ตอนที่ 578 ฝึกซ้อมฝันร้าย
สือเซินตกใจกับความเร็วในการพัฒนาฝีมือของนายท่านเหมิ่งหนาน ในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วันจำนวนคนร่วมซ้อมเพิ่มถึง 25 คน บริวารของเขาทุกคนเป็นคนที่อยู่ในกองพลปีศาจแห่งทวีปโยวโจว พวกเขามีฝีมือสูงส่ง ไม่มีใครรู้พลังของพวกเขาดีกว่าเขา
สือเซินไม่มีความสงสัยอะไรในเรื่องเบื้องหลังของนายท่านเหมิ่งหนาน พลังร่างกายที่แข็งแกร่งประดุจเหล็กกล้านอกจากคนเถื่อนแล้ว พูดตามตรงแล้วเขาไม่เชื่อว่าจะมีคนอื่นจากทวีปอื่นที่มีร่างกายแข็งแกร่งขนาดนั้น
เหมิ่งหนาน... เหมิ่งหนานชื่อของพวกเขาก็แค่สักว่าตัวหนังสือ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกนึกไม่ถึงก็คือวิธีการต่อสู้ของท่านเหมิ่งหนานนั้นหมดจดอาจเป็นได้ว่านั่นคือวิทยายุทธของทวีปคนเถื่อน ได้มีการพัฒนาไปถึงระดับนั้นกระมัง?
และท่านเหมิ่งหนานเชี่ยวชาญมากในการใช้ความได้เปรียบของตนเอง สัญชาตญาณที่เหมือนสัตว์ป่าของเขาที่นำมาใช้ในการรบทำให้เขารู้สึกสรรเสริญชื่นชมขณะมองดู แม้แต่เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอาจหาญเหมือนที่ท่านเหมิ่งหนานแสดง
อย่างไรก็ตามก็ยังดูไม่ดีนักเมื่อประเมินสถานการณ์ในภาพรวม ในยุคที่กองทัพเป็นทางเลือกที่นิยมมากขึ้น รูปแบบการสู้แบบปัจเจกบุคคลของท่านเหมิ่งหนานถูกโยงกับความไม่สำเร็จเมื่อคิดจากอีกมุมมองหนึ่ง ถ้าเขาจำเป็นต้องให้ท่านเหมิ่งหนานบุกทำลายแนวของศัตรูอาจหมายความว่ากองทัพของเขาล้มเหลวเช่นกัน นอกจากนี้ท่านเหมิ่งหนานยังได้รับการช่วยเหลือจากท่านปิง
ในช่วงไม่กี่วันมานี้สือเซินเชื่อสนิทใจว่าท่านปิงเป็นนักยุทธศาสตร์ที่โดดเด่นและวางกลยุทธได้ดี ข้อสังเกตเล็กๆ น้อยๆที่ท่านปิงแนะนำเขาให้ใช้การแปลงพลังมัจฉาดึกดำบรรพ์คือแก่นแท้ทั้งหมด สือเซินลองทดสอบดูแล้วและหลังจากมีความก้าวหน้า พลังของมัจฉาดึกดำบรรพ์แปลงเพิ่มขึ้นอีก 20%
ผู้เชี่ยวชาญ ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริงแน่นอน และนอกจากนี้เขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังมากที่สุดที่สือเซินเคยพบมาทั้งชีวิต
มัจฉาดึกดำบรรพ์แปลงสร้างโดยสือเซินเมื่อตอนที่เขายังอายุน้อยเคยใช้ต่อสู้มาอย่างติดต่อกันเกิน 10 ปี กลยุทธสู้รบของเขายังคงได้รับการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพจนกระทั่งห้าปีมาแล้วที่สือเซินรู้สึกว่ากระบวนยุทธมัจฉาดึกดำบรรพ์ถึงความสมบูรณ์แบบแล้ว
20%นี่แตกต่างกันเกือบสองระดับ ทำให้สือเซินระบุได้ถึงความต่างชั้นกันระหว่างเขากับท่านปิง
ท่านเหมิ่งหนานได้ขุนพลทหารที่โดดเด่นขนาดนั้นมาเป็นผู้ช่วยเบื้องหลังของเขาไม่ได้มาจากที่เล็กๆ แน่นอน
สามวันที่ผ่านมาล้วนผ่านมาด้วยความน่าตกใจและเมื่อวันที่สี่เริ่ม สถานการณ์เริ่มเปลี่ยน ท่านเหมิ่งหนานยังคงตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างดี ทำให้สือเซินถอนหายใจชมเชยพลังที่แข็งแกร่งมากของท่านเหมิ่งหนานอีกครั้ง
จิ่งหาวที่เปลี่ยนชื่อเป็นเจี้ยนอู่ขอร่วมฝึกซ้อมด้วย
สือเซินประทับใจอย่างมากกับท่านเจี้ยนอู่วิชากระบี่ที่ปะทะกับพวกเขาครั้งแรก แม้ว่าพลังผันผวนจะไม่แข็งแกร่ง แต่ก็แฝงด้วยพลังแห่งกฎธรรมชาติ นี่ก็หมายความว่าท่านเจี้ยนอู่ก็มีระดับที่สูงกว่าและเป็นมือกระบี่ที่แท้จริง ยอดฝีมือดังกล่าวยากจะได้ตัวมาแม้มีทองเป็นพันเพียงแต่น่าเสียดายที่ ดูเหมือนเขาไม่เข้าใจกระบวนศึก มิฉะนั้น เขาจะเป็นกระบี่ที่คมที่สุด
แน่นอน สือเซินเห็นด้วย
จากนั้นก็เป็นหลิงซิ่วซึ่งเปลี่ยนชื่อตนเองเป็นจาซือ โอวไม่นะ จาซือวิ่งเข้ามาขอร่วมฝึกซ้อมด้วยและสือเซินก็เห็นด้วย
ไม่นานอาเฮ่อเปลี่ยนชื่อตนเองเป็นอี้จ้านหรือเตี่ยนอี้จ้านก็มาขอร่วมซ้อมด้วย และสือเซินก็ไม่ขัดข้อง
ความเข้มแข็งของพวกเขาว่าไปแล้วก็เพื่อพวกเขาเองและสือเซินคิดว่าถ้าพวกเขาสามารถกลมกลืนอยู่ในกองทัพได้ พวกเขาจะสามารถรับการช่วยเหลือได้เป็นอย่างดีแนวทางที่สือเซินเห็นว่าเห็นผลที่ยอดฝีมือเหล่านี้ไม่ยินดีร่วมกับกองทัพเกิดจากพวกเขาประเมินพลังตนเองสูงเกินไป และเมื่อพวกเขาเห็นว่าจุดแข็งของแต่ละคนไม่สามารถต่อต้านกองทัพได้ พวกเขาจะเดินตามเส้นทางของกองทัพแน่นอน
เขาไม่กล้าคิดอะไรเกี่ยวกับเหมิ่งหนาน แต่สำหรับยอดฝีมือทั้งสามคน เขาสามารถลองทำอะไรก็ได้
แน่นอนสือเซินสั่งบริวารของเขาเป็นพิเศษไม่ต้องออมมือ บริวารของเขาทุกคนจะมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อม
แต่เขาไม่เคยคาดเลยแม้แต่น้อยว่าฝันร้ายเพิ่งเริ่มขึ้น
สภาพร่างกายของพวกเขาไม่โดดเด่นเท่ากับท่านเหมิ่งหนานก็จริง แต่พวกเขาก็ยังค่อนข้างโดดเด่น เมื่อพวกเขาเริ่มความจริงพวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการต้านกองทัพแต่อย่างใด พวกเขาถูกบริวารของสือเซินไล่ต้อนทำให้พวกเขารู้สึกยินดี
เจ้าพวกนี้ตอนนี้ควรจะรู้ว่าเราทรงพลังมากเพียงไหน....
อย่างไรก็ตาม ในเวลาอันรวดเร็วทั้งสามคนก็แสดงความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งออกมา พวกเขาก้าวหน้าเร็วราวกับเทพ ขณะที่กองพลปีศาจแห่งทวีปโยวโจวส่วนใหญ่ถูกถังเทียนใช้งาน สือเซินจึงไม่มีทางเลือกได้แต่เข้าร่วมฝึกซ้อมด้วย
สือเซินมีส่วนร่วมอย่างเห็นได้ชัด และมีผลมาก ทีมที่เล็กกว่าสามทีมถูกมองตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยมีเขาเป็นศูนย์กลางการควบคุมขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่เร็วมาก
ทั้งสามคนถูกข่มอีกครั้งและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
แต่สือเซินไม่เคยคาดเลยว่าความอดทนและความทนทานของพวกเขาจะมีมากเกินคาดเช่นกัน และฝันร้ายจึงเริ่มขึ้นในลักษณะนั้น
เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย
โชคดีที่ครั้งนี้สามสหายยังเหนื่อยถึงจุดที่ล้มลงได้ในที่สุด สือเซินค่ยอระบายลมหายใจ ทุกคนนั่งพักอยู่บนพื้น สือเซินพูดหอบหายใจเล็กน้อย “พวกเจ้าทุกคนร่างกายแข็งแกร่งกันมาก”
จิ่งหาวผงกศีรษะ “ใช่แล้ว”
หลิงซิ่วจ้องมองด้วยความโกรธ “ท่านกำลังโอ้อวดเหรอ?”
อาเฮ่อพูดขอโทษ “โปรดอย่าหงุดหงิดกับเขาเลย”
สือเซิน “....”
หลังจากนั้น 10นาที หลิงซิ่วกระโดดขึ้นยืน จิ่งหาวลุกขึ้นยืน อาเฮ่อยันตัวขึ้น
“ขออีกครั้ง!” สามสหายพูดพร้อมกัน พวกเขามีร่างพลังกายเป็นศูนย์ ดังนั้นระดับการฟื้นฟูจึงโดดเด่นมาก
สือเซิน “......”
หลังจากนั้นห้าชั่วโมง สามสหายก็เหนื่อยล้มลงนอนกับพื้นอีกครั้ง ครั้งสือสือเซินและสมาชิกอื่นเหนื่อยหนักเหมือนกัน มีหลายคนนั่งแช่กับพื้น หลั่งเหงื่อพรั่งพรู
สือเซินใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ “ร่างของพวกเจ้าดีมากจริงๆ!”
จิ่งหาวพยักหน้า “ก็ยังใช้ได้”
หลิงจ้องหน้าอย่างโมโหอีก “เจ้ากำลังจะอวดอีกแล้วเหรอ?”
อาเฮ่อพูดอย่างใจเย็น “ข้าเชื่อว่าท่านคงไม่ถือเขา”
สือเซิน “....”
หลังจากนั้นอีกสิบนาที เมื่อเห็นว่าหลิงซิ่วกระโดดขึ้นมา สีหน้าของสือเซินเปลี่ยน ตามคาดจิ่งหาวและอาเฮ่อลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
“อีกครั้ง!” สามสหายพูดพร้อมกัน
สือเซิน “.........”
หลังจากนั้นห้าชั่วโมง
ขาและท้องของสือเซินสั่นสะท้าน สมาชิกในทีมรอบตัวเขาแต่ละคนๆ หน้าตาซีดขาว สือเซินไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว เขาถอนหายใจสัตว์ประหลาดเหล่านี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันนี่
จิ่งหาวพยักหน้าให้ “พวกท่านพักให้มากกว่านี้เถอะ”
หลิงซิ่วจ้องด้วยความโกรธ “ทำไมคราวนี้ท่านไม่ชื่นชมความแข็งแรงของเราอีก?”
อาเฮ่อพูดอย่างใจเย็น “เจ้าเงียบเถอะน่า”
หลังจากผ่านไปสิบนาทีทั้งสามคนกลับมาแข็งแรงมีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับว่าพวกเขามีเรี่ยวแรงไม่จำกัด ทำให้สีหน้าของสือเซินและคนของเขาหน้าเขียวคล้ำ เมื่อเห็นเช่นนี้ อาเฮ่อกล่าว “คราวนี้ พักนานกว่าเดิมหน่อยเถอะ”
สือเซินถอนหายใจโล่งอก จากนั้นเขาเห็นทั้งสามคนอภิปรายกันอย่างร้อนแรง
“จุดอ่อนของพวกเขาก็คือช่วงเวลาหลังจากพวกเขาเคลื่อนไหวปล่อยประบวนท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพวกเขาปล่อยพลังโจมตีต่อเนื่อง จะมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่การป้องกันของพวกเขาตกลงไป ตราบใดที่เราไวพอเราก็สามารถฝ่าแนวป้องกันของพวกเขาไปได้” จิ่งหาวกล่าว
“จุดอ่อนของพวกเขาก็คือช่วงเวลาที่พวกเขาถูกโจมตี หลังจากผ่านไป 96ครั้งแล้ว แนวป้องกันของพวกเขาจะมีจุดบกพร่อง ตราบใดที่ข้าปล่อยพลังหอกโจมตีอย่างเพียงพอ แนวป้องกันของพวกเขาจะแตก”หลิงซิ่วกล่าว
“จุดอ่อนของพวกเขาก็คือความผันผวนของพลังสมาธิของพวกเขา เมื่อตัดมุมเฉพาะเจาะจงมุมหนึ่งท่านจะสามารถทำลายความถี่ในการประสานของพวกเขา ตราบใดที่ท่านหามุมตัดได้ถูกต้องแนวป้องกันของพวกเขาจะฉีกขาดกระจุยทันที” อาเฮ่อกล่าว
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นสือเซินเริ่มหลั่งเหงื่อเยียบเย็นเขารู้สึกว่าความเย็นแล่นไปตามมือของเขา เขาคุ้นเคยกับกระบวนกลยุทธรบของเขามากที่สุด และคุ้นเคยมากยิ่งกว่าร่างกายของเขาเสียอีก ดังนั้นเมื่อทั้งสามสหายปรึกษาอภิปรายกันจึงเหมือนกับมีสายฟ้าฟาดหัวใจเขาสามครั้ง ทำให้เขารู้สึกว่างเปล่า
หลังจากนั้นสิบนาที
“มาเถอะ!” สามสหายพูดพร้อมกัน
สือเซินไม่รู้ว่าเขาลุกกลับขึ้นมาได้อย่างไร แต่แม้ว่าเขาจะไม่อ่อนโยนไม่ก้าวร้าวอย่างเพียงพอ แต่ความจริงเขามีความภูมิใจของตนเองมาก ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น บริวารของเขาชาวกองพลปีศาจแห่งทวีปโยวโจวล้วนมีความภูมิใจกันทุกคน พวกเขาคิดว่าพวกเขาสูงส่งกว่าคนอื่น ดังนั้นใครจะยอมรับความพ่ายแพ้
ทั้งหมดลุกกลับขึ้นมายืน
เหตุผลที่จิ่งหาวและพวกทำได้ไม่ดีก่อนหน้านั้นเนื่องจากพวกเขาไม่คุ้นเคยกับกลยุทธ์ในการสู้ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานสูงด้วยเช่นกัน ขณะที่พวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับวิถีของกลยุทธ์ที่ใช้มากขึ้น พร้อมกับความคุ้นเคยของดินแดนเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจึงค่อยๆ พบวิธีในการปรับตัว
การแสดงออกของถังเทียนยิ่งโดดเด่นมากขึ้น เขาเพียงคนเดียว สามารถรับมือกำลังพลปีศาจทวีปโยวโจวได้ถึง25 คน แน่นอนว่าเป็นแค่เพียงการควบคุม ถ้าเป็นการโจมตีโดยตรง ถังเทียนไม่มีโอกาสยืนต้านได้แน่นอน
พลังที่น่ากลัวของกองทัพถึงระดับที่น่ากลัว
เหตุผลก็คือในระหว่างการโจมตีของหน่วยปริมาณของพลังงานที่สะสมไว้มีระดับที่น่ากลัว การเปลี่ยนแปลงขนาดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเพราะฉะนั้นเมื่อค่าพลังเพิ่มถึงระดับหนึ่ง ข้อบกพร่องหรือจุดรั่วไหลของพลังงานก็ไม่สำคัญต่อไป
ถังเทียนค่อยๆ พบเคล็ดลับ การต่อสู้กับหน่วยของกองทัพไม่สามารถทำโดยใช้กำลังแข็งขืนได้ จำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเพื่อหลอกล่อพวกเขาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือการมีส่วนร่วมกับการสู้อย่างต่อเนื่องที่ทั้งสองฝ่ายมุ่งประจัญบานใส่กันนับครั้งไม่ถ้วน
ความแข็งแกร่งของถังเทียนก้าวหน้าอย่างมากหลังจากได้รับการรู้แจ้งก็ทำให้เขาเหมือนกับเปิดหน้าต่างบานใหม่ กรงเล็บเพลิงภูตพรายพบกับชีวิตใหม่ในเงื้อมมือของเขาและทำให้เขามีวิธีสำหรับรุกอีกรูปแบบหนึ่ง จากนั้นถังเทียนก็ตระหนักได้ว่าเขาพบสิ่งแปลกประหลาดมากมายในตัวของเขา อย่างเช่นเพลิงมารหรือตราดาบเป็นแต่ว่าเขาไม่เคยสำรวจพลังที่น่ากลัวของเขาอย่างจริงจัง
ด้วยความคิดในใจเช่นนั้น ถังเทียนรู้สึกว่าเขายังคงสามารถสำรวจได้อีกหลายที่ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง
เป็นไปตามคาด ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ข้าสามารถรับมือคนได้ 25 คนที่นี่
ความยากลำบากชั่วคราวไม่ได้ทำให้ถังเทียนรู้สึกเสียใจ ตรงกันข้าม กลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น ความรู้สึกท้าทายดังกล่าวทำให้เขาตื่นเต้นมาก
ถังเทียนหลงลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่ากองพลปีศาจที่ร้ายกาจนั้นก็อยู่ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ 25ทหารในกองพลปีศาจทวีปโยวโจวอยู่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็นกองกำลังที่ไม่ได้คาดไว้เลย
และนอกจากนี้ พวกเขายังได้เสริมอาวุธเสริมบางอย่างให้กับกองพลปีศาจทวีปโยวโจว แม้แต่ปิงยังเสริมอาวุธให้สือเซินและกลุ่มของเขาได้แสดงศักยภาพต่อสู้ได้เต็มที่อาวุธเหล่านั้นสือเซินและพวกไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะได้มา
แต่ตอนนี้ แต่ละคนๆ ดูเหมือนกำลังเกลือกกลิ้งอยู่ในโคลน
ปิงสังเกตดูจากด้านข้างเงียบๆ ทำการวิเคราะห์ต่างๆเขาเต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับกลยุทธ์ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาทรงพลัง แต่ก็แค่นั้น... ดูเหมือนพวกเขาอยากจะเข้าต่อสู้...
ปิงเกาคางขณะมองดูพวกเขาทุกคนกำลังซึมเซา เขาคิดในใจว่าควรจะให้พวกเขาได้ฝึกความอดทนเพิ่ม
ขณะเดียวกันนั้นเองซุนเจิ้งซึ่งอยู่ในเมืองเป่ากวงได้รับคำสั่งเร่งด่วนจากระดับสูง
“สือเซินผู้นี้กำลังถ่วงเวลามากเกินไป นี่ผ่านไปนานเท่าใดแล้ว?” ซุนเจิ้งพูดอย่างไม่สบายใจ
บริวารคนหนึ่งหัวเราะ “ทำไม้ต้องเร่งด้วย นายท่าน?”
ซุนเจิ้งจ้องมองเขา “ไม่เร่งด่วนได้หรือ? ระดับสูงมอบคำสั่งให้ข้าแล้ว ข้าได้ยินว่าภารกิจของกองพลที่ยี่สิบสองยังไม่สำเร็จ ผลก็คือผู้บัญชาการถูกระงับอำนาจและให้รองผู้บัญชาการดำเนินงานแทน”
บริวารหน้าซีดขาว “ไม่มีทาง”
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าใดซุนเจิ้งก็ยิ่งกังวล หน้าของเขางอเล็กน้อย “เป็นไปได้ไหมว่าสือเซินได้ยินข่าวเช่นกัน? เขาต้องการให้ข้าตาย? ไม่มีทาง! พวกเจ้าทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวได้ เราจะไปจับพวกเขา! ใครก็ตามที่กล้าต่อต้าน ฆ่าได้ทันที! 200,000 เราจะต้องทำภารกิจให้สำเร็จ!”
คนอื่นมองหน้ากันเอง พวกเขาเห็นความตกใจและความกลัวอยู่ในตาของแต่ละคนและรีบวิ่งไปที่ค่ายทหารทันที