ตอนที่แล้วตอนที่ 577 หัวเราะและยิ้มอย่างภูมิใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 579 แข่งสมบัติ ใครมั่งคั่งกว่ากัน

ตอนที่ 578 ราชันย์พันปีศาจ


ภายในประตูลับ ในโลกที่เต็มไปด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ หุบเขาพายุน้ำแข็ง

มีร่างหนึ่งปรากฏอยู่หน้าทะเลสาบลาวา  มันเหยียดมือออกอย่างใจเย็นและเรียกฝนดาวตก

เมื่อผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนสั่วเห็นคนผู้นี้ปรากฏตัว เขาดีใจมากกับข่าวดีไม่คาดคิดนี้

ทันใดนั้น เขาโผล่ออกมาจากผิวทะเลสาบทันที

หมอบคารวะทักทาย

ในป้อมดาวตก บุรุษประหลาดที่อยู่ในชุดหมอผีเผ่าทะเลถอนสนามพลังและหลบหนีผ่านพะยูนนรกไปเหมือนปลา  แม้ว่าฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วจะเร่งรีบกลับมาจากด้านนอก ก็ไม่สามารถหยุดเขาได้สำเร็จ

“เจ้าจะหลบหนีไปไหน....”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไล่ตามเขาทันที ไม่ยินยอมให้เขาได้หนี

เย่ว์หยางยังคงไม่เคลื่อนไหว

เขายังคงรั้งอยู่ข้างๆ ไห่อิงอู่ที่ร้องไห้อยู่เงียบๆ

ไห่อิงอู่เป็นเด็กฉลาดเกิดมาพร้อมด้วยสัญชาตญาณสตรี  นางไม่สามารถยืนยันได้ก่อนหน้านี้เพราะข่าวลือของราชินีแมงกะพรุนมีผลต่อการตัดสินใจของนาง  เมื่อราชินีแมงกะพรุนตายในอ้อมแขนนาง ในที่สุดไห่อิงอู่ก็รู้สึกเสียใจกับการตายของนาง  แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าในอดีตราชินีแมงกะพรุนทำลงไปเพื่ออะไร  แต่เพียงได้เห็นรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจและปลาบปลื้ม นางจึงรู้ว่าอะไรก็ตามที่ราชินีแมงกะพรุนทำลงไปความจริงก็ล้วนแต่ทำเพื่อนางคนเดียว

“ไม่นะ, ไม่....” ไห่อิงอู่หลั่งน้ำตารำพึงกับตนเอง  “เป็นจักรพรรดินีสมุทรผู้ปกครองสมุทรไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ  สิ่งที่ข้าต้องการที่สุดคือครอบครัวที่อบอุ่น  พ่อแม่ที่รักและดูแลข้า ข้าไม่ต้องการความแข็งแกร่งอย่างนี้ ไม่ต้องการเป็นกำพร้าที่น่าสมเพช  ข้าไม่ต้องการครอบครองขอบเขตมหาสมุทรที่กว้างใหญ่แต่กลับไร้ญาติสนิท.. ทำไมต้องเป็นแบบนี้?  ข้าอยากเป็นลูกสาวของคนธรรมดามากกว่า, ทำไม...”

“มีหลายเรื่องในโลกนี้ที่เราไม่อาจเลือกได้”  เย่ว์หยางกอดนางและปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล

ห่างออกไปนอกป้อมดาวตกห้ากิโลเมตร บุรุษในชุดหมอผีเผ่าทะเลถูกฟงจู้, เป่ยฟงเจียโส่วและพะยูนนรกทั้งสองไล่ตามทัน

อย่างไรก็ตามบุรุษผู้นี้ไม่ตื่นเต้น

เขากลับใจเย็นอย่างมาก

จากระยะไกลมีเงาร่างสองร่างตรงเข้ามาทางพวกเขาราวกับสายลม

ลักษณะของพวกเขาทั้งเสื้อผ้า, อารมณ์, พลังและรายละเอียดอื่นๆ ของบุรุษทั้งสองคนเหมือนกัน ราวกับว่าเป็นร่างแยกของกันและกัน

ใบหน้าแคบยาวคล้ายกัน ส่วนสูง, จมูกโด่ง ริมฝีปากบางเท่ากัน และดวงตาของพวกเขามีลักษณะคล้ายกัน  สีหน้าแบบนี้ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เว้นแต่มีมาแต่กำเนิด

เมื่อเห็นท่าทีที่เย่อหยิ่งและรูปลักษณ์ที่อำมหิตและรังเกียจต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดแล้ว สามารถบอกได้เลยว่าสองคนนี้คุ้นเคยกับการอยู่เหนือคนอื่น

นอกจากนั้น พวกเขายังเหี้ยมโหดมองเห็นชีวิตผู้อื่นเหมือนกับผักปลา

หากท่านจะพูดถึงความแตกต่าง  ก็คงมีความแตกต่างระหว่างบุรุษทั้งสองก็คือมุกระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่หน้าพวกเขา  คนที่อยู่ทางด้านซ้ายมีมุกสีแดงเลือดกำลังเผาไหม้  นี่คือมุกภูตเพลิงแดง  คนทางขวามีมุกสีเขียวเข้มเหมือนไฟฟอสฟอรัส  นี่คือมุกภูตเพลิงเขียว  มุกภูตทั้งสองนี้เป็นเพียงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง

บุรุษที่ยืนอยู่ด้านซ้ายโค้งคำนับให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วด้วยมารยาทที่สุภาพ  “ข้าคือร่างแยกของราชันย์พันปีศาจนาม ชี่เหยียน”

บุรุษที่อยู่ด้านขวายังคงคำนับด้วยมารยาทอย่างเดียวกัน  “ข้าคือร่างแยกที่สองของราชันย์พันปีศาจ ชิงเยี่ยน”

บุรุษประหลาดที่ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเลเปลี่ยนไปเช่นกัน  เขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหมือนกับร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ ปีศาจเพลิงสีม่วง  มุกภูตเพลิงม่วงลอยอยู่ต่อหน้าเขา

บุรุษผู้ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเลยิ้มเล็กน้อย  “ข้าคือร่างแยกที่สามของราชันย์พันปีศาจ นามจื๋อจิ่ว”

ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วหน้าซีดไร้สีทันที  สี่ต่อสามหรือ?

อย่างนี้ท่าทางไม่ดีแน่

เนื่องจากเพิ่งผ่านการต่อสู้กับผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่ว ทำให้พวกเขาสิ้นเปลืองพลังไปมาก  ถ้าพวกเขาต้องสู้อีกครั้งหนึ่ง  ผลที่ออกมาก็คงไม่ดีแน่  สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า แม้ว่าพะยูนนรกจะมีพลังระดับอสูรฟ้าระดับสอง  แต่พวกมันไม่ค่อยฉลาด  ดังนั้นจึงมีขีดจำกัดในการแสดงขีดความสามารถทางทหารของพวกมัน  บางทีพวกมันสามารถโจมตีคนหนึ่งในจำนวนนั้น  แต่สำหรับอีกสองคน ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่มั่นใจว่าจะสู้กันตัวต่อตัวได้

ในอีกฝ่ายหนึ่ง บุรุษทั้งสามที่อ้างตัวว่าเป็นร่างแยกของราชันย์พันปีศาจ  ทุกคนมีพลังปราณฟ้าระดับสามกันทุกคน

“เราไม่ต้องการสู้กับพวกเจ้าเลย  งานที่สำคัญที่สุดของพวกเราคือรับเอาร่างของจ้าวปีศาจโบราณ  แต่พวกเจ้าสร้างความลำบากมากมายนัก  ถ้าเราไม่ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องขวางทางแน่”  ร่างแยกที่หนึ่งชี่เหยียนกล่าว

“ถ้าเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถเอาชนะเราทั้งสามได้ เจ้าคิดผิดเสียแล้ว”  ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วมองหน้ากันจากนั้นหันหลังชนกัน

“แน่นอนว่าเราไม่เพียงแต่จะเอาชนะพวกเจ้าทั้งสี่  เราต้องการฆ่าพวกเจ้าอีกด้วย” บุรุษที่ปลอมเป็นหมอผีเผ่าทะเล และเป็นร่างแยกที่สามนามจี๋จิ่วเหาะเข้าหาทั้งสามด้วยความเร็วสุดยอด เงื้อมือและใช้สนามพลังที่ไม่ธรรมดาออกไป  ทันใดนั้นฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วชะงักงันอยู่กับที่  ภายในสนามพลัง เวลาและมิติดูเหมือนจะหยุดนิ่ง  แม้แต่จี๋จิ่วเองก็ยังลอยอยู่ในอากาศไม่เคลื่อนไหว

