ตอนที่แล้วตอนที่ 17 รูนิกคันธนูและท่าเรือโคสีขาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 ตำรวจ

ตอนที่ 18 ถนน 404


ตอนที่ 18 ถนน 404

เรนและกลุ่มมองดูถนนลาดยางด้านหน้าจากข้างทางด้วยความยินดี เมื่อมองดูป้ายถนนที่เขียนชัดเจนว่า ถนน 404 พร้อมกับป้ายที่ชี้ไปยังเมืองวอริก ถนน 403จากนั้นก็ถนน 405 เป็นป้ายถัดไป

“พวกเรามาถึงแล้ว” เรนเดินออกมาจากข้างทางไปบนถนน

“ในที่สุดพวกเรารอดตายแล้ว” ธันวาตบไหล่เรนด้วยความดีใจ

ไอราเข้ามากอดแขนของธันวาอย่างยินดี

หลินเดินมาพร้อมกับรินดา ส่วนธนินท์งุนงงกับท่าทีของคนกลุ่มนี้ ทำไมพวกเขาดีใจเหมือนหนีจากผู้ติดเชื้อได้แล้ว

“พวกเราเดินหาพวกทหารกันเถอะ” ธันวาบอกกับเรน

เรนพยักหน้า

ทั้งกลุ่มเดินไปตามถนน 404 เพื่อไปหาทหารที่ขบวนอพยพ

ตามที่ร้อยเอกก้องบอกตำแหน่งที่ชัดเจนของขบวนอพยพคือ จุดพักรถ ถนน 404 อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เมื่อดูจากแผนที่ก็ราว ๆ 1 กิโลเมตร

ที่ต้องเป็นที่นั่น เพราะเป็นเพียงจุดเดียวที่มีพื้นที่กว้างมากพอ มันอยู่ใกล้ ๆ กับสถานีตำรวจที่ดูแลพื้นที่และหมูบ้านรอบ ๆ แถบนี้ ซึ่งเหมาะกับการให้ทหารตั้งค่ายและขบวนอพยพกันได้ดี

“ไปหาพวกทหารกัน” เรนตอบอย่างกระตือรือร้น

“เฮ้ ทหาร ทำไมถึงพูดถึงทหารกัน พวกนายรู้เรื่องอะไรกันบอกฉันหน่อยได้ไหม” ธนินท์พยายามสอบถาม

“ไปถึงเดียวก็รู้เอง” เรนตอบ ตอนนี้เขาใจร้อนอยากจะไปให้ถึงที่นั่นและไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น

คนอื่น ๆ เมื่อเห็นว่าเรนไม่พูด พวกเขาก็ไม่ได้บอกอะไรธนินท์ เหตุผลก็ง่าย ๆ เรื่องขบวนอพยพมันไม่ได้ต้อนรับทุกคน และตั๋วในการเข้าไปก็มีจำกัด โดยเฉพาะเมื่อเรนแอบเอาแหวนออกมาจากกระเป๋าใบนั้น

มันเลยทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าจะใช้กระเป๋าพวกนี้พาพวกเขาไปกับขบวนด้วยได้ไหม แต่จากที่เรนและพวกแอบพูดคุยกันแล้ว พวกเขาคิดว่าแม้แต่ทหารในขบวนก็อาจจะไม่รู้เรื่องแหวนพลัง

และต่อให้ภายหลังได้รู้พวกเขาก็คงไปถึงค่ายลี้ภัยแล้ว

ธนินท์ได้แต่เดินตามกลุ่มไป

พวกเขาใช้เวลา 25 นาทีก็เดินไปถึงยังจุดพักรถ ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมงครึ่งแล้ว หมอกยังคงลงหนาแน่น เพราะรอบ ๆ นั้นเป็นป่า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ปกติที่เกิดขึ้นในตอนเช้าของพื้นที่แถบนี้ ทำให้วิสัยทัศน์ในการมองลดลงพอสมควร

สถานที่จุดพักรถ

พวกเขามาถึงจุดพักรถ โดยด้านห้ามีป้ายเขียนบอกไว้อย่างชัดเจน

“ดูนั่นรถทหาร” เรนชี้ให้ทุกคนดู

ด้านหน้ามีรถบรรทุกทหารจอดอยู่หนึ่งคัน ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปด้วยความกระตือรือร้น ต่ำพอไปถึงทุกคนก็พบกับความผิดปกติ เนื่องจากรอบ ๆ ไม่มีใครอยู่เลย

ที่รถทหารว่างเปล่าตามหลักแล้วควรจะมีทหารคอยเฝ้า อย่างน้อยทหารพวกนั้นก็น่าจะสังเกตเห็นพวกเขาที่เข้ามาแล้ว ถ้ามีทหารอยู่

ธันวาเปิดผ้าใบที่คุมหลังรถออก ก็เห็นเพียงรถที่ว่างเปล่าเท่านั้น

“เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงไม่มีทหารเลย” ธันวาขึ้นไปบนรถและหยิบเอาตุ๊กตาหมีตัวเล็ก ๆ ลงมา ซึ่งบ่งบอกว่ารถนี้เคยมีพลเรือนนั่งมาก่อน จนกระทั่งพวกเขาทิ้งรถและจากไป

นอกจากรถบรรทุกทหารที่จอดทิ้งไว้ก็ยังมีรถคันอื่น ๆ อีกจำนวนมากจอดอยู่

“รถคันนี้ดูเหมือนจะพัง พวกทหารคงถอดเอาอะไหล่ไปใส่คันอื่นแล้ว” เรนเดินมาด้านหน้ารถบรรทุกและชี้ให้ทุกคนได้ดู “ล้อรถโดนถอดไปและมีการดูดเอาน้ำมันในถังรถไปด้วย พวกทหารคงรีบร้อนกันมากพวกเขามีแกลลอนน้ำมันหกไว้เต็มเลย”

ทุกคนเดินมาดูที่ด้านหน้ารถบรรทุกก็เห็นแบบเดียวกัน

“หมายความว่าพวกเขาไปกันแล้ว” หลินพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง คนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกัน

พวกเขาจะมาช้าไป ถ้ามาเร็วกว่านี้หรือมาตั้งแต่เมื่อวานบางทีพวกเขาอาจจะมาทันจริง ๆ

ตอนนั้นเองเรนก็รับรู้ได้ถึงอันตรายที่มาจากด้านหน้าจริงจัง

“มีอันตราย!” เรนบอกกับทุกคนด้วยสีหน้า

ทันทีที่ทุกคนได้ยินก็ระวัง เพราะเมื่อเรนพูดแบบนี้จะมีอันตรายจริง ๆ และก็ไม่ผิดจากที่คาดไว้ มีผู้ติดเชื้อคนหนึ่งวิ่งออกมาจากหมอกตรงเข้ามาหาเรนที่ยืนอยู่ข้างหน้ารถบรรทุกทหาร

เรนเล็งธนูรอมันอยู่แล้ว

ฉึก!

ลูกศรพลังงานที่เรนยิงไปยิงธนูหัวของผู้ติดเชื้อคนนั้นทันที ทำให้มันล้มลงต่อหน้าพวกเขา แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ

ว๊ากกก!!!

เสียงคำรามดังขึ้นมาทั่วทั้งบริเวณ มันดังมาจากภายในหมอกรอบ ๆ ตัวพวกเขา มีผู้ติดเชื้อเกือบ 100 คนหรือมากกว่านั้นตรงมาที่พวกเขา ซึ่งด้านหลังก็มีพวกที่เดินออกมาจากป่าด้วย ทำให้ตอนนี้ทั้งกลุ่มโดนล้อมไว้หมด ไม่มีทางหนีรอดได้

เรนเริ่มคิดหนัก ถ้าเป็นเขาอาจจะพอมีหวัง แต่คนอื่น ๆ นั้นสิ้นหวังเลย

“ซวยแล้วไง ฉันบอกแล้วว่าให้รอที่เรือ” ธนินท์มีสีหน้าสิ้นหวัง เขารีบวิ่งไปที่รถที่จอดอยู่รอบ ๆ และเปิดประตู แต่รถยนต์รอบ ๆ ถ้าไม่โดนล็อกไว้ก็ไม่มีกุญแจ แถมพวกมันทุกคันโดนดูดน้ำมันออกไปแล้ว เหมือนกับรถของพวกทหาร

“ทำยังไงดี เรน!” ธันวาถามเรนด้วยสีหน้ากระวนกระวาย กระสุนปืนลูกซองเขามีไม่มากพอจะฆ่าพวกมัน

“ขึ้นไปบนรถบรรทุก” เรนบอกกับพวกเขา

“รถบรรทุกมันขับไปไม่ได้ ไม่เห็นหรือยังไง” ธนินท์หันมาตวาดใส่เรน

“ไม่ใช่เพื่อขับออกไป แต่เพื่อป้องกันพวกมัน” ไอราคิดออกเธอจึงพูดขึ้นมา ธันวาและคนอื่น ๆ ก็เหมือนเข้าใจความคิดของเรนได้ พวกเขารีบปีนขึ้นไปบนรถบรรทุก

ธนินท์ที่รู้ว่าพวกเขาจะใช้รถเป็นที่กำบังก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาเป็นคนแรก

ธันวาอยากจะถีบชายคนนี้ให้ตกลงมาจริง ๆ แต่เขาก็ห้ามใจไว้ เพราะยิ่งมีเลือดพวกผู้ติดเชื้อจะยิ่งบ้าคลั่ง

บนหลังคารถบรรทุกไม่สามารถให้ทุกคนอยู่ได้ ดังนั้นเรนจึงขึ้นไปบนหลังรถตู้ที่อยู่ใกล้ ๆ แทน ข้าง ๆ เขามีอาจารย์หลินอยู่ด้วย

เรนเริ่มยิงพวกผู้ติดเชื้อเพื่อฆ่าพวกมันให้ได้มากที่สุด และเขาถือโอกาสเก็บเหรียญพวกมันไปด้วย เนื่องจากว่าเหรียญทองระบบนั้นสำคัญมาก ถ้ามีมากพอเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับรูนิกของเขาและนั้นอาจจะเป็นทางเดียวในการรอดออกไปจากที่นี่

ธันวาเองก็เริ่มยิงพวกที่พยายามปีนขึ้นมาบนรถบรรทุก ไอราใช้ปืนพกเป็นบางครั้งสลับกับชะแลงเหล็ก ส่วนรินดาเธอกัดฟันสู้เต็มที่ใช้ค้อนปอนด์ทุบไปที่หัวของผู้ติดเชื้อ ทำให้ตอนนี้ยังไม่มีตัวไหนขึ้นมาได้

“อ๊ากกก...ช่วยฉันด้วย”

แต่แล้วในตอนนั้นเองธนินท์ก็ร้องออกมา เพราะมีผู้ติดเชื้อเด็กผู้ชายอายุราว ๆ 14 ปีปีนขึ้นมาทางหน้ากระจกรถบรรทุกและจับขาไว้

ธนินท์ร้องออกมาด้วยความกลัว เขาคว้าตัวของรินดาไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้รินดาตกใจและโดนดึงจะตกลงไปด้วย

ปัก!

หลินที่อยู่บนหลังค่ารถตู้ได้ใช้รูนิกคันธนูยิงหัวของผู้ติดเชื้อเด็ก ทำให้มันตายและปล่อยมือจากขาของธนินท์ ไอรารีบเข้ามาดึงรินดาขึ้นมา ธนินท์อาศัยจังหวะนี้ปีนกลับขึ้นมาโดยไม่สนใจสองสาว

ตอนนั้นเขาเหลือบไปเห็นปืนพกของไอรา

“เอาปืนมาฉัน”

ธนินท์เข้าไปแย่งปืนมาจากมือของไอรา ซึ่งไอราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเธอกำลังดึงรินดาขึ้นมา สุดท้ายแล้วไอราดึงรินดาขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนธนินท์ก็เอาปืนไปได้

ปัง! ๆ ๆ ๆ

ธนินท์ยิงใส่พวกผู้ติดเชื้อย่างบ้างคลั่ง แต่กระสุนปืนมีเหลือแค่ไม่กี่นัด ดังนั้นมันจึงหมดกระสุนอย่างรวดเร็ว

“กระสุนหมด บัดซบ!” ธนินท์รู้สึกอยากจะตาย

“ตาลุงตัวเหม็น!!!” ส่วนไอรานั้นอยากจะใช้ชะแลงเหล็กทุบหัวของชายคนนี้มาก กระสุนในปืนนั้นเป็นแม็กสุดท้ายที่มีอยู่แล้ว

“ไอรามาอยู่ข้างหลังฉันไว้” ธันวาบอกกับแฟนสาวของตนเองและหันไปตะโกนใส่พวกผู้ติดเชื้อ “ถ้าพวกแกอยากจะกินแฟนฉันก็ต้องข้ามศพของฉันไปก่อน”

ธันวาใช้ปืนลูกซองยิงพวกมัน แต่กระสุนก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้นมันหมดลงอย่างรวดเร็ว

ด้านของเรนและหลินทั้งสองอยู่ที่หลังคารถตู้ มันไม่ได้สูงเท่าหลังคารถบรรทุก ทำให้ผู้ติดเชื้อนั้นปืนขึ้นมาได้ง่าย แต่พวกมันก็โดนเรนจัดการได้ก่อน เพราะเขามีรูนิกลางสังหรณ์จึงสามารถระบุถึงอันตรายจากตัวของผู้ติดเชื้อรอบตัวได้ จึงยื้อได้นานขนาดนี้

แต่ว่านั้นก็คงอีกไม่นาน เพราะแม้จะรับรู้ได้ แต่ก็จัดการได้ไม่หมด

มีผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งจับไปที่ขาของไอราได้ มันดึงจนไอราล้มหลังฝาดไปกับหลังคารถตู้ เรนหันกลับไปหยิบลูกศรที่อยู่ในกระบอกด้านหลังของกระเป๋าเป้ธนู เขาไม่มีเวลามายิงจึงใช้มันแทงใส่เบ้าตาของผู้ติดเชื้อตัวนั้นไปตรง ๆ

ก่อนจะใช้เท้าถีบจนตัวของผู้ติดเชื้อคนนั้นหงายหลังหล่นลงไป

หลินถอยเข้ามาด้านในมากขึ้นด้วยความตื่นตกใจ เธอเกือบจะโดนมันกัดแล้ว ถ้าโดนกัดก็หมายถึงรอความตายได้เลย

เรนที่มีธนูเปลี่ยนเลือดอยู่ใช้มันยิงใส่ผู้ติดเชื้อที่ขึ้นมาจากด้านหน้ารถตู้ ลูกธนูยิงใส่ที่ปากทะลุไปหลังคือ ผู้ติดเชื้อหงายหลังล้มลงตายไป

“ลูกธนูหมดแล้ว” เรนพูดด้วยเสียงหอบหายใจ ลูกธนูที่เคยเอามาจากห้องชมรมยิงธนูหมดแล้ว พวกเขาเหลือแค่รูนิกลูกศรและรูนิกคันธนู ซึ่งสร้างลูกศรจากพลังงาน แต่มันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น

“เราจะตายที่นี่อย่างนั้นเหรอ” หลินถามด้วยความกลัว

“พลังงานคุณเหลือเท่าไหร่” เรนไม่สนใจคำพูดที่ว่าเราจะตายของเธอ

“2 หน่วย” หลินตอบ

พลังงานสองหน่วยของหลินสามารถยิงลูกธนูพลังงานได้ 4 ครั้ง มันไม่มีทางพออยู่แล้ว

“หยุดใช้รูนิกและดูดซับพลังงานไปก่อน ผมจะยื้อเวลาให้” เรนบอกกับเธอ

‘อาจารย์หลินมีวงแหวนรากฐานสีเขียวที่บรรจุพลังงานได้ 12 หน่วย ถ้าต้องการเติมพลังงานจะต้องหยุดใช้รูนิก ซึ่งเธอจะใช้เวลาประมาณ 24 วินาที น่าจะยังไหว’ เรนเชื่อว่าเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีเขาคนเดียวพอจะจัดการพวกมันได้

ที่เรนต้องสลับเติมพลังงานแบบนี้ เพราะอีกไม่นานพลังงานเขาก็หมดเช่นกัน พลังงานของเรนที่มีวงแหวนสีทองคือ 20 หน่วย แต่สถานการณ์ที่โดนล้อมด้วยผู้ติดเชื้อหลักร้อยตัวนี้มันไม่มากพอ

หลินทำตามที่เรนบอก เธอเชื่อใจชายหนุ่มตรงหน้าพอสมควร

เรนใช้รูนิกคันศรยิงลูกธนูพลังงานออกไปสลับกับการยิงรูนิกลูกศรและเรียกมันกลับมา ด้วยระยะที่ใกล้แค่นี้แทบไม่ต้องเล็งก็ยิงโดน ทำให้ทุก ๆ 3-4 วินาทีเขาสามารถยิงออกไปได้สองครั้ง

ครึ่งนาทีผ่านไป

“เรียบร้อยแล้ว” หลินบอกกับเรน เธอสามารถดูดซับพลังจากหินพลังมาเติมพลังให้ตัวเองเสร็จแล้ว หลินเริ่มยิงใส่ผู้ติดเชื้อ

สถานการณ์เริ่มกลับมามั่นคงอีกครั้ง

เรนถือโอกาสนี้สังหารผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด จากนั้นเขาก็รีบดูดซับพลังงานอีก 10 หน่วย ที่จริงเรนอยากจะเติมพลังให้เต็ม แต่เขามีเวลาแค่นี้

“ธันได้ยินไหม” เรนตะโกนไปหาทัน

ธันวาในตอนนี้กำลังใช้ขวานสับใส่ผู้ติดเชื้ออยู่ เขาหันไปตะโกนกับเรน “เรน เอายังไงถ้าแบบนี้ตายแน่”

“นายฟังฉันนะ ถ้าได้สัญญาณให้พากันวิ่งไปทางนั้นออกไปจากวงล้อมให้ได้” เรนตะโกนบอก

“เรนนายคิดจะทำอะไร” ธันวาตะโกนถาม แต่เรนไม่ตอบ เพราะเขาไม่มีเวลามาตอบ

เรนหันไปพูดกับหลิน

“อาจารย์หลิน ถ้าคุณเห็นโอกาสก็กระโดดลงไปจากรถแล้วไปรวมกับคนอื่น ๆ ได้เลย” เรนบอกกับเธอ

“เดี๋ยว! คิดจะทำอะไร?” อาจารย์หลินถามเรน

“ผมคนเดียวเอาตัวรอดได้หนีไป” เรนพูดด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนจะกระโดดลงไปจากหลังคารถทำให้ผู้ติดเชื้อหันไปสนใจเรนในทันที

หลินมองไปที่ฉากนี้และรู้สึกว่าในหัวใจที่ปิดผนึก ได้มีเงาของเรนเข้าไปอยู่ในใจของเธอแล้ว

เรนกลิ้งไปจากหลังรถ กลุ่มผู้ติดเชื้อหันกลับมาหาเรน เขาใช้รูนิกลูกศรสังหารมันไปอีกตัว ก่อนจะใช้คันธนูฟาดใส่จนผู้ติดเชื้ออีกตัวหงายหลังเสียหลังไปโดนตัวอื่น

“มาสิโว้ย!” เรนตะโกนเรียกผู้ติดเชื้อ ทำให้กลุ่มผู้ติดเชื้อไล่ตามเหยื่อที่กินได้ง่ายที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด