ตอนที่ 574 ระดับพลังของปีศาจโบราณ?
ทั้งฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าเย่ว์หยางสามารถฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งในเวลาแค่หนึ่งนาที นั่นเป็นเรื่องที่ล้ำจินตนาการเกินไปสำหรับพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาพยายามอย่างดีที่สุด ร่วมมือกันและใช้เสากักมังกรหรือโซ่จันทราบั่นเศียรก็ยังต้องใช้เวลามากกว่าชั่วโมงกว่าจะฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งได้ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับขนาดและความสามารถของเผ่าพันธุ์ศัตรู สำหรับพวกที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างปีศาจโบราณนั้นจะไม่มีทางตาย เว้นแต่ตัดศีรษะและกระแทกให้ระเบิดเป็นเสี่ยง การต่อสู้ก็ยังดำเนินต่อไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ถ้าจะใช้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วสู้อาจต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวันถึงจะทำภารกิจฆ่าสองปีศาจโบราณได้สำเร็จ
ท่านต้องเข้าใจว่า การจะสู้กับศัตรูคนเดียวและสู้กับศัตรูสองคนไม่ง่ายเท่ากับการเพิ่มระยะเวลาการต่อสู้ ในสถานการณ์สู้กันสองต่อหนึ่ง นักสู้เดี่ยวต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
“เจ้ามีพลังระดับไหน?” ฟงจู้ไม่สามารถค้นหาระดับพลังที่แท้จริงของเย่ว์หยางได้ เขาคิดว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณฟ้าที่ทรงพลังคนหนึ่งและมีระดับพลังที่สูงกว่าเขา
“ปราณก่อกำเนิดระดับหก อ๊ะ.. ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดแล้ว ระดับของข้าเพิ่มขึ้นหลังจากฆ่าปีศาจหนามสองพี่น้องในตอนนี้เอง” เย่ว์หยางตอบ
“นั่นเป็นไปได้อย่างไร...” ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วเท่านั้น แม้แต่ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อด้วยเช่นกัน เคยมีเรื่องราวเกิดขึ้นมาก่อนที่นักสู้ระดับต่ำสามารถฆ่านักสู้ระดับสูงได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดสามารถนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งได้นั้น เป็นเรื่องที่น่าทึ่งยิ่งกว่ามดฆ่าช้างเสียอีก ถ้าความแตกต่างแค่เพียงหนึ่งระดับเนื่องจากลักษณะหรือวิทยายุทธที่ข่มกัน ก็คงจะเป็นเรื่องที่สมเหตุผลที่นักสู้ระดับสูงกว่าจะพ่ายแพ้ได้ ปัญหาก็คือความแตกต่างระหว่างนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดนั้นแตกต่างกันมากเพียงใด? ไม่ต้องพูดถึงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด หรือแม้แต่ระดับเก้าก็ตาม นักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ภายในวินาทีเดียว
“ช่างมันก่อนเถอะ, ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหานี้ก่อน” เย่ว์หยางรู้สึกว่าโชคดีแล้วที่เขาไม่ได้บอกพวกเขาว่าเขาได้ฆ่าเฮยหูนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า มิฉะนั้นพวกเขาคงได้บ้าแน่
แน่นอนว่าการฆ่าเฮยหูในอีกนัยหนึ่ง ยังมีเหตุผลซ่อนอยู่อีกหลายอย่าง
ประการแรก จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีร่วมมือกันและสร้างอาการบาดเจ็บหนักกับเฮยหูผู้ประมาท
ประการที่สองอาวุธวิเศษและอสูรร่วมแรงร่วมใจกันจึงสามารถฆ่าเขาได้ นอกจากนี้ ชางเหยียนเจ้าคนบัดซบที่เห็นแก่ตัวห่วงแต่ความปลอดภัยของตัวเอง ไม่ยอมเข้ามาช่วยเฮยหู ปล่อยให้เขาสู้ตามลำพัง
ประการที่สาม และเป็นเหตุผลสำคัญที่สุด เย่ว์หยางใช้กฎรหัสโบราณที่เขาได้รับมาจากไพ่ทำนายชะตา เฮยหูไม่สามารถตอบโต้ได้ หมาป่าปีศาจล้างโลกที่เป็นร่างแปลงของฮุยไท่หลางจึงกลืนกินเฮยหูได้สำเร็จ กดดันให้เฮยหูพังทลายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากข้อจำกัดจากเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้ เฮยหูจึงล้มเหลวในการเทเลพอร์ต เปิดโอกาสให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้เทพศัสตราเล่นงานเขาคนแล้วคนเล่า เมื่อถึงเวลาที่เจ็บปวดมากจนเขาคิดจะตาย เฮยหูถูกฆ่าด้วยวิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เย่ว์หยางเพิ่งฝึกสำเร็จ นั่นคือกระบี่ซวงหัว กอปรกับอาการบาดเจ็บอย่างหนัก ร่างของเฮยหูจึงไม่สามารถทนรับได้
เย่ว์หยางฆ่าเฮยหูได้เพียงเพราะอุบายเขาประสบผลสำเร็จ
ไม่มีความช่วยเหลือของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี อาจเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา หากต้องการฆ่าเฮยหู
แม้ว่าเป็นการประเมินกำลังของตัวเย่ว์หยางเอง การฆ่าขุนพลจากตำหนักกลางที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสามก็เป็นขีดจำกัดสำหรับเขา
ถ้าเป็นจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณที่มีปัญญาน้อย เย่ว์หยางอาจข่มขู่มันโดยใช้รหัสโบราณและเพลิงอมฤต อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นเรื่องยากหากจะฆ่ามันได้ ที่สำคัญคือ ปราณฟ้าระดับห้า ยังไม่ใช่ระดับที่ใฝ่ฝันและท่านไม่ควรหยุดอยู่เพียงระดับนี้ อย่างไรก็ตามท่านก็ชอบอยู่ดี
นักสู้ปราณฟ้าระดับห้ายากที่จะสังหารได้ แต่สำหรับเย่ว์หยางการฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
เขาเคยผ่านหอลงทัณฑ์บ่อเลือดและสู้กับไตตันโบราณมาแล้ว นั่นคือการต่อสู้ที่ท้าทายที่สุด วิชาปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ของเขายังได้รับการแนะนำเทพธิดากระบี่ฟ้า สามารถสร้างปราณกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว ไม่แต่เพียงเท่านั้น ไตตันโบราณอู่ซูก็ยังมีร่างกายแข็งแกร่งมาก หัวใจของเขายังมีเลือดเทพอยู่หยดหนึ่ง โดยพื้นฐานแล้ว เขาไม่อาจถูกฆ่าได้ ถ้าเย่ว์หยางไม่ใช้เพลิงอมฤต ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าอูซู
ปีศาจโบราณสองพี่น้องเทียบกับพลังปราณฟ้าระดับหนึ่งของไตตันโบราณอูซู เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ได้มีพลังระดับเดียวกัน
ในความเป็นจริง ไตตันโบราณอูซูไม่ได้เป็นแค่เพียงนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่ง แต่เนื่องจากเขาถูกทรมานต่อเนื่องยาวนานในหอลงทัณฑ์บ่อเลือดทำให้พลังของเขาลดลงเหลือเพียงปราณฟ้าระดับหนึ่ง... ต่อให้ปีศาจโบราณสองพี่น้องสู้กับไตตันโบราณอูซู สองต่อหนึ่ง พวกเขามีแต่ต้องพบกับความตายอย่างน่าสยดสยอง
อย่าว่าแต่เพียงเท่านี้เลย แค่เพียง “สายฟ้าไตตัน” ก็เพียงพอทำให้ปีศาจโบราณสองพี่น้องไม่อาจหนีไปได้อย่างสะดวก
ในชั้นพลังปราณฟ้าระดับหนึ่ง ปีศาจสองพี่น้องนับว่าอ่อนแอที่สุดในกลุ่มนักสู้นี้
ร่างกายของอสูรเพชฌฆาตโบราณจะเหนือกว่าพวกเขาในเรื่องความแข็งแรงเถื่อนถึก แม้ว่าปัญญาของพวกมันจะด้อยกว่าก็ตาม
“ข้ายังไม่อาจเชื่อได้เลย” เป่ยฟงเจียโส่วขอร้อง “เจ้าเอาหัวใจปีศาจโบราณมาให้เราดูได้ไหม? อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้เอาหัวใจปีศาจมาด้วย นั่นเป็นของดี”
“หัวใจปีศาจถูกหมาของข้ากินไปแล้ว” เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนั้น เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้ทรุดตัวลงกับพื้นแทบสลบทันใด
“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางเห่ายอมรับ
ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนหัวเราะไม่มียั้ง
เย่ว์หยางคิดอยู่เล็กน้อย ก็ล้วงขวดแก้วลงอักขระรูนและยื่นให้ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย นี่คือเลือดปีศาจที่กลั่นด้วยเพลิงอมฤต ถือว่าเป็นของขวัญแสดงความขอบคุณที่นางนำพวกเขาเข้าประตูลับ เนื่องจากว่าเลือดปีศาจมีอุณหภูมิที่สูงพอๆ กับลาวาและมีสีแดงเข้ม หลังจากกลั่นด้วยเพลิงอมฤต ก็ได้เลือดปีศาจกลั่นสามขวด มันมีสีเหลืองสว่างและเต็มไปด้วยพลัง
นี่นับเป็นความใจกว้างมากของเย่ว์หยางที่มอบของมีค่าขนาดนั้นกับท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย
ตอนแรกท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยปฏิเสธยอมรับของขวัญ แต่หลังจากนั้นชั่วขณะ นางผงกศีรษะและยิ้ม “ขอบคุณสำหรับของหมั้นของตระกูลเย่ว์”
นางหมายถึงการแต่งงานของหวี่เหวินธิดาของนางและเย่ว์ถิง แม้ว่าเย่ว์หยางไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆ แต่เขาก็สนับสนุนเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เองการแต่งงานระหว่างสองตระกูลจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
ท่านหญิงเยี่ยนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ นางคุยกับเย่ว์หยางทันที “คุณชายสาม ข้ายังมีธิดาน้อยซุกซนอยู่ที่บ้านเช่นกัน เธออายุเก้าขวบ ข้าได้ยินมาว่าคุณชายเล็กเย่ว์เฟิงมีสติปัญญาและมีศักยภาพยิ่งใหญ่ เราจะจัดแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์สองตระกูลดีไหม?”
“โอว..พระเจ้า..” เย่ว์หยางรู้สึกเวียนหัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่ใช่พ่อสื่อรับจัดงานแต่งงาน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เขาทำได้ แม้ว่าเขาต้องการก็ตาม
“คุณชายสาม หลังจากเรื่องนี้จบลง และเรื่องประตูลับเสร็จสิ้น ข้าจะเดินทางไปยังทวีปมังกรทะยานไปเยี่ยมเยือนตระกูลเย่ว์เพื่อปรึกษารายละเอียดและระเบียบการจัดงานแต่งงาน” ท่านหญิงเยี่ยนดูเหมือนจะกระตือรือร้นในเรื่องนี้ เย่ว์หยางแอบรู้สึกว่าเป็นเรื่องของความสนิทใกล้ชิด โชคดีที่นางไม่พยายามยกธิดาให้เขา มิฉะนั้นเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะคิดว่าเขาไปที่นั่นเพื่อแต่งงาน ความจริงท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนทั้งคู่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดให้ธิดาของพวกนางแต่งกับเย่ว์หยางที่ยังมีมารกฎฟ้าอยู่ข้างกาย ถ้ามารกฎฟ้าพบเจอ นางที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าใหม่นี้คงได้ระเบิดอารมณ์โมโหทันทีแน่
แทนที่จะยั่วให้มารกฎฟ้าโกรธนาง คงจะเป็นเรื่องดีกว่าในการจัดแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับน้องชายของเย่ว์หยาง เนื่องจากพวกเขายังสามารถสร้างสัมพันธ์ได้อย่างนี้
อนาคตของคุณชายสามตระกูลเย่ว์มีมากมายไม่จำกัด ขณะที่ความสามารถของธิดาของพวกนางเองมีขีดจำกัด ทำให้พวกเขาไม่เหมาะสมกัน
เกี่ยวกับความตั้งใจดีของท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยน เย่ว์หยางไม่คัดค้าน ทั้งไม่สนับสนุน ตราบใดที่เรื่องนี้ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่สามารถจัดการได้ เขาก็ไม่ว่ากระไร นอกจากนี้ เขายังแทบไม่มีเวลาให้กับตัวเอง แล้วเขาจะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไร
“ฮะแอ้ม, คุณชายสาม...” เป่ยฟงเจียโส่วอ้าปากกล่าว
“ท่านก็มีลูกสาวด้วยเหรอ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าท้องฟ้าหม่นครึ้มและไม่มีช่วงเวลากลางวันให้เห็นอีกต่อไป ดูเหมือนว่าการเป็นคนมีชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย ทุกๆ ที่ซึ่งเขาไป มีแต่คนขอคุยแต่เรื่องแต่งงานกับเขา
“คิดอะไรของเจ้า, ข้ายังโสด ไม่ได้แต่งงาน” เป่ยฟงเจียโส่วรู้สึกว่าเขากำลังจะบ้าเหมือนกัน เขาจะไปหาลูกสาวที่ไหนมาแต่งงานกับเย่วหยาง ต่อให้เขามีลูกสาวคนหนึ่ง นางคงจะมีค่าสูงเกินกว่าจะแต่งงานกับเขา
“สิ่งที่เขาพูดหมายถึง เขาจะขอให้เจ้าทำงานร่วมกับเรา ยังมีคนที่น่ากลัวมากคนหนึ่งอยู่ในหุบเขาลมยะเยือก ทุกๆ พันปี เขาจะขุดทางออกขึ้นมาบนพื้นและต้องใช้พลังงานมากมายเพื่อโจมตีและผลักดันเขากลับลงไปในพื้น ถ้าเจ้ามากับเรา ก็อาจจะง่ายมากขึ้น” เมื่อฟงจู้พูดเช่นนั้น เย่ว์หยางเข้าใจว่าพวกเขารู้สึกว่าความสามารถของเขาไม่เลวต้องการจ้างเขาไว้เป็นนักฆ่ารับจ้าง
“ให้เงินเดือนเท่าไหร่?” เย่ว์หยางตัดสินใจพูดถึงข้อตกลงล่วงหน้าก่อน ส่วนมารยาทสุภาพบุรุษค่อยตามมาทีหลังเพื่อถามข้อสงสัยของเขาให้ชัดเจน
“เงินเดือน?” เป่ยฟงเจียโส่วตะลึง
“ถ้าพวกท่านไม่มีเงิน ใครจะทำงานให้ท่านเล่า? ข้าคงไม่ช่วยท่านไล่ตีหนอนดินให้มันกลับลงไปในใต้ดินให้ท่านทั้งสองแน่ถ้าข้าไม่ได้อะไรตอบแทนงานนี้” เย่ว์หยางปฏิเสธ ยังเร็วเกินไปที่เขาจะทำงานรับใช้ผู้คน แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็ยังทำงานตามเงินเดือนที่ได้รับ ตามหลักการที่ว่า ไม่มีเหตุผลทำงานโดยไม่ได้รับผลประโยชน์ ไม่มีเงินก็หมายความว่าไม่มีแรงบันดาลใจ
“แม้ว่าเจ้าไม่ร่วมต่อสู้ เจ้าสามารถช่วยโดยอยู่เฝ้าที่นี่และคอยระวังโดมไว้ ตราบใดที่เจ้าเห็นว่าดาวเริ่มมีความสว่างลดลง เจ้าสามารถเพิ่มพลังโดยส่งแสงรังสีออกไป จะทำให้ผนึกดาวที่นี่ดูดซับพลังงานดังนั้นมันจะมีผลทำงานได้อีกครั้ง” ฟงจู้รู้สึกว่าเป็นงานที่ง่าย ไม่ต้องพูดถึงเย่ว์หยาง ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งก็สามารถทำงานได้ดี ถ้าไม่ใช่เนื่องจากกังวลว่าบริวารของจ้าวปีศาจโบราณจะลอบเข้ามา เขาคงไม่ขอให้เย่ว์หยางช่วยเขาป้องกันโดม
“ขออภัย, ข้ามีนัดกับสาวน้อยอยู่พอดี และข้าช้าไม่ได้เสียด้วย” เย่ว์หยางทำท่าว่าการแก้ปัญหาเรื่องคนโสดเป็นเรื่องสำคัญมากกว่า
“เจ้าไม่มีคุณธรรมหรือ? จ้าวปีศาจโบราณเป็นสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงมาก” เป่ยฟงเจียโส่วรู้สึกว่าเย่ว์หยางทำตัวแปลกประหลาดไปหน่อย คนผู้นี้เติบโตเร็วเกินไป เด็กหนุ่มมนุษย์ธรรมดาในวัยนี้จะมุ่งผดุงความเป็นธรรมกันทั้งนั้น
“อา..ฮ้าววววว” เย่ว์หยางทำเหมือนเหนื่อย เขายืดตัวบิดขี้เกียจโดยไม่สนใจอะไร
“ดูเหมือนว่าหอทงเทียนอาจจะต้องถูกทำลายเสียแล้ว” ฟงจู้รู้สึกงงมาก หอทงเทียนให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างนั้นได้ในที่สุด แต่นิสัยของเขาเกียจคร้าน คงเป็นไปไม่ได้ที่หอทงเทียนจะรอดพ้นชะตากรรม
“เสากักมังกรและโซ่จันทราบั่นเศียรก็ดูเป็นของดีนี่...” เย่ว์หยางชำเลืองสมบัติของพวกเขาอยู่เสมอ ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วหน้าซีดและกลัวจะได้ยินสิ่งที่เขาพูด พวกเขารีบส่ายหน้าโบกมือพัลวัน “ไม่ได้ ของศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เชื่อมโยงกับชีวิตเรา ปณิธานและสมบัติอยู่ในร่างเดียวกัน เราไม่สามารถให้เจ้าได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม สำหรับเรื่องเงิน เราทั้งสองอยู่ที่มาเกินกว่าหกพันปีแล้ว เราจะไปเอาเงินมาจากไหน ยิ่งกว่านั้น ทำไมคนอย่างเจ้าถึงได้ขาดแคลนเงินด้วยเล่า”
“ข้าไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ปัญหาคือ ไม่มีเงิน ข้าก็ไม่มีความสามารถจะทำงาน” เย่ว์หยางแสดงออกมาว่าเขาในตอนนี้ต้องการเลียนแบบเหลยฟง (เยาวชนตัวอย่างพรรคคอมมิวนิสต์) ถ้าเขาเลียนแบบเหลยฟงได้หมดจริงๆ เขาคงเป็นตัวโง่เง่าตัวหนึ่ง
“เอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าสามารถไปดูหุบเขาลมยะเยียบก่อนก็ได้ ถ้าเจ้าพวกนักขุดพื้นขุดพื้นออกมา เจ้าก็กลับมาแจ้งให้เราทราบ เราจะไปที่นั่นและฆ่าเขา ทุกสิ่งที่เราได้จากการฆ่าจะเป็นของเจ้า เอาแบบนั้นดีไหม?” ถ้าเป็นเป่ยฟงเจียโส่วในอดีต เขาคงได้เกลียดเย่ว์หยางแน่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามีบางอย่างต้องขอร้องเย่ว์หยาง เขาจึงต้องกล้ำกลืนไม่แสดงออกมา
“มันยุ่งยากเกินไป ทุกอย่างจะไม่เป็นของข้าหรือไง ถ้าข้าแค่เห็นมันและฆ่ามันทันที?” เย่ว์หยางถามเพื่อต้องการคำตอบ
“ทำได้อย่างนั้นก็ดี เจ้าสามารถเอาทุกอย่างไปได้ตราบเท่าที่เจ้าฆ่ามันได้” ฟงจู้ก็แสดงว่าไม่ต้องการอะไรด้วยเช่นกัน
“ไม่มีทางเป็นไปได้” เย่ว์หยางส่ายศีรษะ
“ทำไมถึงไม่ได้?” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วแทบจะสลบทั้งคู่ ทำไมเขาต้องบอกไม่ เมื่อพวกเขาเห็นด้วยว่าทุกอย่างจากการฆ่าจะตกเป็นของเขา
“ถ้าข้าสังหารเจ้าคนที่ดำดินออกมาจากพื้น ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ของเหล่านั้นจะไม่เป็นของข้า ก็เหมือนอย่างที่ข้าฆ่าปีศาจโบราณสองพี่น้อง อย่างไรก็ตามเมื่อท่านทั้งสองบอกให้ข้าฆ่ามัน ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ท่านจะไม่จ่ายค่าจ้างข้า เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านทั้งสอง ก็แค่บอกให้ข้าทำงานให้ แต่ไม่จ่ายอะไรให้ข้าเลย พี่ชาย งานนี้มันยากที่ใครจะทำได้ ใครจะทำให้โดยไม่มีค่าตอบแทน? มีแต่คนโง่ๆ ที่รับทำให้” เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย
“....” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วได้ยินทั้งคู่ ทันใดนั้น พวกเขายิ้มกว้าง ตามที่เจ้าพูด เราก็ยังไม่ได้รับค่าจ้างใดๆ มาหกพันปีแล้ว แต่เราก็ยังคอยดูแลที่นี่มาตลอด”
“เจ้านายพวกท่านใจดำจริงๆ หกพันปีไม่มีค่าจ้าง? ใครเป็นคนบอกให้พวกท่านมาเฝ้าที่แห่งนี้?” เย่ว์หยางถาม
“จักรพรรดิอวี้” ฟงจู้กล่าวชื่อเขาคลุมเครือ
“ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้ เนื่องจากจักรพรรดิอวี้ตายไปนานแล้ว” เย่ว์หยางต้องการช่วยพวกเขา แต่ไม่สามารถทำได้ ขณะเดียวกัน เขาก็สงสัยมากเช่นกัน “จักรพรรดิอวี้ของให้ท่านทั้งสองปกป้องที่แห่งนี้ตลอดชีวิตเชียวหรือ?”
“ตอนแรกเขาพูดว่าร้อยปี ใครจะรู้กันว่าหลังจากปิดประตูลับแล้ว ก็ไม่มีข่าวคราวเขาเลย เราไม่สามารถไปจากที่นี้โดยไม่ได้รับอนุญาตได้ ดังนั้นเราจึงต้องอยู่จนกระทั่งบัดนี้ เป็นเวลาหกพันปีแล้ว โดยไม่ได้กำจัดจ้าวปีศาจโบราณ เรายังต้องป้องกันสถานที่นี้ต่อเนื่องตลอดไป ชีวิตลำบากมาก!” ฟงจู้อยากร้องไห้ดังๆ คาดไม่ถึงเลยว่าเป่ยฟงเจียโส่วกลับเป็นคนร้องไห้ออกมาดังๆ “สำหรับท่านก็ยังเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร พี่จู้, ท่านเป็นคนของทวีปมังกรทะยาน การปกป้องแผ่นดินเกิดเป็นเรื่องที่ชอบธรรม ข้าแค่เพียงมาที่นี่จากแดนสวรรค์เพื่อเที่ยวสนุก ทำไมข้าต้องมาเฝ้าที่นี่ถึงหกพันปีด้วยเล่า? มันมากเกินไปแล้ว”
“...อา.. ก็ได้ พวกท่านหยุดทำท่าร้องไห้ได้แล้ว ให้ข้าคิดปัญหาเรื่องจ้าวปีศาจโบราณก่อน” เย่ว์หยางรู้สึกว่าในฐานะจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ เขาควรจะมีความรู้สึกรับผิดชอบ ดังนั้นจึงถาม “เขามีระดับพลังเท่าใด?”
“จ้าวปีศาจโบราณน่ะหรือ? ปราณฟ้าระดับแปด!” เมื่อฟงจู้พูดเช่นนั้น เย่ว์หยางหมุนตัวและเดินจากไปทันที “ถือเสียว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน!”