ตอนที่แล้วตอนที่ 575 ข้อเสนอของบาร์บารา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 577 ความเข้าใจที่แจ่มชัด

ตอนที่ 576 ติดอาวุธ


ดีดิสันมีท่าทีครุ่นคิด  เขาไม่เคยคิดจากมุมมองอื่นนั้น  ด้านเกี่ยวกับความรู้เรื่องกองทัพเขาเรียนรู้ทุกอย่างจากวิทยาลัยฟิงเกอร์วิทยาลัยฟิงเกอร์คือหนึ่งในสามสถาบันที่มีชื่อเสียงในโลกน้ำเงิน  แต่แตกต่างจากอีกสองโรงเรียน วิทยาลัยฟิงเกอร์สร้างขึ้นโดยกลุ่มคนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้วและยอมรับแต่เพียงคนแคระน้ำเงินที่ตื่นแล้ว

พวกคนแคระน้ำเงินจะเป็นเมืองอาณานิคมที่เป็นเอกลักษณ์มาก  เมื่อเกิดจากทะเลน้ำเงิน 90% ของพวกเขาจะถูกมันควบคุม มีคนแคระน้ำเงินน้อยคนมากที่จะตื่นขึ้นและมีสติปัญญาเป็นของตนเอง

คนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้วจะกลายเป็นผู้ฉลาดขึ้นมาก ถ้าพวกเขายินดีสามารถจะจงรักภักดีต่อทะเลน้ำเงิน พวกเขาจะได้รับความรักและความโปรดปรานเป็นพิเศษจากทะเลน้ำเงิน  และจะเป็นผู้มีคุณค่าสูงส่ง

หลังจากจบการศึกษาแล้วดีดิสันเดิมทีต้องการจะใช้สิทธิ์นั้น และเข้าร่วมหนึ่งในหกกองทัพใหญ่  นั่นคือกองพลอาญาแดง  แต่เพราะเขาไม่ยินยอมจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อทะเลน้ำเงินจึงถือว่าเป็นคนนอก นิสัยของเขาเป็นคนขวางโลก และทะเลาะกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้งและเขาพบอย่างรวดเร็วว่าเขาไม่สามารถอยู่กับกองทัพได้  ในที่สุดก็กลับมาเมืองอาบิดิยา

เมื่ออาบิดิยาอยู่ไกลจากทะเลน้ำเงินมาก  และเป็นหนึ่งในเมืองพิเศษในโลกน้ำเงิน ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนแคระน้ำเงินที่ตื่นขึ้นแล้ว

“บาร์บารา ตอนนี้เจ้ารับใช้ใครอยู่?”  ดีดิสันเงยหน้าและจ้องดูบาร์บาร่า

บาร์บาราไม่ซ่อนความสงสัยไว้ต่อไปและพูดอย่างภูมิใจ  “แน่นอน เขาเป็นคนสำคัญ!”

“คนสำคัญ?” ดีดิสันเม้มริมฝีปาก และแสดงความรังเกียจ “ในโลกน้ำเงินมีคนสำคัญแบบไหนกัน? ข้าจำได้ว่าเจ้าอยู่ในกองทัพอาญาขาว...”

“ผู้บุกรุก!”  บาร์บาราเชิดคาง สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความภูมิใจ  “ข้ารับใช้ผู้บุกรุก!”

“ผู้บุกรุก!”  ดีดิสันตกตะลึงมองดูบาร์บารา  “ผู้บุกรุกจากเมื่อสิบปีก่อนหรือ?”

“ยังจะมีผู้บุกรุกอื่นอีกหรือถ้าไม่ใช่ท่านผู้นั้น?” บาร์บาราโบกมือแกล้งทำเป็นอารมณ์ขัน

ดีดิสันกระโดดผางราวกับก้นรุกเป็นไฟ  “บาร์บารา เจ้าบ้าไปแล้ว!  เจ้าช่วยผู้บุกรุกจริงๆ! เจ้าไม่รู้หรือว่าผู้บุกรุกคือศัตรูสำคัญของเราชาวแคระน้ำเงิน...”

“ตอนนั้น เป็นข้านี่แหละที่นำเขาเข้ามา”  บาร์บารามองดูดีดิสัน สีหน้ายังมีความภูมิใจ“ดีดิสันเจ้าต้องการรู้ไม่ใช่หรือว่าข้าตื่นขึ้นเมื่อใด?  เป็นตอนนั้น เมื่อข้าพบกับเขา นายใหญ่ นั่นคือเวลาที่ข้าลืมตาขึ้นจริงๆ  และได้เห็นโลกนั้นว่าไม่เหมือนกับโลกน้ำเงินเก่า”

“พระเจ้า...” ดีดิสันมองดูบาร์บาราอย่างเหลือเชื่อ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าสหายที่ดีของเขาจะปกปิดประวัติศาสตร์ส่วนที่สำคัญเอาไว้จริงๆ

“โลกช่างอัศจรรย์มากจริงๆ”  บาร์บาราหัวเราะ  “ข้าไม่ใช่ทหารที่ดี  แต่ข้าเป็นคนนำทางที่ดีได้”

หลังจากคิดอยู่นานดีดิสันค่อยเรียกความสงบกลับมาได้และกลายเป็นความตื่นเต้นแทน  “ทำไมเขาถึงกลับมา?”

“ไม่ใช่, ครั้งนี้เป็นลูกชายของเขาต่างหากที่มา”  บาร์บาราพูดจริงจัง

“เฮ้อ, ถ้าข้าจำได้ไม่ผิดผู้บุกรุกอายุไม่มากขนาดนั้น ลูกชายของเขาอายุเท่าใด?  15? 16?”

“18 ปี” บาร์บารายืนยัน

“ก็ได้ ก็ได้ 18 ปี และเด็กอายุ 18 ปีเขาจะทำอะไรได้?” ดีดิสันมองดูบาร์บาราอย่างเยาะเย้ย

“ตำนานถูกกำหนดให้เป็นตำนาน”บาร์บาราพูดอย่างเฉยเมย “ความวุ่นวายปัจจุบันนี้ในทะเลน้ำเงินเป็นเขากับกลุ่มของเขาก่อขึ้น”

สีหน้าของดีดิสันชะงักเพราะวิกฤติและความวุ่นวายของทะเลน้ำเงิน ทำให้คนแคระน้ำเงินตายไปนับไม่ถ้วน

หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน  ดีดิสันจึงกล่าว  “ข้าจะไม่รับใช้ศัตรูสำคัญของเรา  นอกจากนี้เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”

“นั่นน่าเสียดายจริงๆ”บาร์บารามองดูดีดิสันและโวยลั่นทันที  “ตื่นได้แล้ว! ดีดิสัน! เราเป็นพวกแปลกแยกทันทีที่เราตื่นขึ้น เราก็แตกต่างไปแล้ว  ในที่นี่เจ้าไม่เคยมีโอกาสและจะตายอย่างเงียบงัน พาเอาทุกสิ่งทุกอย่างลงหลุมศพไปกับเจ้า”

บาร์บาราโกรธจัดเขาไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงได้กระชากคอเสื้อเขาและตะโกนด้วยความไม่พอใจอย่างมาก  “หยุดคิดว่าเจ้าเป็นอะไรบางอย่างได้แล้ว!  ดีดิสัน!  เขาเป็นตำนานและเจ้าเจ้าไม่มีอะไร  เจ้าเป็นแค่สัตว์ที่น่าสมเพชที่ถูกเตะออกมา! ตราบใดที่ข้าพูดว่าข้ารับใช้ผู้บุกรุกภายในเมืองอาบิดิยา  ข้าจะสามารถดึงคนมาได้อีกกลุ่มใหญ่!  เวโรนา แชนนอน โซซาเจ้าคิดว่าพวกเขาแย่กว่าเจ้าหรือ? เจ้าไม่เคยพิสูจน์พลังของเจ้ามาก่อนเลย!  ในทั่วทั้งโลกคนแคระน้ำเงิน ไม่มีใครรับรองความแข็งแกร่งของเจ้าได้! นอกจากผู้บุกรุก  ใครจะสามารถรวบรวมพวกเราคนแคระที่แตกต่างเข้ากันได้?ดีดิสัน! บอกข้าทีว่าใคร?เจ้าต้องการมีชีวิตแบบนี้ตลอดไปหรือ?”

