ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0135
ทั้งหมดรายชื่อตอน

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0136


บทที่ 42 ผู้ต้องตายด้วยเงื้อมมือปีศาจ (1)

* * *

ใช้เวลานานกว่าคังซอนฮูจะกัดกร่อนประตูสำเร็จ แต่สำหรับชายหนุ่ม เวลาไม่ใช่ปัญหา จึงเอาแต่ก้มมองผงโลหะที่ค่อยๆ ร่วงกราวอย่างไม่รีบร้อน

ผู้คนมุงดูคังซอนฮูจากระยะไกล ทุกคนรูปร่างค่อนข้างใหญ่สำหรับมนุษย์ ส่วนมากยืนกอดอกพลางนินทาพฤติกรรมของชายหนุ่ม

ตอนแรกคิดว่าคังซอนฮูจะหยิบเครื่องมือ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สีหน้าของผู้คนก็เริ่มแปรเปลี่ยน

“…มือเปล่า?”

แม้จะใช้เครื่องมือมากมายที่วางเรียงรายเต็มพื้น แต่ประตูโลหะซึ่งสร้างจากเทคโนโลยีโบราณก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

ทว่า คังซอนฮูกลับละลายประตูโลหะได้ด้วยมือเปล่า

ในสายตาผู้คน พฤติกรรมตรงหน้าไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

ชาวบ้านทยอยมารวมตัวกันมากขึ้น บางคนแทบจะลืมหายใจ

ลิลี่ที่ถูกห้อมล้อมโดยมนุษย์จำนวนมากเกิดความรู้สึกแปลกแยก บรรยากาศปัจจุบันค่อนข้างน่ากลัวสำหรับเธอ

แกร่ก!

เมื่อมือคังซอนฮูเจาะเข้าไปในประตูหนา เสียงกลอนถูกทำลายดังขึ้น

และ

ครึก! ครึก! ครึก!

เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่จากด้านล่างขึ้นข้างบน คังซอนฮูรีบชักมือและถอยกลับโดยไม่ประมาท

ครึก!

เสียงกลไกกำลังเสียดสี ดังมาจากด้านบนประตู

ทุกคนเอาแต่ยืนมองประตูเงียบงัน

ครึด—!

“โอ้!”

เกิดเสียงประตูเสียดสีกับทรายด้านล่าง บานประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า

“…เจ้าทำได้ยังไง”

ลิลี่ถาม

ประตูบานนี้ถูกกัดเซาะไปมากจนไม่น่าจะขยับได้อีก

“ฉันเองก็ไม่รู้จักกลไกประเภทนี้… มันเป็นล็อกแบบโบราณ”

ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพัก

“…แต่มีจุดที่แปลก อย่างน้อยก็จนถึงปัจจุบัน โลหะในโบราณสถานจะไม่ถูกกัดเซาะด้วยพลังพิเศษ”

ลิลี่พยักหน้ารับ

“จะบอกว่ายังไงดี… คล้ายกับใครบางจงใจสร้างให้มันไม่ทนทาน”

“…ไม่ได้ห้ามเข้าไปสินะ”

คังซอนฮูพยักหน้า

หัวหน้างานที่เอาแต่ยืนจ้องประตู เมื่อได้สติกลับมา เขารีบออกคำสั่งกับคนรอบข้าง

“…ส่งคนไปบอกหัวหน้าอัศวิน ประตูเปิดออกแล้ว”

“ครับ”

มาลิน่าจ้องคังซอนฮูด้วยสีหน้าประหนึ่งวิญญาณหลุดออกจากร่าง ก่อนจะพูดจากจิตใต้สำนึก

“เจ้าเป็นใคร?”

“หือ?”

มาลิน่าเพิ่งตระหนักว่านั่นเป็นคำถามเหลวไหล

“เอ่อ… ข้าเข้าใจว่าท่านซอนฮูเป็นมนุษย์…. แต่ไม่ใช่หรือ?”

“ฉันเป็นมนุษย์”

มาลิน่าสับสน

“ข้าไม่เคยได้ยินว่าเผ่ามนุษย์มีพลังแบบนี้… อะ!”

มาลิน่ายกนิ้วขึ้น

“เวทมนตร์? ท่านคือจอมเวท?”

“นังเด็กนี่! มนุษย์จะใช้เวทมนตร์ได้ยังไง!”

จันทราที่ยืนมองจากด้านหลัง ตบบ่าลูกสาวและก้าวออกมา

ตอนนี้เขาหวาดกลัวคังซอนฮู เพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายคือตำนานวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่เคยฟังมาตั้งแต่เด็ก

“ท่านผู้สูงศักดิ์ ได้โปรดอย่าถือสาเรื่องที่ลูกสาวข้าเสียมารยาท…”

“ไม่เป็นไร ฉันขอเข้าไปดูข้างในได้ไหม”

ดูเหมือนคังซอนฮูจะไม่ชอบบทสนทนายืดยาว จึงขัดจังหวะและชำเลืองสายตาไปรอบตัว

ขณะผู้คนกำลังทึ่งกับข้อเท็จจริงที่ว่าประตูเปิดออกแล้ว ชายหนุ่มฉวยโอกาสเข้าไปข้างในอย่างแนบเนียน

ทางเดินด้านในกว้างพอๆ กับสันเขื่อน ปลายทางมืดจนมองเห็นได้ไม่ชัด

ลิลี่มองเข้าไปในทางเดินพลางจมอยู่กับความคิด พยายามเพิกเฉยสายตามนุษย์ด้านหลัง

คังซอนฮูเชื่อมวิญญาณกับเธอ และอาศัยความสามารถในการช่วงชิงพลังจากเลือด มาใช้กับปรสิตจนได้รับพลังกัดเซาะโลหะ

เคยมีสักครั้งในประวัติศาสตร์หรือไม่ ที่มนุษย์เชื่อมวิญญาณกับแวมไพร์?

ไม่มีใครตอบได้ แต่ลิลี่มั่นใจว่าไม่มี

สำหรับโลกใบนี้ มนุษย์และแวมไพร์เป็นอริกัน เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มนุษย์เกลียดชังแวมไพร์

ลิลี่ทราบข้อเท็จจริงนี้ดี และพยายามหลีกเลี่ยงมนุษย์มาตลอด

ตอนแรกที่ได้พบคังซอนฮู เหตุผลข้อเดียวที่เธอไม่รีบร้อนตัดสินใจทั้งที่อีกฝ่ายคือผู้ปกครอง ก็เพราะคังซอนฮูเป็นมนุษย์

จริงอยู่ อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะการเชื่อมวิญญาณจะทำได้ครั้งเดียวชั่วชีวิต แต่ในสถานการณ์ดังกล่าว นั่นไม่ใช่ปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่ง

ทว่า คังซอนฮูแทบไม่ตื่นเต้นที่ได้เชื่อมวิญญาณกับแวมไพร์ แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงรอยัล

หากกินเลือดของเป้าหมาย รอยัลบลัดสามารถเปลี่ยนพลังจากวิญญาณ ให้เป็นของตัวเอง

พ่อของลิลี่ อันเดรย์·ซินก้า เอาแต่กินเลือดหมาป่ามานานกว่าสิบปีเพื่อให้ได้รับความกล้าหาญและประสาทดมกลิ่น

แต่ไม่ใช่กับคังซอนฮู

ไม่ว่าวิญญาณปรสิตจะเข้มข้นสักเพียงใด แต่ก็ไม่ปกติที่จะได้รับพลังหลังจากกินเลือดแค่หนึ่งครั้ง

ลิลี่พยายามไม่แสดงออก แต่เธอตกตะลึงกับข้อเท็จจริงนี้มาก

ทว่า มันก็เท่านั้น

‘ไม่เอาหรอก’

คังซอนฮูเพิกเฉยการกินเลือด ถึงจะมีโอกาสสองสามครั้งในอดีต แต่ก็ทำเหมือนหลงลืมไปว่าตนมีพลังกินเลือด

ขณะได้พบมังกร และขณะมังกรสาบานว่าจะรับฟังข้อเสนอ ลิลี่อยากพูดออกไปว่า ‘ขอเลือดหนึ่งหยด’

แต่คังซอนฮูก็ไม่ได้ทำ

อยู่มาวันหนึ่ง เธอตัดสินใจถามอีกฝ่าย น่าจะเป็นตอนที่กำลังเมา

‘ทำไมฉันต้องทำล่ะ?’

คังซอนฮูที่ได้ยินคำถาม ตอบโดยไม่ลังเล

‘ฉันยังอยากเป็นมนุษย์อยู่นะ’

คังซอนฮูยังคงมีจิตใจเหมือนมนุษย์ปกติ

ทว่า เหตุผลค่อนข้างต่างจากมนุษย์ทั่วไป

‘การผจญภัยจะสนุก ก็ต่อเมื่อได้ทำด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง’

‘ฉันไม่ได้ต้องการแค่ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่’

คังซอนฮูทำให้มันมีความหมาย

หลังจากตระหนักถึงคุณค่า ลิลี่ก็ไม่ถามสิ่งใดต่อ ไม่ถามว่าทำไมถึงต้องเลือกเส้นทางที่ยากลำบากให้ตัวเอง

คังซอนฮูเป็นคนแบบนั้น

แต่คำนึงจากการละลายประตูด้วยพลังปรสิต ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เพิกเฉยต่อเครื่องมือที่ตัวเองมี

แม้จะยึดถือหลักการ แต่ก็ไม่ดื้อรั้นในสถานการณ์ที่ต้องใช้

ไม่ว่าจะมองมุมใด หลักการของชายคนนี้ไม่เคยตายตัว

เป็นคนที่แปลกมาก แปลกจนบางครั้งก็หนึ่ง บางครั้งก็สิบ

แต่ลิลี่ก็ไม่ได้รังเกียจ

ผ่านไปสักระยะ เธอรู้สึกว่าชะตากรรมที่เคยหนักหนาสาหัสเริ่มบรรเทาลง และเมื่อหัวใจผ่อนคลาย ลิลี่รับรู้ถึงความหมายของอิสรภาพ

ใจหนึ่งกลัวว่าตัวเองจะเลิกยึดมั่นในชะตากรรม แต่อีกใจหนึ่งก็มีความสุข

เป็นความขัดแย้งในตัวเอง

แต่ก็เป็นเส้นทางที่เธอเลือก

“จะไม่มาด้วยกันรึไง”

“ไปสิ… ไป!”

ลิลี่ได้สติกลับมา และรีบตามคังซอนฮูเข้าไปในความมืด

ยิ่งเข้าไปลึก ก็ยิ่งเห็นฉากที่คุ้นเคย — อิฐจำนวนมากและลวดลายหลากสีสัน

“…”

ส่วนที่เชื่อมระหว่างก้อนอิฐกำลังส่องแสงจาง ไม่ต้องพึ่งพาแสงจากภายนอก

คังซอนฮูบรรจงสำรวจฉากตรงหน้าและจมอยู่ในความคิด

“ฉันเคยเห็นลวดลายแบบนี้มาก่อน”

“วัฒนธรรมโบราณก็เป็นแบบนี้หมดไม่ใช่หรือ”

ลิลี่พูดขณะมองไปรอบตัว

คังซอนฮูส่ายหน้า

“ไม่เสมอไป จากการสำรวจโบราณสถานหลายแห่ง โบราณสถานจะมีคอนเซปต์ต่างกันเล็กน้อยตามจุดประสงค์”

“เจ้ารู้แล้วว่าคอนเซปต์ของที่นี่คืออะไร?”

คังซอนฮูพยักหน้าด้วยอารมณ์ซับซ้อน

ขณะลิลี่เดินพลางรอฟังคำตอบ บางสิ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ

สุดทางเดินยาวแห่งนี้มีห้องขนาดเล็ก

ห้องที่ทั้งสองคุ้นเคย

“นี่มัน… ที่ใช้ลงไปยังเมืองสุสาน”

“ลิฟต์”

ลิฟต์ที่มีปุ่มอยู่กลางห้อง ซึ่งจะขยับลงหากมีคนกด

เป็นโครงสร้างที่เคยเห็นในเบสแคมป์

ลิลี่รู้ว่าคังซอนฮูจะโดยสารลิฟต์ลงไปทันที เธอจึงเดินนำหน้า

แต่คังซอนฮูเอาแต่ยืนจ้องลิฟต์

ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไร จนกระทั่งเขาส่ายหัว

“กลับกันเถอะ”

“ไม่ลง?”

“คนข้างนอกพูดกันว่า ข้างในมีสิ่งที่จำเป็นต่อการเสด็จเยือนของเทพ และกองอัศวินเหยี่ยวต้องหามันให้พบ”

“อาฮะ”

คังซอนฮูหันหลังกลับและพูดต่อ

“ถ้าลงไปโดยไม่มีเหตุผล อาจเป็นการสร้างปัญหาให้พวกเขา มาฟังเรื่องราวกันก่อนดีกว่า”

ลิลี่จ้องแผ่นหลังคังซอนฮูพลางพยักหน้ารับ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้หันมามองเธอก็ตาม

