ตอนที่ 17-28 เสรีภาพ
ในอดีตลินลี่ย์รู้เรื่องพลังมหาเทพน้อยมาก ดังนั้นเขาจึงเข้าใจว่าเป็นพลังเทพที่สูงส่งรูปแบบหนึ่ง แต่บัดนี้ ดูเหมือนว่าจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง พลังมหาเทพสามารถใช้ได้เหมือนพลังวิญญาณ
“พลังมหาเทพยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง” กัซลีสันหัวเราะ “เมื่อเจ้าใช้พลังมหาเทพ ในช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งพลังร่างกายทั้งพลังวิญญาณของเจ้าจะยกระดับสูงขึ้น
“เอ๋?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ
“นี่เป็นเรื่องจริง” กัซลีสันถอนหายใจ “อย่างไรก็ตาม ปริมาณพลังที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ได้มากมาย ถ้าผู้ใช้ยินดีจะสิ้นเปลืองและใช้หยดพลังมหาเทพเป็นร้อยหยด ทั้งพลังวิญญาณและพลังร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไปมาก
“ร้อยหยดเชียวหรือ? ใครจะมีมากมายขนาดนั้น?” ลินลี่ย์หัวเราะ
“ต่อให้มีมากมายขนาดนั้น พวกเขาก็คงไม่ยินดียอมสิ้นเปลืองขนาดนั้น” กัซลีสันกล่าว
“คนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเรามีเพียงความได้เปรียบเหนือแปดตระกูลใหญ่ก็คือเรามีพลังมหาเทพมากกว่าเล็กน้อย” กัซลีสันถอนหายใจ “แค่อาศัยพลังมหาเทพ เราก็สามารถอยู่ในระดับที่แม้ถูกรุมโจมตีเป็นกลุ่ม เราก็ยังสามารถสู้ตอบโต้ได้ นี่เป็นเหตุผลที่เราสามารถรักษาอัตราการตายให้อยู่ที่หนึ่งต่อหนึ่ง”
ลินลี่ย์พยักหน้า หลังจากประสบการณ์เร็วๆ นี้ ลินลี่ย์ตระหนักได้ว่าศัตรูนั้นทรงพลังขนาดไหน
ตัวอย่างเช่นทักษะเทพธรรมชาติของมอสลีย์นับว่าน่ากลัวจริงๆ
“ตอนนี้บรรพบุรุษของเราตายไปแล้ว ยิ่งเราใช้พลังมหาเทพมากเท่าใด เราก็เหลือน้อยลงเท่านั้น” กัซลีสันเตือน “ลินลี่ย์, เจ้าไม่อาจสิ้นเปลืองพลังมหาเทพนี้ เว้นแต่สถานการณ์วิกฤติ การใช้ออกอย่างง่ายๆ นับว่าใช้ไม่คุ้ม”
“ขอรับ ท่านประมุข” ลินลี่ย์รับคำ
แม้ว่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จะมีพลังมหาเทพเก็บสะสมเอาไว้ แต่ยังคงลดลงไปเรื่อยๆ
“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับไปได้แล้ว ในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ น้องสาวข้าคงยังไม่มอบหมายภารกิจให้เจ้าต่อ ที่สำคัญหลังจากประสบการณ์ครั้งนี้ แปดตระกูลใหญ่คงจะระมัดระวังตัวเจ้าขึ้นมาก ในอนาคตเจ้าคงไม่อาจฆ่าอสูรเจ็ดดาวสองคนได้ง่ายๆ อีก” กัซลีสันหัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้า จากนั้นออกไปทันที
………………………… .
ในแคว้นอินดิโกทางชายแดนด้านตะวันออก สี่ในแปดตระกูลใหญ่ปักหลักอยู่ที่นี่ ในบรรดาพวกเขาตระกูลบาร์บารี่ย้ายจากโลกธาตุน้ำศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ที่นี่
ลึกเข้าไปในสิ่งก่อสร้างมืดมิด ร่างยักษ์ร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ในสวนดอกไม้
เขาสูง 3.5 เมตรและหน้าของเขาเต็มไปด้วยเคราเขียว แต่ผมของเขาเหมือนเส้นลวดแข็ง เขาสวมชุดเกราะ และบนไหล่ของเขามีผ้าคลุมลวดลายอสรพิษดำ คนผู้นี้จ้องมองโคลที่ยืนอยู่หน้าเขาโดยตรง
“โคล! เจ้าถูกฆ่าโดยไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้เลยหรือ?” ร่างยักษ์นั้นกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ท่านประมุขตระกูล ข้า ข้าคาดไม่ถึง..” หน้าของโคลเต็มไปด้วยความแค้น “เขาเป็นแค่เทพแท้อย่างเห็นได้ชัด แต่ใครจะคิดกันว่าเขาอำพรางรัศมีเอาไว้? เมื่อเขาเข้ามาใกล้ข้ามาก เขาก็ลอบทำร้ายข้าทันที... ข้าไม่มีโอกาสจะตั้งตัวได้แม้แต่น้อย”
ตอนนี้โคลเหลืออยู่แต่เพียงร่างแยกธาตุลมเท่านั้น
“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่มอสลีย์ก็ไม่สามารถตรวจสอบคนผู้นี้ซึ่งซ่อนพลังเอาไว้” โคลรีบกล่าว
ประมุขตระกูลบาร์บารี่ผู้นี้ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“ท่านประมุขตระกูล เกี่ยวสิ่งที่บริวารของข้าบอกข้า คนที่ฆ่าข้าไม่ได้มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งนัก” โคลรีบกล่าว
“เอ๋?”
ประมุขตระกูลบาร์บารี่ยิ่งสงสัยมากขึ้น เขากวาดสายตาไปที่นอกสวน และทันใดนั้นมีร่างเงาลอยเข้ามาจากข้างนอก และยืนนิ่งกับที่ด้วยความเคารพ
“รีบไปสืบดูว่ามีผู้อาวุโสใหม่ในเผ่ามังกรฟ้าที่มีทักษณะซ่อนพลังของเขาหรือไม่” ประมุขตระกูลบาร์บารี่สั่งทันที
“ขอรับ ผู้อาวุโส”
ร่างเงาหายไปอีกครั้งหนึ่ง
……………… . .
หลังจากภารกิจครั้งล่าสุดสำเร็จ คงเป็นไปไม่ได้ที่ประธานผู้อาวุโสจะส่งลินลี่ย์ออกไปต่อสู้อีกครั้งในระยะใกล้ๆ ดังนั้นลินลี่ย์จึงกลับมาสมทบบีบี เดเลีย ซีซาร์และคนอื่นในหุบเขาและมีความสุขกับวันคืนสงบสุขที่หาได้ยาก
สองปีกว่าผ่านไปนับแต่ภารกิจครั้งล่าสุด ในช่วงสองปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก ในวันนี้ลินลี่ย์กับเดเลียทานอาหารอยู่ด้วยกัน
“เดเลีย, นาง...ดูเหมือนว่านางมีบางอย่างที่ต้องการพูด” ลินลี่ย์หัวเราะในใจ วันนี้เดเลียใจลอยขณะกินอาหาร เหมือนกับว่านางต้องการจะพูดบางอย่างแต่ไม่กล้า
“ลินลี่ย์” เดเลียลังเลอยู่นาน จากนั้นพูดในที่สุด
ลินลี่ย์หัวเราะ เขารอให้นางพูดอยู่นานแล้ว “เดเลีย! มีอะไรหรือ?”
เดเลียชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยพูด “ลินลี่ย์ เราอยู่ที่นี่ในภูเขาสกายไรท์มาหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็แปดสิบปีได้ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์พยักหน้า “แล้วยังไงหรือ?”
“ลินลี่ย์ เรารีบเร่งเดินทางมาตลอดจนถึงแคว้นอินดิโก จากนั้นก็เข้าภูเขาสกายไรท์ ตอนนี้เรามาถึงตระกูลเจ้าแล้ว แต่...เราจะอยู่แต่ในภูเขาสกายไรท์ตลอดไปหรือ?” เดเลียถามเขา
ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เดเลีย เจ้าต้องการจากไปหรือ? เจ้าต้องการจะออกจากภูเขาสกายไรท์หรือ?” ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่ไม่มีเหตุผล
“ไม่ ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เดเลียรีบกล่าว “ความจริง ข้าต้องการติดตามกองกำลังของเผ่าออกเดินทางไปในเมือง”
“ไม่” ลินลี่ย์ปฏิเสธเสียงแข็ง “มันอันตรายเกินไป ไม่”
“มันไม่อันตราย” เดเลียรีบกล่าว “ความจริงไม่ใช่แค่ข้านะ บีบี ไดลิน และคนอื่นก็ต้องการออกไปข้างนอก ลินลี่ย์, เราอยู่ในที่เดียวนี้โดยไม่ได้ไปที่อื่นเลยตลอดเวลา สำหรับเจ้าไม่รู้สึกอะไร เจ้าสามารถฝึกและเจ้าสามารถออกไปสู้ แต่พวกเราที่เหลืออยู่แต่ในหุบเขานี่ทุกวัน หลังจากผ่านช่วงเวลายาวนาน เราทุกคนรู้สึกไม่สบายใจ”
ลินลี่ย์ตะลึง
เขาเข้าใจว่าเดเลียหมายถึงอะไร การอยู่ในที่เดียวโดยไม่ได้ติดต่อโลกภายนอก.. ก็ไม่ถึงกับแย่นักในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน คนจะรู้สึกหดหู่มากขึ้น ถ้ายิ่งเวลาผ่านไปยาวนาน... ผู้นั้นจะรู้สึกคุ้นเคยกับความหดหู่และเปลี่ยวเหงาจนถึงจุดที่อารมณ์เปลี่ยนแปรปรวน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดเลียเดินทางร่วมกับลินลี่ย์มาอย่างยาวนานจนถึงที่นี่ หัวใจของนางก็เหมือนเขาชอบอิสระ ไม่อาจทนอยู่ในข้อจำกัดนี้ได้
“เดเลีย! ข้าเข้าใจความรู้สึกของเจ้า” ลินลี่ย์พยักหน้า
ในอดีตเมื่อเขาเข้าสู่เทือกเขาอสูรวิเศษเพื่อฝึกฝนสามปี เขามีแต่เพียงบีบีอยู่ข้างเขามาตลอดสามปี ชีวิตที่โดดเดี่ยวดาวดายอย่างนั้นย่อมน่าอึดอัดมาก เขาเองสามารถอดทนได้เพียงเพราะความเกลียดชังของเขา มันทำให้เขาอดทนได้ทุกอย่าง
“เดเลีย, ข้าขอโทษ” ลินลี่ย์ยื่นมือกุมข้อมือเดเลียไว้
ขณะนี้เองลินลี่ย์ค่อยรู้สึกตัว
เขาเห็นแก่ตัวเกินไป!
เขามักจะคิดเรื่องหลายเรื่องจากมุมมองของตัวเองเท่านั้น เขาต้องการกลับไปยังตระกูลของเขา เขาต้องการสู้ในหุบเขาอ่างโลหิต แต่เขาไม่เคยคิดมองจากมุมมองของเดเลียและบีบีเลย เขาเองสามารถใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นมาก แต่พวกเขาเล่า?
อยู่แต่ในหุบเขาเล็กๆ แห่งนี้ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายน่าเบื่อหน่าย บีบีเป็นคนที่มีชีวิตชีวากระตือรือร้นและเดเลียก็ชอบอิสระเช่นกัน ลินลี่ย์เองชอบชีวิตที่ตื่นเต้น และมีชีวิตชีวา ไม่มีใครชอบอยู่แบบชีวิตจืดชืดไร้ชีวิตชีวา เขาละเลยเดเลียกับบีบีอย่างสิ้นเชิง
เมื่อคิดถึงเรื่องนี่แล้วเขาอดพูดไม่ได้ “เดเลีย, ข้าขอโทษจริงๆ”
“ไม่ต้องพูดต่อไปแล้ว” เดเลียหัวเราะและส่ายศีรษะนาง “ไม่เป็นไร ข้าแค่ต้องการไปเปลี่ยนบรรยากาศเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อข้าอยู่ในอารมณ์ที่ดีขึ้น ข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว”
“ข้าต้องการพาเจ้าออกไปผ่อนคลายด้วยเช่นกัน เพียงแต่มันอันตรายมากจริงๆ” ลินลี่ย์กังวล
“ลินลี่ย์ มันไม่อันตรายจริงๆ” เดเลียรีบพูด “ความจริงเผ่ามังกรฟ้ามีคนในเผ่าไม่น้อยที่ออกไปยังเมืองใกล้ๆ เพื่อไปเที่ยวเพื่อไปจับจ่ายซื้อของอยู่บ่อยๆ มันไม่อันตรายจริงๆ”
“มันไม่อันตรายหรือ?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
“ลินลี่ย์! ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าลองไปถามผู้อาวุโสอื่นดู” เดเลียรีบกล่าว
“โอว?” ลินลี่ย์พยักหน้า “เอาอย่างนี้เป็นไง เดเลีย, เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะไปถามผู้อาวุโสอื่น ถ้าไม่มีอันตรายมาก ข้าจะให้เจ้าไป” ลินลี่ย์ไม่ต้องการให้ภรรยาของเขารู้สึกอึดอัดเกินไป
ลินลี่ย์บินขึ้นไปตามถนนมังกรทันที ยิ่งขบคิดคำพูดของเดเลียในใจ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาละเลยเดเลีย บีบีและคนอื่น พวกเขาทุกคนร่วมทางมากับเขาที่ภูเขาสกายไรท์
แต่สุดท้ายเล่า?
พวกเขาต้องอยู่ในหุบเขาและไม่กล้าจากไปแม้แต่น้อย ชีวิตแบบนี้คล้ายกับอยู่ในคุก นี่เป็นสิ่งที่เขาเสนอให้เดเลียและบีบีหรือ?
ไกลออกไปที่มุมสายตาของเขา ลินลี่ย์เห็นคนผู้หนึ่งกำลังบินมาทางอากาศ เป็นร่างที่คุ้นตาของผู้อาวุโสการ์วีย์ เขารีบตะโกนเรียก “ผู้อาวุโสการ์วีย์”
ผู้อาวุโสการ์วีย์หันมามองด้วยความสงสัย จากนั้นหัวเราะและบินเข้ามาหา “ลินลี่ย์! ช่างบังเอิญจริงๆ” ลินลี่ย์หัวเราะ “ผู้อาวุโสการ์วีย์ มีเรื่องสำคัญที่ข้าอยากถามท่าน มาคุยทางนี้เถอะ”
ลินลี่ย์และการ์วีย์บินไปด้วยกันจนเกือบครึ่งทางภูเขา
“ลินลี่ย์ มีอะไรหรือ?” การ์วีย์ถามด้วยความสงสัย
“เผ่าของเรามีคนเข้าไปในเมืองบ่อยไหม?” ลินลี่ย์ถาม
“อ๋อ..มีสิ มีเข้าไปจริงๆ” การ์วีย์หัวเราะ “อันดับแรกเลย เผ่าเราจำเป็นต้องซื้อสิ่งของในบางโอกาส ประการที่สองคนในเผ่าเรามักจะติดอยู่ในภูเขาสกายไรท์ มีพวกเขาไม่น้อยที่ไม่สามารถทนอุดอู้ได้ดังนั้นพวกเขาจะออกไปเพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์บ้าง อย่างไรก็ตามแต่ละครั้ง จำนวนคนที่ได้รับอนุญาตยังมีจำนวนจำกัด”
“มันอันตรายหรือ?” ลินลี่ย์ถาม
“ก็ไม่อันตรายมากนักหรอก” การ์วีย์หัวเราะ “ช่วงเวลาหมื่นปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีอุบัติเหตุสักครั้ง”
“เราอยู่ในสถานการณ์สงครามกับแปดตระกูลใหญ่ไม่ใช่หรือ? เป็นไปได้ยังไงที่คนในเผ่าเราไม่เป็นอันตรายเมื่อออกไป?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
“ลินลี่ย์! คิดดูสิ แดนนรกกว้างใหญ่ไพศาลแค่ไหน เจ้าคิดว่าจะวิ่งไปเจอคนง่ายๆ นักหรือ? การสู้รบที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับแปดตระกูลใหญ่เป็นเพราะเราทั้งสองฝ่ายจงใจค้นหากัน เป็นเพราะพวกเขาเดินทางตามเส้นทางที่กำหนดไว้ล่วงหน้า และเพราะเรามีหน่วยงานข่าวกรองคอยจับตาเส้นทางเหล่านั้นอย่างต่อเนื่องเราถึงได้ไปพบเจอพวกเขาได้ง่าย”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“สำหรับเผ่าของเราเมื่อเราอยู่กันเป็นกลุ่มและโดยสารอสูรโลหะเข้าไปในเมือง ไม่มีทางที่เราจะอยู่บนเส้นทางที่กำหนดล่วงหน้า” ผู้อาวุโสการ์วีย์กล่าว “โลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลและเราสามารถไปได้ทุกที่ที่เราพอใจ นอกจากนี้ในเส้นทางที่เราไป ต่อให้แปดตระกูลใหญ่เห็นอสูรโลหะ แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้ว่าเป็นคนของเผ่ามังกรฟ้าเรา”
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
“ที่สำคัญยิ่งกว่า พวกเขาไม่อาจส่งอสูรเจ็ดดาววิ่งสุ่มไปทั่วทุกที่ได้ ต่อให้หน่วยข่าวกรองพบว่าเราโดยสารอยู่ในอสูรโลหะ อสูรโลหะบินได้เร็วในระยะไกล และเพราะเส้นทางไม่ได้กำหนดไว้ จึงไม่มีทางที่ศัตรูสามารถคาดเดาว่าอสูรโลหะจะบินไปที่ใด” การ์วีย์หัวเราะ
ลินลี่ย์พยักหน้าเข้าใจ
โอกาสที่ทั้งสองจะมาเผชิญหน้ากันถือว่าแค่หนึ่งในร้อยล้าน
“ที่สำคัญที่สุด แต่ละครั้งที่เผ่าเราออกไปเป็นกลุ่ม จะมีผู้อาวุโสคนหนึ่งคุ้มกันออกไป” การ์วีย์หัวเราะ “นี่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ถ้าเราโชคร้ายไปเจอกับศัตรูที่เป็นอสูรเจ็ดดาวในพื้นที่กว้างใหญ่ อย่างนั้นเราก็ต้องร่วมรบ
ลินลี่ย์ได้ยินเช่นนี้ค่อยรู้สึกโล่งใจ
โอกาสจะเผชิญหน้าต่ำมากจริงๆ ในความเป็นจริงก็แทบเป็นไปไม่ได้ และแม้ว่าจะมีการเผชิญหน้า ฝ่ายของเขาก็ยังมีอสูรเจ็ดดาวช่วยป้องกัน
“อะไรกัน เจ้ามีครอบครัวหรือสหายที่ต้องการออกไปพักผ่อนข้างนอกหรือ?” การ์วีย์ถาม
“ใช่แล้ว” ลินลี่ย์ถึงข้อจำกัดที่การ์วีย์พูดถึง จึงนึกถึงจำนวนคนที่เข้าร่วมได้ “แต่ละครั้งมีคนไปได้เท่าใด?”
“เที่ยวละห้าร้อยคน” การ์วีย์พยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่ง เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเจ้าในการจัดให้ครอบครัวหรือสหายรวมลงไปด้วย นอกจากนี้ ถ้าเจ้ากังวลจริงๆ เจ้าสามารถคุ้มกันพวกเขาด้วยตัวเองได้ ถ้าบางครั้งมีปัญหาเมื่อมีผู้อาวุโสสองคนช่วยคุ้มกัน นั่นคงเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ ไม่ใช่หรือ?”
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย
ลินลี่ย์เองก็สนใจร่วมเดินทางกับเดเลียเข้าเมืองเพื่อผ่อนคลาย “ผู้อาวุโสของหุบเขาอ่างโลหิตได้รับมอบหมายภารกิจเป็นช่วงๆ ข้าไม่ได้ทำอะไรในตอนนี้เหมือนกัน” ลินลี่ย์บินกลับไปที่หุบเขาอ่างโลหิตขอเข้าพบประธานผู้อาวุโส
ในตำหนักมังกรฟ้า ประธานผู้อาวุโสจ้องมองลินลี่ย์ผ่านหน้ากากนาง
“อะไรนะ? เจ้าต้องการจะออกไปข้างนอกหรือ?” ประธานผู้อาวุโสพูดเย็นชา
“ท่านประธานผู้อาวุโส ข้าแค่ต้องการร่วมเดินทางกับคนเผ่าเราเข้าเมืองเท่านั้น” ลินลี่ย์พูด
“ข้ายังอนุญาตให้เจ้าไปตอนนี้ไม่ได้” ประธานผู้อาวุโสส่ายหน้า “เร็วๆ นี้การต่อสู้ระหว่างเรากับแปดตระกูลใหญ่ค่อนข้างรุนแรง ข้าอาจจำเป็นต้องส่งเจ้าเข้าร่วมภารกิจกะทันหัน ลินลี่ย์! ตระกูลสำคัญมากกว่า หลังจากผ่านไปพันปีแล้วเจ้าก็จะได้ออกจากหุบเขาอ่างโลหิต เจ้าจะไปไหนก็ได้ตามใจเจ้า”
ลินลี่ย์ตะลึง
เขาเองก็รู้ดีว่าการสู้รบรุนแรงมาก แต่ที่สำคัญคือเขาไม่ได้รับภารกิจมาสองปี การเดินทางเข้าไปในเมืองใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือน
“ตอนนี้อยู่ในเทือกเขาสกายไรท์ก่อน ตามเหตุการณ์ที่หน่วยข่าวกรองเรารายงานความคืบหน้า ข้าอาจต้องมอบหมายภารกิจให้เจ้าในเร็วๆ นี้” ประธานผู้อาวุโสกล่าว
“ขอรับ ท่านประธานผู้อาวุโส”
ลินลี่ย์เองก็ไม่ต้องการไปเที่ยวในเมืองแต่อย่างใด เหตุผลที่เขาต้องการไปก็เพื่อปกป้องเดเลียให้ดีขึ้น
“ภายในพื้นที่เป็นพันล้านตารางกิโลเมตร..ทำไมอสูรเจ็ดดาวถึงได้เบื่อหน่ายนักกับการเดินทางสุ่มๆ ด้วยเล่า? และโอกาสที่พวกเขาจะพบเจอว่านี่เป็นกลุ่มคนของเผ่าเรา? และยังจะเอาชนะผู้อาวุโสเผ่าเราได้หรือ?” ลินลี่ย์ไตร่ตรองดูแล้วค่อยสบายใจ
โอกาสผิดพลาดแทบจะเป็นศูนย์!