ดีดิสันตกตะลึงมองดูบาร์บารา บาร์บาราคนปัจจุบันที่อยู่ต่อหน้าเขาดูเหมือนเป็นคนแคระที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับบาร์บาราที่เขารู้จักขี้ขลาดและอ่อนแอ

“ข้าเบื่อหน่ายชีวิตแบบนี้!”  บาร์บาราคำราม  “ข้ามองไม่เห็นความหวังแม้แต่น้อย!  ทุกวันไม่มีอะไร  เจ้ารู้ไหมว่าข้าเห็นพวกเขาเหมือนอะไร?  กลุ่มของหุ่นเชิดจักรกลและเพราะข้าต้องใช้ชีวิตกับพวกหุ่นเชิดพวกนั้นทุกคน  ข้าเบื่อจริงๆ!”

บาร์บาราขยี้เท้าเดินออกไปนอกประตู

************************

“ท่านบอกว่าท่านยังสามารถสั่งการควบคุมดาบได้หรือ?”  ถังเทียนจ้องมองสือเซิน ไม่แสดงสีหน้าอะไร

“ถูกแล้ว!”  สือเซินตอบเคร่งขรึมเขายืนอยู่กับที่พร้อมกับเชิดหน้า

“ท่านแก่แล้วและยังจะสั่งการควบคุมดาบได้อีกหรือ?” ถังเทียนแค่นเสียง

ปิงจงใจรักษาระยะห่างจากถังเทียนไว้ สองสามวันที่ผ่านมาอารมณ์ของเขาไม่ค่อยดีนัก และไม่ใช่เรื่องดีเลยที่จะไปตอแยถังห้าวอย่างนั้น  ดูเหมือนว่าสือเซินทำให้ถังห้าวขุ่นเคืองจึงทำให้เขาหงุดหงิด

“ข้าสามารถสั่งการได้!”  สือเซินตะโกนเสียงดัง

ถังเทียนยิ้มกว้างทันที  “นั่นแหละวีรบุรุษตัวจริง!  ข้าบอกผู้เฒ่าไว้แล้วท่านไม่ใช่ของเสีย  ลุง,เตรียมของไว้ให้พวกเขาเรียบร้อยหรือยัง?”

สือเซินถอนหายใจโล่งอก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าจะสอบผ่านได้อย่างง่ายดาย และเมื่อเขาได้ยินถังเทียนถามเรื่องการเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้  เขารู้สึกยินดีมากขึ้น

ปิงเห็นสือเซินมีความสุขและหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ ตอนนี้เจ้าหัวเราะให้เต็มที่เลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวเจ้าจะหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป

ทุกคนที่คิดว่าพวกเขาจะได้รับของดีๆจากถังห้าว มักจะลงเอยด้วยการร้องไห้ตีโพยตีพายกับความโง่เขลาของตนเอง

เชื่อข้าเหอะ  เจ้าไม่ใช่คนแรก และจะไม่ใช่คนสุดท้าย..

“ลุง!”

ปิงรู้สึกตัวทันทีและกระแอมเบาๆ  “ทุกอย่างพร้อมแล้ว หลังจากศึกษากลยุทธ์สู้รบที่คู่ควรของสือเซิน  ข้าคิดว่า ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดเกี่ยวกับกลยุทธ์ก็คือสภาพที่พวกเขาผสานและแบ่งปันพลังงานในสภาพที่เปลี่ยนไปมันมีอุปสรรคที่ยากที่สุดอยู่สองอย่างคือ หนึ่งดาบที่ใช้ต้องสามารถทนรับพลังงานเข้มข้นรุนแรงได้ดังนั้นเราจึงเตรียมดาบพิเศษเพื่อการนี้  ดาบวายุทมิฬ”

เขาเอาดาบสีดำออกมาและโยนให้สือเซิน

สือเซินรับดาบไว้และหลังจากลองฟันทดสอบดูแล้ว  เขาดูมีความสุข  ดาบดำยาว 1.5 เมตร สันหนา แต่ด้านที่คมจะบางตัวดาบด้านกว้างจะใหญ่กว่าฝ่ามือมีรูปกลมและลวดลายเหมือนเส้นเลือดสีแดงเข้มอยู่บนตัวดาบ คล้ายกับลายเส้นใบไม้  สือเซินยิ้มไม่หยุดความรู้สึกของดาบนั้นดีเป็นพิเศษ  ใช้วัสดุที่เขาไม่รู้จักในการผลิตเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

สือเซินใช้พลังกระตุ้นซึ่งทำให้รังสีดาบรอบๆตัวดาบขยายออกไปอีกราวสองสามเมตร เหมือนกับหลาวแสงขนาดยักษ์ ทำให้เขาฉีกยิ้มกว้าง

หวังจุนเซียนและสือหย่งที่อยู่ข้างๆอิจฉาทันที

มีแต่ปิงที่ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ  แล้วเจ้าจะรู้เมื่อความดีใจกลายเป็นความเสียใจ

ถังห้าวโง่มาหลายครั้งแล้ว  แต่เจ้าไม่ควรพบกับเขาเมื่อตอนที่เขาไม่โง่..

ดาบดำนั้นเป็นผลพลอยได้จากห้องค้นคว้าของเซรีนโดยใช้วิธีหลอมหินดำ มันเป็นโลหะผสมที่ยังไม่สมบูรณ์แบบ บนพื้นฐานหลักการที่วัสดุที่เหลือเอามาใช้ประโยชน์ได้เซรีนอนุญาตให้บริวารของนางสร้างดาบขึ้น เส้นเลือดที่อยู่บนตัวดาบเป็นโลหะวิญญาณ แต่กลุ่มโลหะวิญญาณเหล่านี้ยังไม่ถึงระดับมาตรฐานที่ต้องการดังนั้นบริวารของนางจึงได้เรียนรู้หลักการที่ว่า วัสดุเหลือใช้เอามาใช้ประโยชน์ได้ดังนั้นพวกเขาจึงเอามาทำเป็นดาบเห็นได้ชัดว่าแค่ชื่อของมันเป็นของที่สร้างขึ้นมาอย่างไม่เป็นทางการ

“นี่ไม่ใช่ดาบของเจ้า!”  ปิงพูด

“อะไรนะ? ทำไมล่ะ?” สือเซินกลายเป็นแมวที่ถูกเหยียบหาง สะดุ้งผางด้วยความตกใจ  เขากอดดาบวายุทมิฬเอาไว้ผมขนลุกชันขณะจ้องมองปิง

“นั่นเป็นอาวุธคู่มือของสหายร่วมทีมของเจ้า  ดาบของเจ้าต้องโดดเด่นกว่านี้  ดังนั้นเราเตรียมดาบอีกรูปแบบหนึ่งไว้ให้เจ้า”  ปิงดึงดาบสีฟ้าโปร่งแสงเล่มหนึ่งออกมาแล้วโยนให้สือเซิน

สือเซินตะลึงมองดูดาบไม่สามารถละสายตาจากมันได้

เทียบกับดาบวายุทมิฬแล้ว  ดาบเล่มนี้ยาวกว่า แคบกว่าตัวดาบคล้ายกับน้ำทะเลใส บริสุทธิ์เป็นประกายและเขาสามารถมองทะลุตัวดาบจนเห็นพื้นหินข้างล่าง  ด้ามดาบเป็นสีขาวบริสุทธิ์เหมือนยอดเขาหิมะตระหง่านและเยือกเย็น

ดาบที่อยู่ต่อหน้าเขาจะมีพลังก่อตัวเป็นวังวนลูกหนึ่งเหมือนกับว่าดาบดูดซับพลังงานได้

ดาบนี้มีจิตวิญญาณ...

