ตอนที่ 39 ภัยคุกคามที่แฝงตัวและบ้านหลังใหม่
แม้ว่าฟุงาคุจะโกรธมากกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมีถึง 7 ตระกูลที่ทรยศต่อหมู่บ้าน การฆ่าพวกเขาก็ไม่ใช่ทางเลือกเพราะหมู่บ้านจะสูญเสียคนไปจำนวนมากเช่นกัน และไม่ใช่ว่าทุกคนจากตระกูลเหล่านี้จะมีความผิด
สุดท้ายแล้ว ผู้ที่อยู่เบื้องล่างก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของผู้ที่อยู่เหนือพวกเขาเท่านั้น มีเพียงคนโหดเหี้ยมที่มีศีลธรรมอันบิดเบี้ยวอย่างฮิรุเซ็นและสภาชุดที่แล้วเท่านั้นที่สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์รวมถึงเด็กๆที่ยังคงหลับใหลในตอนกลางคืน
ไม่ต้องพูดถึงผลที่ตามมาต่อตัวเขาในการสั่งสังหารหมู่ครั้งใหญ่ และทำให้ตำแหน่งของเขาในฐานะโฮคาเงะจะสั่นคลอน นอกจากนี้ยังรวมถึงขวัญกำลังใจของคนในหมู่บ้านที่จะตกต่ำลงอย่างมาก ซึ่งมันจะก่อให้เกิดปัญหามากมายกับไดเมียวแห่งแคว้นแห่งไฟ
โคฮารุและโฮมูระ จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองเข้าใจในเรื่องทั้งหมดนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงแสดงความกล้าหาญในสถานการณ์แบบนี้ หากมีเพียงสองตระกูลของพวกเขา สถานการณ์จะแตกต่างออกไปทันที
แน่นอนว่าจากทั้งหมดที่กล่าวมา ฟุงาคุคงเป็นคนโง่หากเขาปล่อยให้พวกเขาจากไปโดยไม่มีอะไรแลกเปลี่ยน พวกเขาจำเป็นต้องหาวิชานินจาลับของตระกูลนั้นทั้งหมดรวมถึง 70% ของทรัพย์สมบัติของพวกเขา และห้ามไม่ให้ย้ายถิ่นฐานไปพื้นที่บนแคว้นแห่งไฟ พวกเขาต้องไปที่อื่นเท่านั้น
หากไม่เป็นไปตามข้อกำหนด การสังหารหมู่จะเริ่มขึ้นและไม่มีการเจรจาในเรื่องนี้ นี่คือทัศนคติของโฮคาเงะที่แน่วแน่ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นภายใต้การปกครองของฮิรุเซ็นเขาก็จะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และปล่อยพวกเขาไปโดยไม่มีการลงโทษใดๆ พร้อมกับพูดว่าฉันแค่ต้องการความสงบเหมือนคนงี่เง่า
เมื่อทั้ง 7 ตระกูลจากไป ข่าวเกี่ยวกับการออกจากหมู่บ้านก็แพร่กระจายไปทั่วโคโนฮะราวกับไฟป่าที่มีคนจงใจให้เกิดขึ้น... สิ่งนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ และบางคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ดีนัก ก็จะคิดแค่ว่าหมู่บ้านแห่งมีการป้องกันที่ดีอยู่แล้ว
แน่นอน นี่ไม่ใช่สิ่งที่รอดพ้นสายตาของผู้มีอำนาจระดับสูง พวกเขาต้องพยายามทำให้พลเรือนสงบลง ชิคาคุจึงคิดกลยุทธ์ง่ายๆ และประโยคหนึ่งก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว 'หมู่บ้านที่ได้สูญเสียคนตายไป ถึงเวลาที่มันจะถูกทำให้ดีขึ้น'
เมื่อผู้คนได้ยินเรื่องนี้ แม้ว่าบางคนยังคงหวาดกลัว แต่พวกเขาเริ่มมีความหวังที่หมู่บ้านของพวกเขาจะเติบโตเป็นสถานที่ที่ดีขึ้น...
ในขณะเดียวกัน ภายในห้องประชุม มีเพียง ฟุงาคุ, ชิคาคุ, และฮิรุเซ็นเท่านั้นที่ยังอยู่ในห้อง ขณะที่ฟุงาคุพูดเสริมผู้บัญชาการโจนินของเขา "ชิคาคุนั่นเป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้แทนที่พวกชาวบ้านจะกลัว พวกเขากลับมามีความหวัง!อีกครั้ง"
ฮิรุเซ็นพยักหน้าเห็นด้วยและเสริมว่า "จริงๆ แล้วชิคาคุนั้นไว้ใจได้เสมอเมื่อพูดถึงกลยุทธ์"
ชิคาคุแค่ยักไหล่ "อืม นั่นก็แค่งานของฉันน่ะ" ทำให้อีกสองคนยิ้ม แล้วฟุงาคุก็พูด "ดูเหมือนว่าแม้ทั้ง 7 ตระกูลนั้นจะออกจากหมู่บ้านไปแล้ว พวกเขาก็ยังมีอิทธิพลอยู่บ้าง ฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆตั้งแต่ข่าวลือนั่นถูกแพร่ไปในหมู่บ้านแล้ว"
ครั้งนี้ชิคาคุพยักหน้าอย่างจริงจัง "ฉันเห็นด้วย ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่เราไม่รู้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้อาวุโสที่ระมัดระวังตัวขนาดนั้นจะออกจากไปโคโนฮะไป และยังรวมถึงตระกูลเหล่านั้นติดตามพวกเขาไปอีก ซึ่งบางคนยังคงทำงานเป็นสายลับ แสดงว่ามีบางอย่างที่อาจทำให้ทั้งตระกูลนั้นย้ายตามไปก็ได้ นอกจากนี้การที่พวกเขาตกลงกับเงื่อนไขที่เข้มงวดของคุณอย่างง่ายดาย ราวกับว่า….”
ฟุงาคุพูดในขณะที่ดวงตาของเขาเริ่มส่องแสงที่น่ากลัว "ราวกับว่าพวกเขาคิดว่าจะได้มันกลับคืนมาในไม่ช้านี้"
ฮิรุเซ็นขมวดคิ้วกับทฤษฎีที่น่ากลัวนี้และพูดว่า "แล้ว อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น"?
ชิคาคุพูดคำเดียวว่า "ดันโซ..." และทั้งสองคนก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว
'ชายสวมหน้ากากกำลังเคลื่อนไหวอีกครั้งโดยที่เราไม่รู้ตัว' ทั้งสามคนคิดในขณะที่พวกเขาเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคต
'ดูเหมือนว่าฉันจะต้องใช้พลังของชิซุยให้เร็วขึ้นสินะ' ฟุงาคุคิดในขณะที่แผนการเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา...
--------------------------------------
ขณะที่บาโคริโอะกำลังเดินทางไปที่ตระกูลอุจิวะแห่งใหม่พร้อมกับมิโคโตะและฮิมาวาริที่เริ่มเป็นเพื่อนกันโดยใช้บาโคริโอะเป็นจุดสนใจร่วมกัน... เราได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องการจากไปของทั้ง 7 ตระกูลซึ่งทำให้ทั้งสองคนกังวล และทำให้บาโคริโอะคิดว่า 'คนขี้ขลาดไร้ผู้นำพวกนั้นจะทำอะไรแบบนั้นไม่ได้แน่นอน มีเพียงโอบิโตะเท่านั้นที่โน้มน้าวพวกเขาให้ทำแบบนั้นได้ เพราะไม่มีใครสามารถแทรกซึมเข้าไปในหมู่บ้านได้เหมือนเขาอีก'
'มาดูกันว่าฟุงาคุตัดสินใจทำอะไร มิฉะนั้น ฉันคงต้องขอให้มุไกไปหาพวกเขาและกำจัดคู่ต่อสู้หลักออกไป หรืออย่างน้อยก็ส่งชิซุยไปควบคุมโคฮารุหรือโฮมูระเพื่อให้พวกเขาเป็นสายลับแทน' บาโคริโอะคิดว่าไม่น่าเป็นแบบนั้น เมื่อรู้ว่าความคิดอีกอย่างของเขาเหมือนกับฟุงาคุและตอนนี้เขากำลังวางแผนว่าจะส่งใครไปพร้อมกับชิซุยในภารกิจนี้
เมื่อเราใกล้จะถึงหมู่บ้านอุจิวะแล้ว ฮิมาวาริก็ได้ขอตัวกลับ โดยบอกลาบาโคริโอและขอให้ไปเยี่ยมและเล่นกับฮินาตะเป็นบางครั้ง
สำหรับพื้นที่ใหม่นี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่านี่เป็นหนึ่งในตระกูลผู้ดีของโคโนฮะที่มีการออกแบบที่ดีกว่าและคุณภาพของโครงสร้าง โลโก้ของอุจิวะเองก็ถูกวาดไว้ทุกที่ราวกับว่าคนข้างในจะลืมว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน 'ยังหัวโบราณเหมือนเดิมเลย ฮะๆ' บาโคริโอะคิด
มิโคโตะพาบาโคริโอะไปที่หน้าบ้านหลังใหญ่โดยบอกว่านี่คือบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ตอนนี้ ก่อนที่เธอจะชี้ไปที่บ้านที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดว่า "บ้านของบาโคริโอะคุงจะอยู่ตรงหน้าเรา เพราะเหตุนี้เธอสามารถมาหาพวกเราทุกคนได้ทุกเวลาที่ต้องการ"
บาโคริโอะประหลาดใจกับบ้านอันหรูหราที่เขาได้รับและถามด้วยความสงสัยว่า "นี่เป็นความคิดของคุณงั้นเหรอ"?
มิโคโตะยิ้มอย่างสดใสและพูดอย่างภาคภูมิใจ "แน่นอน ฉันรู้ว่าบาโคริโอะคุงชอบรักษาความเป็นส่วนตัวและไม่ยอมอาศัยอยู่กับพวกเราแน่ ฉันใช้เวลา 5 วันเพื่อขอให้ฟุงาคุหาสถานที่ใกล้ๆเพื่อให้เธอมีบ้านที่อยู่ใกล้กับพวกเราที่สุด"
บาโคริโอะยิ้มตอบผู้หญิงคนนี้ที่ทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นเสมอ และพยายามทำความเข้าใจก่อนจะพูดว่า "ขอบคุณมากครับ แล้วผมจะไปหาบ่อยๆ"
เมื่อได้รับรอยยิ้มที่อบอุ่นใจกลับมา บาโคริโอะจึงบอกว่า "ผมขอเข้าไปดูบ้านก่อนนะ แล้วเที่ยงๆจะแวะเข้าไปครับ"
เธอมอบกุญแจบ้านให้บาโคริโอะและพูดว่า "โอเค พวกเราจะรอเธอนะ"
บาโคริโอะเริ่มตรวจสอบบ้านของเขาซึ่งมันก็ใหญ่ขึ้นจริงๆ มันเป็นบ้านสองชั้นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีสวนด้านหน้าขนาดเล็กและสวนขนาดใหญ่ด้านหลังพร้อมสระน้ำภายในที่มีกระบอกไม้ไผ่ตวงน้ำอยู่ในบ่อ และมันจะตกลงเมื่อน้ำที่อยู่ปลายกระบอกไม้ไผ่อีกฝั่งเต็ม ทำให้เกิดเสียงวนซ้ำไปซ้ำมา
เดิมทีอุปกรณ์นี้มีไว้เพื่อทำให้สัตว์กินพืชทุกชนิดตกใจ เช่น กวางหรือหมูป่าซึ่งอาจกินหญ้าบนต้นไม้ในสวน แต่ตอนนี้อุปกรณ์เหล่านี้ใช้เพื่อความสวยงามเป็นหลัก
ขอให้ภายในบ้านหลังนี้ดูดีเหมือนภายนอกเถอะนะ...