ร่างแยกแรกชี่เหยียนและร่างแยกที่สองชิงเยี่ยนโจมตีใส่พะยูนนรกทั้งสองทันที

ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่สามารถเคลื่อนไหวได้  แต่สามารถคิดได้

รู้ทั้งรู้ว่าพะยูนนรกทั้งสองจะต้องพ่ายแพ้  แต่พวกเขาติดอยู่ในสนามพลังลึกลับไม่สามารถหลบหนีได้  ดังนั้นพวกเขาได้แต่กังวลอย่างจนใจ...

ผู้เฒ่าซิงผาน, อัศวินสมุทรและมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนล้มลงที่หน้าประตูป้อมและหลับลงอย่างรวดเร็ว  ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วที่หลบหนีออกมาได้จากผนึกก้าวยาวๆ เข้ามา ตามมาด้วยบุรุษที่สวมชุดคลุมในป้อม เขาเบียดตัวเข้าไปในสนามต่อสู้

ในท่ามกลางสนามต่อสู้ ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย ท่านหญิงเยี่ยน ขุนพลปลาดาวและคนอื่นๆ จากไปนานแล้ว

ไห่อิงอู่ที่กอดราชินีแมงกะพรุนไว้ในอ้อมแขนก็หายไปด้วยเช่นกัน

มีเพียงสามคนที่เหลืออยู่ในเวที

หนึ่งในนั้นก็คือนาคราชสมุทรเก้าหัวที่ยังคงฟื้นฟูจากอาการกระดูกคอหัก, คนที่สองคือเผ่ามีปีกเสียงหวี่ผู้รับคำสาปสืบต่อจากราชินีแมงกะพรุนหลังจากฆ่านาง

คนที่สามคือเย่ว์หยางที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นกินแอปเปิลอย่างสบายใจขณะรอให้ศัตรูมาถึง

เมื่อเขาเห็นบุรุษที่สวมชุดคลุมปรากฏตัวเข้ามา  เขาหัวเราะ

เหมือนกับว่าเขาได้เห็นสหายเก่าร่วมชั้นเรียนที่ไม่ได้พบกันมานาน

บุรุษที่อยู่ในชุดคลุม ใบหน้าของเขาก็ยังมีรอยยิ้มสดใส และเขายังยิ้มอย่างสุภาพ

บุรุษผู้นี้มองดูคล้ายกับชี่เหยียน, ชิงเยี่ยนและจี๋จิ่วที่อยู่ข้างนอกมาก  นอกจากท่าทางเย่อหยิ่งและเหี้ยมโหดบนใบหน้าของเขา  เขายังมีลักษณะที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกสองอย่างคือความเชื่อมั่นในตนเอง  ความเชื่อมั่นเช่นนี้ไม่ได้มาจากพลังหรือสถานะ แต่มาจากนิสัยของเขาเอง มันเป็นบุคลิกภาพตั้งแต่เกิด  ในขณะที่ท่าทีที่แปลกประหลาดดูเป็นตัวของตัวเองที่ไม่มีใครอื่นเหมือน นอกจากคนผู้นั้นเอง  เหมือนกับว่าเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนทุกคน

เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยาง  เขายิ้ม

ไม่ใช่รอยยิ้มที่สนิทสนม ไม่ใช่ทั้งรอยยิ้มที่สุภาพ แต่เป็นรอยยิ้มมีความสุขเฉพาะตัวเป็นพิเศษ

รอยยิ้มแบบนี้เป็นรอยยิ้มปลาบปลื้มใจเหมือนเกษตรกรได้เห็นการเก็บเกี่ยวจากพืชผลของเขา  หรือเมื่อชาวประมงเห็นสายเบ็ดกำลังถูกดึง หรือเมื่อนายพรานมองเห็นสัตว์ป่าตกลงไปในกับดักของเขา

เขาเพียงจับตามองดูเย่ว์หยาง และไม่สนใจนาคราชสมุทรเก้าหัวและไม่ได้ปลอบใจเผ่ามีปีกอย่างเสียงหวี่

เขายิ้มและถามเย่ว์หยาง  “เจ้าคืออัจฉริยะที่มีชื่อหมื่นปีจึงจะมีปรากฏสักครั้ง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ใช่ไหม?”

เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนั้น ยิ้มของเขาสดใสยิ่งกว่าเดิม  “เจ้าคืออัจฉริยะที่มีชีวิตมาสามพันปี ราชันย์พันปีศาจใช่หรือเปล่า?”

เขาไม่ปฏิเสธ, แต่กลับปรบมือหัวเราะ  “ถูกแล้ว, ข้าคือราชันย์พันปีศาจ  ข้าคิดว่าเจ้าจำข้าไม่ได้เสียอีก  ดังนั้นข้าเตรียมจะแนะนำตัวอยู่แล้ว  คาดไม่ถึงเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะมีสายตาดีขนาดนั้น”

“อย่าว่าแต่ราชันย์พันปีศาจเลย, ต่อให้เป็นราชันย์พันแม่เหล็ก, ราชันย์พันสัตว์ป่า, ราชันย์พันทาส, ราชันย์พันกระบี่, ราชันพันงู..  ข้าก็ยังจำได้หมด และจะลืมเจ้าได้ยังไง?”  เย่ว์หยางหัวเราะ  สีหน้าของเขาดูเหมือนกับจะบอกว่า เขาเพิ่งจะพบกับราชันย์พันผักนั่งขายผักอยู่ริมถนนเมื่อไม่วันมานี้เอง  เมื่อราชันย์พันปีศาจได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าเขาและเขาทำหน้าเขียวคล้ำทันที

“พ่อหนุ่ม  ดูเหมือนเจ้าปฏิบัติต่อข้าด้วยความเกลียดชังใช่ไหม?” ราชันย์พันปีศาจถาม

“ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด เมื่อปีที่แล้วมีกลุ่มบุรุษและสตรีที่อ้างว่าศรัทธาในตัวเจ้าลักพาตัวญาติข้าไป”  เย่ว์หยางยังคงยิ้ม  “ข้าไม่ปฏิบัติกับเจ้าอย่างเกลียดชังเท่านั้น  แต่ข้ายังไม่ชอบเจ้ามากๆ เสียด้วย”

“คุณชายสามตระกูลเย่ว์, เราทั้งสองต่างก็ถือกำเนิดในทวีปมังกรทะยาน  ข้าจะไม่สู้กับเจ้าแน่  ถ้าเจ้าไปจากที่นี้ ข้าจะยกหอทงเทียนให้เจ้า   ข้าจะไม่วิจารณ์อะไร ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรในหอทงเทียนอีกต่อไป  อนาคตของข้าอยู่ที่แดนสวรรค์”    ราชันย์พันปีศาจแนะนำเย่ว์หยาง  “พ่อหนุ่มน้อย ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่ง หลายอย่างที่ข้ากำลังทำ และหลายอย่างที่เจ้าคิดนั้นแตกต่างกันมาก  บางทีเจ้าได้ยินข่าวลือหลายเรื่องเกี่ยวกับข้า แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าเจ้ากับข้าในช่วงอายุเท่ากันนั้นมีความคล้ายกันมากแค่ไหน? เจ้าเป็นไอ้ขี้แพ้เมื่อช่วงเริ่มต้น เนื่องจากยังขาดความก้าวหน้าในพลังฝึกปรือ ผู้คนเหยียดหยามเจ้า  ต่อมาเมื่อเจ้าประสบพบโชค เจ้าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว...  ข้าเองก็เผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน  ข้าเริ่มต้นอย่างล้มเหลว จากนั้นก็ประสบพบโชคและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกลายเป็นอัจฉริยะในประวัติศาสตร์.... ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องมาต่อสู้กันเลย  เจ้าผ่านในสิ่งที่ข้าได้ผ่านพบเจอมาแล้ว  สิ่งที่ข้าได้ทำไปแล้วก็คือสิ่งที่เจ้าต้องการทำในตอนนี้  ตอนนี้ข้าแค่ต้องการร่างของจ้าวปีศาจโบราณ และออกจากหอทงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ ด้วยวิธีนี้หอทงเทียนก็จะไม่ตกอยู่ภายใต้การคุกคามของจ้าวปีศาจโบราณอีกต่อไป และเจ้าก็ใช้ชีวิตต่อไปตามที่เจ้าต้องการ”

“เยี่ยม นั่นเป็นการพูดที่เยี่ยมมาก” เย่ว์หยางปรบมือชื่นชมจากนั้นกุมอกหัวเราะเบาๆ  “ราชันย์พันปีศาจ  เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามีศักยภาพพอจะได้เป็นนักพูดโฆษณาชวนเชื่อ? ข้าเองยังเกือบหลงคารมคำพูดของเจ้าเช่นกัน”

เย่ว์หยางทำท่าทำทางว่า ‘เกือบ’ แสดงว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง

หน้าของราชันย์พันปีศาจเขียวคล้ำยิ่งกว่าเดิมทันที

เย่ว์หยางดูเหมือนจะไม่เห็นและยังคงหัวเราะต่อ  “ผู้อาวุโส, ในฐานะผู้เยาว์คนหนึ่ง หลายอย่างที่ข้าทำและหลายอย่างที่เจ้าคิดแตกต่างกันมากจริงๆ  บางทีเจ้าคงได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับข้ามามากมาย แต่เจ้าก็คงเคยคิดว่าข้าแตกต่างจากเจ้ามากมายใช่ไหมเล่า? ราชันย์พันปีศาจอัจฉริยะสามพันปี  ความจริงเราทั้งสองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงไม่ใช่หรือ?  เจ้าจะรื้อฟื้นในสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไปแล้วทำไม?  ทำไมข้าต้องยอมปล่อยให้เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ?   อนาคตของเจ้าจะอยู่ในแดนสวรรค์ แต่ของข้าจำกัดอยู่เพียงแค่หอทงเทียนใช่ไหม?  อย่านึกว่าข้าเป็นเด็กสามขวบเลย ราชันย์พันปีศาจ.. ข้าอยากบอกเจ้าว่าไม่ว่าเจ้าจะชักชวนข้ายังไงก็ตาม  ข้าจะถือเหมือนว่าเจ้ากำลังผายลม... เจ้าจะใจดีถึงขนาดยกหอทงเทียนให้ข้าเชียวหรือ?  ถ้าเจ้าใจดีขนาดนั้นจริงๆ  ทำไมเจ้าถึงไม่ปล่อยให้ข้าได้ร่างของจ้าวปีศาจโบราณเล่า?”

“ก็ได้,  อย่างนั้นเราจะสู้กัน, เราคงต้องใช้หมัดคุยกัน”  ราชันย์พันปีศาจมีท่าทีเศร้าและถอนหายใจ  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  เจ้าช่างเหมือนข้าเมื่อตอนเยาว์วัยจริงๆ!  หัวรั้นเหมือนกัน มีทัศนคติที่ดื้อด้านเหมือนกัน  แม้ว่าเรารู้ทางเลือกที่ดีที่สุด  แต่ก็เลือกจะสานต่อจนถึงที่สุด”

“นั่นเป็นคำชมหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางใช้ขาเตะฮุยไท่หลางที่กำลังหลับอยู่บนพื้น  “ไปลากฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วกลับมาที่นี่  ข้าว่าพวกนั้นคงโดนศัตรูเล่นงานปางตายไปแล้ว”

“ไม่ต้องห่วง พวกเขาอาจจะยังไม่ตาย”  ราชันย์พันปีศาจยิ้มอย่างมั่นใจ  “เป้าหมายหลักของข้าคือฆ่าเจ้าก่อน”

“นี่ช่างบังเอิญเหลือเกิน เราคิดเหมือนกัน”  เย่ว์หยางปรบมือเห็นด้วย

ราชันย์พันปีศาจยกมือของเขา

ครืนนน  ครืนนนน  เสียงดังกึกก้อง  ผู้อาวุโสปีศาจเยี่ยนซั่วซึ่งเป็นปีศาจโบราณที่สูงมากกว่าแปดสิบเมตรปรากฏตัวอยู่กลางสนามต่อสู้  พลังของมันคือนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม มันคุกเข่ากับพื้นต่อหน้าราชันย์พันปีศาจ  เมื่อราชันย์พันปีศาจชี้ ปีศาจโบราณสูงร้อยห้าสิบเมตรก้าวเท้ามาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง มันกางกรงเล็บปีศาจขนาดยักษ์ออก เตรียมใช้หมัดสังหารกับเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางหาว “กลั๊ว.กลัวจังเลย”

ด้านหลังเขา ปรากฏร่างเด็กสาวยักษ์สวมเกราะไตตันปรากฏตัวในพริบตา

“เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายข้าหรือ?”  เด็กสาวยักษ์โกรธคำรามลั่น  เสียงคำรามของนางสั่นสะเทือนโลกและน่าสยดสยอง  นางคว้าเขาของปีศาจโบราณได้ จากนั้นใช้พลังบางส่วนพลิกตัวปีศาจโบราณแล้วเตะมันเต็มกำลัง  ปีศาจโบราณถูกเตะกระเด็นไปหลายร้อยเมตรกระแทกเข้ากับด้านนอกของป้อมดาวตกฝังลึกลงไปในผนังป้อม

“.....”  สีหน้าของราชันย์พันปีศาจเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อเห็นเด็กสาวยักษ์ปรากฏตัว

เขาไม่พูดอะไร แต่ล้วงบอลเวทออกมาและโยนใส่เด็กสาวยักษ์ที่พุ่งเข้าโจมตีปีศาจโบราณ

แสงสว่างปรากฏขึ้น จากนั้นทั้งเด็กสาวยักษ์และปีศาจโบราณก็หายไปจากสนามต่อสู้ข้างหน้าและไปปรากฏตัวในสนามประลองมรณะในอีกมิติหนึ่งซึ่งพวกเขาจะต้องสู้เสี่ยงชีวิตกัน  แม้ว่าทั้งสองจะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม แต่เมื่อเข้าสู่สนามประลองมรณะ พวกเขาจะถูกรหัสโบราณควบคุม  หนึ่งในนั้นจะต้องตายเพื่อให้อีกคนได้ออกมา

“ข้ายังมีอสูรฟ้าอยู่อีก แล้วเจ้าเล่าคุณชายสาม?”  ราชันย์พันปีศาจเรียกยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสอง  มันมีความสูงถึงร้อยเมตร สวมเกราะน้ำแข็งที่ไม่เหมือนใคร มันมีตาเดียวปากกว้างใหญ่  แขนทั้งสี่ข้างมีพลังมหาศาล  มีแม้กระทั่งวงเวทอักษรรูนสำหรับเพิ่มพลัง  บนหัวของมันมีเขาสีดำสองข้างใหญ่กว่าเขาเผ่าปีศาจ  เขาของมันโค้งงอเหมือนกับเขากระทิงใช้ปกป้องจุดอ่อนของร่างยักษ์ของมัน นั่นก็คือกะโหลกของมัน

“ข้าไม่มีอีกแล้ว” เย่ว์หยางทำสีหน้าเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ร่ำรวยมาแต่แรก

เบื้องหลังของเขาเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง  ตั่วตั่วซึ่งเพิ่งตื่นจากหลับลึกชี้นิ้วไปที่มัน “นายท่าน เจ้าผู้นี้ท่าทางรสชาติไม่ดีเลย”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ต้นดอกหนามก็พันรอบเข่ายักษ์ภูเขาหิมะ

ไม่รอให้ยักษ์ภูเขาหิมะได้ตั้งตัว ดอกหนามอีกต้นหนึ่งก็กัดทำลายบอลแสงเข้าสนามประลองมรณะที่เย่ว์หยางโยนออกมา

แสงสว่างฉายวาบ

นางพญาดอกหนามมงกุฎทองและยักษ์ภูเขาหิมะอสูรฟ้าระดับสอง ถูกเทเลพอร์ตเข้าสนามประลองมรณะทั้งคู่   ราชันย์พันปีศาจประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงยังเห็นอสูรรบนี้ได้ทั้งที่เกือบจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว  ตรงกันข้ามเย่ว์หยางยังดูสบายใจอยู่  เขาหัวเราะ “ความจริงข้าก็มีบอลสนามประลองมรณะนั้นอยู่เหมือนกัน  ไม่จำเป็นต้องรบกวนให้เจ้าต้องควักมันออกมาเลย  ผู้อาวุโสราชันย์พันปีศาจ  เรียกอสูรฟ้าสำหรับรบของเจ้าออกมาให้หมดเลยก็ได้  ขอให้ผู้เยาว์ได้เปิดหูเปิดตาหน่อย”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด