ตอนที่ 571 เกราะเจ็ดชุด
“เป็นยังไงบ้าง?
ถังเทียนงอหลังเอามือท้าวเข่าเหงื่อไหลย้อยมาตามร่องแก้มและหยดลงพื้น เขาดูราวกับว่าเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกไปหมดหน้าของเขาซีดเล็กน้อย ลมหายใจของเขาหยาบหนัก เสียงดังเหมือนกับตะโกนเขารู้สึกเหมือนกับว่าไม่สามารถขยับนิ้วได้
ดูเหมือนว่าเขาต้องใช้แรงฮึดอึดสุดท้ายกว่าจะพูดเช่นนั้นออกมาได้ เสียงแหบแห้งเหลือเกิน
ปิงมองดูจำนวนตัวเลขข้างหน้าเขาขณะที่เขาคาบบุหรี่ของเขา “ยังดีอยู่,ในแง่ของพลังงาน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแม้แต่น้อยยอดฝีมือท้องถิ่นก็มีความสามารถเพียงพอแล้วแต่ถ้าเจ้าต้องการแสดงศักยภาพของมันเต็มที่ เว้นแต่ร่างพลังกายเป็นศูนย์ เจ้าจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง และข้ายังข้องใจยอดฝีมือที่นี่มากอยู่มาก อย่างไรก็ตามถ้าคิดความจริงที่ว่าจะแสดงพลังของมันออกมาเว้นแต่มันมีร่างพลังกายเป็นศูนย์ เจ้าจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ข้าสงสัยว่านักสู้ที่นี่ยังไม่มีคุณสมบัติพอสำหรับเรื่องนั้น ดูเหมือนจะไม่มีพลังสายเลือดในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์อยู่เลย มาดูกันเมื่อถึงเวลาไม่ว่าเราจะนำระบบพลังสายเลือดมาใช้ หรือนำพลังสายเลือดมาทดสอบเราก็ต้องคุยกับผู้เฒ่าเฟ่ยก่อน”
เหนือศีรษะของเขาเป็นเกราะเงินแบบต่างๆ ลอยอยู่
ปิงเคาะเถ้าบุหรี่และพูดต่อ “มาพูดกันเรื่องเกราะ...ข่าวดีก็คือที่นี่มีพลังงานหนาแน่น ดังนั้นด้วยการหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่องเป็นไปได้มากว่าเกราะรบจะมีความก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ จากหนทางที่ข้าเห็นเกราะเบาร่มพญาหมีมีความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้า”
ปิงโบกมือและเกราะพิเศษลอยอยู่มาต่อหน้าเขา เกราะเงินดูเหมือนหมีเงินกำลังหมอบดูน่ากลัวและสง่างาม ส่วนที่ดึงดูดสายตามากที่สุดก็คือร่มเงินยักษ์บนหลังของมัน
ในบรรดาชุดเกราะเบาทั้งเจ็ด เกราะเบาร่มพญาหมีสะดุดตาที่สุดเพราะมันมีสีทองเลือนราง
“อีกข่าวหนึ่งไม่ว่าดีหรือเลวเนื่องจากเวลาผ่านไปลักษณะเฉพาะของเกราะเหล่านี้จะเปลี่ยนไปแน่นอน พลังงานที่นี่แตกต่างจากสวรรค์วิถีอย่างสิ้นเชิงในแง่พลังตามธรรมชาติ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงในอนาคตยังไงก็ไม่มีใครรู้”
“อย่างนั้นแผนนี้จะมีประโยชน์หรือไม่?” ถังเทียนรู้สึกว่าเขาฟื้นฟูเรี่ยวแรงบ้างเล็กน้อยแล้วจึงเงยหน้าถาม
“ถูกแล้ว มันมีประโยชน์!” ปิงพ่นควันบุหรี่เป็นวง “เกี่ยวกับสถานการณ์ของเราที่ยังขาดแคลนกองทัพแผนการนี้เหมาะสมกับเราที่สุด ต้องใช้สมาชิกจำนวนน้อยลงสำหรับป้องกันปราสาทดำแห่งนี้ แน่นอนพวกเขาต้องได้รับการสั่งสอนเกี่ยวกับการใช้เกราะ”
“นั่นก็ดีเลย!” ถังเทียนพึมพำ เขาเป็นหนูทดลองในช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมาต้องถูกทรมานจนปางตายอยู่ทุกคน
ชุดเกราะอื่นอีกหกชุดเปล่งรัศมีสีเงิน และเชื่อมโยงขึ้นไปบนยอดแหลมปราสาททั้งหกชุด เกราะเบาร่มพญาหมีจะอยู่ที่ศูนย์กลางปราสาทดำทำให้เป็นจุดเชื่อมต่อหลักกับชุดเกราะทั้งหกชุด
แม้ว่าระดับมาตรฐานของชุดเกราะทั้งเจ็ดจะยังต่ำอยู่เป็นแค่ระดับเงินก็ตาม แต่กลุ่มดาวหมีใหญ่ต้องใช้ความพยายามมากมายเพื่อรวบรวมมันขึ้นมา ชุดเกราะเป็นสมบัติที่มีเอกลักษณ์ที่สุดบรรดาสมบัติทั้งหมด
เมืองสมบัติเป็นเมืองที่มีรูปแบบเฉพาะที่สุดในสวรรค์วิถี การใช้สมบัติดวงดาวระดับสูงสุดเนื่องจากเป็นแกนกลาง จึงเป็นการจัดการแหล่งพลังดวงดาวรอบๆเมืองไปโดยอัตโนมัติ และสร้างเครือข่ายพลังงานขนาดมหึมา ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันหรือการโจมตีหรือเพื่อการฝึกฝนประจำวันก็จะได้รับประโยชน์ทุกอย่าง
พลังงานของหมู่บ้านหญ้าแดงมีความเข้มข้นสูง ยังสูงกว่าสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคามาก ดังนั้นจึงอยู่ในเกณฑ์สำหรับสร้างเมืองสมบัติได้
อย่างไรก็ตามเซรีนเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยและไม่รับกฎธรรมเนียมเดิม และปิงเองก็รู้สึกในทำนองเดียวกัน เมืองสมบัติธรรมดาไม่ค่อยมีความหมายมากนัก
ในฐานะที่เป็นขุนพลที่มีชื่อเสียง ความรู้ของปิงไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะเทียบได้ หลังจากตั้งใจสังเกตในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาก็เข้าใจดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ชัดเจนขึ้น
ความอุดมสมบูรณ์ที่น่าอัศจรรย์ของพลังงาน พวกเซียนผู้ไม่มีสนามพลังวิญญาณ ความคุ้นเคยและการควบคุมพลังงานยังไม่ละเอียดมากพอ
เมื่อจุดทั้งหลายเหล่านี้ถูกจัดเรียงลำดับ ขบคิดและสรุปปิงจึงค่อยๆ ตัดสินใจแตกต่างจากสวรรค์วิถีที่ซึ่งพวกเขาควบคุมด้วยอำนาจพลังส่วนตัว ที่นี่ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ผู้คุมกฎก็คือกองทัพ
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นพื้นที่ดีในการพัฒนากองทัพซึ่งแม้แต่ชาวบ้านที่ธรรมดาที่สุดก็มีพลังที่เหมาะสม ตราบใดที่พวกเขาได้รับการฝึกเล็กน้อย พวกเขาจะสามารถสร้างกองกำลังต่อสู้ที่ดีได้ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพลังงาน พวกเขาเกิดมาเป็นเซียนโดยธรรมชาติ วิธีการต่อสู้ที่นี่มีแนวโน้มว่าจะมีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังขาดการปรับปรุงและการตั้งรูปขบวนในสนามรบ ในทางตรงกันข้ามสวรรค์วิถีซึ่งยากจนเรื่องพลังงานก็ถูกบังคับให้ปรับระบบวิชาต่อสู้ โดยการค้นพบวิถีใหม่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า
ปิงได้ตั้งคำถามนี้กับสือหย่งและขอให้สือหย่งเห็นพ้องกับเขาอย่างมีเหตุผล ในพันทวีปของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์กองทัพได้รับความนิยมเพราะไม่มีพื้นที่ให้ปัจเจกบุคคลได้เติบโต
แต่สำหรับพวกเขา กองทัพมีอำนาจอิทธิพลควบคุมได้ไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน
จนถึงตอนนี้พวกที่สามารถเข้าไปในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้มีแต่เพียงพวกเขา และนอกจากพวกเขาแล้วมีเพียงปิงที่นำทหารเข้าสงครามได้ ในช่วงเวลาสั้นๆอย่างนั้นพวกเขาไม่มีความสามารถเปิดช่องทางตรงสู่กลุ่มดาวหมีใหญ่ นั่นก็หมายความว่ากองทัพกลุ่มดาวหมีใหญ่ไม่สามารถเข้ามาในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
ถังเทียนและพวกไม่สามารถได้รับกำลังเสริม
บาร์บารากลับไปยังโลกน้ำเงิน พร้อมกับสัญญาว่าจะนำแม่ทัพคนแคระน้ำเงินที่แข็งแกร่งมาหาถังเทียน
คำถามที่ยากสำหรับปิงก็คือจะปกป้องปราสาทดำได้อย่างไร เมืองสมบัติธรรมดาไม่สามารถรับมือกองทัพเซียนได้แน่และแน่นอนว่าเขาต้องสร้างแผนใหม่
ในสวรรค์วิถีทุกคนต่างก็ชื่นชมความแข็งแกร่งของแต่ละคนและวิทยายุทธ กองทัพถูกสบประมาท ในทางตรงกันข้าในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เป็นกองทัพที่ได้รับความเคารพและความแข็งแกร่งของแต่ละบุคคลและวิทยายุทธถูกประเมินไว้ง่ายๆ
ปิงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการหาโอกาสให้กับตนเองไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน
กองทัพสามารถถ่ายโอนและจัดการพลังงานขนาดใหญ่ได้ แต่เมืองสมบัติก็ทำเช่นนั้นได้ชุดเกราะทั้งเจ็ดดึงดูดพลังงานรอบด้านเหมือนวังน้ำวนพลังงานเจ็ดแห่ง พอเวลาผ่านไปชุดเกราะทั้งเจ็ดจะยังวิวัฒนาการต่อไปและแข็งแกร่งมากขึ้น
และจุดที่แข็งแกร่งกว่าก็คือชุดเกราะทั้งเจ็ดนั้นเกิดขึ้นจากแหล่งพลังงานที่มั่นคงดังนั้นพลังงานทั้งหมดในรัศมี 50 กิโลเมตรจึงอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน
ทุกๆ ชุดเกราะสามารถระดมพลังงานในปริมาณที่น่าตื่นตะลึง
อย่างไรก็ตามชุดเกราะเหล่านี้มีความต้องการคุณสมบัติสูงมาก ด้วยพลังงานที่น่าตื่นตะลึงอย่างนั้นพลังกัดกร่อนที่ผลิตออกมามีความรุนแรงมาก ถ้าไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่ง คนผู้สวมก็ไม่สามารถทนรับพลังงานได้
จิ่งหาวและสหายอีกสองคนถูกถังเทียนบังคับให้ฝึกฝนร่างกาย พวกเขามีร่างพลังกายเป็นศูนย์กันทุกคน แต่สภาพร่างกายของพวกเขายังไม่นับว่าแข็งแกร่งและนั่นจะทำให้ศักยภาพมีจำกัด
ถังเทียนถูกใช้เป็นหนูทดลองกับเกราะ ด้วยร่างกายที่แข็งแรงซึ่งเหมาะกับการแบกรับเกราะนอกจากนี้ปิงยังจำเป็นต้องทำความเข้าใจความสามารถพิเศษของเกราะในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
เกราะหกชุดบรรจุไว้ในยอดแหลมทั้งหก เหลืออยู่แต่เกราะเบาร่มพญาหมีที่ลอยอยู่หน้าถังเทียน
“จากที่รูปลักษณ์ของมัน พลังงานที่กำลังถูกแสดงโดยเกราะในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์เป็น 12เท่าของสวรรค์วิถี และปริมาณพลังงานที่สามารถถ่ายโอนหรือเคลื่อนย้ายก็คือ 25 เท่า ข้าไม่รู้พลังที่แท้จริงของกองทัพที่นี่ น่าเสียดาย ข้าอยากได้กองทัพสักกองมาทดสอบดู..”
ปิงพึมพำกับตนเอง แต่ทันใดนั้นเสาทั้งหกเปล่งประกายแสงแวววาวสร้างความตกตะลึงให้กับปิง
มีคนบุกโจมตี
ก่อนที่เขาจะทันได้รู้ตัว ปังเสียงดังสนั่นจนปราสาทดำสั่นสะเทือน
ปิงสั่น พลังขนาดนี้ต้องเป็นพลังจากกองทัพแน่นอน!
ปฏิกิริยาของถังเทียนไวกว่าปิง ตาของเขาเป็นประกายเยือกเย็น แทบจะในทันทีเขาอยู่ในสภาพพร้อมรบ เขาฝืนความปวดระบมของร่างกายกระโจนขึ้นจากพื้นสวมใส่เกราะเบาร่มพญาหมีที่อยู่เหนือเขา
แก๊ก แก๊ก แก๊ก
เกราะเบาร่มพญาหมีเป็นเหมือนชิ้นเงินนับไม่ถ้วนกลืนร่างถังเทียนไว้ข้างในชิ้นเงินนับไม่ถ้วนค่อยๆ จางหายไปตามร่างกายของถังเทียนพอถึงเวลาที่เขาลงมายืนกับพื้น ถังเทียนก็เสร็จสิ้นการสวมชุดเกราะ (ให้นึกถึงภาพการสวมชุดเกราะไอรอนแมน...แต่ความเห็นของผมเหมือนตอนธอร์สวมชุดในภาค1)
หมวกหัวหมีลงมาปิดดวงตาเขาแสดงให้เห็นถึงพลังที่น่ากลัวและคลุมเครือมิอาจอธิบายได้ที่ด้านหลังของเขามีร่ม มันคือแรงบันดาลใจ ทั่วทั้งร่างของเขาคลุมไปด้วยเกราะเงินซึ่งดูขึ้นรูปคล้ายกับกล้ามเนื้อบรรจุพลังที่แปลกประหลาด
ความรู้สึกเมื่อยล้ากระจายหายไป ถังเทียนรู้สึกว่าตลอดทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังงานคลื่นพลังในตัวเขาพลุกพล่านหมุนเวียน
ถังเทียนพบว่าตนเองอยู่ในสภาพประหลาดอัศจรรย์เสี่ยวเอ้อซึ่งอยู่ภายในร่างของเขากำลังสะสมพลังงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่พลังงานพลุกพล่านไปทั่วร่างกายเขาโดยมีร่างพลังกายเป็นศูนย์เป็นตัวกลาง สิ่งที่ถังเทียนคาดไม่ถึงก็คือพื้นที่ว่างที่แยกเขาออกมานี้ความจริงเพิ่มความสามารถของเสี่ยวเอ้ออีกด้วย ผลกระทบที่ผิดปกตินี้ไม่เคยมีในบันทึกมาก่อน
“ถังห้าว! ขยี้พวกมันให้หมด!”
ปิงตะโกนตามหลังด้วยความตื่นเต้น
ถังเทียนไม่สนใจเนื่องจากเขาเข้าสู่สภาพพร้อมสู้รบจากสภาพเหนื่อยล้า นี่ไม่ได้หมายความว่าร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขาฟื้นขึ้นแล้ว เพียงแต่มันถูกปล่อยวางและเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่การสู้รบ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องคลี่คลายศึกนี้ให้เร็ว
เขากระโจนออกไปโดยไม่ต้องยืมแรงภายนอกแต่อย่างใด
จากมุมมองของปิง เขาเห็นแต่แสงสีเงินยิงออกไปเท่านั้นมันเหมือนกับแสงสะท้อนของก้อนน้ำแข็งที่กระพริบเป็นครั้งคราวอยู่ในท้องฟ้า
ไวมาก!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็น แต่ทุกครั้งที่เขาเห็น ภาพของถังเทียนจะเต็มไปด้วยพลังพุ่งออกมาเหมือนคมมีด ปิงอดตื่นเต้นไม่ได้
ถังเทียนปรากฏอยู่ที่กำแพงเมือง
เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเกราะภายในยอดทั้งหกกวักมือเรียกเขา เขาสามารถควบคุมพลังภายในปราสาทดำได้อย่างอิสระ และใช้มันโจมตีศัตรูได้ แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น เขาเพียงแต่จ้องไปที่ศัตรู
สือเซินสะดุ้งตกใจเมื่อเขาเห็นแสงสว่างไปทั่วปราสาทดำอย่างฉับพลัน แต่หลังจากนั้น เขาเห็นรังสีดาบที่ลุกโชนซึ่งกลุ่มของเขาปล่อยออกไปโจมตีกำแพงปราสาทดำ
ก่อนที่เขาจะได้ร้องออกมาอย่างดีใจรัศมีแพรวพราวสว่างขึ้นจากกำแพงเมือง ม่านพลังแสงป้องกันรังสีดาบไว้ รังสีดาบที่ไม่มีอะไรหยุดได้ สามารถแทงเข้าไปในกำแพงเมืองได้สามนิ้วก่อนจะหยุดอยู่กับที่
ปัง!
รังสีดาบที่ถูกบีบอัดด้วยพลังงานอย่างสูงภายใต้แรงกดดันของพลังงานที่เหนือกว่า ก็ถูกทำลายพินาศ และรังสีระเบิดออกหลังจากผ่านไปในเวลาสั้นๆ
รังสีแสงแพรวพราวปกคลุมตำแหน่งกำแพงเมืองนั้น
พอรังสีแสงหายไป ก็เผยให้เห็นรอยมีดยาว 21เมตรอยู่บนกำแพง สือเซินเห็นรอยมีดแล้วรู้ได้ทันทีว่ารังสีดาบไม่สามารถคุกคามกำแพงเมืองได้
แทนที่จะกลัวเขากลับมีความสุขมาก เขามั่นใจแล้วว่ามาตรฐานของปราสาทดำแข็งแกร่งมากกว่าป้อมปราการโดยทั่วไป! นั่นหมายความว่าอะไร? หมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งให้ความสำคัญของสถานที่นี้สูงซึ่งก็หมายความว่า มีความมั่งคั่งที่น่าอัศจรรย์สะสมอยู่ที่นี่
เขามองดูกำแพงเมืองดำอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเมื่อเขาเห็นหินดำที่แตกอยู่รอบๆแผ่นดินแห้งแล้ง ตาของสือเซินฉายประกายทันที
หินดำ!
ใช่แล้ว มันคือหินดำ ศัตรูมาเพื่อหินดำทั้งหลายเหล่านี้!
เมื่อคิดว่ารังสีดาบที่ทั้งหน่วยของเขาใช้ออกไปทิ้งไว้แต่รอยตื้นๆอยู่บนกำแพงเมือง หัวใจของสือเซินยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น
วัสดุแบบใหม่ซึ่งมีความแข็งแกร่งมั่นคงและมีปริมาณมหาศาล...
ประสบการณ์และความรู้ที่สือเซินมีเขารู้ถึงคุณค่าที่มีอยู่ ในสายตาของเขาหินดำที่อยู่ในแผ่นดินที่แห้งแล้งนี้เป็นเหมือนทะเลทอง
ข้ารวยแล้ว!
ข้ารวยจริงๆ!
ทันใดนั้นสือเซินหรี่นัยน์ตาลง
บนกำแพงเมืองนักสู้สวมชุดเกราะเงินอยู่ที่นั่นอย่างเย็นชา สือเซินไม่ทันสังเกตว่าเขาปรากฏตัวเมื่อใด
รูปทรงชุดเกราะมีรูปทรงเฉพาะตัวที่แตกต่างจากทุกตระกูลที่เขารู้จัก มันให้ความรู้สึกถึงพลังปราณที่น่ากลัวขณะจ้องมองมาที่เขา
ศัตรูย่อเข่าเล็กน้อยและกระโจนเบาๆ
เดี๋ยวก่อน... ความเคลื่อนไหวนั่น...
นัยน์ตาของสือเซินเบิกกว้าง