ตอนที่ 569 - ความตายและรอยยิ้ม
ด้านนอกประตูลับ
“มอบกุญแจเงินมาให้ข้า” ร่างขนาดใหญ่กำลังคุกคามกลุ่มมนุษย์ปลาการ์ตูนทำให้พวกเขากลัวจัดจนไปรวมตัวกระจุกอยู่ที่มุมข้างหนึ่ง
“ข้าเสียใจจริงๆ” มีแต่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าทาสเผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนที่เนื้อตัวโชกเลือดยืนตรงอย่างสง่างาม เขามองดูศัตรูที่ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่าต่อหน้าเขาและส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ต่อให้ท่านพิชิตเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหมดและกลายเป็นจักรพรรดิสมุทร ข้าจะไม่มีทางมอบกุญแจเงินให้ท่าน”
“เจ้าอยากตายนักหรือ?” ร่างขนาดใหญ่ยื่นมือคว้าตัวบุรุษที่ตัวโชกเลือดยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย
เขาสวมชุดยาวสีแดงเลือดไม่ได้ต่อต้านอะไร อยู่ในสภาพอึดอัดหายใจไม่ออก แต่ดวงตายังคงมุ่งมั่น
ไม่มีความกลัวอยู่ในสายตาของเขา
คนร่างใหญ่ฟาดร่างบุรุษที่สวมชุดยาวเลือดท่วมตัวลงกับพื้น
พื้นสร้างขึ้นมาจากหินอุกกาบาตแข็งแกร่ง ดังนั้นแรงกระแทกจึงสร้างความเจ็บปวดรุนแรงให้กับเขา บุรุษร่างเปื้อนเลือดถูกฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง ซี่โครงหักไปสองสามซี่ ศีรษะของเขามีเลือดหลั่งไหล อย่างไรก็ตาม เขาดิ้นรนลุกขึ้น เชิดอกยืนตรงเหมือนคันทวนเผชิญหน้ากับคนร่างใหญ่
เขาไม่พูด แต่จากสายตาที่แจ่มชัดของเขา บอกได้เลยว่าคนผู้นี้ จะไม่ยอมแพ้กับความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้ แม้แต่จะคุกคามเขาด้วยความตายก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะคนที่ไม่กลัวตาย ร่างที่ใหญ่โตนั้นอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เมื่อเขาเห็นบุรุษที่ร่างเปื้อนเลือดผู้นี้ ความละอายกลับกลายเป็นความโกรธเต็มที่
คนร่างใหญ่คำรามเต็มที่จนแผ่นดินสั่นสะเทือน
ในมือของคนร่างใหญ่มีโล่สลักลวดลายสิงโต เมื่อเขาชูโล่ขึ้น, มันเปล่งรังสีเย็นทันที สิงโตสีทองกระโดดออกมาจากลำแสงและกระโจนใส่บุรุษชุดเปื้อนเลือดทันที
เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง มันอ้าปากกว้างแล้วกัดทันที
บุรุษร่างเปื้อนเลือดหลับตาลงช้าๆ เขาไม่พยายหลบหนี เพราะเขารู้ว่าพลังในปัจจุบันของเขาดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหน อย่างมากพวกเขาก็ทำได้แค่ทำลายร่างกายเขา
พวกเขาไม่มีทางทำลายปณิธานของเขาได้
แควก…
เลือดสาดกระเซ็น แขนของเขาชุ่มเลือดไปหมดเพราะถูกสิงโตทองกัด เลือดกระเซ็นกระจายไปในอากาศ
บุรุษผู้มีร่างเปื้อนเลือดยังคงอดทนต่อไปด้วยปณิธานของเขา เขาไม่ยอมขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นจากหน้าผากของเขาเพราะความเจ็บปวด
“เตียวเตียว เจ้าโง่หรือเปล่า? เจ้าจะจงรักภักดีต่อราชตระกูลเผ่าพันธุ์ทะเลไปอีกนานเพียงไหน? เนื่องจากผู้อาวุโสตระกูลเจ้าอ้ายซื่อก็ตายไปแล้ว, เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของเจ้ากลายเป็นข้าราชบริพารของราชตระกูลและเป็นของเล่นให้เขาใช้งาน” บุรุษร่างใหญ่คำรามใส่บุรุษที่ร่างเปื้อนเลือด “ตอนนี้ เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของพวกเจ้ามีโอกาสได้รับอิสระ แต่เจ้าก็ยังดื้อรั้นยืนกรานจงรักภักดีต่อนางแม่มดราชินีแมงกะพรุน เจ้ามัวแต่เลียเท้านางจนสมองของเจ้าหายไปหมดหรือไง? เจ้าจะได้อะไรจากการจงรักภักดีนาง? นางให้เสรีภาพเจ้าหรือเปล่า? พวกเจ้าจะต้องเป็นทาสตลอดไป เอากุญแจจันทราเงินมาให้ข้า ความใจอ่อนของเจ้าทำให้ต้องเป็นทาสมาพันๆ ปี ตระกูลของเจ้าจะต้องพินาศแน่ แค่เอากุญแจจันทราเงินมาให้ข้า มอบมาให้ข้าเสียดีๆ”
“ท่านจ้าวมังกรสมุทร ท่านไม่เคยเข้าใจราชินี…” บุรุษร่างเปื้อนเลือดชื่อเตียวเตียวยังพูดไม่จบ เมื่อสิงโตทองพุ่งโจมตีเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้มันงับแขนเตียวเตียวอีกข้างหนึ่ง
จ้าวมังกรสมุทรยกมือขวาของเขาและเรียกแมลงกินเนื้อออกมาฝูงหนึ่ง พวกมันคลานเข้าหาทาสเผ่าปลาการ์ตูนที่กำลังหวาดกลัวและร้องอย่างสิ้นหวัง จากนั้นชอนไชเข้าไปในร่างของพวกเขา พวกมันเริ่มกินร่างพวกเขาช้าๆ
จ้าวมังกรสมุทรก้มหน้ามองเตียวเตียวด้วยสายตาสยบขวัญ “นี่ คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่ไหม? การต่อต้านข้า ผลลงเอยจะทำให้เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของเจ้าถูกกำจัดทั้งหมด”
สายตาเตียวเตียวยังคงมุ่งมั่นกว่าเดิม “การเสียสละทั้งหมดคุ้มค่า ท่านไม่เข้าใจความหมายการเสียสละของพวกเรา…”
จ้าวมังกรสมุทรไม่รอให้เตียวเตียวพูดจบ เขาคว้าเตียวเตียวขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยวจากนั้นกระแทกร่างของเขาลงกับพื้น
นอกจากนี้เขายังเตะร่างเตียวเตียวอย่างแรงจนซี่โครงหักและเขากระอักโลหิตออกมาสองกอง
“นี่คือความภาคภูมิใจของเผ่าเราทุกคน เส้นทางสำหรับจักรพรรดิสมุทรใหม่จำเป็นต้องเสียสละเลือดของคนสองสามคนอยู่แล้ว” เตียวเตียวพึมพำก่อนที่เขาจะตาย แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดมากและดูเหมือนเขาแทบไม่เหลือสติอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข
“ตาย!” จ้าวมังกรสมุทรย่ำกะโหลกของเตียวเตียวด้วยความโมโห จากนั้นจึงให้ฆ่ามนุษย์ปลาการ์ตูนทั้งหมด
ในที่สุดความโกรธของเขาก็ไม่อาจบรรเทาลงได้ เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าส่งเสียงคำรามก้อง
เสียงคำรามของเขากึกก้องไปทั้งตำหนักสมุทรอย่างต่อเนื่อง
ถึงเวลานี้ มีมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนซึ่งมีร่างกายสั่นเทิ้มคนหนึ่ง เขาเพิ่งก้าวเข้ามาในสมาคมนักรบของหอทงเทียน เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับมารยาทของทาส เขาคำนับให้พนักงานต้อนรับของสมาคม และขอร้องอย่างสุภาพ “ท่านได้โปรดช่วยส่งจดหมายลับสุดยอดได้ไหม? ขอเป็นประเภทที่คนอื่นมิอาจเปิดออกได้นอกจากผู้รับ”
พนักงานต้อนรับของสมาคมพยักหน้าขึงขัง “ส่งจดหมายลับ ค่าธรรมเนียม หนึ่งพันเหรียญทอง ข้าขอถามเจ้าจะให้ข้าส่งให้ใคร?”
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนสั่นศีรษะอย่างละอายใจ “ข้าไม่มีเงิน แต่ข้าขอให้ท่านรับค่าธรรมจากผู้รับปลายทางได้ไหม? ผู้รับจดหมายจะจ่ายให้ท่านแน่นอน!”
พนักงานต้อนรับส่ายศีรษะ “สมาคมนักรบไม่มีสัญญาการชำระเงินดังกล่าว เจ้าบอกมาก่อนว่าใครจะเป็นผู้รับจดหมายนั้น?”
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนไม่ตอบ เขาล้วงจดหมายที่เขาเตรียมไว้ออกมาและมันถูกผนึกไว้ก่อนแล้ว เขาทูนจดหมายไว้เหนือศีรษะ เมื่อทาสส่งรายงานให้เจ้านายของเขาและส่งมอบให้พนักงานต้อนรับ เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นชื่อของผู้รับจดหมาย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที โดยไม่มีการเสียเวลา เขาคุกเข่าลงและน้อมรับจดหมายไว้ “สมาคมนักรบไม่เคยส่งจดหมายโดยมิได้รับเงินมาก่อน ถ้าผู้รับเป็นท่านผู้นี้ ข้า ข้าจะช่วยเจ้าชำระเงินไปก่อน ขอถาม เจ้ามีคำพูดใดจะส่งไปให้ท่านผู้รับจดหมายหรือไม่?”
“ผู้ต่ำต้อยเป็นเพียงส่งความปรารถนาแทนผู้เป็นนายเท่านั้น ตัวข้าเองไม่มีอะไรจะบอกไปให้ผู้รับ” มนุษย์ปลาการ์ตูนล้วงกุญแจจันทราเงินที่ส่องแสงสว่างออกมาอีกดอก และส่งให้พนักงานต้อนรับที่กลัวที่จะรับจดหมาย “ความปรารถนาประการที่สองของนายข้าก็คือให้ผู้รับจดหมายปกป้องกุญแจจันทราเงินนี้ชั่วคราว”
เมื่อพนักงานต้อนรับรับกุญแจเงินจันทรา มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนก็คำนับเขาอีก
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนเดินออกมาจากสมาคมนักรบและค่อยๆ นั่งคุกเข่ากับพื้น หมอบคำนับไปทางท้องฟ้าทะเลไร้ขอบเขตสามครั้ง
จากนั้น เขาล้วงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมาและปักเข้าที่หัวใจ… ก่อนที่เขาจะตาย ริมฝีปากของมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนยิ้ม รอยยิ้มของเขาเหมือนกับรอยยิ้มของเตียวเตียวก่อนตาย
ภายในประตูลับในป้อมดาวตก สนามต่อสู้
ฟงจู้หัวเราะดังลั่น “น่าสนใจนัก เราไม่เคยเห็นคนที่น่าสนใจและอสูรที่น่าสนใจมาก่อน”
เย่ว์หยางทำเหมือนกับได้รับเกียรติอย่างจึงตอบกลับ “เช่นเดียวกัน”
เป่ยฟงเจียโส่วเริ่มสนใจด้วยเช่นกันจึงถามขึ้น “สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง? จักรพรรดิอวี้ตายจริงๆ หรือเปล่า?”
“จักรพรรดิอวี้น่ะหรือ? บางที บางที ข้าก็ไม่แน่ใจนัก เขาอาจตายไปแล้วก็ได้” คำตอบของเย่ว์หยางทำให้เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้หัวหมุน
“อย่างนั้นประตูแดนสวรรค์ปิดอย่างแท้จริงหรือไม่ เจ้าได้ยินข่าวจากตำหนักกลางในแดนสวรรค์มาบ้างไหม? เจ้ารู้ไหมว่าใครคือสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้? ใช่เจ้าตำหนักทั้งสี่ที่สังกัดตำหนักกลางหรือไม่?” เป่ยฟงเจียโส่วถาม
“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องประตูแดนสวรรค์มาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ แต่ข้าได้ยินว่ามีเจ้าหน้าที่ของเมืองเฝ้ารักษาอยู่ ดังนั้นข้าไม่กล้ามา ข้าไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเจ้าตำหนัก แต่เมื่อพูดถึงเรื่องตำหนักกลาง ข้าพอรู้จักคนอยู่ไม่กี่คน ก็มีเฮยหู, ชางเหยียน, เยี่ยนจุนและเยี่ยนจง ข้าเคยร่วมกินอาหารค่ำกับพวกเขามาก่อน ทุกคนในพวกนั้นสมควรถูกทุบตี พวกเขาหยิ่งยโสกันทุกคน ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าเฮยหูถูกจับเมื่อเขาแอบไปเที่ยวอาบอบนวดที่บ้านสระสวรรค์ พวกท่านก็รู้เช่นกันว่าปัจจุบันนี้พวกเขาเคร่งครัดเรื่องแบบนี้กัน ก็คงแปลกละถ้าเขาไม่ถูกจับ ข้าเคยเห็นรูปเขาในข่าวครั้งหนึ่ง” เย่ว์หยางพูดเรื่อยเปื่อย
“เฮยหู? ใครกันหว่า เฮยหู?” เป่ยฟงเจียโส่วจำไม่ได้เลยว่ามีคนชื่อนี้ในตำหนักกลางด้วย
“ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักส่วนนอกตำหนักกลาง ในฐานะเจ้าหน้าที่ของประเทศ เขาใช้เงินส่วนรวมไปเที่ยวอาบอบนวด ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราจะทนได้ยังไงกัน” เย่ว์หยางปรับเปลี่ยนสำเนียงแล้วปรบมือฉลอง “โชคดี เฮยหูกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย”
“ซึมเศร้า? ฆ่าตัวตายเหรอ?” เป่ยฟงเจียโส่วพบว่าหลังจากเขาอยู่ที่นี่นานหกพันปี พวกเขากลายเป็นพวกตกข่าวไม่ทันเหตุการณ์โดยสิ้นเชิง
“นี่คือสิ่งที่ทางการแถลงไว้…” เย่ว์หยางชี้ให้เห็นว่า เขาเตรียมจะเปิดเผยความจริงที่สาธารณชนทั่วไปไม่มีโอกาสได้รับรู้
“อย่างนั้นสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้คือใครกัน?” ฟงจู้ยังคงคลางแคลงใจเรื่องของเย่ว์หยาง
“ข้าคิดว่าพวกเขาชื่อหมิงเย่ว์กวง, จิ่วเซียวและซิวคง, ทำไมหรือ? พวกท่านเป็นสหายกันหรือ?” เรื่องราวครึ่งจริงครึ่งเท็จของเย่ว์หยางทำให้เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้เวียนหัวหนักกว่าเดิม แต่นางเซียนหงส์ฟ้ากลับรับฟังอย่างเพลิดเพลินทุกเรื่อง
“เป็นไปได้ยังไง! สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ตะวันตกจะก่อสงครามกับจักรพรรดิอวี้? พวกเขาเคยเป็นทูตนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่รับเชิญจากหอทงเทียนขึ้นสู่แดนสวรรค์ตะวันตก” ฟงจู้แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือ ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่เป่ยฟงเจียโส่วที่เกิดในตำหนักกลางแดนสวรรค์ก็พลอยตกใจไปด้วย ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง เมื่อเย่ว์หยางเห็นสีหน้าของคนทั้งสองแล้ว เขาพออนุมานได้ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่เขากังวล ความจริงเบื้องหลังประวัติศาสตร์หกพันปีที่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
“คุยกันพอแล้ว เราควรจะเข้าไปในคุกอัคนีกันเดี๋ยวนี้!” นางเซียนหงส์ฟ้าฉุดเย่ว์หยางออกไป ถ้าพวกเขายังจะจ้อกันต่อไป ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยอาจจะเสียชีวิตก็ได้
“ใช่แล้ว ถ้าพวกท่านไม่ทำงานของท่านให้ดี ข้าจะต้องตัดเงินเดือนพวกท่าน พวกท่านควรจะป้องกันที่นี้อย่างระมัดระวัง ในอนาคตข้าจะแนะนำสาวงามที่เป็นองครักษ์เหมือนกันให้สักคนหนึ่งก็ได้ นางชื่อหม่าเหวย นางสวยมากทีเดียว แต่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์เล็กน้อย นางเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนท่านทั้งสอง ดังนั้นพวกท่านจะมีบางอย่างที่คล้ายกันไว้คุยกันได้แน่นอน” เย่ว์หยางโบกมือและเดินออกไปพร้อมกับนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย
พวกเขาเข้าไปในคุกหินอัคนี ปล่อยให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้ากันเอง
อย่าว่าแต่เฮยหู ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตำหนักกลางชั้นนอกเลย สาวงามหม่าเหวยคือใครกันแน่?
ยิ่งทั้งสองคนนี้คิดมากขึ้น ก็ยิ่งงงมากขึ้น ขณะที่พวกเขามองดูดวงดาวระยิบระยับเหนือโดมด้านบน ทั้งสองคนหลับตา
ในคุกหินอัคนีมีสองระดับชั้น ระดับที่สูงกว่าจะเต็มไปด้วยรูปปั้นปีศาจที่มองดูน่ากลัวมากมายมองคลับคล้ายวงเวทอักษรรูนเลือนราง ดูเหมือนจะมีคำสั่งแฝงอยู่ แม้ดูเผินๆ จะสับสนวุ่นวาย รูปปั้นปีศาจที่น่ากลัวนั้นมีข้อความกำกับอยู่ เย่ว์หยางที่ได้ความรู้จากมารดาสหายผู้น่าสงสารไปสามารถจำข้อความได้ส่วนหนึ่ง รูปปั้นปีศาจที่ดูน่ากลัวทั้งหมดก็คือข้อมูลของปีศาจโดยเฉพาะ ตามคำบางส่วนที่ระบุไว้ เย่ว์หยางตัดสินได้เลยว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเป็นนักรบจากแดนอเวจี
เมื่อเย่ว์หยางลงไปถึงชั้นล่าง เขาก็ตระหนักได้ว่าราชินีแมงกะพรุนกำลังนอนอยู่กับพื้น
ดูเหมือนว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านางได้รับผลกระทบจากอสูรตัวหนึ่ง นักรบเผ่าทะเลจำนวนหนึ่งกำลังหลับสนิท
เจี๋ยเหว่ยและคนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว พวกเขารวมตัวกันอยู่ในมุมๆ หนึ่ง ขณะที่นาคราชสมุทรเก้าหัวกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าปีศาจโบราณสูงห้าสิบเมตร เขาดูเคร่งและภักดีขณะประกาศความจงรักภักดีของเขา “เยาฟงยินดีสาบานด้วยชีวิต ถ้านายท่านประทานพลังให้กับข้าและยอมรับข้าในฐานะเป็นจักรพรรดิสมุทรคนใหม่ เยาฟงขอสาบานว่าจะภักดีนายท่านตลอดไป”
******************