“มันเรียกว่าทะเลหิมะยามค่ำ” ปิงแนะนำ  “ตั้งแต่วันนี้ไป มันเป็นของเจ้ามันคือดาบที่มีชื่อเสียง รายล้อมไปด้วยความสำเร็จ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ชื่อเสียงของมันมัวหมอง”

ปิงโกหกอย่างฟันไม่ขยับตาไม่กระพริบหน้าตาเฉย  ทะเลหิมะยามค่ำเป็นงานด่วนจี๋ที่สร้างขึ้นมาในคืนก่อน  สมบัติวิญญาณที่เขาสร้างขึ้นมา แต่มาตรฐานในการสร้างสมบัติวิญญาณของเสี่ยวเอ้อในปัจจุบันนี้สูงล้ำมากแม้ว่าจะเป็นงานเร่งด่วน แต่ก็เป็นของคุณภาพสูง

สือเซินยื่นมือที่สั่นเทาออกไป  เมื่อเขาจับด้ามดาบได้  เขารู้สึกได้ถึงสำนึกของดาบนัยน์ตาของเขาเริ่มหลั่งน้ำตาทันที

น้ำตาของคนชราหลั่งไหลอีกครั้ง

ปิงไม่หยุดและพูดต่อ  “เรายังคงศึกษาเกราะของพวกเจ้าและเริ่มปรับปรุงแก้ไขในวัตถุประสงค์เดิมเป็นข้าเองที่แนะนำให้มีการปรับเปลี่ยน ข้าคิดว่าความอ่อนไหวต่อพลังงานและความคุ้นเคยกับพลังงานมีความสำคัญมากกว่าการป้องกันของมัน  ดังนั้นเพื่อสร้างเกราะใหม่ข้าจึงได้ออกแบบปีกพลังงานเป็นพิเศษเพื่อให้พวกเจ้าทุกคนมีความคล่องแคล่วมากขึ้นและจะช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมพลังของเจ้า”

สือเซินไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเขาร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวดใจ

หลังจากผ่านไปห้าหรือหกนาทีเขาค่อยรู้สึกตัว เขาชูดาบทะเลหิมะยามค่ำเดินเข้าไปหาถังเทียนและคุกเข่าข้างหนึ่งพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม  “กองพลปีศาจแห่งทวีปโยวโจวขอปฏิญาณด้วยชีวิตของเราต่อนายท่าน  เราขอจงรักภักดีต่อท่าน!”

“โยว.. ทวีปโยวโจว กองพลปีศาจ..” หน้าของหวังจุนเซียนเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว เขาตะกุกตะกักพูดและมองดูสือเซินราวกับว่าเห็นผี

สือหย่งซึ่งอยู่ข้างๆเขาก็พลอยเป็นไปด้วย  ปากคอของเขาสั่นหน้าของเขาไร้สีเลือด เขาร้องเหวอและเป็นลมทันที

“ทวีปโยวโจว กองพลปีศาจ...”  ถังเทียนพึมพำกับตนเอง ดูเหมือนว่าจะสดุดหูนะโอว.. เอาไว้ตรวจดูเมื่อข้ามีเวลาว่าง แต่สำหรับตอนนี้..

เขามองดูสือเซิน  “ท่านต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานเท่าใด?”

“เราสามารถออกรบได้เดี๋ยวนี้เลย!”  สือเซินพูดขึงขัง

ถังเทียนยิ้มจนเห็นฟัน  “เยี่ยม..มากกกก”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด