ตอนที่ 573 นี่ยังถือว่าช้า
ถ้าเย่ว์หยางไม่ปรากฏตัว, พะยูนนรกที่เป็นอสูรฟ้าระดับสองคงจะมีสถานะเหมือนกับกับเทพอารักษ์ของเผ่าพันธุ์ทะเลก็เป็นได้ ส่วนตอนนี้เล่า? พะยูนนรกทั้งสองเป็นอสูรรับใช้! ความเฉยชาปรากฏอยู่บนหน้าของพะยูนนรกผู้ฉลาด ที่สำคัญพวกมันถูกพี่น้องตระกูลหลี่สั่งงานเหมือนเป็นสุนัข ทำให้มันทั้งเจ็บปวดและสูญเสียความภาคภูมิใจ แต่พวกมันก็เข้าใจแล้วว่านี่คือชะตากรรมของพวกมัน
จะตำหนิใครได้ ก็พวกมันเกิดผิดเวลาเอง
ถ้าพวกมันเกิดเมื่อหกพันปีที่แล้ว พวกมันอาจเป็นเทพอารักษ์ของเผ่าพันธุ์ทะเลก็ได้ในเวลาที่พวกมันมายังหอทงเทียน
ไม่มีความหวังได้เป็นเทพอารักษ์ในตอนนี้ แต่เป็นอสูรรับใช้ก็ยังถือว่าไม่แย่เกินไป เมื่อนึกถึงวันนั้นที่สหายของพวกมันถูกคุณชายสามใช้มีดสังหารเทพฆ่า, จื่อจุนใช้กระสุนดำสังหาร, และจักรพรรดินีราตรีใช้ดาวตกสังหาร
ตายดีมิสู้มีชีวิตลำบาก ถือว่าโชคดีแล้วที่พวกมันยังรอดชีวิตอยู่ได้
จ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณที่มีพลังอสูรฟ้าระดับห้า ก็ยังกลายเป็นอสูรรับใช้คุณชายสามด้วยมิใช่หรือ?
ที่ไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าก็คือเฮยหูนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าและเป็นผู้อาวุโสตำหนักน้ำด้านนอกตำหนักกลางก็ยังตายทันที คุณชายสามตระกูลเย่ว์ฆ่านักสู้ปราณฟ้าผู้ทรงพลังอย่างกะหั่นผักหั่นปลา เขาไม่สนใจว่าท่านจะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับใดหรือมีชื่อเสียงเพียงไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังรหัสโบราณ, เพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลก นักสู้ปราณฟ้าทุกคนได้แต่หลีกทาง...
นอกจากนี้ การได้เป็นอสูรรับใช้ให้กับนักสู้ที่ทรงพลังก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยที่สุดยังมีนักสู้ระดับสูงคอยดูแลท่าน เป็นผู้รับใช้ใครบางคนก็ถือว่าเป็นผู้รับใช้คนหนึ่งหรือ? เฮยหูแข็งแกร่งไม่พอ แน่นอนพวกมันจึงต้องติดตามคุณชายสามพิชิตโลก
ต่อให้พวกท่านเที่ยวไปทั่วแดนสวรรค์ ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเจ้านายอย่างคุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้
ดังนั้น ได้เป็นอสูรรับใช้ของเขาก็ยังถือว่าเป็นโชคประการหนึ่ง
เมื่อพะยูนนรกทั้งสองเห็นจ้าวมังกรสมุทรปรี่เข้าหาพวกมัน พวกมันตัดความคิดเรื่องการเป็นอสูรรับใช้ออกทันที พวกมันใช้คลื่นดาบหัวตัดพุ่งเข้าหา นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่พวกมันทั้งสองต้องการประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกมันต้องทำ งานมีความยากระดับธรรมดาที่พะยูนนรกทั้งสองสามารถทำให้สำเร็จได้ ฮุยไท่หลางเจ้าหมาตัวแสบนั่นมักจะแย่งงานที่พวกเขาสามารถทำได้ไปหมด เจ้าหมาชั้นต่ำนี้เป็นหมาป่าปีศาจล้างโลกเกิดมาพร้อมกับความสามารถที่เข้ากันได้กับเจ้านายของมันได้ดี และความสามารถในการประจบเอาใจเจ้านายมันก็ดีมาก ทำให้มันเป็นที่โปรดปรานของเจ้านาย ต่อให้พวกเขาต้องการแสดงความสามารถ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสได้แสดง
ในที่สุดก็เกิดสงครามที่หอทงเทียน ถ้าเจ้านายพวกมันรู้ว่าพวกมันทำอะไรไม่สำเร็จ...
เมื่อนึกถึงชะตาต้องกลายเป็นทาสโลหิตเหมือนจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณที่ถูกบำรุงรักษาไว้เพื่อต้องการเลือดของมัน อาจจะตกลงที่พวกมันได้...
“อ๊าาาาาา!” จ้าวมังกรสมุทรหวาดผวาเต็มที่เมื่อเขาเห็นพะยูนนรกสองตนวิ่งรี่เข้ามา เขารู้ชัดเจนว่าพะยูนนรกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน พวกมันคือเทพอารักษ์เผ่าพันธุ์ทะเล ต่อให้มีเพียงตัวเดียวก็สามารถกำจัดเผ่าพันธุ์ทะเลได้หมด แม้ว่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบจะนับว่าแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอจะป้องกันมือข้างเดียวของศัตรูได้
“แหจับปลา!” ทันใดนั้นแหผืนหนึ่งถูกเหวี่ยงทอดลงบนผืนทะเล
นั่นคือแหของปีศาจปลาสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกจากแดนสวรรค์
แหเหล่านี้มีความพิเศษมาก สามารถสร้างความยากลำบากให้กับนักสู้ปราณฟ้าที่ทรงพลังอย่างเวิ่งจิน มนุษย์สมิงสามตาและคนอื่นๆ มาแล้ว
จ้าวมังกรสมุทรเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบที่ยังไม่ถึงระดับสูงสุด เมื่อเทียบกับเวิ่งจินและคนนักสู้อื่น เขาก็ยังนับว่าอ่อนแอมาก ต่อให้เขาสามารถหนีพ้นจากแหโดยใช้พลังเต็มที่ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทันที นอกจากนี้ เมื่อจ้าวมังกรสมุทรถูกแหรวบไว้ได้ ดาบหัวตัดยาวของพะยูนนรกทั้งสองก็เข้ามาถึง
ครืนนนน
ตูมมม
ร่างของจ้าวมังกรสมุทรถูกทำร้ายจากพลังดาบโจมตีที่รุนแรง ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสทันที
แต่พลังชีวิตของเขาทนทานอย่างน่าประหลาดใจ และเขายังไม่ตาย
เลือดที่เหมือนลาวาไหลออกจากร่างปีศาจ ขณะที่จ้าวมังกรสมุทรล้มลงกับผืนทะเลอย่างเจ็บปวด แขนปีศาจทั้งสองถูกตัดขาดและร่างของเขาได้รับความทรมาน
เขาต้องการหลบหนี แต่พะยูนนรกต้องการจะทำภารกิจให้สำเร็จไม่ยอมปล่อยให้เขาหนี พวกมันใช้พลังปราณฟ้าระดับสองไล่ตามเขาทันที คนหนึ่งจับได้ที่ข้างขวา อีกคนจับที่ด้านซ้าย พวกเขาฉุดกระชากเต็มแรง ทำให้ร่างของจ้าวมังกรสมุทรฉีกขาดเป็นสองเสี่ยง จ้าวมังกรสมุทรร้องเจ็บปวดโหยหวน แววเจ็บแค้นปรากฏในดวงตาของเขา หัวปีศาจที่ยังไม่ตายทันทีหันกลับหลังทันใดแล้วอ้าปากปีศาจพ่นคลื่นพลังใส่ไห่อิงอู่ที่ยืนสังเกตการรบอยู่ด้านล่าง
“กรรร” พะยูนปีศาจทั้งสองโกรธจัด พวกเขาใช้ดาบหัวตัดปัดคลื่นระเบิดออกไปพร้อมกัน
จากนั้นพวกเขาใช้กรงเล็บขนาดมหึมากดใส่หัวปีศาจของจ้าวมังกรสมุทรพร้อมกัน
คนหนึ่งกดจากด้านหน้า อีกคนหนึ่งกดจากด้านหลัง
แรงกดทำให้ศีรษะปีศาจระเบิดออกทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนในเผ่าพันธุ์ทะเลประหลาดใจและงุนงงไปตามๆ กัน พวกเขายืนตะลึงมองอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ทำอะไร
จ้าวมังกรสมุทร นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบถูกฆ่าตายในลักษณะนี้ นอกจากนี้ยังเหมือนกับว่าเขาถูกฆ่าตายภายในไม่กี่วินาทีเหมือนกับว่าเขาไม่มีความสามารถในการป้องกันตนเอง... พวกที่ฆ่าเขาก็คือพะยูนนรกสองตน นั่นก็คือเทพอารักษ์ของเผ่าพันธุ์ทะเล
ทหารกบฏตกตะลึงไปตามๆ กัน จะเริ่มทำสงครามกับเทพอารักษ์น่ะหรือ?
นั่นเป็นการรนหาที่ตายหรือเปล่า?
นอกจากนี้ จ้าวมังกรสมุทรก็ตายแล้ว พวกเขายังจะสู้ไปเพื่ออะไร? ต่อให้พวกเขาชนะ ใครจะเป็นจักรพรรดิ?
“ทหารกบฏเผ่าพันธุ์ทะเล ข้าขอสั่ง จงวางอาวุธยอมจำนนเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะฆ่าทุกคนไม่มีการยกเว้น” ไห่อิงอู่โบกสามง่ามจักรพรรดิสมุทรขณะที่น้ำเสียงของนางเข้มข้นกึกก้องทั่วท้องฟ้า
เสียงตะโกนของนาง เอาชนะความคิดต่อสู้ของทหารกบฏ
ไม่มีทหารกบฏคนใดสักคนบนผาชมดาวกล้าคุกคามจักรพรรดินีสมุทรคนใหม่ในฐานะศัตรู บางคนเริ่มหนีไปอย่างผู้พ่ายแพ้ แม้แต่สี่แม่ทัพของจ้าวมังกรสมุทรก็หนีไปด้วยความกลัว พวกทหารกบฏอีกมากคุกเข่ายอมจำนนขณะที่พะยูนนรกจ้องมองพวกเขา...
กลุ่มมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึก, มนุษย์ปลาดาบจี๋ฟง, มนุษย์ปลาตีนสุยจุ่ยไล่ล่าตามไปทันที นี่คือเวลาที่ดีที่สุดที่จะกำจัดศัตรู เนื่องจากพวกเขาทุกคนเกรงว่าการปล่อยให้พวกนี้รอดชีวิตและไม่ขุดรากถอนโคนเสียแต่ตอนนี้ พวกเขาอาจก่อเรื่องยุ่งยากในอนาคต สี่แม่ทัพสมุทรที่อยู่ภายใต้บังคับของจ้าวมังกรสมุทรต้องถูกกำจัด นอกจากพวกเขาแล้ว ขุนพลสมุทรทั้งสิบที่อยู่ใต้บังคับของจ้าวมังกรสมุทรก็ต้องถูกกำจัดด้วยเช่นกัน
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่ยินดีจะรั้งท้าย ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ตามไปด้วยเช่นกัน
สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คือโอกาสดีที่สุดที่จะควบคุมฝึกฝนตนเอง ปีศาจจากแดนอเวจีกลัวอำนาจของเย่ว์หยางที่เพิ่มขึ้นมาและยอมยุติสงครามไปแล้ว นอกจากนี้จอมปีศาจบารุธและผู้ปกครองแดนอเวจีอื่นๆ ก็มีข้อตกลงลับกับเย่ว์หยาง และพวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันชั่วคราว เย่คงและเจ้าอ้วนไห่จึงไม่สามารถใช้แดนอเวจีเป็นที่ฝึกฝีมือได้ตามใจชอบอีก
สงครามของหมู่เกาะฝนดาวตกเป็นเวทีดีที่สุดให้พวกเขาได้แสดงฝีมือ
“ถวายบังคมองค์จักรพรรดินีสมุทร ขอจงมีอายุยืนหมื่นปี”
ในฐานะพลเมืองเผ่าพันธุ์สมุทร พวกเขาคุกเข่ากับพื้นน้ำตานองหน้าต้อนรับจักรพรรดินีสมุทรคนใหม่
ในตอนแรก ไม่มีใครรู้ว่าไห่อิงอู่เป็นใคร แต่ตอนนี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญก็คือนางเป็นธิดาของจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน มีเลือดของจักรพรรดิสมุทรไหลเวียนอยู่ในสายเลือดนางและนางมีพลังของเขา มีสิทธิในบัลลังก์โดยชอบธรรม ยิ่งกว่านั้น เมื่อนางกลับมา นางสามารถระงับการก่อกบฏของจ้าวมังกรสมุทร ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากพะยูนนรกเทพอารักษ์ทั้งสอง ถ้านางไม่ใช่จักรพรรดินีสมุทร นางจะเป็นใครอื่นไปได้? แม้ว่าจักรพรรดิคนใหม่จะเป็นสตรี แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะนางดีกว่าจ้าวมังกรสมุทรนับพันเท่า
เป็นครั้งแรกที่ประชาชนเผ่าพันธุ์ทะเลยอมคุกเข่ากับพื้นด้วยความยินดี แสดงความเคารพจักรพรรดิสมุทรของพวกเขา
ฝนตกลงมาจากฟากฟ้าโดยไม่รู้ตัว
ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมแยกเปิดออกเป็นช่องว่างทันใด
เป็นช่องที่เกิดจากคลื่นพลังระเบิดที่จ้าวมังกรสมุทรพ่นออกมาและถูกพะยูนนรกทั้งสองปัดออกไปจนเกิดเป็นช่องว่างในเมฆ แสงอาทิตย์ฉายส่องมาเป็นลำต้องตัวจักรพรรดิสมุทรหญิงคนใหม่ ไห่อิงอู่
“ทรงพระเจริญ...”
เมื่อประชาชนชาวเผ่าทะเลเห็นเช่นนี้ พวกเขาเชื่อมั่นทันทีว่านี่คือพระประสงค์ของสวรรค์ และพากับหมอบคำนับไห่อิงอู่ได้ความเคารพมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ไห่อิงอู่ไม่ได้สนใจการหมอบคำนับของประชาชน แต่นางรีบพุ่งเข้าไปในวังฝนดาวตก
เป้าหมายเพื่อไปที่ประตูลับ
เมื่อถึงหน้าประตูลับ ผู้อาวุโสคนหนึ่งยืนรออย่างสงบอยู่แล้ว
“จักรพรรดินีคนใหม่ หนานกงขอคารวะ” ผู้เฒ่าคนนี้ก็คือผู้เฒ่าหนานกง รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาคำนับให้ไห่อิงอู่เล็กน้อยก่อน จากนั้นเขาค่อยๆ เหยียดมือขวามาข้างหน้าไห่อิงอู่ เมื่อเขาแบมือออก มีกุญแจเงินส่องประกายวางอยู่บนฝ่ามือของเขา...
“ไห่อิงอู่ขอขอบคุณท่านผู้เฒ่าหนานกง” ไห่อิงอู่คำนับด้วยธรรมเนียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด นางพยักหน้าและยื่นมือรับกุญแจจันทราเงิน
ตามมาด้วยสี่แม่ทัพสมุทรผู้ได้รับคำสั่งเฉพาะจากราชินีแมงกะพรุนตรงเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้น สองคนข้างหน้าประคองมือแสดงสิ่งของบางอย่างให้ไห่อิงอู่ดู
เป็นกุญแจสุริยันต์และกุญแจดาวตกที่พบจากร่างของจ้าวมังกรสมุทรยังมีรอยเปื้อนเลือดอยู่ขณะที่แสดงกุญแจให้ไห่อิงอู่
ไห่อิงอู่ไม่ได้เหลือบมองพวกเขา แค่โบกมือเบาๆ สี่แม่ทัพสมุทรยืนขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นก้าวเดินเข้ามาคำนับด้วยความเคารพและทูนมือเหนือศีรษะรับกุญแจจันทราจากมือไห่อิงอู่ จากนั้นเดินไปพร้อมกับสหายเพื่อเปิดประตูลับอีกครั้ง ภายในประตูลับ โลกที่เต็มไปด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ปรากฏอีกครั้ง ไห่อิงอู่มองดูผู้เฒ่าหนานกงอีกครั้ง
“ไปเถอะ หนานกงจะรอการกลับมาของท่านและคุณชายสามอยู่ด้านนอกประตูลับ” ผู้เฒ่าหนานกงยิ้มให้ไห่อิงอู่
“.....” ไห่อิงอู่ผงกศีรษะเงียบๆ
นางคำนับผู้เฒ่าหนานกงเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าไปในโลกหิมะภายในประตูลับ
แม่ทัพสมุทรทั้งสี่คุ้มกันอยู่นอกประตูเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นรูปปั้นแข็งแกร่งรอการกลับมาของจักรพรรดินีคนใหม่
สำหรับพวกเขา นี่คือคำสั่งที่ได้รับมอบหมายจากบรรพบุรุษของพวกเขาพันปีที่แล้ว เพิ่งจะได้สมปณิธานในวันนี้
ป้อมดาวตก ภายในสนามต่อสู้
ราชินีแมงกะพรุนไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด แต่ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนยังคงอยู่ที่เดิม สำหรับขุนพลปลาดาวและขุนพลสมุทรคนอื่นๆ พวกเขาจับกลุ่มรวมตัวรวบรวมความกล้าอยู่ด้านนอกโดยมีผู้เฒ่าซิงผานนำ ได้หยุดรออยู่ด้านนอก
เย่ว์หยางออกมาจากคุกอัคนีตามลำพังไม่มีนางเซียนหงส์ฟ้าออกมาด้วย
“เจ้าฆ่าปีศาจโบราณในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนี้หรือ?” ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนตกตะลึง นั่นคือปีศาจโบราณนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งเชียวนะ และยังมีร่างสูงถึงห้าสิบเมตร คุณชายสามและมารกฎฟ้าสามารถฆ่ามันได้ในสามสิบนาทีเองหรือ? ตามความเห็นของราชินีแมงกะพรุน แสดงว่ามีปีศาจโบราณอยู่สองตนที่นี่ ไม่ใช่แค่ตนเดียว
“รวดเร็วมาก” ฟงจู้ยังคงประหลาดใจมาก
“เจ้าใช้สมบัติอะไรสู้เหรอ? สมบัติเทพหรือเปล่า?” เป่ยฟงเจียโส่วรู้สึกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่น่าจะฆ่าปีศาจโบราณได้ในเวลาอันสั้นโดยไม่มีอาวุธเทพช่วยเหลือ!
“ต้องใช้อาวุธเทพหรือ ถึงจะฆ่าพวกมันได้?” เย่ว์หยางส่ายศีรษะรัว
“แล้วเจ้าฆ่าพวกมันได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีอาวุธเทพได้ยังไง?” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่อยากเชื่อ
“ความจริง ข้าว่านี่ก็นับว่าช้าแล้ว” เย่ว์หยางจัดปกคอเสื้อ กระแอมเบาๆ “ข้ามัวแต่เสียเวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนถึงจะออกมาได้ นั่นแหละคือเหตุผลให้ข้าช้าไปบ้าง”
“อะ...อาบน้ำเรอะ?” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วไม่เข้าใจว่าพวกเขาได้ยินอะไร
“......” ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนหน้าแดง เมื่อพวกนางเห็นว่ามารกฎฟ้าไม่ได้ออกมาด้วยพร้อมกับเขา พวกเขาเดาว่าบางทีคุณชายสามกับนางเซียนหงส์ฟ้าคงจะมีสัมพันธ์รักกัน หลังจากฟังเย่ว์หยาง พวกนางแน่ใจว่าหลังจากมารกฎฟ้าและคุณชายสามจบภารกิจฆ่าปีศาจโบราณได้แล้ว พวกเขายังเหลือเวลาที่จะอาบน้ำด้วยกันเหมือนคู่รักคู่แต่งงาน หลังจากประเมินหลายๆ อย่างแล้วอย่างนี้ เด็กหนุ่มนี่ใช้เวลาฆ่าปีศาจโบราณนานเท่าใดกันแน่?
“นี่เป็นไปได้ยังไง ก็เจ้าเข้าไปในนั้นยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ” ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วรู้สึกว่าใช้เวลาสามสิบนาทีเพื่อฆ่าปีศาจโบราณสองตน และยังใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอีกด้วย มันออกจะเกินไปหรือเปล่า?
“ความจริง ช่วงเวลาที่ไวที่สุดที่ข้าใช้ฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งต้องเพียงหนึ่งนาที ครั้งนี้ถือว่าช้าแล้ว เนื่องจากข้าต้องใช้เวลาสิบนาทีถึงจะฆ่าได้สองตน” เย่ว์หยางห่อไหล่อย่างถ่อมตัว หลังจากพูดอย่างนี้แล้ว ฟงจู้ที่แขวนโซ่อยู่ก็ทิ้งตัวลงกับพื้น ทั้งสองคนไม่รู้ตัวเลยมองดูบุรุษหนุ่มที่กำลังยิ้มเฉิดฉายเหมือนดวงตะวันราวกับว่ามองเห็นผี
ตกตะลึง
เจ้าเด็กนี่ คนหรือเปล่า?