ตอนที่ 576 ติดอาวุธ
ดีดิสันมีท่าทีครุ่นคิด เขาไม่เคยคิดจากมุมมองอื่นนั้น ด้านเกี่ยวกับความรู้เรื่องกองทัพเขาเรียนรู้ทุกอย่างจากวิทยาลัยฟิงเกอร์วิทยาลัยฟิงเกอร์คือหนึ่งในสามสถาบันที่มีชื่อเสียงในโลกน้ำเงิน แต่แตกต่างจากอีกสองโรงเรียน วิทยาลัยฟิงเกอร์สร้างขึ้นโดยกลุ่มคนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้วและยอมรับแต่เพียงคนแคระน้ำเงินที่ตื่นแล้ว
พวกคนแคระน้ำเงินจะเป็นเมืองอาณานิคมที่เป็นเอกลักษณ์มาก เมื่อเกิดจากทะเลน้ำเงิน 90% ของพวกเขาจะถูกมันควบคุม มีคนแคระน้ำเงินน้อยคนมากที่จะตื่นขึ้นและมีสติปัญญาเป็นของตนเอง
คนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้วจะกลายเป็นผู้ฉลาดขึ้นมาก ถ้าพวกเขายินดีสามารถจะจงรักภักดีต่อทะเลน้ำเงิน พวกเขาจะได้รับความรักและความโปรดปรานเป็นพิเศษจากทะเลน้ำเงิน และจะเป็นผู้มีคุณค่าสูงส่ง
หลังจากจบการศึกษาแล้วดีดิสันเดิมทีต้องการจะใช้สิทธิ์นั้น และเข้าร่วมหนึ่งในหกกองทัพใหญ่ นั่นคือกองพลอาญาแดง แต่เพราะเขาไม่ยินยอมจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อทะเลน้ำเงินจึงถือว่าเป็นคนนอก นิสัยของเขาเป็นคนขวางโลก และทะเลาะกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้งและเขาพบอย่างรวดเร็วว่าเขาไม่สามารถอยู่กับกองทัพได้ ในที่สุดก็กลับมาเมืองอาบิดิยา
เมื่ออาบิดิยาอยู่ไกลจากทะเลน้ำเงินมาก และเป็นหนึ่งในเมืองพิเศษในโลกน้ำเงิน ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้ว
“บาร์บารา ตอนนี้เจ้ารับใช้ใครอยู่?” ดีดิสันเงยหน้าและจ้องดูบาร์บาร่า
บาร์บาราไม่ซ่อนความสงสัยไว้ต่อไปและพูดอย่างภูมิใจ “แน่นอน เขาเป็นคนสำคัญ!”
“คนสำคัญ?” ดีดิสันเม้มริมฝีปาก และแสดงความรังเกียจ “ในโลกน้ำเงินมีคนสำคัญแบบไหนกัน? ข้าจำได้ว่าเจ้าอยู่ในกองทัพอาญาขาว...”
“ผู้บุกรุก!” บาร์บาราเชิดคาง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ข้ารับใช้ผู้บุกรุก!”
“ผู้บุกรุก!” ดีดิสันตกตะลึงมองดูบาร์บารา “ผู้บุกรุกจากเมื่อสิบปีก่อนหรือ?”
“ยังจะมีผู้บุกรุกอื่นอีกหรือถ้าไม่ใช่ท่านผู้นั้น?” บาร์บาราโบกมือแกล้งทำเป็นอารมณ์ขัน
ดีดิสันกระโดดผางราวกับก้นรุกเป็นไฟ “บาร์บารา เจ้าบ้าไปแล้ว! เจ้าช่วยผู้บุกรุกจริงๆ! เจ้าไม่รู้หรือว่าผู้บุกรุกคือศัตรูสำคัญของเราชาวแคระน้ำเงิน...”
“ตอนนั้น เป็นข้านี่แหละที่นำเขาเข้ามา” บาร์บารามองดูดีดิสัน สีหน้ายังมีความภูมิใจ“ดีดิสันเจ้าต้องการรู้ไม่ใช่หรือว่าข้าตื่นขึ้นเมื่อใด? เป็นตอนนั้น เมื่อข้าพบกับเขา นายใหญ่ นั่นคือเวลาที่ข้าลืมตาขึ้นจริงๆ และได้เห็นโลกนั้นว่าไม่เหมือนกับโลกน้ำเงินเก่า”
“พระเจ้า...” ดีดิสันมองดูบาร์บาราอย่างเหลือเชื่อ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าสหายที่ดีของเขาจะปกปิดประวัติศาสตร์ส่วนที่สำคัญเอาไว้จริงๆ
“โลกช่างอัศจรรย์มากจริงๆ” บาร์บาราหัวเราะ “ข้าไม่ใช่ทหารที่ดี แต่ข้าเป็นคนนำทางที่ดีได้”
หลังจากคิดอยู่นานดีดิสันค่อยเรียกความสงบกลับมาได้และกลายเป็นความตื่นเต้นแทน “ทำไมเขาถึงกลับมา?”