* * *

รู้สึกเหมือนขาออกจะใช้เวลาเดินนานกว่าขาเข้า

เหตุผลไม่ซับซ้อน เพราะขาออก ฉันถูกผู้คนจำนวนมากจับจ้องจนเกิดความอึดอัด

ลิลี่ที่อ่านใจฉัน มองพลางยิ้ม

“ให้ข้าสอนวิธีพูดและวางตัวแบบชนชั้นสูงไหม”

“เธอเรียนของแบบนั้นด้วยหรือ”

“ตระกูลขุนนางจะเริ่มเรียนมารยาทตั้งแต่เขียนได้อ่านออก”

“…ฉันคงใช้ชีวิตแบบนั้นไม่ได้”

ไม่ผิดจากที่คิด เมื่อเดินกลับออกมา ความอลหม่านในตอนแรกหายไปแล้ว

ผู้คนกำลังยืนรวมตัวรอต้อนรับฉัน แถมยังได้เห็นใบหน้าที่ไม่เคยเห็น

ชายคนหนึ่งซึ่งสูงเกือบสองเมตร จนยากจะให้เชื่อว่าเป็นมนุษย์ แต่งกายในเกราะหนังหนา กำลังยืนหน้ากลุ่มคนเพื่อเป็นตัวแทนรอต้อนรับฉัน

“…”

“ท่านคือคนนอกที่เปิดประตูบานนี้ใช่ไหม”

“ใช่ ขอโทษที่เปิดประตูตามอำเภอใจ”

อีกฝ่ายส่ายหน้า

“เราต่างต่างหากที่ต้องขอบคุณท่าน ทั้งที่เป็นคนนอก แต่กลับยื่นมือช่วยเหลือ… ท่านพบสิ่งใดด้านในหรือไม่? พวกเราอยากฟัง”

“ยังไม่เจออะไรนอกจากอุปกรณ์ที่พาลงไปข้างล่าง”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับ

“ได้โปรดตามข้ามาด้วย มีบางสถานที่อยากให้ท่านแวะไป”

หงึก

ลิลี่เดินหลบหลังฉัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย

“…เจ้าทำหน้าแบบนี้ทำไม”

“หน้าแบบไหน?”

“หน้าของคนกำลังแปลกใจ”

สิ่งที่ฉันกำลังแปลกใจ ไม่ใช่ขนาดของชุดเกราะหนังที่ดูทนทาน หรืออาวุธหนักที่ดูราวกับจะไปออกรบ

แต่เป็นดวงตาเจือความหวาดกลัวที่พบได้บ่อยในคนเตรียมใจตาย และหัวใจอันแน่วแน่ที่พยายามข่มมันไว้

* * *

เขาแนะนำตัวว่าเป็นอัศวินอาวุโส ชื่อซังกีน่า คาร์คัลไม่ใช่นามสกุล แต่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูล

ซังกีน่านำทางฉันไปยังที่ราบ ซึ่งทอดยาวลงมาจากสันเขา ที่นั่นมีหมู่บ้านขนาดเล็กตั้งอยู่

เมื่อเข้าไป ฉันพบว่าที่นี่ไม่ได้เป็นแค่หมู่บ้าน แต่เป็นเขตชุมชนที่สร้างติดกับวิหารใหญ่

พวกเขาพาเดินชมอาคารหินหลังใหญ่หลายแห่ง รวมถึงอาคารที่สร้างจากต้นไม้ เห็นได้ชัดว่าสถาปัตยกรรมที่นี่มีความหลากหลาย

เมื่อเข้าไปในวิหาร ด้านในมีเสาหลายต้น ไม่มีหน้าต่าง คบเพลิงบนต้นเสาส่องแสงม่วงซีด

“คบเพลิงสีม่วง”

“…เกิดจากการเผาเกสรดอกทานตะวัน”

ลิลี่กับฉันซุบซิบคุยกัน ทั้งที่เสียงเบา แต่กลับดังกังวานทั่ววิหาร พวกเรารีบปิดปากทันทีที่ได้ยินเสียงก้อง

สุดทางเดินมีแท่นบูชาที่ดูคล้ายบันได เด็กชายและเด็กหญิงจำนวนหนึ่งกำลังหลับตาคุกเข่าอยู่ด้านบนสุด

คนกลุ่มใหญ่กำลังคุกเข่าต่อหน้าแท่นบูชา พลางเขียนบางสิ่งลงบนกระดาษ ทุกคนติดอาวุธหนักเหมือนกับซังกีน่า

พวกเรามองดูจากระยะไกล

“ตระกูลคาร์คัลนับถือนิกายหนึ่งที่เป็นสาขาของศาสนจักรเทวราชา พวกเรารับใช้หนึ่งในเก้าเทวราชา เหยี่ยวที่บินจากอีกฟากหนึ่งของความมืดมิดไร้สิ้นสุด”

“กองอัศวินเหยี่ยวมีหน้าที่อะไร”

“คำพยากรณ์กล่าวไว้ว่า ‘ปีศาจที่คอยขัดขวางไม่ให้เหยี่ยวร่อนลง จะปรากฏตัวพร้อมกับเหยี่ยว’ พวกเราจึงจัดตั้งกองอัศวินขึ้นเพื่อหยุดยั้งปีศาจและช่วยให้เหยี่ยวร่อนลงสำเร็จ”

ฉันมองไปรอบตัว ไม่เคยอ่านสีหน้าสีตาได้ชัดเจนมากเท่านี้มาก่อน

ทุกใบหน้ากำลังแสงอารมณ์ที่หนักแน่นและเข้มข้น

“หากเป็นที่นี่ ท่านจะรอดพ้นจากอิทธิพลของปีศาจในยามเริ่มศึก รบกวนท่านคนนอกพักผ่อนอยู่ในนี้สักหนึ่งสัปดาห์”

“…แล้วพวกนายล่ะ”

“พวกเรากำลังเตรียมตัวทำศึกที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน”

“…แต่สิ่งที่ฉันเห็นไม่ใช่แบบนั้น”

ฉันเงยหน้ามองซังกีน่า

“ทำไมพวกนายทุกคนถึงกำลังกลัวตาย? คิดจะไปตายรึไง”

ฉันเห็นเต็มสองตา

ทุกคนกำลังเขียนจดหมายลาตาย

“…จากตำนานที่ถูกบันทึก ตระกูลของเราไม่เคยช่วยให้พระองค์ร่อนลงสำเร็จ อดีตที่ผ่านมาคือสัญลักษณ์ความอัปยศของเรา แต่ครั้งนี้มันต้องสำเร็จ”

“…ก็ยังยืนยันคำเดิม สิ่งที่ฉันเห็นไม่ใช่แบบนั้น”

ฉันเคยเห็นสายตาแบบนี้มาเยอะแล้ว

“พวกนายจะล้มเหลว”

“…”

ฉันไม่พูดอะไรต่อ

เพื่อให้อีกฝ่ายไตร่ตรองความคิดตัวเอง

“…การปรากฏตัวของเหยี่ยว และปีศาจที่พยายามขับไล่เหยี่ยว ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก มันคือชะตากรรมของเราที่ต้องกระโจนเข้าใส่ปีศาจเพื่อช่วยเหลือพระองค์ ไม่มีใครตัดพ้อว่าทำไมเหตุการณ์นี้ถึงเกิดขึ้นในรุ่นตัวเอง ทุกคนเตรียมใจแบกรับพรหมลิขิตนั้น…”

ชะตากรรม พรหมลิขิต…

ชาวต่างโลกชอบพูดคำเหล่านี้มาก

“ชะตากรรมสินะ ฉันก็คิดว่ามันฟังดูเจ๋งดี ทุกคนบนโลกยอมเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อคำคำนี้… ฉันสัมผัสถึงความโรแมนซ์ รวมถึงความร้อนรุ่มขณะได้เห็นภาพดังกล่าว”

“ท่านต้องการจะพูดอะไร…”

“…แต่ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองตายไปเพื่ออะไร นั่นก็แค่การจำใจตายอย่างไร้ความรับผิดชอบ”

แตกต่างจาก ‘การยึดมั่นในชะตากรรม’ โดยสิ้นเชิง

ทันใดนั้น ด้านนอกเกิดความโกลาหล

ท้องฟ้าคล้ายกับมีรอยแยก ทุกคนในวิหารต่างหมอบลงพลางกรีดร้องและใช้มือปิดหู

เนื่องจากตัวอาคารมีโครงสร้างภายในแบบพิเศษ เสียงจึงกังวานราวกับอากาศถูกฉีกขาด

ลิลี่ ฉัน และซังกีน่าต่างวิ่งไปที่ประตู

* * *

“…ยังกลางวันอยู่ไม่ใช่รึไง”

ลิลี่พึมพำ

ตอนนี้ท้องฟ้ามีทั้งฉากกลางวันและกลางคืน ดูคล้ายกับการวาดทิวทัศน์กลางวันและกลางคืนบนแผ่นใส จากนั้นก็เอามาซ้อนกัน

พระจันทร์ที่เกือบมองไม่เห็นเพราะแสงแดด ปรากฏตัวเลือนรางตรงมุมหนึ่งของท้องฟ้า

ดวงดาวกะพริบวิบวับต่อเนื่อง เปิดเผยตัวตนสลับกับเลือนหาย

พรึบ!

เสียงกระพือปีกดังขึ้น

ดังมากเกินไป สำหรับการกระพือปีกเพียงหนึ่งครั้ง

เหยี่ยวที่บินจากอีกฟากของความมืดมิดไร้สิ้นสุดยังไม่ปรากฏตัว

มันต้องอยู่ไกลแค่ไหน?

ไม่เพียงเท่านั้น ในเมื่อยังอยู่ไกล แล้วทำไมเสียงกระพือปีกถึงดังมาถึงที่นี่?

ขณะผุดคำถาม ตระกูลคาร์คัลที่เคยได้ยินตำนาน ต่างพากันหวาดผวาสุดขีด

บางสิ่งผงาดขึ้นจากอ่างเก็บน้ำ ร่างกายของมันประกอบด้วยสีดำ เทา และน้ำตาลซีด มอบความรู้สึกคล้ายศพในสุสาน

ปีศาจที่ตระกูลคาร์คัลหวาดกลัว ซึ่งหลับใหลอยู่ในหลุมศพขนาดใหญ่ก้นอ่างเก็บน้ำ ถึงคราวปรากฏตัว

หุ่นไล่กา

หุ่นไล่กาสวมผ้าขี้ริ้ว แขนกางออกสองข้าง ยืนเด่นสง่าอยู่ริมอ่างเก็บน้ำ

ผู้คนส่งเสียงอื้ออึง เสียงกรีดร้องดังมาจากทุกสารทิศ ถึงจะใช้มือปิดหูก็ยังดังทะลุเข้ามา

ลิลี่หันกลับไปมอง ดูเหมือนทุกคนจะถูกความกลัวครอบงำความแน่วแน่

ที่นี่สงบสุขมานานเกินไป การเตรียมใจตายจึงหดหายในพริบตา

“อย่าละสายตา”

ลิลี่หันมาทางคังซอนฮู

คังซอนฮูกำลังจ้องปีศาจที่ดูน่าหวาดหวั่น

เขาไม่กลัวเลยหรือ?

ไม่ใช่

ในสายตาลิลี่ คังซอนฮูยังหลงเหลือความกลัว

“การยอมตายโดยไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร คือความตายที่โง่เขลา”

ไม่แน่ใจว่าถูกดึงสติด้วยประโยคเมื่อครู่หรือไม่ ซังกีน่ารีบเงยศีรษะขึ้นพร้อมกับหันมาตะโกน

“กลับเข้าไป! นับตั้งแต่วันนี้…”

“ไม่”

คังซอนฮูส่ายหน้า

ลิลี่อยากจะสบถว่า ‘ไอ้เวร’ ให้รู้แล้วรู้รอด

เพราะความน่ากลัวของปีศาจตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

แต่ทันใดนั้น เธอเห็นคังซอนฮูกำลังยิ้ม

“พอดีว่าฉันมีธุระกับท่านที่กำลังบินลงมา”

“…อะไรนะ”

“ถ้าหุ่นไล่กาตัวนั้นกำลังขวางทางพระองค์ ฉันก็ต้องจัดการมัน”

“…ท่านเสียสติไปแล้วหรือ”

“ใครๆ ก็พูดกันแบบนั้น”

ซังกีน่าเริ่มหัวเสียกับพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของคนนอก

“ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน! ท่านก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา! ไม่ใช่ดารากร ไม่ใช่นิรันดร์ชน ไม่มีเทพคอยคุ้มครอง!”

“แล้วทำไมพวกนายถึงต้องช่วยเหยี่ยว?”

“เพราะอยากให้พระองค์หันมาเหลียวแลเราอีกครั้ง!”

คังซอนฮูพยักหน้า

“ตอบได้ดี”

.

.

เนื่องจากนิยายเรื่องนี้อวสานแล้วที่ตอน 266 ตอนฟรีจึงหยุดลงแค่นี้

หากสนใจที่จะอ่านต่อ กรุณาติดต่อทาง INBOX ของเพจเฟซบุ๊ค

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด