคนมีพลังปราณฟ้าระดับสามกันทุกคน
“เราไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าเลย งานที่สำคัญที่สุดของพวกเราคือรับเอาร่างของจ้าวปีศาจโบราณ แต่พวกเจ้าสร้างความลำบากมากมายนัก ถ้าเราไม่ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องขวางทางแน่” ร่างแยกที่หนึ่งชี่เหยียนกล่าว
“ถ้าเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถเอาชนะเราทั้งสามได้ เจ้าคิดผิดเสียแล้ว” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วมองหน้ากันจากนั้นหันหลังชนกัน
“แน่นอนว่าเราไม่เพียงแต่จะเอาชนะพวกเจ้าทั้งสี่ เราต้องการฆ่าพวกเจ้าอีกด้วย” บุรุษที่ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเล และเป็นร่างแยกที่สามนามจี๋จิ่วเหาะเข้าหาทั้งสามด้วยความเร็วสุดยอด เงื้อมือและใช้สนามพลังที่ไม่ธรรมดาออกไป ทันใดนั้นฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วชะงักงันอยู่กับที่ ภายในสนามพลัง เวลาและมิติดูเหมือนจะหยุดนิ่ง แม้แต่จี๋จิ่วเองก็ยังลอยอยู่ในอากาศไม่เคลื่อนไหว
ร่างแยกแรกชี่เหยียนและร่างแยกที่สองชิงเยี่ยนโจมตีใส่พะยูนนรกทั้งสองทันที
ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่สามารถคิดได้
รู้ทั้งรู้ว่าพะยูนนรกทั้งสองจะต้องพ่ายแพ้ แต่พวกเขาติดอยู่ในสนามพลังลึกลับไม่สามารถหลบหนีได้ ดังนั้นพวกเขาได้แต่กังวลอย่างจนใจ...
ผู้เฒ่าซิงผาน, อัศวินสมุทรและมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนล้มลงที่หน้าประตูป้อมและหลับลงอย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วที่หลบหนีออกมาได้จากผนึกก้าวยาวๆ เข้ามา ตามมาด้วยบุรุษที่สวมชุดคลุมในป้อม เขาเบียดตัวเข้าไปในสนามต่อสู้
ในท่ามกลางสนามต่อสู้ ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย ท่านหญิงเยี่ยน ขุนพลปลาดาวและคนอื่นๆ จากไปนานแล้ว
ไห่อิงอู่ที่กอดราชินีแมงกะพรุนไว้ในอ้อมแขนก็หายไปด้วยเช่นกัน
มีเพียงสามคนที่เหลืออยู่ในเวที
หนึ่งในนั้นก็คือนาคราชสมุทรเก้าหัวที่ยังคงฟื้นฟูจากอาการกระดูกคอหัก, คนที่สองคือเผ่ามีปีกเสียงหวี่ผู้รับคำสาปสืบต่อจากราชินีแมงกะพรุนหลังจากฆ่านาง
คนที่สามคือเย่ว์หยางที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นกินแอปเปิลอย่างสบายใจขณะรอให้ศัตรูมาถึง
เมื่อเขาเห็นบุรุษที่สวมชุดคลุมปรากฏตัวเข้ามา เขาหัวเราะ
เหมือนกับว่าเขาได้เห็นสหายเก่าร่วมชั้นเรียนที่ไม่ได้พบกันมานาน
บุรุษที่อยู่ในชุดคลุม ใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มสดใส และเขายังยิ้มอย่างสุภาพ
บุรุษผู้นี้มองดูคล้ายกับชี่เหยียน, ชิงเยี่ยนและจี๋จิ่วที่อยู่ข้างนอกมาก นอกจากท่าทางเย่อหยิ่งและเหี้ยมโหดบนใบหน้าของเขา เขายังมีลักษณะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกสองอย่างคือความเชื่อมั่นในตนเอง ความเชื่อมั่นเช่นนี้ไม่ได้มาจากพลังหรือสถานะ แต่มาจากนิสัยของเขาเอง มันเป็นบุคลิกภาพตั้งแต่เกิด ในขณะที่ท่าทีที่แปลกประหลาดดูเป็นตัวของตัวเองที่ไม่มีใครอื่นเหมือน นอกจากคนผู้นั้นเอง เหมือนกับว่าเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนทุกคน
เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยาง เขายิ้ม
ไม่ใช่รอยยิ้มที่สนิทสนม ไม่ใช่ทั้งรอยยิ้มที่สุภาพ แต่เป็นรอยยิ้มมีความสุขเฉพาะตัวเป็นพิเศษ
รอยยิ้มแบบนี้เป็นรอยยิ้มปลาบปลื้มใจเหมือนเกษตรกรได้เห็นการเก็บเกี่ยวจากพืชผลของเขา หรือเมื่อชาวประมงเห็นสายเบ็ดกำลังถูกดึง หรือเมื่อนายพรานมองเห็นสัตว์ป่าตกลงไปในกับดักของเขา
เขาเพียงจับตามองดูเย่ว์หยาง และไม่สนใจนาคราชสมุทรเก้าหัวและไม่ได้ปลอบใจเผ่ามีปีกอย่างเสียงหวี่
เขายิ้มและถามเย่ว์หยาง “เจ้าคืออัจฉริยะที่มีชื่อหมื่นปีจึงจะมีปรากฏสักครั้ง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ใช่ไหม?”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้น ยิ้มของเขาสดใสยิ่งกว่าเดิม “เจ้าคืออัจฉริยะที่มีชีวิตมาสามพันปี ราชันย์พันปีศาจใช่หรือเปล่า?”
เขาไม่ปฏิเสธ, แต่กลับปรบมือหัวเราะ “ถูกแล้ว, ข้าคือราชันย์พันปีศาจ ข้าคิดว่าเจ้าจำข้าไม่ได้เสียอีก ดังนั้นข้าเตรียมจะแนะนำตัวอยู่แล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะมีสายตาดีขนาดนั้น”
“อย่าว่าแต่ราชันย์พันปีศาจเลย, ต่อให้เป็นราชันย์พันแม่เหล็ก, ราชันย์พันสัตว์ป่า, ราชันย์พันทาส, ราชันย์พันกระบี่, ราชันพันงู.. ข้าก็ยังจำได้หมด และจะลืมเจ้าได้ยังไง?” เย่ว์หยางหัวเราะ สีหน้าของเขาดูเหมือนกับจะบอกว่า เขาเพิ่งจะพบกับราชันย์พันผักนั่งขายผักอยู่ริมถนนเมื่อไม่วันมานี้เอง เมื่อราชันย์พันปีศาจได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเขาและเขาทำหน้าเขียวคล้ำทันที
“พ่อหนุ่ม ดูเหมือนเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยความเกลียดชังใช่ไหม?” ราชันย์พันปีศาจถาม
“ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด เมื่อปีที่แล้วมีกลุ่มบุรุษและสตรีที่อ้างว่าศรัทธาในตัวเจ้าลักพาตัวญาติข้าไป” เย่ว์หยางยังคงยิ้ม “ข้าไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างเกลียดชังเท่านั้น แต่ข้ายังไม่ชอบเจ้ามากๆ เสียด้วย”
“คุณชายสามตระกูลเย่ว์, เราทั้งสองต่างก็ถือกำเนิดในทวีปมังกรทะยาน ข้าจะไม่สู้กับเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไปจากที่นี้ ข้าจะยกหอทงเทียนให้เจ้า ข้าจะไม่วิจารณ์อะไร ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรในหอทงเทียนอีกต่อไป อนาคตของข้าอยู่ที่แดนสวรรค์” ราชันย์พันปีศาจแนะนำเย่ว์หยาง “พ่อหนุ่มน้อย ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง หลายอย่างที่ข้ากำลังทำ และหลายอย่างที่เจ้าคิดนั้นแตกต่างกันมาก บางทีเจ้าได้ยินข่าวลือหลายเรื่องเกี่ยวกับข้า แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าเจ้ากับข้าในช่วงอายุเท่ากันนั้นมีความคล้ายกันมากแค่ไหน? เจ้าเป็นไอ้ขี้แพ้เมื่อช่วงเริ่มต้น เนื่องจากยังขาดความก้าวหน้าในพลังฝึกปรือ ผู้คนเหยียดหยามเจ้า ต่อมาเมื่อเจ้าประสบพบโชค เจ้าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว... ข้าเองก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน ข้าเริ่มต้นอย่างล้มเหลว จากนั้นก็ประสบพบโชคและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกลายเป็นอัจฉริยะในประวัติศาสตร์.... ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องมาต่อสู้กันเลย เจ้าผ่านในสิ่งที่ข้าได้ผ่านพบเจอมาแล้ว สิ่งที่ข้าได้ทำไปแล้วก็คือสิ่งที่เจ้าต้องการทำในตอนนี้ ตอนนี้ข้าแค่ต้องการร่างของจ้าวปีศาจโบราณ และออกจากหอทงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ ด้วยวิธีนี้หอทงเทียนก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้การคุกคามของจ้าวปีศาจโบราณอีกต่อไป และเจ้าก็ใช้ชีวิตต่อไปตามที่เจ้าต้องการ”
“เยี่ยม นั่นเป็นการพูดที่เยี่ยมมาก” เย่ว์หยางปรบมือชื่นชมจากนั้นกุมอกหัวเราะเบาๆ “ราชันย์พันปีศาจ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามีศักยภาพพอจะได้เป็นนักพูดโฆษณาชวนเชื่อ? ข้าเองยังเกือบหลงคารมคำพูดของเจ้าเช่นกัน”
เย่ว์หยางทำท่าทำทางว่า ‘เกือบ’ แสดงว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง
หน้าของราชันย์พันปีศาจเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิมทันที
เย่ว์หยางดูเหมือนจะไม่เห็นและยังคงหัวเราะต่อ “ผู้อาวุโส, ในฐานะผู้เยาว์คนหนึ่ง หลายอย่างที่ข้าทำและหลายอย่างที่เจ้าคิดแตกต่างกันมากจริงๆ บางทีเจ้าคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้ามามากมาย แต่เจ้าก็คงเคยคิดว่าข้าแตกต่างจากเจ้ามากมายใช่ไหมเล่า? ราชันย์พันปีศาจอัจฉริยะสามพันปี ความจริงเราทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่ใช่หรือ? เจ้าจะรื้อฟื้นในสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไปแล้วทำไม? ทำไมข้าต้องยอมปล่อยให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ? อนาคตของเจ้าจะอยู่ในแดนสวรรค์ แต่ของข้าจำกัดอยู่เพียงแค่หอทงเทียนใช่ไหม? อย่านึกว่าข้าเป็นเด็กสามขวบเลย ราชันย์พันปีศาจ.. ข้าอยากบอกเจ้าว่าไม่ว่าเจ้าจะชักชวนข้ายังไงก็ตาม ข้าจะถือเหมือนว่าเจ้ากำลังผายลม... เจ้าจะใจดีถึงขนาดยกหอทงเทียนให้ข้าเชียวหรือ? ถ้าเจ้าใจดีขนาดนั้นจริงๆ ทำไมเจ้าถึงไม่ปล่อยให้ข้าได้ร่างของจ้าวปีศาจโบราณเล่า?”
“ก็ได้, อย่างนั้นเราจะสู้กัน, เราคงต้องใช้หมัดคุยกัน” ราชันย์พันปีศาจมีท่าทีเศร้าและถอนหายใจ “คุณชายสามตระกูลเย่ว์ เจ้าช่างเหมือนข้าเมื่อตอนเยาว์วัยจริงๆ! หัวรั้นเหมือนกัน มีทัศนคติที่ดื้อด้านเหมือนกัน แม้ว่าเรารู้ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็เลือกจะสานต่อจนถึงที่สุด”
“นั่นเป็นคำชมหรือเปล่า?” เย่ว์หยางใช้ขาเตะฮุยไท่หลางที่กำลังหลับอยู่บนพื้น “ไปลากฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วกลับมาที่นี่ ข้าว่าพวกนั้นคงโดนศัตรูเล่นงานปางตายไปแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง พวกเขาอาจจะยังไม่ตาย” ราชันย์พันปีศาจยิ้มอย่างมั่นใจ “เป้าหมายหลักของข้าคือฆ่าเจ้าก่อน”
“นี่ช่างบังเอิญเหลือเกิน เราคิดเหมือนกัน” เย่ว์หยางปรบมือเห็นด้วย
ราชันย์พันปีศาจยกมือของเขา
ครืนนน ครืนนนน เสียงดังกึกก้อง ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วซึ่งเป็นปีศาจโบราณที่สูงมากกว่าแปดสิบเมตรปรากฏตัวอยู่กลางสนามต่อสู้ พลังของมันคือนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม มันคุกเข่ากับพื้นต่อหน้าราชันย์พันปีศาจ เมื่อราชันย์พันปีศาจชี้ ปีศาจโบราณสูงร้อยห้าสิบเมตรก้าวเท้ามาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง มันกางกรงเล็บปีศาจขนาดยักษ์ออก เตรียมใช้หมัดสังหารกับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางหาว “กลั๊ว.กลัวจังเลย”
ด้านหลังเขา ปรากฏร่างเด็กสาวยักษ์สวมเกราะไตตันปรากฏตัวในพริบตา
“เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายข้าหรือ?” เด็กสาวยักษ์โกรธคำรามลั่น เสียงคำรามของนางสั่นสะเทือนโลกและน่าสยดสยอง นางคว้าเขาของปีศาจโบราณได้ จากนั้นใช้พลังบางส่วนพลิกตัวปีศาจโบราณแล้วเตะมันเต็มกำลัง ปีศาจโบราณถูกเตะกระเด็นไปหลายร้อยเมตรกระแทกเข้ากับด้านนอกของป้อมดาวตกฝังลึกลงไปในผนังป้อม
“.....” สีหน้าของราชันย์พันปีศาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อเห็นเด็กสาวยักษ์ปรากฏตัว
เขาไม่พูดอะไร แต่ล้วงบอลเวทออกมาและโยนใส่เด็กสาวยักษ์ที่พุ่งเข้าโจมตีปีศาจโบราณ
แสงสว่างปรากฏขึ้น จากนั้นทั้งเด็กสาวยักษ์และปีศาจโบราณก็หายไปจากสนามต่อสู้ข้างหน้าและไปปรากฏตัวในสนามประลองมรณะในอีกมิติหนึ่งซึ่งพวกเขาจะต้องสู้เสี่ยงชีวิตกัน แม้ว่าทั้งสองจะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม แต่เมื่อเข้าสู่สนามประลองมรณะ พวกเขาจะถูกรหัสโบราณควบคุม หนึ่งในนั้นจะต้องตายเพื่อให้อีกคนได้ออกมา
“ข้ายังมีอสูรฟ้าอยู่อีก แล้วเจ้าเล่าคุณชายสาม?” ราชันย์พันปีศาจเรียกยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสอง มันมีความสูงถึงร้อยเมตร สวมเกราะน้ำแข็งที่ไม่เหมือนใคร มันมีตาเดียวปากกว้างใหญ่ แขนทั้งสี่ข้างมีพลังมหาศาล มีแม้กระทั่งวงเวทอักษรรูนสำหรับเพิ่มพลัง บนหัวของมันมีเขาสีดำสองข้างใหญ่กว่าเขาเผ่าปีศาจ เขาของมันโค้งงอเหมือนกับเขากระทิงใช้ปกป้องจุดอ่อนของร่างยักษ์ของมัน นั่นก็คือกะโหลกของมัน
“ข้าไม่มีอีกแล้ว” เย่ว์หยางทำสีหน้าเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยมาแต่แรก
เบื้องหลังของเขาเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง ตั่วตั่วซึ่งเพิ่งตื่นจากหลับลึกชี้นิ้วไปที่มัน “นายท่าน เจ้าผู้นี้ท่าทางรสชาติไม่ดีเลย”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ต้นดอกหนามก็พันรอบเข่ายักษ์ภูเขาหิมะ
ไม่รอให้ยักษ์ภูเขาหิมะได้ตั้งตัว ดอกหนามอีกต้นหนึ่งก็กัดทำลายบอลแสงเข้าสนามประลองมรณะที่เย่ว์หยางโยนออกมา
แสงสว่างฉายวาบ
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองและยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสอง ถูกเทเลพอร์ตเข้าสนามประลองมรณะทั้งคู่ ราชันย์พันปีศาจประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงยังเห็นอสูรรบนี้ได้ทั้งที่เกือบจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว ตรงกันข้ามเย่ว์หยางยังดูสบายใจอยู่ เขาหัวเราะ “ความจริงข้าก็มีบอลสนามประลองมรณะนั้นอยู่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องรบกวนให้เจ้าต้องควักมันออกมาเลย ผู้อาวุโสราชันย์พันปีศาจ เรียกอสูรฟ้าสำหรับรบของเจ้าออกมาให้หมดเลยก็ได้ ขอให้ผู้เยาว์ได้เปิดหูเปิดตาหน่อย”