“ไม่ใช่, ครั้งนี้เป็นลูกชายของเขาต่างหากที่มา” บาร์บาราพูดจริงจัง
“เฮ้อ, ถ้าข้าจำได้ไม่ผิดผู้บุกรุกอายุไม่มากขนาดนั้น ลูกชายของเขาอายุเท่าใด? 15? 16?”
“18 ปี” บาร์บารายืนยัน
“ก็ได้ ก็ได้ 18 ปี และเด็กอายุ 18 ปีเขาจะทำอะไรได้?” ดีดิสันมองดูบาร์บาราอย่างเยาะเย้ย
“ตำนานถูกกำหนดให้เป็นตำนาน”บาร์บาราพูดอย่างเฉยเมย “ความวุ่นวายปัจจุบันนี้ในทะเลน้ำเงินเป็นเขากับกลุ่มของเขาก่อขึ้น”
สีหน้าของดีดิสันชะงักเพราะวิกฤติและความวุ่นวายของทะเลน้ำเงิน ทำให้คนแคระน้ำเงินตายไปนับไม่ถ้วน
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ดีดิสันจึงกล่าว “ข้าจะไม่รับใช้ศัตรูสำคัญของเรา นอกจากนี้เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”
“นั่นน่าเสียดายจริงๆ”บาร์บารามองดูดีดิสันและโวยลั่นทันที “ตื่นได้แล้ว! ดีดิสัน! เราเป็นพวกแปลกแยกทันทีที่เราตื่นขึ้น เราก็แตกต่างไปแล้ว ในที่นี่เจ้าไม่เคยมีโอกาสและจะตายอย่างเงียบงัน พาเอาทุกสิ่งทุกอย่างลงหลุมศพไปกับเจ้า”
บาร์บาราโกรธจัดเขาไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้กระชากคอเสื้อเขาและตะโกนด้วยความไม่พอใจอย่างมาก “หยุดคิดว่าเจ้าเป็นอะไรบางอย่างได้แล้ว! ดีดิสัน! เขาเป็นตำนานและเจ้าเจ้าไม่มีอะไร เจ้าเป็นแค่สัตว์ที่น่าสมเพชที่ถูกเตะออกมา! ตราบใดที่ข้าพูดว่าข้ารับใช้ผู้บุกรุกภายในเมืองอาบิดิยา ข้าจะสามารถดึงคนมาได้อีกกลุ่มใหญ่! เวโรนา แชนนอน โซซาเจ้าคิดว่าพวกเขาแย่กว่าเจ้าหรือ? เจ้าไม่เคยพิสูจน์พลังของเจ้ามาก่อนเลย! ในทั่วทั้งโลกคนแคระน้ำเงิน ไม่มีใครรับรองความแข็งแกร่งของเจ้าได้! นอกจากผู้บุกรุก ใครจะสามารถรวบรวมพวกเราคนแคระที่แตกต่างเข้ากันได้?ดีดิสัน! บอกข้าทีว่าใคร?เจ้าต้องการมีชีวิตแบบนี้ตลอดไปหรือ?”
ดีดิสันตกตะลึงมองดูบาร์บารา บาร์บาราคนปัจจุบันที่อยู่ต่อหน้าเขาดูเหมือนเป็นคนแคระที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบาร์บาราที่เขารู้จักขี้ขลาดและอ่อนแอ
“ข้าเบื่อหน่ายชีวิตแบบนี้!” บาร์บาราคำราม “ข้ามองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย! ทุกวันไม่มีอะไร เจ้ารู้ไหมว่าข้าเห็นพวกเขาเหมือนอะไร? กลุ่มของหุ่นเชิดจักรกลและเพราะข้าต้องใช้ชีวิตกับพวกหุ่นเชิดพวกนั้นทุกคน ข้าเบื่อจริงๆ!”
บาร์บาราขยี้เท้าเดินออกไปนอกประตู
************************
“ท่านบอกว่าท่านยังสามารถสั่งการควบคุมดาบได้หรือ?” ถังเทียนจ้องมองสือเซิน ไม่แสดงสีหน้าอะไร
“ถูกแล้ว!” สือเซินตอบเคร่งขรึมเขายืนอยู่กับที่พร้อมกับเชิดหน้า
“ท่านแก่แล้วและยังจะสั่งการควบคุมดาบได้อีกหรือ?” ถังเทียนแค่นเสียง
ปิงจงใจรักษาระยะห่างจากถังเทียนไว้ สองสามวันที่ผ่านมาอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก และไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะไปตอแยถังห้าวอย่างนั้น ดูเหมือนว่าสือเซินทำให้ถังห้าวขุ่นเคืองจึงทำให้เขาหงุดหงิด
“ข้าสามารถสั่งการได้!” สือเซินตะโกนเสียงดัง
ถังเทียนยิ้มกว้างทันที “นั่นแหละวีรบุรุษตัวจริง! ข้าบอกผู้เฒ่าไว้แล้วท่านไม่ใช่ของเสีย ลุง,เตรียมของไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยหรือยัง?”
สือเซินถอนหายใจโล่งอก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะสอบผ่านได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเขาได้ยินถังเทียนถามเรื่องการเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้ เขารู้สึกยินดีมากขึ้น
ปิงเห็นสือเซินมีความสุขและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้เจ้าหัวเราะให้เต็มที่เลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวเจ้าจะหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป
ทุกคนที่คิดว่าพวกเขาจะได้รับของดีๆจากถังห้าว มักจะลงเอยด้วยการร้องไห้ตีโพยตีพายกับความโง่เขลาของตนเอง
เชื่อข้าเหอะ เจ้าไม่ใช่คนแรก และจะไม่ใช่คนสุดท้าย..
“ลุง!”
ปิงรู้สึกตัวทันทีและกระแอมเบาๆ “ทุกอย่างพร้อมแล้ว หลังจากศึกษากลยุทธ์สู้รบที่คู่ควรของสือเซิน ข้าคิดว่า ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดเกี่ยวกับกลยุทธ์ก็คือสภาพที่พวกเขาผสานและแบ่งปันพลังงานในสภาพที่เปลี่ยนไปมันมีอุปสรรคที่ยากที่สุดอยู่สองอย่างคือ หนึ่งดาบที่ใช้ต้องสามารถทนรับพลังงานเข้มข้นรุนแรงได้ดังนั้นเราจึงเตรียมดาบพิเศษเพื่อการนี้ ดาบวายุทมิฬ”
เขาเอาดาบสีดำออกมาและโยนให้สือเซิน
สือเซินรับดาบไว้และหลังจากลองฟันทดสอบดูแล้ว เขาดูมีความสุข ดาบดำยาว 1.5 เมตร สันหนา แต่ด้านที่คมจะบางตัวดาบด้านกว้างจะใหญ่กว่าฝ่ามือมีรูปกลมและลวดลายเหมือนเส้นเลือดสีแดงเข้มอยู่บนตัวดาบ คล้ายกับลายเส้นใบไม้ สือเซินยิ้มไม่หยุดความรู้สึกของดาบนั้นดีเป็นพิเศษ ใช้วัสดุที่เขาไม่รู้จักในการผลิตเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
สือเซินใช้พลังกระตุ้นซึ่งทำให้รังสีดาบรอบๆตัวดาบขยายออกไปอีกราวสองสามเมตร เหมือนกับหลาวแสงขนาดยักษ์ ทำให้เขาฉีกยิ้มกว้าง
หวังจุนเซียนและสือหย่งที่อยู่ข้างๆอิจฉาทันที
มีแต่ปิงที่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แล้วเจ้าจะรู้เมื่อความดีใจกลายเป็นความเสียใจ
ถังห้าวโง่มาหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าไม่ควรพบกับเขาเมื่อตอนที่เขาไม่โง่..
ดาบดำนั้นเป็นผลพลอยได้จากห้องค้นคว้าของเซรีนโดยใช้วิธีหลอมหินดำ มันเป็นโลหะผสมที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ บนพื้นฐานหลักการที่วัสดุที่เหลือเอามาใช้ประโยชน์ได้เซรีนอนุญาตให้บริวารของนางสร้างดาบขึ้น เส้นเลือดที่อยู่บนตัวดาบเป็นโลหะวิญญาณ แต่กลุ่มโลหะวิญญาณเหล่านี้ยังไม่ถึงระดับมาตรฐานที่ต้องการดังนั้นบริวารของนางจึงได้เรียนรู้หลักการที่ว่า วัสดุเหลือใช้เอามาใช้ประโยชน์ได้ดังนั้นพวกเขาจึงเอามาทำเป็นดาบเห็นได้ชัดว่าแค่ชื่อของมันเป็นของที่สร้างขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ
“นี่ไม่ใช่ดาบของเจ้า!” ปิงพูด
“อะไรนะ? ทำไมล่ะ?” สือเซินกลายเป็นแมวที่ถูกเหยียบหาง สะดุ้งผางด้วยความตกใจ เขากอดดาบวายุทมิฬเอาไว้ผมขนลุกชันขณะจ้องมองปิง
“นั่นเป็นอาวุธคู่มือของสหายร่วมทีมของเจ้า ดาบของเจ้าต้องโดดเด่นกว่านี้ ดังนั้นเราเตรียมดาบอีกรูปแบบหนึ่งไว้ให้เจ้า” ปิงดึงดาบสีฟ้าโปร่งแสงเล่มหนึ่งออกมาแล้วโยนให้สือเซิน
สือเซินตะลึงมองดูดาบไม่สามารถละสายตาจากมันได้
เทียบกับดาบวายุทมิฬแล้ว ดาบเล่มนี้ยาวกว่า แคบกว่าตัวดาบคล้ายกับน้ำทะเลใส บริสุทธิ์เป็นประกายและเขาสามารถมองทะลุตัวดาบจนเห็นพื้นหินข้างล่าง ด้ามดาบเป็นสีขาวบริสุทธิ์เหมือนยอดเขาหิมะตระหง่านและเยือกเย็น
ดาบที่อยู่ต่อหน้าเขาจะมีพลังก่อตัวเป็นวังวนลูกหนึ่งเหมือนกับว่าดาบดูดซับพลังงานได้
ดาบนี้มีจิตวิญญาณ...
“มันเรียกว่าทะเลหิมะยามค่ำ” ปิงแนะนำ “ตั้งแต่วันนี้ไป มันเป็นของเจ้ามันคือดาบที่มีชื่อเสียง รายล้อมไปด้วยความสำเร็จ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของมันมัวหมอง”
ปิงโกหกอย่างฟันไม่ขยับตาไม่กระพริบหน้าตาเฉย ทะเลหิมะยามค่ำเป็นงานด่วนจี๋ที่สร้างขึ้นมาในคืนก่อน สมบัติวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นมา แต่มาตรฐานในการสร้างสมบัติวิญญาณของเสี่ยวเอ้อในปัจจุบันนี้สูงล้ำมากแม้ว่าจะเป็นงานเร่งด่วน แต่ก็เป็นของคุณภาพสูง
สือเซินยื่นมือที่สั่นเทาออกไป เมื่อเขาจับด้ามดาบได้ เขารู้สึกได้ถึงสำนึกของดาบนัยน์ตาของเขาเริ่มหลั่งน้ำตาทันที
น้ำตาของคนชราหลั่งไหลอีกครั้ง
ปิงไม่หยุดและพูดต่อ “เรายังคงศึกษาเกราะของพวกเจ้าและเริ่มปรับปรุงแก้ไขในวัตถุประสงค์เดิมเป็นข้าเองที่แนะนำให้มีการปรับเปลี่ยน ข้าคิดว่าความอ่อนไหวต่อพลังงานและความคุ้นเคยกับพลังงานมีความสำคัญมากกว่าการป้องกันของมัน ดังนั้นเพื่อสร้างเกราะใหม่ข้าจึงได้ออกแบบปีกพลังงานเป็นพิเศษเพื่อให้พวกเจ้าทุกคนมีความคล่องแคล่วมากขึ้นและจะช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมพลังของเจ้า”
สือเซินไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเขาร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจ
หลังจากผ่านไปห้าหรือหกนาทีเขาค่อยรู้สึกตัว เขาชูดาบทะเลหิมะยามค่ำเดินเข้าไปหาถังเทียนและคุกเข่าข้างหนึ่งพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “กองพลปีศาจแห่งทวีปโยวโจวขอปฏิญาณด้วยชีวิตของเราต่อนายท่าน เราขอจงรักภักดีต่อท่าน!”
“โยว.. ทวีปโยวโจว กองพลปีศาจ..” หน้าของหวังจุนเซียนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว เขาตะกุกตะกักพูดและมองดูสือเซินราวกับว่าเห็นผี
สือหย่งซึ่งอยู่ข้างๆเขาก็พลอยเป็นไปด้วย ปากคอของเขาสั่นหน้าของเขาไร้สีเลือด เขาร้องเหวอและเป็นลมทันที
“ทวีปโยวโจว กองพลปีศาจ...” ถังเทียนพึมพำกับตนเอง ดูเหมือนว่าจะสดุดหูนะโอว.. เอาไว้ตรวจดูเมื่อข้ามีเวลาว่าง แต่สำหรับตอนนี้..
เขามองดูสือเซิน “ท่านต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานเท่าใด?”
“เราสามารถออกรบได้เดี๋ยวนี้เลย!” สือเซินพูดขึงขัง
ถังเทียนยิ้มจนเห็นฟัน “เยี่ยม..มากกกก”