ตอนที่ 17-36 วินิจฉัย
ลินลี่ย์มองดูรอบๆ อย่างระมัดระวัง แต่ไม่มีใครอยู่สักคนในโถงใหญ่ชั้นแรกของตำหนักใหญ่สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
“ลินลี่ย์! มาที่ชั้นสอง” มีเสียงหนึ่งดังข้างหูของลินลี่ย์
“ท่านประมุข” ลินลี่ย์จำเสียงของกัซลีสันได้ และเขาเข้าไปในห้องด้านข้างทันทีซึ่งมีบันไดนำขึ้นไปยังชั้นที่สอง พอเดินขึ้นบันได ลินลี่ย์มาถึงชั้นที่สองของตำหนักใหญ่
ชั้นที่สองมีขนาดเล็กกว่าโถงใหญ่ชั้นแรกมาก
มีโต๊ะกลมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่กลางโถงใหญ่ และมีคนหกคนนั่งล้อมอยู่ที่โต๊ะกลม ลินลี่ย์รู้จักเพียงสองคนจากคนทั้งหก คนหนึ่งคือประมุขเผ่า อีกคนหนึ่งก็คือประธานผู้อาวุโส
“ตัดสินจากเครื่องแต่งกายและรัศมีประจำตัว สตรีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะกลมควรจะเป็นเจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิง” ลินลี่ย์แสดงความเคารพพวกเขาทีละคน
เผ่ามังกรฟ้า เผ่าหงส์เพลิง เผ่าพยัคฆ์ขาว เผ่าพญาเต่าดำ ทั้งสี่เผ่าตระกูลมีรัศมีและลักษณะเฉพาะตัวอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสังเกตออกแค่เพียงเหลือบมองครั้งเดียว ที่โต๊ะกลม เผ่ามังกรฟ้ามีตัวแทนสองคน เผ่าพญาเต่าดำมีตัวแทนสองคน และเผ่าพยัคฆ์ขาวและเผ่าหงส์เพลิงมีตัวแทนคนเดียว
“ลินลี่ย์! นั่งลง” ทันใดนั้นสตรีงามจากเผ่าหงส์เพลิงหัวเราะอย่างใจเย็น
คนอื่นๆ ยิ้มให้ลินลี่ย์เช่นกัน และกัซลีสันหัวเราะ “ลินลี่ย์, ไม่จำเป็นต้องมากพิธีรีตอง เมื่อพบกับเจ้าที่นี่เรารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ไปนั่งเถอะ”
“ขอรับ” ลินลี่ย์ค่อยรู้สึกอบอุ่นใจ
ลินลี่ย์รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนระดับสูงของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ล้วนแต่เป็นบุตรหรือธิดาของสี่มหาเทพ
“ลินลี่ย์ เหตุผลที่เราขอให้เจ้ามาเพราะมีเรื่องอยากถามเกี่ยวกับฟูโซ่ผู้นั้น” กัซลีสันกล่าว
“ฟูโซ่?” ลินลี่ย์ตกใจ
อย่างนั้นทางเผ่าก็พบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขาและฟูโซ่ได้เร็วจริงๆ!
หนึ่งในคนที่สวมชุดยาวสีขาวและบนชุดสีขาวมีลวดลายที่ไม่ธรรมดาเหมือนกับว่าสร้างขึ้นจากขนพยัคฆ์ขาว คนผู้นี้มีใบหน้าที่น่ากลัว แต่ตอนนี้เขามีรอยยิ้ม “ฟูโซ่มีสมบัติมหาเทพ แต่เราไม่เคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อน...”
ลินลี่ย์ลอบหัวเราะในใจ
เมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมาฟูโซ่ยังเป็นแค่แมวน้อยในอ้อมแขนของเอลควิน ใครจะรู้จักเขาได้เล่า?
“ลินลี่ย์!ฟูโซ่ผู้นี้เป็นทูตของมหาเทพ เรื่องนี้ไม่มีการเข้าใจผิดพลาดใช่ไหม?” บุรุษร่างใหญ่พูดเสียงทุ้มกังวาล ร่างของคนผู้นี้สูงกว่าสมาชิกตระกูลบาร์บารี่เสียอีก ลินลี่ย์รู้ว่าคนผู้นี้เป็นหนึ่งในสองผู้นำเผ่าพญาเต่าดำ
“เขาเป็นทูตของมหาเทพแน่นอน แต่ว่าเขาน่าจะเป็นเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา” ลินลี่ย์ตอบ
รอบๆ โต๊ะกลม ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนมองหน้ากันเองด้วยสายตาที่ตื่นเต้น
“มหาเทพตนไหน?” กัซลีสันรีบถาม
“ข้าไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามคงจะเป็นมหาเทพธาตุไฟ” ลินลี่ย์กล่าว
ประธานผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านข้างกัซลีสันรีบถามอีก “ลินลี่ย์! เจ้ารู้ไหม? ทำไมฟูโซ่ผู้นี้ถึงช่วยเจ้า? หรือว่าเจ้าทั้งสองมีมิตรภาพต่อกัน หรือเป็นเพราะเขากระทำตามคำสั่งมหาเทพ?”
“ความจริง...ข้าก็ยังสงสัยเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน” ลินลี่ย์ตอบ
“โอว?”
คนทั้งหกมองดูลินลี่ย์และตั้งใจฟัง
แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่เข้าใจเหตุที่ทั้งหกคนสนใจเกี่ยวกับหัวข้อสนทนานี้ แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องรักษาเป็นความลับและสามารถเปิดเผยได้ “ความจริง ฟูโซ่ผู้นี้กับข้าเพียงพบกันครั้งเดียวเท่านั้น แม้ว่าเราอาจนับได้ว่าเป็นสหาย แต่ว่ามิตรภาพของเรายังไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น”
“ข้าสามารถเข้าใจเหตุผลที่เขาช่วยข้าเมื่อเขาบังเอิญอยู่ที่นั่น แต่ความจริงเขาขู่ให้เปาโลและคุกคามตระกูลของเปาโลบอกว่าไม่ให้พวกเขาลงมือกับข้า” ลินลี่ย์หัวเราะ
ทั้งหกคนที่อยู่รอบโต๊ะขมวดคิ้วกันทุกคน
“เขาเคยมีมิตรภาพกับเจ้ามาก่อนหน้านั้นหรือ?” กัซลีสันค่อนข้างผิดหวัง “ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของมหาเทพที่ให้ปกป้องลินลี่ย์ ไม่มีการเชื่อมโยงอะไรมากระหว่างมหาเทพกับลินลี่ย์”
“ก็ยากจะบอกได้” ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวคัดค้าน “ฟูโซ่คุกคามพวกเขา บางที...”
“พอเถอะ ไม่มีความหวังใดๆ อีกแล้ว้” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงถอนหายใจยาว “ถ้ามหาเทพตั้งใจปกป้องลินลี่ย์ เขาคงส่งคนให้แจ้งโองการมหาเทพแก่แปดตระกูลใหญ่โดยตรง ด้วยโองการมหาเทพ แปดตระกูลใหญ่คงไม่กล้าแตะต้องลินลี่ย์ ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องรบกวนฟูโซ่ผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าฟูโซ่ช่วยลินลี่ย์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาเทพ”
“น่าเสียดาย...” กัซลีสันได้แต่ก้มหน้าถอนหายใจ
สีหน้าท่าทางของคนอื่นกลายเป็นไม่สบายใจเช่นกัน
ลินลี่ย์เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้ อย่างไรก็ตามฟังจากคำพูดของพวกเขา ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ “อย่างนั้นพวกเขาหวังจริงๆ ว่าข้าคงจะมีสัมพันธ์กับมหาเทพ” เมื่อลินลี่ย์คิดถึงสถานการณ์ของเผ่าของเขา ก็เข้าใจได้เต็มที่
ตั้งแต่บรรพบุรุษทั้งสี่ของพวกเขาตายไป ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ขาดมหาเทพให้พึ่งพาอาศัย ดังนั้นแม้แต่แปดตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็ยังกล้าทำร้ายพวกเขา
พวกเขารู้ว่าทูตมหาเทพช่วยเหลือลินลี่ย์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความหวัง...ว่าทูตของมหาเทพนี้คงจะทำตามคำสั่งของมหาเทพให้ช่วยลินลี่ย์
ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ยังมีความเป็นไปได้ในอนาคต ที่มหาเทพอาจเห็นแก่ประโยชน์ของลินลี่ย์ช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
“ความหวังของพวกเขาดับไปแล้ว” ลินลี่ย์พูดกับตนเอง
“ช่างเถอะ ทุกท่าน ไม่ต้องท้อแท้ไป อย่างน้อยเราก็ยังมีทูตมหาเทพเป็นพันธมิตรของเรา” เจ้าแม่แห่งตระกูลหงส์เพลิงหัวเราะอย่างสงบ “นอกจากนี้ยังมิใช่เป็นไปไม่ได้สิ้นเชิงที่ทูตมหาเทพจะมาตามคำสั่งของมหาเทพของเขา”
ลินลี่ย์มองดูคนทั้งหกรอบโต๊ะกลม และเขาอดรู้สึกเศร้าใจมิได้
ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะตกต่ำอยู่ในสภาพนั้นได้ยังไง?
ประมุขตระกูลเหล่านี้รอคอยให้มหาเทพหนุนหลังพวกเขา! อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษทั้งสี่ของพวกเขาตายหมดแล้ว ขณะที่มหาเทพอื่นทำไมพวกเขาจะต้องมาช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์โดยไม่มีเหตุผลเล่า?
“ลินลี่ย์! ข้าอยากจะถามเรื่องบางอย่างกับเจ้า เจ้าเป็นเทพแท้หรือว่าเป็นเทพชั้นสูงกันแน่?” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์ “บอกตามตรง ข้าตรวจสอบร่องรอยรัศมีเทพชั้นสูงของเจ้าไม่ออกเลย”
ลินลี่ย์อดมองมาทางประมุขเผ่าของเขาไม่ได้
หลายคนแล้วที่ถามคำถามนี้กับเขา
“ลินลี่ย์ยังเป็นเทพแท้” กัซลีสันรีบกล่าว “นี่เป็นความลับ ขอให้เรารู้กันเพียงเท่านี้ อย่าเผยแพร่ออกไป” ทุกคนในที่นั้นเป็นสมาชิกระดับสูงสุดของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่เป็นไรถ้าพวกเขารู้
“ยังเป็นแค่เทพแท้? ฮะฮะ เจ้าเป็นแบบนั้นได้ยังไง เป็นเทพแท้แต่ฆ่าอสูรเจ็ดดาวได้?”
บรรยากาศในห้องเพิ่มความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มสนทนากับลินลี่ย์
ลินลี่ย์พบกับคำถามของประมุขเผ่าตระกูลเหล่านี้ก็ได้แต่ตอบโดยทั่วไปเท่านั้น
“สนามพลังโน้มถ่วง?” ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวพูดด้วยความทึ่ง คิ้วรูปดาบของเขาชี้ชัน “ด้วยสนามพลังโน้มถ่วงง่ายๆ เจ้าก็สามารถทำให้เทพชั้นสูงเกือบทั้งหมดบินไม่ได้หรือ?” สนามพลังโน้มถ่วงเป็นเคล็ดความรู้ธรรมดาดาดๆ
ลินลี่ย์เพียงแต่พัฒนาเป็นรูปแบบของตนเอง ต้องขอบคุณคำแนะนำโดยมีเจตนาแฝงของอสูรน้อยอะเมทิสต์
“สนามพลังโน้มถ่วง?”
ทันใดนั้นเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงอุทานด้วยความตกใจ จากนั้นมองดูลินลี่ย์และรีบถาม “ลินลี่ย์! เจ้าสามารถเปลี่ยนทิศทางของแรงดึงดูดสนามพลังโน้มถ่วงของเจ้าได้หรือไม่?” ความประหลาดใจของเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงทำให้คนอื่นพากันประหลาดใจตามไปด้วย
“รีบบอกมาเร็วๆ” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเร่งรัด
ลินลี่ย์รู้สึกมึนงงไปหมด นี่เป็นเรื่องง่ายๆ ทำไมเจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงถึงได้สูญเสียความเยือกเย็นอย่างนี้?
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้าและยอมรับ
“ฮ่าฮ่า...”
เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเริ่มหัวเราะ หัวเราะอย่างมีความสุข นางมองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! เจ้าคงเรียนวิชาสนามพลังโน้มถ่วงนี้มาจากเทือกเขาอะเมทิสต์ใช่ไหม?”
ลินลี่ย์ตกใจบ้าง
นางรู้ได้ยังไง?
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของลินลี่ย์ เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงเริ่มหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“พี่หญิง, รีบบอกเรา อะไรทำให้ท่านมีความสุขนักหนา” ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวเร่งรัด และคนอื่นๆ มองดูนางเช่นกัน
เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงยิ้มตลอดเวลาขณะที่นางตอบ “ทุกคน! ไม่มีทางที่วิชาสนามพลังเฉพาะแบบอย่างนี้ที่ลินลี่ย์เรียนรู้จะพัฒนาขึ้นมาง่ายๆ โดยผ่านการฝึก เมื่อท่านแม่ข้ายังมีชีวิต ครั้งหนึ่งนางเล่าเรื่องมหาเทพวิถีทำลายล้างให้ข้าฟัง!”
“มหาเทพวิถีทำลายล้าง?” ทุกคนตาเป็นประกาย
ลินลี่ย์จ้องมองนางเช่นกัน
“ถูกแล้ว” เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงพยักหน้า “มหาเทพวิถีทำลายล้างนี้มีทักษะเทพธรรมชาติที่จะควบคุมและเปลี่ยนตำแหน่งแรงดึงดูดได้ ทั้งยังควบคุมวิญญาณของคนได้ มหาเทพท่านนี้แข็งแกร่งทรงพลังมาก... และท่านแม่ข้าบอกว่ามหาเทพวิถีทำลายล้างนี้ก็คือมหาเทพแห่งทวีปเรดบุด!”
ทุกคนตกตะลึง
ลินลี่ย์ได้แต่จ้องมองปากอ้าค้าง
“นอกจากมหาเทพวิถีทำลายล้างนี้แล้ว ไม่น่าจะมีคนอื่นสามารถใช้สนามพลังโน้มถ่วงอย่างลินลี่ย์ได้” เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงพูดด้วยความมั่นใจ “โอวใช่แล้ว ข้ายังได้ยินว่ามหาเทพวิถีทำลายล้างนี้มีบุตรอยู่คนหนึ่ง นอกจากนางและบุตรของนางแล้ว ไม่มีคนอื่นที่รู้วิชานี้”
ลินลี่ย์ตกตะลึงไปหมด
“มหาเทพ? บุตรชาย?”
เรื่องหลายอย่างผุดขึ้นมาในใจของลินลี่ย์ และหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจก็เข้าใจได้ชัดทันที “อสูรอะเมทิสต์น้อย.. หรือว่าเขาเป็นบุตรของมหาเทพ?”
ทันใดนั้นประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มองดูลินลี่ย์
พวกเขาเหมือนกับคนที่กำลังจะจมน้ำและมองเห็นฟางเส้นเดียวที่พวกเขาสามารถคว้าไว้เพื่อเอาชีวิตรอด!
พวกเขาหยิ่งไม่มีใดเทียบ และรู้สึกว่าตนเองเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์ อย่างไรก็ตามหลังจากสี่มหาเทพของพวกเขาตาย พวกเขาพบว่า...ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำจนถึงระดับวิกฤติ และอาจถูกกำจัดไปได้ทุกเมื่อ
พวกเขาหวังว่ามหาเทพจะยินดีก้าวเข้ามาช่วยพวกเขา! แต่ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
“ลินลี่ย์!” กัซลีสันยิ้มเต็มหน้า “เจ้ารู้จักมหาเทพเรดบุดหรือ?”
“ไม่..ข้าไม่รู้จักนาง” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
“เจ้าจะไม่รู้จักได้ยังไง?” เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงเริ่มหัวเราะ “เจ้าเรียนวิชาสนามพลังโน้มถ่วงมาจากเทือกเขาอะเมทิสต์ไม่ใช่หรือ?”
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า
“ถูกแล้ว เทือกเขาอะเมทิสต์เป็นสถานที่เกิดของมหาเทพเรดบุด นั่นคือบ้านของนาง!” เจ้าแม่แห่งเผ่าหงส์เพลิงถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ “พลังของมหาเทพนั้นกล้าแข็งมาก ถ้านางยินดีจะหนุนหลังและช่วยพูดให้สักคำ แปดตระกูลใหญ่เหล่านั้นก็คงกลัวและหนีไป”
ลินลี่ย์คงรู้สึกตกใจ งั้นเทือกเขาอะเมทิสต์ก็เป็นที่พักอยู่ของมหาเทพ
“สนามพลังโน้มถ่วงของข้าเป็นอสูรอะเมทิสต์น้อยชื่อรีสเจมสอนข้า” ลินลี่ย์รีบกล่าว
“รีสเจม?”
ประมุขตระกูลส่ายศีรษะกันทุกคนแสดงว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน
“ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อน” เจ้าแม่แห่งเผ่าหสงส์เพลิงหัวเราะ “แต่จากที่ฟังดู มีความเป็นไปได้ว่านั่นคงเป็นบุตรของมหาเทพ”
“รีสเจมผู้นี้เป็นแม่ทัพนรก พวกท่านไม่รู้จักเขาหรือ?” ลินลี่ย์สงสัย
“แม่ทัพนรก?” ทั้งหกคนรอบโต๊ะตกใจกันหมด
“คนที่จะเป็นแม่ทัพนรกจะเข้าร่วมสงครามระหว่างพิภพ” กัซลีสันกล่าว “ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่เข้าไปยุ่งกับสงครามพิภพ ดังนั้นเราจึงไม่ได้ให้ความสนใจมาก นอกจากนี้ แม่ทัพนรกมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่มีใครรู้ว่าปัจจุบันนี้ใครเป็นแม่ทัพ”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ลินลี่ย์! ตอนนี้เจ้ากลับไปก่อน” กัซลีสันหัวเราะ
“เอาล่ะ! เจ้ากลับไปได้แล้ว จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในกิจการของหุบเขาอ่างโลหิต กลับไปฝึกฝนให้หนัก แล้วหลังจากเจ้าบรรลุถึงระดับเทพชั้นสูงแล้ว เราค่อยดูกัน” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะเช่นกัน
แม้ว่าลินลี่ย์จะค่อนข้างงง แต่เขายังคำนับ “ขอรับ” จากนั้นเดินออกมาเอง
หลังจากลินลี่ย์เดินออกไป
“ฮ่าฮ่า...” กัซลีสันเริ่มหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า...” ทันใดนั้นทุกคนเริ่มหัวเราะเหมือนกัน หน้าทุกคนมีรอยยิ้ม
ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ความรู้สึก “นานหลายปีแล้ว ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เราจึงค่อยเห็นแสงแห่งความหวังจนได้!”
“ถูกแล้ว! ในที่สุดเราก็พบแสงแห่งความหวัง!” กัซลีสันถอนหายใจเช่นกัน
เนื่องจากความรุ่งเรืองในคืนวันเก่าๆ ของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ จะให้พวกเขายินดีกับการซ่อนตัวอยู่ในภูเขาสกายไรท์ตลอดไปได้ยังไง? แม้ว่าเจ้าแคว้นอินดิโกจะมีข้อตกลงกับแปดตระกูลใหญ่ห้ามมิให้พวกเขาโจมตีภูเขาสกายไรท์... ซึ่งก็หมายความว่ารากฐานพื้นฐานของตระกูลพวกเขาได้รับการปกป้อง
ขณะที่การกลับไปสู่วันคืนเจริญเก่าๆ...
พวกเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากเทพชั้นสูงระดับพารากอนหรือจากมหาเทพ
“มหาเทพเรดบุด” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะ “หมื่นกว่าปีที่ผ่านมา เราไม่เคยเห็นแสงความหวังใดๆ เลย แต่วันนี้เราได้เห็นแล้ว เพราะว่ามหาเทพเรดบุดยินดีถ่ายทอดสุดยอดวิชาให้ลินลี่ย์ ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลินลี่ย์นับว่าลึกซึ้ง”
“พี่ใหญ่” เจ้าแม่เผ่าหงส์เพลิงหัวเราะขณะมองหน้ากัซลีสัน “ท่านต้องปกป้องลินลี่ย์และดูแลเขาให้ดี เราต้องพึ่งพาเขาในการเชื่อมโยงติดต่อกับมหาเทพเรดบุด”
“ไม่ต้องห่วง”
กัซลีสันเริ่มหัวเราะเช่นกัน “รับรองได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลินลี่ย์”