ตอนที่ 135 ในที่สุดก็ได้เลขามาคนนึง (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 135 ในที่สุดก็ได้เลขามาคนนึง
ที่หลังรถมีเสื้อผ้า เสื้อผ้าเยอะมาก ดูเหมือนว่าจอร์จจะปล้นร้านหรืออะไรซักอย่าง แต่ทั้งหมดเป็นของใหม่พร้อมป้ายราคา
แม็กนัสบอกซิสเตอร์แมรี่ว่า "นี่คือเสื้อผ้าของเด็กๆ สำหรับช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวนะครับ แจกจ่ายตามที่เห็นสมควร"
ซิสเตอร์รู้สึกท่วมท้นตั้งแต่เริ่มพบกับแม็กนัส เธออยู่ในสภาวะอารมณ์อ่อนไหวขณะหยิบเสื้อผ้า สมัยนี้หาคนทำบุญแบบไม่หวังผลตอบแทนหายากมาก แต่ ณ ที่ตรงนี้ เด็กคนหนึ่งกำลังเป็นตัวอย่าง
เธออยากจะหลั่งน้ำตาแต่ทำไม่ได้เพราะเหล่าเด็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ถ้าพวกเขาเห็นเธอเศร้าพวกเขาก็จะเศร้า
"ทำไมเธอถึงทำทั้งหมดนี้ล่ะจ๊ะ?" เธอถามอย่างน้อยเพื่อทราบเกี่ยวกับแรงจูงใจของเขา
แม็กนัสยังช่วยขนเสื้อผ้าในถุงต่างๆ ออกมา "เพราะผมรู้สึกดีกับมันครับ คุณเองก็ไม่ได้ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าพร้อมกับความคิดที่จะช่วยเหลือใครซักคนหรอกหรอ ตราบใดที่คุณเป็นบุคคลที่มีจิตใจดี มันก็มักจะมีความกรุณาหลั่งไหลออกมาจากพวกเขาเองโดยธรรมชาติ”
เกรซยิ้มและเข้าไปช่วยเขา เธอชอบการที่เห็นแม็กนัสยังคงยึดมั่นในการอบรมเลี้ยงดูที่ดีที่พวกเขามอบให้ลูกชาย ทุกวันนี้เขาอาจจะดูลึกลับไปสักหน่อย แต่เธอกับอดัมยังคงอยู่อย่างสงบสุขเพราะพวกเขารู้ว่าเขาเป็นเด็กใจดี
*เอี๊ยดด*
เสียงที่ดังกระทันหันทำให้ทุกคนตื่นตัว มีรถมาจอดด้านหลังเรนจ์ โรเวอร์ และจากนั้นก็เป็นผู้หญิงผมสีดำที่แต่งตัวดีแต่ดูยับเยินนิดหน่อย เธอสวมเสื้อเบลเซอร์และกระโปรงสีดำแบบมืออาชีพ เธอน่าจะอายุสัก 20 ปีและเพิ่งจบใหม่
"ฉันมาแล้วค่ะ... บอสเท็ดส่งฉันมา ใครคือคุณแกรนท์คะ?" เธอถามทั้งหมด
แม็กนัสเดินไปข้างหน้า "ผมเอง คุณคือผู้ช่วยคนใหม่ของผมหรือเปล่า?"
แต่ใบหน้าของเธอแข็งค้างพร้อมกับอ้าปากค้าง เธอยังใหม่กับสำนักงานกฎหมายและไม่รู้ประวัติของบริษัทมากนัก เธอได้งานทำเพราะพ่อของเธอเป็นเพื่อนกับเท็ด แต่เธอไม่สนใจงานด้านกฎหมายชุมชน จึงมีคนบอกว่าเธอจะได้รับตำแหน่งผู้ช่วยของนักธุรกิจใหญ่ที่เป็นเจ้าของกิจการที่มากเกินกว่าจะจัดการทุกอย่างเพียงลำพัง
เธอเองก็รู้ดีว่าเธอจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดีและถูกกระตุ้นเพื่องานนี้ การทำงานกับคนที่ร่ำรวยมหาศาลเป็นโอกาสที่ดีในการติดต่อและเรียนรู้
แต่ตอนนี้ เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเธอพังทลาย เมื่อนักธุรกิจใหญ่กลายเป็นเด็กตัวเล็กๆ เธอสงสัยว่านี่มันเรื่องตลกหรืออะไรกัน
"ค-คุณหรอ? คุณแกรนท์? นักธุรกิจที่ร่ำรวยมหาศาล จริงดิ?" เธอถามอย่างประหม่า
"ครับ ผมเอง ทำไมหรอ ผมหล่อเกินกว่าจะเป็นนักธุรกิจแล้วควรไปเป็นนักแสดงแทนหรือไง" แม็กนัสถามติดตลก เขาได้ยินเสียงรักนาร์เรียกเขาว่าหลงตัวเองจากระยะไกล
"เอ่อ... ไม่... แต่คุณก็... อายุน้อยกว่าที่ฉันคาดไว้จริงๆ ค่ะ" เธอพูด.
"อา คุณเคยได้ยินคำว่า 'รวยมาก' กับ 'มีธุรกิจใหญ่โต' ไหม มันคงเดาได้ทันทีว่าน่าจะเป็นชายชราที่อ้วนไม่แข็งแรง คุณต้องการใบเสร็จรับเงินจากธนาคารเพื่อยืนยันหรือเปล่า? โอเค ผมจะบอกคุณบางอย่างละกัน”
“คุณพอรู้จัก MEDA ไหม?” เขาถาม
"แน่นอนว่าเป็นหน่วยงานสืบสวนเอกชนที่ดีที่สุด" เธอตอบอย่างภาคภูมิใจ เธอเคยได้พบกับ CEO ของบริษัทแล้ว
“ใช่ ผมเป็นเจ้าของมัน” แม็กนัสทิ้งระเบิด ด้วยเหตุนี้กรามของเธอก็ล่วงลงไป
“คุณรู้จักบริษัท ดราก้อนโฮลดิ้ง หรือเปล่า?” เขาถามอีกครั้ง
"ค่ะ พวกเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ ท็องส์แอนด์ท็องส์" เธอตอบ
"ผมเนี่ยแหละเจ้าของมัน" เขาทิ้งระเบิดอีกครั้ง ตอนนี้ขากรรไกรของเธอหุบไม่ได้แล้ว
แม็กนัสเกาหัว "อา... แล้วผมเป็นเจ้าของอะไรอีกน้า อืม... อืม... ก็จะมีบริษัทอื่นๆ อีกมาก... อ่า ใช่... ผมเป็นเจ้าของตึกไครสเลอร์ในแมนฮัตตันด้วย"
ตอนนี้ขากรรไกรของเธอแตะพื้นแล้ว เธอรู้แล้วว่าเขาไม่ใช่แค่คนรวยธรรมดาๆ แต่คนนี้เป็นคนรวยขั้นเทพ
เกรซเดินเข้ามาดึงแก้มเขาเบาๆ “ลูกซื้อตึกนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่หืมมม? ลูกใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายอีกแล้วเหรอจ๊ะ?”
แม็กนัสทำเหมือนเขาเจ็บปวด “อา แม่จ๋า แม่ก็รู้จักผมดี ผมไม่เคยยอมเสียเงินเปล่านะฮะ มันเป็นการลงทุน”
ถึงเขาจะบอกเธอไม่ได้ก็เถอะว่าเขาซื้อมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขาหันกลับมามองผู้ช่วยคนใหม่ของเขาอย่างสมเพช ~ฉันเกรงว่าถ้าฉันบอกเธอเกี่ยวกับสถานะราชาของฉันเร็วๆ นี้ เธอคงจะหยุดหายใจไปเลย~
"แล้วผมจะติดต่อคุณได้อย่างไร" แม็กนัสถาม
เธอรวบรวมสติทันที "ค่ะ... อ่า... ฉันชื่อเวเนสซ่า กรีนค่ะ คุณจะโทรหาฉันเมื่อไหร่ ยังไง เวลาไหนก็ได้ค่ะ อ้อ ฉันพาผู้รับเหมามาตามที่คุณขอมาด้วยค่ะ"
แม็กนัสตอบรับ “เดี๋ยวเราค่อยหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขการจ้างงานของคุณในภายหลัง แม่ของผมอาจต้องการพูดคุยกับคุณสองสามคำ สำหรับตอนนี้ขอไปจัดการบางอย่างก่อน คุณ...?”
ผู้รับเหมาเดินไปข้างหน้าทันทีในขณะที่ถูมือของเขา เขารู้จากสนทนาเมื่อกี้ว่าแม็กนัสร่ำรวยและมีอิทธิพลมาก เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบริษัทเหล่านั้นมาก่อน แต่พอรู้เกี่ยวกับตึกไครสเลอร์ เขาได้กลิ่นโอกาสบางอย่างจากเด็กน้อยผู้ร่ำรวย
“เรียกผมว่า ร็อบ ก็ได้ครับ” เขาทำตัวเหมือนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของแมกนัส
"ร็อบ ธุรกิจของคุณใหญ่แค่ไหนครับ?" แม็กนัสถาม
"ผมดูแลคนงาน 600 คนครับท่าน เราจ้างเพิ่มได้ตามความต้องการ พ่อของผมเป็นทั้งเจ้าของและคนบริหารบริษัท เรามีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างอาคารทุกประเภท" เขาบอกกับแม็กนัส
"โอเค ผมอาจมีโปรเจกต์ใหญ่ให้คุณในภายหลัง แต่นี่จะเป็นบททดสอบสำหรับคุณ ยิ่งคุณทำผลงานนี้ได้ดีเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสที่จะปิดการขายได้มากเท่านั้น ผมต้องการอัพเกรดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ เพิ่มขนาดไปอีกชั้นหนึ่ง เปลี่ยนหลังคาลาดเอียงเป็นหลังคาคอนกรีตเรียบ ปรับปรุงท่อทั้งหมดให้ทันสมัย วางกระเบื้องพิมพ์ลงบนพื้น สร้างส่วนต่อขยายใหญ่ด้านข้างซึ่งเราจะทำเป็นหอประชุมที่ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่จัดกิจกรรมกีฬาในร่มไปจนถึงงานร้องเพลงและเต้นรำ
จากนั้น ด้านนอกสร้างสนามเด็กเล่นขนาดเล็กพร้อมชิงช้า กระดานหก และสไลเดอร์ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็ก ผมต้องการทั้งหมดนี้ให้เสร็จภายใน 3 สัปดาห์” เขาสั่ง
ร็อบพยายามเขียนข้อเรียกร้องทั้งหมดลงในสมุดคู่มือเล่มเล็กของเขา ยิ่งเขาได้ยินแม็กนัสมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการมาที่นี่คุ้มค่ามาก
เขามองไปที่อาคารและทำการตัดสิน "อืม ตัวอาคารดูเก่ามากครับ เราคงต้องเสริมฐานรากและเพิ่มเสาคานสำหรับพื้นใหม่ นอกเหนือจากนั้น การอัปเกรดทั้งหมดสามารถทำได้โดยง่าย 3 สัปดาห์ก็เพียงพอแล้วครับ ถ้าผมผลักดันคนงานของผม"
“แล้วงบประมาณเท่าไหร่ครับ” แม็กนัสถาม
"ประมาณ 5... 5,000 ปอนด์ครับ (50,000 ปอนด์ในตลาดปัจจุบัน)" ร็อบพูดอย่างลังเล
แม็กนัสพยักหน้า "
คุณจะได้เงิน 8,000 ปอนด์ (92,000 ปอนด์ในตลาดปัจจุบัน) ก่อนอื่นให้สร้างหอประชุมก่อน เพื่อให้เด็ก สามารถนอนที่นั่นเมื่อคุณซ่อมแซมอาคารหลัก และอย่าให้เด็กได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุเด็ดขาด”
ขณะเดียวกัน ซิสเตอร์แมรี่รู้สึกตกตะลึง คุณสามารถซื้อบ้านหลังใหญ่หลังใหม่ได้ในราคา 8,000 แต่นี่ก็ถูกใช้ไปกับการอัพเกรดเท่านั้น
จากนั้นแม็กนัสก็ส่งร็อบออกไปเพื่อนำทีมคนงาน ขณะที่ทุกคนเข้าไปในบ้าน ซิสเตอร์แมรี่และเกรซเริ่มให้เสื้อผ้าแก่เหล่าเด็กๆ ที่กำลังตื่นเต้น แม็กนัสก็ไปพูดคุยกับเลขาคนใหม่ของเขา และ รักนาร์ได้รับมอบหมายให้จับตาดูเดวิดตามคำสั่งของแม็กนัส
...
วาเนสซ่านั่งอย่างแข็งทื่อต่อหน้า แม็กนัสและฟังเขาพูด
“เอาหล่ะ งานของคุณคือต้องทำตามที่ผมบอกและจัดการงานที่ผมมอบหมายให้คุณ อย่างที่คุณทราบเกี่ยวกับดราก้อนโฮลดิ้งแล้ว คุณควรรู้ว่าผมเป็นเจ้าของบริษัทจำนวนมาก และจำนวนพวกนั้นก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น งานของคุณคือการประสานงานกับพวกนั้นและแจ้งให้ผมราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขา
นอกจากนี้ ผมจะเริ่มโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มาก ดังนั้นคุณต้องคอยจับตาดูมันด้วย แล้วจงเข้าใจด้วยว่าคุณคือตัวแทนของผม คุณไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่คุณต้องรวบรวมข้อมูลจากบุคคลต่างๆ ที่ทำงานให้ผม และเข้าร่วมการประชุมหรือโทรหาผมบ้างโอกาส
คุณจะต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและผู้ช่วยผู้จัดการเพิ่มเติมในภายหลังเนื่องจากขนาดของบริษัทของผมเติบโตขึ้น แต่ก่อนอื่นคุณต้องเรียนรู้ความรู้ในธุรกิจของผม
เงินเดือนของคุณจะอยู่ที่ 2 พันปอนด์ต่อเดือน นี่จะเป็นเงินเดือนเริ่มต้นของคุณและจะเพิ่มขึ้นในอนาคต มีคำถามเพิ่มเติมไหม?" เขาบรรยายสรุปให้เธอฟังและถาม
เธอพูดอย่างกระวนกระวาย "ท่านคะ... มีสำนักงานที่ฉันจะนั่งทำงานหรือเปล่าคะ?"
“มีแน่นอน ฉันเป็นเจ้าของอาคารที่ท็องส์แอนด์ท็องส์และ MEDA ตั้งอยู่ ชั้นบนสุดของอาคารคือสำนักงานใหญ่ของดราก้อนโฮลดิ้ง แต่ก็มีแค่ทีมตรวจสอบบัญชีเท่านั้นที่คอยดูแลงานการเงินที่ราบรื่นของบริษัทย่อยทั้งหมด คุณจะอยู่ในชั้นลอยที่สูงกว่าพวกเขา นอกจากนี้เรายังมีสาขาสำนักงานในสหรัฐอเมริกาที่ชั้นบนสุดของตึกไครสเลอร์ด้วย คุณอาจจะต้องไปที่สหรัฐอเมริกาในอนาคตดังนั้นคุณจึงจะใช้มันได้
แต่ผมขอเตือนคุณด้วยว่าผมยังเด็ก ผมจำเป็นต้องเข้าโรงเรียนประจำ และผมก็ยุ่งตลอดทั้งปี แต่ผมจะมีวันหยุดในวันคริสต์มาสและช่วงฤดูร้อน ยังไงก็ตามผมยังสามารถดำเนินธุรกิจจากที่นั่นได้ ดังนั้นคุณอาจจะได้รับโทรศัพท์จากผมเป็นพักๆ ในปีหน้า สิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือจะเข้าสู่ตลาด ไม่เพียงแต่เราจะซื้อมันมาเท่านั้น แต่เรายังลงทุนในภาคส่วนนี้ด้วย
จนกว่าจะถึงเวลานั้น ทำให้แน่ใจว่าคุณอยู่ใกล้โทรศัพท์เสมอ"
ข้อกำหนดทั้งหมดนี้เคลียร์ในทุกประเด็น ค่าตอบแทนก็ดีมากเช่นกัน มากกว่าที่เธอได้รับจากท็องส์แอนด์ท็องส์เสียอีก
ทันใดนั้นเธอก็แปะหน้าตัวเองด้วยความตื่นเต้น ดังจนมาถึงแมกนัส
*แปะ แปะ*
“รับทราบค่ะท่าน ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวังค่ะ” เธอยืนยันกับเขาอย่างมั่นใจ
“ฮิฮิ ดี ไปคุยกับเด็กๆ เถอะ พวกเขาอยากคุยกับพี่สาวอย่างคุณ” แม็กนัสบอกเธอ
อีกเหตุผลหนึ่งที่ส่งเธอมาก็เพราะรักนาร์ได้ติดต่อกับเขาทางจิตใจ บอกให้ขึ้นมาชั้นบนเบาๆ
แม็กนัสเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างเงียบ ๆ และมาถึงนอกห้องรักนาร์แอบมองเข้าไปในห้อง แม็กนัสเดินไปข้างหลังเขาและพูดคุยกับเขาทางจิตใจ
"เกิดอะไรขึ้น?" แม็กนัสถาม
“เด็กคนนั้นที่นายเล่าให้ฟัง… มีบางอย่างที่แปลกมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเพิ่งคุยกับเด็กนึงแล้วเผลอทำเสื้อผ้าของอีกคนไหม้” รักนาร์เผย
“ทำไมพวกเขาถึงเอาไม้ขีดไฟมาเล่นกันล่ะ?” แม็กนัสถามอย่างสับสน
“นั่นแหละประเด็น พวกเขาไม่ได้เล่นไม้ขีดไฟ ไฟออกมาจากมือเขาเอง ฉันคิดว่าเขาเป็นพ่อมด แต่ทำไมเวทมนตร์ของเขาถึงระเบิดออกมาแบบนั้นกัน?” รักนาร์ตั้งสมมติฐานแต่ไม่แน่นอน
เมื่อรู้เรื่องนี้ แม็กนัสก็มีความคิดในใจอย่างรวดเร็ว ว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น
_____________________________
เลขาคนใหม่