ตอนที่ 569 กระบี่ดำ ปราสาทหิน
เงินรายได้เป็นปัญหาในทุกๆโลก ทวีปซางโจวรกร้างและล้าหลังมาก ถ้าพวกเขาต้องการทำเงินพวกเขาจำเป็นต้องออกไปหาที่อื่นเพื่อเริ่มต้น
ถังเทียนและพวกไม่ได้ออกมาโดยพิจารณาอย่างรอบคอบ พวกเขายังจำเป็นต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
ทุกๆวันถังเทียนและสหายจะต้องมีการค้นพบใหม่ๆ มีสิ่งแปลกใหม่หลายอย่างในโลกใหม่
ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถีคือสองโลก(จักรวาล) ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีจิตวิญญาณยุทธแต่เป็นสถานที่ร่ำรวยวัสดุเกินกว่าสวรรค์วิถีไปมากมาย สมบัติในสวรรค์วิถีเกิดขึ้นจากระบบ แต่การปรับแต่งอาวุธในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ลึกซึ้งและยาวนานยาวนานกว่าประวัติศาสตร์ของสรรค์วิถีมาก
สองโลกสองระบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ขยายความคิดและมุมมองของกลุ่มอย่างมาก
เสี่ยวเอ้อกลายเป็นผู้ที่งานยุ่งมากที่สุด เขาจำเป็นต้องทดสอบวัสดุต่างๆที่ไม่คุ้นเคยอย่างต่อเนื่อง และจากนั้นค่อยเลือกวัสดุและส่งไปให้เซรีนวิเคราะห์เพิ่มขึ้น
เขาสนใจในการปรับแต่งอาวุธในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ แต่น่าเสียดายที่ความรู้ของเสี่ยวเอ้อแทบจะผิวเผินไปไม่ถึงรากฐาน สำหรับการช่วยเสี่ยวเอ้อแยกวัสดุและทำบทสรุปให้ เสี่ยวอวี่กลายเป็นผู้ช่วยของเขาในแง่มุมนี้เสี่ยวอวี่แสดงให้เห็นพรสวรรค์ที่โดดเด่น
แม้ว่าหลายวันนี้ถังเทียนและคนอื่นๆจะยุ่งกันทั้งวันและทั้งคืนเพราะหินดำในดินแดนแห้งแล้ง ถังเทียนและพวกต้องการเอามาสร้างฐานก่อนที่จะมุ่งหน้าไปต่อ
หมู่บ้านหญ้าแดงเล็กเกินไปจริงๆและความสามารถในการป้องกันของมันอ่อนแอมาก
ถังเทียนและสหายที่เหลือตัดสินใจขยายหมู่บ้านหญ้าแดง และเมื่อไม่มีเงินพวกเขาก็ต้องทำงานด้วยตนเอง
กังวลว่าผู้คนจะรู้ว่าพวกเขามาจากไหนหมู่บ้านหญ้าแดงใหม่มีการตัดสินใจขยายขนาดใหญ่ เพื่อหใทุกคนใช้วิชาจักรกล ปิงตระหนักว่าวิชาจักรกลของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก้าวหน้ามากและเหนือกว่าวิชาจักรกลของกลุ่มดาวกางเขน อาจเป็นไปได้ว่าผู้บัญชาการอาจนำวิชามาจากดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้
สือหย่งช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เขาพบพิมพ์เขียวฐานทัพมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะมีแบบแปลนทั่วไป แต่สำหรับปิงผู้มากประสบการณ์และวิศวกรจักรกลระดับปรมาจารย์เซรีนก็นับว่าพอ
ทั้งสองขยายแผนจากพิมพ์เขียว
สำหรับวัสดุที่ต้องการก็คือหินดำซึ่งมีสำรองอย่างไม่จำกัด หินดำนั้น ไม่ว่าจะเป็นความแข็งหรือการต้านทานต่อพลังงานมีความโดดเด่นมากปัญหาอย่างเดียวที่ยากก็คือการประกอบหินให้มีเนื้ออันเดียวกัน
