ตอนที่ 573 ชัยชนะที่โหดร้าย
ร่างของคนทั้งสี่สิบหกเปลี่ยนสภาพไปอย่างผิดปกติ พลังทะลักออกมาสร้างเป็นรูปปลายักษ์ดึกดำบรรพ์ทันที
ร่างที่แข็งของพวกเขามีรังสีรูปปลายักษ์ดึกดำบรรพ์คลุมล้อมไว้พุ่งเข้าหาถังเทียน
แม้ว่าถังเทียนอยู่ในสภาพจิตใจว่างเปล่าแต่ในทันทีนั้นความสามารถในการต่อสู้ของเขาอยู่ในระดับสุดยอด เขาเป็นคนแรกที่สังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวสือเซินว่าตั้งใจจะทุ่มเททั้งหมดแน่นอน
และความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่ถังเทียนคุ้นเคยมากก็คือเชื่อมั่น
ถังเทียนสั่นขณะที่เขาตื่นขึ้นจากอาการมึนงงสับสน ความเจ็บปวดท่วมทะลักเข้ามาในร่างของเขาทำให้เขากระตุกด้วยความเจ็บปวด
รังสีหมัดที่เขาสร้างขึ้นมาหลุดพ้นจากการควบคุม การผสานพลังงานในตอนแรกมีทีท่าชลอลง
บังเอิญปลาดึกดำบรรพ์ที่สือเซินได้สร้างขึ้นมาก็กระแทกใส่เช่นกัน
ปัง!
พลังงานกระจัดกระจายเหมือนประกายไฟไปทั่วทั้งบริเวณ หมัดของถังเทียนกระจายออกไปทันที ขณะที่รังสีปลาดึกดำบรรพ์ของสือเซินก็อ่อนลง หน้าของสือเซินแดงด้วยความโกรธ ที่ดินคือสิ่งที่เขาต้องการฉกฉวย
ต้องการได้
พวกเจ้าทุกคนกำลังอวยพรข้าจากเบื้องบนใช่ไหม? พวกเจ้าทุกคนติดตามข้ามาถูกทางแล้วใช่ไหม? พวกเจ้าทุกคนยังอยู่ที่นี่ใช่ไหม?
พวกเจ้าทุกคนจงดูนี่...
เสียงคำรามดังลั่นเหมือนสัตว์ร้าย ดวงตาของสือเซินแดงฉาน พลังงานทั้งหมดครอบคลุมอยู่ในดาบในมือของเขา ปลาดึกดำบรรพ์ที่ครอบคลุมทุกคนในกลุ่มแสดงให้เห็นถึงเขี้ยวเล็บของมัน
ความตั้งใจสู้ของสือเซินทหารฝีมือดีต่างส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกัน
ไปตายซะ
ปลาดึกดำบรรพ์รัศมีหมองลง แต่ดาบในมือของสือเซินมีรังสีแปลกประหลาดอาบอยู่ที่ผิวนอก เสียงแหลมแหวกอากาศหายไปเหมือนกับว่าเวลาหยุดนิ่งและแสงทั้งหมดมาบรรจบกันที่ดาบที่งดงาม
นักสู้เกราะเงินใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาหน้าที่โหดเหี้ยมของสือเซินก็ยิ่งเคร่งเครียดมาก
เขาคิดถึงบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาสูงเมื่อพวกเขาก่อตั้งทีม พวกเขาดื่มและพูดคุยถึงอนาคต เรื่องการแต่งงานและมีลูกเต็มไปด้วยภาพแห่งอนาคต เขาคิดถึงเวลาเมื่อพวกเขาจัดตั้งโดยกองกำลังที่เป็นมิตรและถูกกองกำลังอื่นโอบล้อมหลั่งเลือดนองสมรภูมิ ความสิ้นหวังท่วมทับหัวใจ เขาคิดถึงเรื่องที่เมื่อพวกเขากลายเป็นโจรท่องไปตามป่าเขาพวกเขาสูญเสียวิถีทางของตนเอง
บทเพลงสงครามที่เรียบง่ายและเยือกเย็นดังก้องอยู่ในหัวใจของเขา
“เจ้าจะบอกได้ยังไงว่าเจ้าไม่มีเสื้อผ้า? ข้าแบ่งปันชุดข้าให้เจ้า ราชากำลังยกกองทัพข้าจะเตรียมขวานศึกและหอกและทวนสำหรับต่อสู้กับศัตรูร่วมกับพวกเจ้า
“เจ้าจะบอกได้ยังไงว่าเจ้าไม่มีเสื้อผ้า? ข้าแบ่งปันชุดข้าให้เจ้า ราชากำลังยกกองทัพข้าจะเตรียมหอกและง้าวร่วมศึกกับพวกเจ้า”
“เจ้าจะบอกได้ยังไงว่าเจ้าไม่มีเสื้อผ้า? ข้าแบ่งปันชุดข้าให้เจ้า ราชากำลังยกกองทัพข้าจะเตรียมเกราะและอาวุธร่วมเดินทางออกศึกกับพวกเจ้า”
ประโยคสุดท้าย ‘เดินทางออกศึกร่วมกับพวกเจ้า’ทำให้น้ำตาเขาร่วง ภาพข้างหน้าพร่าเลือน
ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่มีทางทิ้งกัน พวกเจ้าไม่มีทางจากไป..
ข้าจะต้องชนะ พวกเจ้าทุกคนเห็นนี่ไหม?
ติง!
เสียงคมชัดสดใสทำให้เขามึนงง
โล่เงินที่กางออกป้องกันดาบเอาไว้ได้!
เสี่ยวเอ้อนัยน์ตาเย็นชา แม้ว่าเจ้าเด็กโง่จะโง่เง่างมงาย แม้ว่าความมั่นใจของเจ้าจะเรียกความเคารพนับถือได้ แต่ผู้ชนะมีได้เพียงคนเดียว
และนั่นก็คือข้า
เขาไม่กล้ายั้งมืออีกต่อไป ยอดเสาทั้งหกส่งพลังงานมาครอบคลุมร่มเงิน
ร่มเงินเปี่ยมไปด้วยพลังงานเปลี่ยนแปลงเป็นทะเลดวงดาวกว้างใหญ่ เสี่ยวเอ้อบิดด้ามร่มอย่างนุ่มนวลและดวงดาวเริ่มหมุนและเริ่มปั่นด้วยความเร็วสูง ดาบถูกร่มป้องกันเอาไว้ได้และเริ่มสั่นสะเทือนเหมือนกับว่าถูกบิดปั่นด้วยล้อบด
เศษรังสีนับไม่ถ้วนปลิวกระจายสร้างเป็นภาพสวยงามแต่โหดร้ายทำให้ผู้คนอึดอัดหายใจไม่ออก
สือเซินมองดูดาบอย่างตกตะลึงแสงรังสีหมองลงอย่างรวดเร็วและสูญเสียความสง่างามจากนั้นสูญสลายกลายเป็นเศษเหล็กแตกกระจายหลายชิ้นเนื่องจากมันระเบิดอยู่ในมือของเขา
ส่วนที่ประหลาดก็คือก่อนที่เขาจะหมดสติ รู้สึกว่าสงบสุขมาก
ข้าล้มเหลวใช่ไหม? ขอโทษด้วย ทุกคน....
ข้ากำลังจะตายใช่ไหม? ดีเหมือนกัน จะได้ไปพบกับทุกคน...
ทั้งสี่สิบหกคนสูญเสียการควบคุมตัวเองและร่วงลงพื้นในเวลาเดียวกัน ทุกคนต้องทนรับพลังโจมตีของเสี่ยวเอ้อและได้รับบาดเจ็บแตกต่างกันไป
พอสูญเสียพลังหมดแล้ว ถังเทียนทรุดตัวร่วงลงพื้นโดยไม่อาจควบคุมร่างกายไว้ได้ แต่เขาไม่สนใจตนเอง และตะโกนลั่น “ช่วยพวกเขาไว้!”
เสี่ยวเอ้อมองดูเจ้าเด็กโง่อย่างช่วยไม่ได้ เจ้าเองยังช่วยตัวเองไม่ได้ ทำไมถึงให้ช่วยพวกเขาอีก? เขาไม่ต้องการให้เจ้าเด็กโง่ล้มตายไป ถ้าไม่ใช่เพราะเขาถือตัวหยิ่งยโส เขาคง เขาคง.. แน่นอน...
เสี่ยวเอ้อกัดฟันและโบกร่มอย่างช่วยไม่ได้ ร่างทั้ง 46ที่กำลังร่วงเหมือนถูกจับด้วยมือที่มองไม่เห็นลดความรุนแรงจากการตกร่วงจากที่สูงไปได้ ทั้ง 46 ร่างร่วงลงพื้นโดยปลอดภัย แต่ถังเทียนกระแทกกับพื้นเหมือนเครื่องถ่วงน้ำหนักเงินตกใส่พื้นโดยตรง
แต่เครื่องถ่วงน้ำหนักคุณภาพดีนี้ก็ยังคงมีน้ำหนักอยู่ดี
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้นเกิดเป็นหลุมยุบในพื้นหินดำที่ไม่สามารถทำลายได้ ถังเทียนนอนอยู่ตรงกลางหลุม เขาไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นชั่วครู่ก็มีเสียงกรนเป็นจังหวะดังออกมาจากหลุมยุบ
เขาหลับไปแล้ว...เขาหลับสนิทจริงๆ...
เสี่ยวเอ้อฉุนเฉียวหนักกว่าเดิม
ปิงอยู่บนกำแพงบ่นพึมพำกับตนเองเป็นครั้งคราว เขาจดรายละเอียดบางอย่างและจมอยู่กับความคิดนั้นและไม่ยอมมองดูถังเทียนที่นอนอยู่ในหลุมเลยสักนิด
หวังจุนเซียนที่มองดูจนเสร็จสิ้นกระบวนการตกตะลึงสิ้นเชิง แต่เมื่อเขารู้สึกตัวหน้าของเขายิ่งซีดขาวมากขึ้น สือเซินคือคนสำคัญในทวีปมหาศาล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาในทวีปซางโจว อย่างนั้นทวีปมหาศาลคงได้ระบายความโกรธใส่ทวีปซางโจวและคงไม่ปล่อยให้หญ้าทุกตารางนิ้วอยู่รอดแน่...
ข้าจะทำไงดี ข้าจะทำไงดี...
หน้าของหวังจุนเซียนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ตอนแรกเขาต้องการใช้ท่านเหมิ่งหนานเป็นข้ออ้าง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าท่านสือเซินจะลงมือกับพวกเขา! และสิ่งที่หวังจุนเซียนคาดไม่ถึงก็คือสือเซินจะล้มเหลวและพ่ายแพ้จริงๆ
ความแข็งแกร่งของสือเซินนั้นไร้เทียมทาน และบริวารของเขาเป็นทหารฝีมือดี พวกเขาทุกคนแข็งแกร่งมาก
อย่าว่าแต่ทหารทุกคนเลย แค่คนใดคนหนึ่งก็สามารถเอาชนะหวังจุนเซียนหรือเลาะฟันเขาได้แล้ว เป็นผู้นำกองกำลังรักษาการณ์หมู่บ้านเป่ากวง เขาต้องทำการตัดสินใจ ทหารทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากมหาศาลและไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินล้วนๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาอำนาจที่ต้องการขยายกองทัพของพวกเขา
ความสามารถในการบังคับบัญชาของสือเซินเปิดหูเปิดตาของหวังจุนเซียนทำให้หวังจุนเซียนแอบชื่นชมเขาอยู่ในใจ ตลอดช่วงการสู้รบหวังจุนเซียนชมดูอยู่ตลอด ทำให้เขาตระหนักได้ว่าสือเซินเป็นผู้บัญชาการทหารระดับสูงแน่นอน นอกจากนี้ หวังจุนเซียนไม่อาจเทียบได้กับระบำผีเสื้อและปลาดึกดำบรรพ์แปลงได้เลยทำให้ความเคารพที่เขามีต่อสือเซินพุ่งพรวด
แต่สือเซินผู้แข็งแกร่งทรงพลังพ่ายแพ้จริงๆ
นี่ทำให้หวังจุนเซียนมีความสงสัยอยู่ในใจตนเองว่าผู้บัญชาการทหารที่แข็งแกร่งมีลูกกลุ่มที่แข็งแกร่งจะพ่ายแพ้ได้และพ่ายแพ้ขนาดที่ทั้งกลุ่มหมดสติไปได้
ชุดเกราะเงินนั่นเป็นเกราะแบบไหนกันแน่?
ท่านเหมิ่งหนานแข็งแกร่งน่ากลัวมากจริงๆ!
และเจ้าเด็กที่กางร่มนั่น...
สมองของหวังจุนเซียนสับสนไปหมดเขาสับสนมึนงงกับการต่อสู้ทั้งหมด มันเกินความรู้ของเขาไปมาก
หวังจุนเซียนไม่กล้าจากไป พวกเขาได้ล่วงเกินทวีปมหาศาลไปแล้ว ถ้าเขาจะยอมแพ้และไปมอบตัว ทวีปมหาศาลก็จะไม่ยอมปล่อยทวีปซางโจวไปและทวีปซางโจวทั้งหมดจะถูกพวกเขาย่ำยี หวังจุนเซียนไม่ยินดีให้ครอบครัวคนของพวกเขาถูกเกณฑ์ไปซ่อมสะพานลอย แล้วเขาจะมองดูทวีปซางโจวถูกย่ำยีได้ยังไง
มีแต่พวกเขาที่จะช่วยพวกเขาได้ก็คือแสวงหาความช่วยเหลือจากท่านเหมิ่งหนาน
ท่านเหมิ่งหนานแข็งแกร่งทรงพลังมาก และปราสาทดำก็แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ
หวังจุนเซียนเดินทางมามากได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เมื่อสือเซินลงมือเขาประหลาดใจมาก แต่ในใจของเขาทำงานได้อย่างรวดเร็วกว่าสือเซิน เมื่อเขาเห็นปราสาทหินดำที่สง่างามเขาสังเกตความคล้ายคลึงกันระหว่างปราสาทดำกับหินดำบนพื้นได้ทำให้เขาโยงเรื่องราวได้ทันทีและตระหนักได้ถึงคุณค่าของแผ่นดินแห้งแล้ง
แต่เขาไม่เคยคิดว่าสือเซินจะลงมือเคลื่อนไหวโดยไม่เตือนเขา เขาลงมือโดยพลการและพ่ายแพ้ในที่สุด
หวังจุนเซียนคิดอย่างช้าๆ และตระหนักได้สองสามจุด
ในปัจจุบันนี้พวกเขาจำเป็นต้องปกปิดและฝังเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นไว้ ข่าวของสือเซินจะต้องถูกยับยั้งไม่ให้รั่วไหลออกไป เมืองเป่ากวงยังคงมีกองกำลังประจำอยู่ที่นั่นซึ่งสั่งการโดยสือเซินและพวกเขาต้องคิดหาวิธีรับมือพวกเขา
หวังจุนเซียนรอรายงานท่านเหมิ่งหนาน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังหลับ เขาไม่กล้ารบกวน จึงได้แต่รออยู่ข้างๆ อย่างอดทน
จิ่งหาวอาเฮ่อและหลิงซิ่วทั้งสามคนโดนดึงไปตกพื้นที่แห้งแล้ง ทุกคนหน้ามุ่ย
“เราจำเป็นต้องฝึกให้หนักขึ้น” อาเฮ่อพูดอย่างจริงจัง เขาไม่เคยพบกับเหตุการณ์ที่ทำให้ทุลักทุเลยาวนานขนาดนั้น แม้ว่าทุกคนจะพบว่ากองทัพในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งที่พวกเขาแสดงออกมาก็ทำให้พวกเขาแปลกใจ
สำหรับพวกเขาเซียนของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้รับการขัดเกลา แต่เมื่อเซียนที่ไม่ได้รับการขัดเกลาเหล่านี้รวมกลุ่มเป็นกองทัพความสามารถในการรบกลับมากเกินกว่าที่พวกเขาคาดหมาย
หลิงซิ่วจับด้ามหอกอย่างหงุดหงิด เขาโกรธมาก เขาไม่สนใจเรื่องกองทัพ เขาโกรธมากกับความล้มเหลวของตัวเอง
“ข้าจะไปฝึกก่อน”
พูดจบหลิงซิ่วก็หุนหันออกไป
จิ่งหาวก็ยิ้มประชดตัวเอง “ก่อนนั้นข้าคิดว่าหลังจากขัดเกลาภูตกระบี่ได้แล้ว ข้าจะทำอะไรได้บ้าง แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้ายังต้องรับความพ่ายแพ้ในวันนี้ แต่ครั้งต่อไป เมื่อเราพบกับกองทัพต่อไป...”
เขาไม่พูดต่อ แต่หมุนตัวเดินออกไปฝึกกระบี่ตนเอง
อาเฮ่อไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสู้กับกองทัพได้ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับอาเฮ่อ นั่นเป็นเรื่องน่าอาย
หน้าของเขาเขียวคล้ำและเดินออกไปฝึกฝนบ้างเช่นกัน
ถังเทียนตื่นขึ้นหลังจากหลับลึกไปสองวัน หลังจากหลับจนพอใจแล้ว เขาเต็มไปด้วยพลังและความแข็งแรงราวกับว่ามันไม่อาจหมดไปได้
หวังจุนเซียนที่ยืนอยู่ก่อนแล้วรายงานทุกสิ่งทุกอย่างที่เขารู้อย่างระมัดระวังทันที
หวังจุนเซียนรายงานความร้ายแรงของเรื่องราวทำให้ถังเทียนเรียกประชุมทุกคน หลังจากได้ฟังรายงานแล้ว พวกเขาตกใจกันหมด พวกเขาไม่เคยคิดว่าสือเซินจะออกมาด้วยตนเองและปล่อยให้กองทัพประจำการอยู่ที่เมืองเป่ากวง ถ้าเขาไม่กลับไปหลังจากเวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง กองทัพจะหาทางออก และนั่นอาจเป็นปัญหาก็ได้
ทวีปมหาศาลจะไม่ปล่อยเรื่องแบบนั้นไว้แน่ และสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือส่งกองทัพใหญ่มากดดันพวกเขา ถึงตอนนั้นทวีปซางโจวคงกลายเป็นพื้นที่มิคสัญญีแน่ ทวีปมหาศาลจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมีชีวิตรอด
หลังจากคิดดูแล้วถังเทียนพูด “งั้นรอให้สือเซินและคนของเขาฟื้นขึ้นก่อน จากนั้นเราจะคิดกันอีกที”
สือเซินฟื้นในตอนบ่าย สือเซินไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย แต่ตาของเขาเหม่อลอยว่างเปล่าและหมองมัวไร้ประกาย
ในที่สุดข้าก็แพ้สินะ?
ขอโทษด้วยทุกคน...
สือเซินนั่งบนพื้น ไม่พูดอะไรสักคำ เหมือนกับคนไร้วิญญาณ พลังงานร่างของเขาถูกผนึกไว้เหมือนกับเด็กเพิ่งเกิด งุ่มง่ามทำอะไรไม่ถูก
ถังเทียนทิ้งตัวนั่งกับพื้นข้างๆเขา