ถังเทียนถามเสี่ยวอวี่ก่อน แต่เสี่ยวอวี่ไม่รู้ว่าหินดำเรียกว่าอะไรเขารู้แต่ว่ามันหลอมเหลวยาก อย่างไรก็ตามพลังของเขาอ่อนแอเกินไปและรู้เพียงเล็กน้อย ดังนั้นเขาไม่คิดมากในทั่วทวีปซางโจวมีคนแค่เพียงหยิบมือที่หลอมอาวุธได้ เป็นสถานที่แม้แต่นกยังไม่อยากถ่ายอุจจาระ ชาวบ้านหญ้าแดงรู้ว่าหินดำนั้นแข็ง ดังนั้นพวกเขาจึงใช้สร้างบ้าน
เสี่ยวอวี่สงสัยมากว่าจะปรับเปลี่ยนหินดำให้กลมกลืนเป็นหนึ่งได้ยังไง
ในแผนขยายฐานสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเสาขนาดมหึมาหกต้นเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตรและยาว 170เมตรตามที่ปิงและเซรีนร้องขอ เสายักษ์มหึมานี้ต้องใช้โลหะดำเพื่อขึ้นรูปให้เป็นเสา
แก่นหญ้าดาบแดงที่เหนียวและทนทานถูกสานขึ้นรูปทรงกระบอก ภายในเต็มไปด้วยหินดำ ความยาวของแบบ 170เมตรและเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 15 เมตร
เสี่ยวเอ้อดึงเอาถังใส่ของเหลวใสออกมามันคือส่วนผสมที่ห้องวิจัยพลังสายเลือดส่งมาให้เป็นพิเศษ
สำหรับเสี่ยวเอ้อการหลอมหินดำเป็นเรื่องของความพยายามมากกว่าพูดกันเรื่องเสาหินใหญ่ ดังนั้นเมื่อเซรีนและปิงวางแผน เสี่ยวเอ้อก็แทบจะเป็นบ้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาต้องเค้นสมองหาบันทึกที่ผู้อาวุโสกุ่ยอู๋ทิ้งเอาไว้เพื่อหาแนวความคิด
สามารถปรับสร้างลูกปัดข่มวิญญาณได้แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานอันสูงส่งในการสร้างสมบัติวิญญาณของผู้อาวุโสกุ่ยอู๋และอาจจัดได้ว่าเป็นความสำเร็จระดับสูงมาก ผู้อาวุโสกุ่ยอู๋เป็นเซียนพลังสายเลือด ดังนั้นเขารู้เรื่องวิธีการนอกสารบบต่างๆ มากมายและเสี่ยวเอ้อมั่นใจพอว่าจะพบความคิดที่เป็นไปได้
โลหะหลายอย่างทนไฟ แต่ไม่ใช่การกัดกร่อนของพลังสายเลือด
เขาส่งหินดำไปให้ห้องวิจัยพลังสายเลือดตะกร้าหนึ่งและทิ้งข้อความสำทับไว้ว่า ‘เร่งด่วน’ เสี่ยวเอ้อปล่อยมือและไม่สนใจแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินคำว่า‘เร่งด่วน’ โดยไม่พูดอะไรเขารวบรวมนักวิชาการพลังสายเลือดฝีมือดีมาช่วยแก้ปัญหา แม้ว่าเสี่ยวเอ้อจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรับแต่งสมบัติจิตวิญญาณ แต่ความเข้าใจพลังสายเลือดของเขายังอ่อนเมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญพลังงานสายเลือด ถ้าเขาเอาแต่คลำทางอยู่ในความมืด ก็คงต้องใช้เวลานาน แต่ด้วยความละเอียดของผู้อาวุโสกุ่ยอู๋ ผู้เฒ่าเฟ่ยและพวกพ้องก็พบพลังสายเลือดที่เหมาะสมโดยเร็ว
น้ำสลายความทนคือพิษอ่อนประเภทหนึ่งและเป็นผลงานค้นคว้าของคุณนายมู่ ความรุนแรงของพิษนั้นมีน้อยมาก แต่เป็นของเหลวที่มีผลดีที่สุดในการละลายหินดำ
เสี่ยวเอ้อถือขวดฉีดน้ำสีเงินซึ่งมีรูปทรงพิเศษเฉพาะแบบหางปลาทั้งสองพันรอบกันเอง ปากของปลาทั้งสองนั้นก็คือปากขวดนั่นเอง แต่ละปากยื่นออกไปคนละด้าน
สมบัติชั้นเงินของกลุ่มดาวมีน(ปลา) ‘ขวดฉีดดาวมีน’!
หลังได้สมบัติแปลกประหลาดนี้มา ถังเทียนไม่เคยรู้ว่ามันใช้งานยังไงหรือว่าเอาไว้ฉีดอาบน้ำหลังการต่อสู้?
แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้เรียนรู้ว่ามันใช้เพื่ออะไร ขวดฉีดน้ำดาวมีนคือสมบัติที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
เป็นสิ่งที่ใช้ควบคุมของเหลวได้ดีมากเหมาะกับนักวิชาการพลังสายเลือด และยังเหมาะกับคนครัวมืออาชีพ, นักชงชา, คนทำสวนถ้าจะใช้ในการสู้รบเหมาะกับนักสู้สายธาตุน้ำไว้สร้างภาพลวงตา
แต่เสี่ยวเอ้อเอามาใช้สร้างปรับแต่งด้วยวิธีการนอกสารบบ จึงเป็นของที่เหมาะสมกับการใช้อย่างยิ่ง
เสี่ยวเอ้อมีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังมากขณะที่ผลักปากขวดฉีดน้ำดาวมีนในมือ ชี่.. น้ำสลายความทนเริ่มสั่นสะเทือนกลายเป็นละอองแทรกซึมเข้าไปในเสาที่สานด้วยหญ้าดาบแดง
พลังของขวดฉีดน้ำดาวมีจึงเป็นที่เห็นประจักษ์ ถ้าเสี่ยวเอ้อควบคุมน้ำยาสลายความทนด้วยตัวเอง ละอองที่เกิดขึ้นจะมีน้อยมาก ส่วนละอองที่ซึมซาบเข้าไป เขาไม่กล้าคิดว่าจะเป็นยังไง
ตอนนี้มันงดงามสมบูรณ์แบบ
เสี่ยวอวี่มองดูขวดฉีดน้ำดาวมีนในมือของเสี่ยวเอ้อด้วยความอยากรู้ ขวดฉีดสีเงินเป็นประกายงดงามและทรงพลัง
หินดำละลายอย่างรวดเร็วในสภาพที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า มันเริ่มเกาะตัวเข้าด้วยกัน และน้ำยาสลายความทนก็ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อหญ้าดาบแดง
หลังจากผ่านไป20 นาที เสาหินดำขนาดมหึมาก็สร้างเสร็จ
ถังเทียนและพวกเริ่มรื้อหญ้าสานชั้นนอกออก ผิวของเสาหินเต็มไปด้วยลวดลายภายในจากลายหญ้าแดง
เสี่ยวเอ้อขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ารอยหญ้าดาบแดงบนผิวของเสาดำดูเกะกะและน่าเกลียด แต่เขารู้ว่าการใช้ไฟปรับแต่งเสาหินดำนั้นเกินความสามารถของเขาไปมาก
เชือกหนาผูกติดกับเสาหินดำ
“พวกเจ้าพร้อมกันหรือยัง?พวกเจ้าที่เหลือไม่ต้องช่วยนะ หลีกทาง!”
ถังเทียนลงมาจากฟ้าเขาดึงปลายเชือกหนาด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งผูกเข้ากับเสาหิน ใกล้ๆ เขาปิงคอยควบคุมพยัคฆ์ฟ้าจิ่งหาวและหลิงซิ่วดึงเชือกคนเส้น
เสาหินดำมีความหนาและหนัก น้ำหนักของเสาหินดำนั้นเกินคาดคำนวณ แม้ว่าถังเทียนจะแข็งแกร่งมากก็ไม่สามารถขยับเสาหินด้วยตนเองได้
“เฮ้, ทุกคนข้างล่างหลีกทางคอยระวังความปลอดภัยของพวกเจ้าเอง!”
“หนึ่ง..... สอง...สาม!”
ถังเทียนตะโกนเตรียมการเชือกที่หนาและแข็งเหยียดตรง เสาหินดำเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตรและยาว 170 เมตรค่อยๆ ตั้งตรง ชาวบ้านรอบๆ มองดูด้วยความสงสัยและตกตะลึงเมื่อเห็นเสาหินปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แม้ว่าจะเต็มไปด้วยลวดลายเหมือนเถาวัลย์ แต่เมื่อสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาตะลึงไปโดยสิ้นเชิง
“พอแล้ว ตรงแล้ว มันตรงแล้ว!” ถังเทียนตะโกน
“รำคาญโว้ย! ผีที่ไหนก็รู้ว่ามันตรงทั้งนั้น”หลิงซิ่วพูดอย่างหงุดหงิด
พวกเขาทุกคนเป็นยอดฝีมือในเรื่องพลังควบคุม ระดับความแม่นยำและสมดุล เป็นสัญชาตญาณพื้นฐานอยู่แล้ว
ถังเทียนไม่โกรธ เขาหัวเราะลั่น ตะโกนโหวกเหวกอยู่ด้านบน “พวกเจ้าพร้อมไหม?”
มีคนไม่กี่คนเอาค้อนใหญ่ออกมา กับค้อนบรอนซ์ในมือพยัคฆ์ฟ้าที่ปิงควบคุมนั้นดูน่ากลัวที่สุด มันอยู่สูงขณะที่พยัคฆ์ฟ้าเอาออกมาใครก็ตามที่มองเห็นต่างรู้สึกเย็นยะเยือก
“เริ่มได้!”
ถังเทียนตะโกนร่างสองสามร่างไวเหมือนสายฟ้า พวกเขารวมพลังกัน ค้อนยักษ์ตอกเข้าบนยอดเสาหินพร้อมกัน
ปัง!
เสียงดังจนชาวบ้านรู้สึกแสบแก้วหูและเสาหินจมลงไป
ปัง ปัง ปัง!
เสาหินดำจมลงทีละนิดๆเหมือนตะปูที่ถูกตอกไม่หยุด ฉากภาพที่น่าแตกตื่น ทำให้ชาวบ้านที่เห็นอยู่ปากอ้าตาอ้างไปตามๆ กัน
เสาหินดำจมลึกลงไป 30เมตรก่อนจะหยุดนิ่ง ทุกคนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเป็นเรื่องที่ต้องใช้แรงงานกันหนัก และไม่ใช่สิ่งที่เซียนทั่วไปจะสามารถทำได้
เสาหินทั้งหกสร้างเป็นรูปหกเหลี่ยม ถังเทียนและสหายนั่งอยู่กับพื้นหมดเรี่ยวหมดแรง ทุกคนตัวเปียกโชกมองดูเหมือนเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
ชาวบ้านที่อาเฮ่อจัดกลุ่มให้เริ่มต้นทำงาน ก้านหญ้าดาบแดงที่ผูกเข้าด้วยกันและสานอยู่รอบเสาหินดำพืดสองชั้นเหมือนรั้วตอนนี้ล้อมรอบได้ทั้งหมู่บ้าน
ชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งเริ่มเทหินดำลงในแม่พิมพ์หญ้าสานหินดำเข้าไปกองรวมกันอย่างต่อเนื่อง ได้ความสูง 120 เมตรก่อนที่จะหยุดพื้นแผ่คลุมไปด้วยชั้นหินดำ
เสี่ยวเอ้อเริ่มฉีดน้ำยาสลายความทนพื้นและหินดำในแม่แบบพิมพ์หญ้าสานละลายเป็นเนื้อเดียวกันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นบนยอดเสาหินดำทั้งหกก็ยังมีการสานหญ้าเป็นลวดลาย บนยอดเสาหินดำทุกคนจะเป็นยอดแหลมหกเหลี่ยมคมคล้ายดาบสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
*******************************
“ตรงไปข้างหน้าก็เป็นหมู่บ้านหญ้าแดง ท่านเหมิ่งหนานกำลังพักชั่วคราวที่นั่น”หวังจุนเซียนแนะนำด้วยความเคารพ
ด้านข้างเขาเป็นบุรุษคนหนึ่งดูอารมณ์ไม่ดีสีหน้าเย็นชา เขาสวมเกราะเต็มทั้งร่าง นัยน์ตาแคบเรียวยาวเป็นประกายเย็นชาผู้คุ้มกันที่เดินทางมากับเขามีพลังปราณแท้พลุกพล่าน ราศีของพวกเขาสง่างาม
“ข้าต้องการเห็นว่าเขามาจากไหน!” สือเซินพูดเย็นชา เขาชำเลืองมองดูหวังจุนเซียน “ตอนนั้นถ้าแม่ทัพหวังพยายามหาข้ออ้างอื่น อย่ามาว่าข้าโหดร้ายไม่ได้นะ”
“จุนเซียนมิกล้า!” หวังจุนเซียนรู้สึกขมขื่นใจ บุรุษที่อยู่ต่อหน้าเขามาจากที่ซึ่งมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ เขาไม่กล้าปฏิเสธเรื่องคนเถื่อนที่ชื่อว่าเหมิ่งหนาน เขาต้องการใช้เขาเป็นโล่
สือเซินไม่มองดูหวังจุนเซียน เขากล่าว “แม่ทัพหวังไม่อาจถูกตำหนิได้เช่นกันคลื่นน้ำเงินครั้งนี้ทำลายสะพานโป๊ะกินพื้นที่ 200 ลี้ของทะเลแสงตราบใดสะพานโป๊ะไม่ได้รับการซ่อมแซม การสูญเสียจะน่าตกใจ นั่นคือสาเหตุที่นายท่านสั่งให้เกณฑ์ชาวบ้านตอนนี้ข้าขาดแคลนคนสองแสนคน แม่ทัพหวังคงไม่สร้างเรื่องยุ่งยากกับข้า”
“ขอรับ ขอรับ ขอรับ” หวังจุนเซียนพยักหน้า
สือเซินหัวเราะ “ทวีปซางโจวยากจนมาก แม่ทัพหวัง เจ้าลำบากมาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ถ้าสะพานโป๊ะซ่อมแซมเสร็จทันเวลา นั่นจะเป็นการรับใช้ครั้งใหญ่ และข้าจะรายงานกลับไปที่นายท่านแน่นอนขอให้ยอมรับสถานะบางอย่างของแม่ทัพหวัง ทวีปดาวไพศาลของข้าในภูมิภาคใต้ทั้งหมดมีเมืองการค้าที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ในเรื่องความเจริญรุ่งเรืองนั้น แม่ทัพหวังเจ้าจะพบเห็นได้ด้วยตัวเองฮ่าฮ่า”
หวังจุนเซียนลอบถอนหายใจเขาอดยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณท่านสือที่ช่วยสนับสนุนข้า!”
จากประวัติศาสตร์สะพานโป๊ะในทะเลแสงมักสร้างขึ้นจากชีวิตผู้คนทุกครั้งที่มันถูกสร้างจะมีชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มารอดตายเพียงหนึ่งในสิบเท่านั้น ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เกณฑ์คนจากทวีปดาวมหาศาล แต่กลับวิ่งมาที่ทวีปซางโจว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สนใจชีวิตของประชาชนชาวทวีปซางโจว
หวังจุนเซียนเกิดอยู่ในท้องถิ่น ทุกคนคือเพื่อนสหายและครอบครัวเขาจะทนส่งพวกเขาไปตายได้ยังไง
แต่ถ้าเขาปฏิเสธ...ทวีปซางโจวจะกลายเป็นแม่น้ำเลือด
ความขมขื่นในปากของหวังจุนเซียนยิ่งมากขึ้น เขามองดูสือหย่ง ความหวังของเขาตอนนี้ฝากไว้กับนายท่านเหมิ่งหนาน
ทันใดนั้นฝีเท้าของสือเซินข้างๆเขาเบาลง ลมหายใจของเขาสับสน
หวังจุนเซียนรู้สึกตัวทันที เขารีบเงยหน้าดู เมื่อเขาเห็นฉากภาพข้างหน้าชัดเจนม่านตาเขาขยายออกโดยไม่รู้ตัว