ตอนที่ 17-21 ผู้อาวุโสอันดับหนึ่ง
ภายในส่วนลึกของหุบเขาอ่างโลหิตที่เงียบสงบและมัวหม่น
ร่างมนุษย์สามร่างบินลงมาที่พื้นด้วยความเร็วสูง
ลินลี่ย์ตรวจสอบสภาพรอบด้านของเขา หุบเขาอ่างโลหิตมีประชากรเบาบาง ขณะที่เขามองดูข้างหน้า สิ่งเดียวที่เขาเห็นได้ชัดก็คืออนุสาวรีย์หลักหิน สำหรับอาคารก่อสร้างอื่นเมื่อมองผ่านหมอก ไม่อาจเห็นได้ชัดเจน
“มีทหารของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มากมายอยู่เหนือหุบเขา แต่กลับมีคนน้อยมากอยู่ภายในหุบเขาอ่างโลหิต นั่นก็สมเหตุผลแล้ว ที่สำคัญทุกคนในที่นี้อย่างน้อยต้องเป็นอสูรหกดาว” ลินลี่ย์ยังคงตรวจสอบหุบเขาอ่างโลหิตอย่างระมัดระวัง ขณะที่เอ็มมานูเอลกับฟอร์ลันเดินก้าวเท้ายาวไปข้างหน้า
ขณะที่พวกเขาเดินห่างออกไป เอ็มมานูเอลหันหน้ามองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! เจ้าไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อนใช่ไหม?”
“ไม่, ข้าไม่เคยมาที่นี่เลย” ลินลี่ย์ไม่คิดมองเอ็มมานูเอลในแง่ดีแม้แต่น้อย
“วิ้วววว” ทันใดนั้นสายลมเย็นเริ่มพัดโหยหวน ลินลี่ย์รู้สึกว่าร่างของเขาเย็นและตกใจอย่างช่วยไม่ได้ “สายลมในหุบเขาอ่างโลหิตเยือกเย็นยิ่งนัก”
ฟอร์ลันอดหัวเราะไม่ได้ “ลินลี่ย์! หุบเขาอ่างโลหิตอยู่ในใจกลางเทือกเขาสกายไรท์และเป็นตำแหน่งที่หนาวเหน็บมาก ลมเย็นภายในหุบเขาสามารถทำให้เทพแท้ที่มาที่นี่ถูกแช่แข็งได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับลินลี่ย์เจ้า ลมหนาวนี้ไม่มีผลอะไรมากอยู่แล้ว”
“ผู้อาวุโสฟอร์ลัน เราไปกันต่อเถอะ”
ลินลี่ย์ไม่อยากถูกสองพ่อลูกข้างหน้าเขาชวนคุยมากนัก เขาเดินลึกเข้าไปในหุบเขาทันที มีก้อนศิลากลมอยู่มากอยู่ในหุบเขาอ่างโลหิตและมีพงหญ้าบางส่วนให้เห็น อย่างไรก็ตามในใจกลางพื้นที่เป็นถนนปูด้วยศิลาอย่างประณีต
ข้างหน้าหุบเขาอ่างโลหิต ข้างถนนด้านหนึ่งจะมีหลักหินขนาดมหึมา
หลักหินเต็มไปด้วยตัวหนังสือสีแดงเข้มที่ถูกสลักลึกลงไปคล้ายกับรูปหงส์ร่อนมังกรรำ ทั้งสองคำเขียนไว้ว่า ‘อ่างโลหิต’ ลินลี่ย์เมื่อเห็นตัวหนังสือแล้วรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายกระหายเลือด อำมหิตเปล่งออกมาจากตัวอักษรนั้น และเขาอดเกิดความรู้สึกตอบสนองไม่ได้
“ฟอร์ลัน เอ็มมานูเอล ครั้งนี้เป็นเจ้าสองคนจริงๆ ด้วย ฮ่าฮ่า...” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากข้างหน้า ลินลี่ย์หันไปมองและเห็นบุรุษวัยกลางคนที่ดูน่าคบเป็นกันเองหัวเราะขณะที่เดินเข้ามาหา บุรุษผู้นี้มีจอนยาวแต่กันตกแต่งอย่างดีทำให้ลักษณะของเขามีชีวิตชีวาและเฉียบคม
ลินลี่ย์มองดูผู้มาใหม่
“อาร์โฮส!” ฟอร์ลันหัวเราะและเดินไปทักทายเขา พร้อมกับกอดแน่น “ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”
“มันก็จริงนะที่เราไม่ได้พบกันมานานแล้ว” บุรุษชื่ออาร์โฮสมองฟอร์ลันจากนั้นมองลินลี่ย์ด้วยเช่นกัน เขากล่าวอย่างสงสัย “ข้ารู้ว่าครั้งนี้จะมีผู้อาวุโสมาสามคน แต่ข้าไม่เคยพบเจ้าผู้นี้มาก่อน..โอว.. ข้ารู้แล้ว!”
อาร์โฮสแสดงสีหน้าเหมือนเข้าใจได้ทันทีและเขาหัวเราะขณะพูดกับลินลี่ย์ “ในหุบเขาอ่างโลหิตข้าได้ยินว่าเผ่ามังกรฟ้าเรามีผู้อาวุโสคนใหม่”
“ข้าชื่ออาร์โฮส ผู้อาวุโสลินลี่ย์ใช่ไหม?” อาร์โฮสหัวเราะพลางผายมือ
“ใช่แล้ว, คารวะผู้อาวุโสอาร์โฮส” ลินลี่ย์หัวเราะและผายมือเช่นกัน
ลินลี่ย์มีความประทับใจที่ดีต่ออาร์โฮส แต่สำหรับฟอร์ลันและเอ็มมานูเอล จากส่วนลึกในใจของลินลี่ย์ เขาไม่ค่อยชอบพ่อลูกคู่นี้ ทั้งเอ็มมานูเอลและฟอร์ลันทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขาน่ากลัวและชั่วร้าย การกระทำของเอ็มมานูเอลเป็นตัวยืนยันการตัดสินของลินลี่ย์
“เราขอต้อนรับพวกเจ้าทั้งอย่างกันเอง มาเถอะ ไปพบประธานผู้อาวุโสกัน” อาร์โฮสหัวเราะ
“ท่านแม่?” ตาของฟอร์ลันเป็นประกายอย่างช่วยไม่ได้
ลินลี่ย์ชำเลืองมองด้านข้างดูสีหน้าของฟอร์ลันและเอ็มมานูเอล ทั้งสองคนมีสีหน้าดีใจที่จะได้พบกับประธานผู้อาวุโส ประธานผู้อาวุโสและประมุขเผ่ากัซลีสันความจริงเป็นพี่น้องกัน และในเผ่าอำนาจของนางเป็นรองแค่ประมุขเผ่าเท่านั้น
“ลินลี่ย์! เผ่าของเราไม่ได้มีผู้อาวุโสใหม่มาเป็นเวลานานแล้ว” อาร์โฮสพูดอย่างเป็นกันเอง “ข้าได้ยินว่าก่อนนี้เจ้าประลองกับเอ็มมานูเอล และเจ้ามีพลังแข็งแกร่งเหลือเชื่อ ในอนาคตเมื่อเจ้าต่อสู้เพื่อเผ่า เจ้าจะต้องเอาชนะและนำความรุ่งเรืองมาให้เผ่ามังกรฟ้าเราแน่นอน”
“ข้าจะทำแน่นอน” ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า
ฟอร์ลันเมื่อเห็นอาร์โฮสคุยกับลินลี่ย์ไม่หยุดหย่อน อดพูดขัดมิได้ “อาร์โฮส! สถานการณ์สู้รบในปัจจุบันระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์กับแปดตระกูลใหญ่เป็นยังไงบ้าง?”
“มันจะดีได้ยังไง?” อาร์โฮสส่ายศีรษะและถอนหายใจ “แปดตระกูลใหญ่อาศัยจำนวนคนที่เหนือกว่าเอาชัย แปดตระกูลใหญ่ผนึกกำลังกันและมีอสูรเจ็ดดาวมากกว่าที่เรามี ถ้าเรายังสู้ต่อไปอย่างนี้... เป็นไปได้ว่าในเวลาแค่หมื่นหรือสองหมื่นปี ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะเหลืออสูรเจ็ดดาวไม่ถึงสิบคน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลินลี่ย์ตกใจ
“ในช่วงหมื่นหรือสองหมื่นปี เราจะสูญเสียคนไปมากอย่างนั้นหรือ?” ลินลี่ย์อดพูดขึ้นไม่ได้ “ปัจจุบันนี้ ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราควรจะมีอสูรเจ็ดดาวเกือบร้อยคน”
เฉพาะเผ่ามังกรฟ้าเผ่าเดียวก็มีถึงสามสิบหกคน สี่เผ่าตระกูลรวมกันควรจะมีอสูรเจ็ดดาวมากกว่าร้อยคน เป็นไปได้ยังไงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ หมื่นหรือสองหมื่นปี จะเหลืออยู่เพียงสิบคน?
“ลินลี่ย์! ข้าได้ยินว่าเจ้าเพิ่งเข้าร่วมกับเผ่าเราเมื่อไม่นานนี้” อาร์โฮสพูดพลางถอนหายใจ “เจ้ายังไม่คุ้นกับสถานการณ์เท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ข้าเชื่อว่าในที่ประชุมผู้อาวุโส เจ้าควรจะได้รู้ความสูญเสียของเราในช่วงพันปีที่ผ่านมา”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ในพันปีที่ผ่านมาพวกเขาฆ่าอสูรเจ็ดดาวไปสองคน ขณะที่อสูรเจ็ดดาวของฝ่ายพวกเขาเองสองคนก็อ่อนแอลงเช่นกัน
“เฉพาะเผ่ามังกรฟ้าของเราอย่างเดียวก็สูญเสียอสูรเจ็ดดาวไปสองคนในช่วงพันปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าเจฟส์เมื่อใช้ร่างหลักของเขาหลอมรวมกับประกายเทพจะสามารถฟื้นคืนความแข็งแกร่งมาได้ แต่เขาจะสูญเสียโอกาสก้าวหน้าในระดับพลังของเขาในอนาคต”
อาร์โฮสกล่าว ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเรารวมกันทั้งหมดสูญเสียไปห้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่โหดร้าย เป็นธรรมดาที่สูญเสียผู้อาวุโสไปมากถึงสิบคน เจ้าคำนวณดูได้ ในอีกหมื่นปีเราจะสูญเสียไปอีกกี่คน?”
ลินลี่ย์คำนวณดูและรู้สึกตกใจ
ในหมื่นปี อย่างน้อยมีผู้อาวุโสเจ็ดสิบหรือแปดสิบคนถึงวาระจบสิ้น
“นั่นคือเหตุผลที่ข้าพูดว่าถ้าเรื่องนี้ยังดำเนินต่อไป ในอีกหมื่นหรือสองหมื่นปี ตระกูลของเราจะสูญเสียนักสู้ระดับอสูรเจ็ดดาวไปหมด” อาร์โฮสพูดอย่างขมขื่น “ไม่มีอะไรที่เราจะทำได้ แปดตระกูลใหญ่... แม้ว่าจะจัดการผู้อาวุโสของเราจนหมด พวกเขาก็มีแนวโน้มว่ายังเหลืออสูรเจ็ดดาวถึงครึ่งหนึ่ง!”
ลินลี่ย์พยักหน้า
ไม่นานหลังจากที่เขามาถึงเผ่ามังกรฟ้า ลินลี่ย์ได้ยินว่าตระกูลใหญ่ทั้งแปดเทียบพลังได้กับเผ่ามังกรฟ้า จำนวนของอสูรเจ็ดดาวในแปดตระกูลใหญ่รวมกันย่อมเหนือกว่าจำนวนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์รวมกัน
“ลินลี่ย์ เจ้ารู้ไหม ก่อนบรรพบุรุษตายไปเรามีผู้อาวุโสอยู่เท่าไหร่?” อาร์โฮสกล่าว
“เท่าใดกัน?” ลินลี่ย์ถาม
“มากกว่าหกสิบ และนั่นแค่เฉพาะเผ่ามังกรฟ้าเรา” อาร์โฮสกล่าว และลินลี่ย์อดถอนหายใจด้วยความตกใจมิได้ “มิน่าเล่าถึงพูดกันว่าคนของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ครองดินแดนในพิภพใหญ่ได้ เราไม่เพียงแต่มีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่ง เราเองก็มีพลังอำนาจมหาศาลด้วย”
“เพียงแต่ขณะที่เรารวมกลุ่มกัน ศัตรูโจมตีมาจากทุกตำแหน่ง ลินลี่ย์ เจ้าต้องเข้าใจว่าตระกูลที่ไล่ล่าเรามาตลอดจนถึงแดนนรกทั้งหมดเป็นแค่ตัวแทนส่วนน้อย เรามีศัตรูในพิภพอื่นอีกมากมาย” อาร์โฮสถอนหายใจ
ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีศัตรูมากมายเกินไปจริงๆ
ขณะที่มีแปดตระกูลยังคงไล่ล่าพวกเขา มีความเป็นไปได้ว่าเมื่อตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แผ่อำนาจไปในพิภพใหญ่ๆ จำนวนศัตรูที่พวกเขามีคงมากกว่าในปัจจุบัน
“ทั้งหมดที่เราทำได้ก็คือทุ่มกำลังสู้” ฟอร์ลันพูดอย่างจริงจัง
“ถูกแล้ว เราได้แต่ทุ่มกำลังสู้!” อาร์โฮสพูดเหมือนกัน “ถ้าเราแค่เอาแต่หลบอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์เหมือนกับเต่าหดหัวอยู่ในกระดองไม่ยอมตอบโต้ เราจะกลายเป็นที่หัวเราะเย้ยหยันของเผ่าตระกูลต่างๆ ในแดนนรก ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่ยอมอัปยศอดสูอย่างนั้นเป็นแน่นอน!”
ขณะที่พวกเขาสนทนากันลินลี่ย์และกลุ่มมุ่งหน้าลึกเข้าไปในหุบเขาอ่างโลหิต
ภายในหุบเขาอ่างโลหิต มีแถวสิ่งก่อสร้างที่จัดเป็นแถวเหมือนกับทหาร แบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ ในระหว่างทางลินลี่ย์พบกับกลุ่มยอดฝีมือกลุ่มเล็กๆ เช่นกัน ทุกคนมีพลังอย่างน้อยระดับอสูรหกดาว
ลินลี่ย์อดถอนหายใจด้วยความทึ่งมิได้
“นี่คือรากฐานที่แท้จริงของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ และตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่ตกต่ำก็เป็นเช่นนั้น” ลินลี่ย์ทึ่ง ขณะเดียวกันก็ประหลาดใจกับความโหดเหี้ยมของสงครามระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และแปดตระกูลใหญ่
“เรามาถึงตำหนักมังกรฟ้าแล้ว!” อาร์โฮสกล่าว
ลินลี่ย์เงยหน้าขึ้น ข้างหน้าเขาเป็นอาคารที่สูงอย่างน้อยสามสิบเมตรเป็นสีแดงเข้มล้วนๆ ที่ปลายสุดของอาคารมีบางสิ่งที่เรืองแสงสีฟ้าสลัว มีอาคารอย่างนี้ปรากฏอยู่สี่แห่งในหุบเขาอ่างโลหิต
“ประธานผู้อาวุโสอยู่ในชั้นที่ห้าของตำหนักมังกรฟ้า ตำหนักแห่งนี้เป็นที่รวมตัวกันของพวกเราโดยทั่วไป” อาร์โฮสกล่าว
เขานำลินลี่ย์ เอ็มมานูเอลและฟอร์ลันตรงไปที่ชั้นห้า ทั่วทั้งตำหนักมังกรฟ้าไม่มีบ่าวทาสรับใช้แม้แต่คนเดียว
ห้องโถงใหญ่บนชั้นห้าปรากฏกว้างจนดูเหมือนว่างเปล่า
“ประธานผู้อาวุโสอยู่ที่ใดหรือ?” ลินลี่ย์มองดูรอบๆ โถงใหญ่อย่างสงสัย
ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความรู้สึกและเขาหันไปมองที่ด้านข้างโถงใหญ่ เขาเห็นร่างมนุษย์ที่สูงโปร่งบินเข้ามา ตลอดทั้งร่างของนางคลุมไปด้วยชุดดำยาว ผมสีเขียวของนางปล่อยยาวจนถึงเอวดูงามสง่า และหน้าของนางสวมหน้ากากเงินมีระลอกแสงประหลาดอยู่บนสุด
ขณะที่คนผู้นี้เข้ามาในโถงใหญ่ อาร์โฮสและคนอื่นพากันเงียบ
“นางคือประธานผู้อาวุโสหรือ?” ลินลี่ย์มองดูคนผู้นี้อย่างระมัดระวัง
“วูบบบ!” ชุดยาวของสตรีลึกลับสะบัดขณะที่นางนั่งข้างหน้าในหอโถงใหญ่ นางกวาดสายตามองดูทุกคนด้วยสายตาเยือกเย็น และหยุดอยู่ที่ลินลี่ย์เล็กน้อย จากนั้นนางพูดด้วยน้ำเสียงชัดแต่เย็นชา “พวกเจ้าทุกคนนั่งลงเถอะ”
“ขอรับ ประธานผู้อาวุโส” ทั้งสี่คนตอบรับด้วยความเคารพ
ลินลี่ย์มองดูฟอร์ลันด้วยความสงสัย ฟอร์ลันเป็นบุตรชายของประธานผู้อาวุโส แต่เขาต้องนับถือนางในฐานะประธานผู้อาวุโสด้วยหรือ?” ในใจของเขา เขาสงสัย แต่ลินลี่ย์ยังคงนั่งลงพร้อมกับฟอร์ลันและคนอื่น
ลินลี่ย์” ผู้อาวุโสอันดับหนึ่งพูดขึ้นทันทีขณะมองลินลี่ย์
“ประธานผู้อาวุโส” ลินลี่ย์รีบคำนับ
“ถูกแล้ว” ลินลี่ย์ตอบรับทันที แต่ในใจเขามีความสงสัย “ประธานผู้อาวุโสหมายความว่ายังไง? นางเตือนข้า หรือว่า...? ที่สำคัญคือเอ็มมานูเอลเป็นหลานของนาง” แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่ลินลี่ย์ยังคงสงบ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากับเอ็มมานูเอลมีเรื่องผิดใจกัน อย่างไรก็ตามข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้งสองจะพร้อมเพรียงกันและทำงานร่วมกันได้” ประธานผู้อาวุโสกล่าว
ลินลี่ย์ตกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเอ็มมานูเอลที่ตอนนี้กำลังมองลินลี่ย์อยู่
“ทำงานร่วมกันกับเขา?” ลินลี่ย์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่
เสียงของประธานผู้อาวุโสหนักแน่นเหมือนเหล็ก “นับตั้งแต่ท่านพ่อตายไปแล้ว ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราประสบหายนะอย่างไม่เคยมีมาก่อน แม้ว่าเราในตอนนี้จะรวมตัวกันทั้งหมดอยู่ในแคว้นอินดิโกเราก็ยังพบกับการท้าทายยั่วยุอย่างต่อเนื่อง
“อย่างไรก็ตาม เราคือตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์! เรา, สมาชิกของสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์จะไม่ยอมให้ตัวเราเองถูกหยามหยันอัปยศ!”
“แม้ว่าเราจะสามารถซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์เหมือนเต่าหดหัวในกระดองได้ แต่ศักดิ์ศรีความภูมิใจในตระกูลของเราจะปล่อยให้ถูกหยามหยันไม่ได้ ผู้อาวุโสคนแล้วคนเล่าพาเอามือดีของตระกูลเราออกไปรบกับศัตรู ใครก็ตามที่ท้าทายหรือตอแยเผ่าของเราจะต้องถูกลงโทษ!”
“ยอดฝีมือของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีมากเท่ากับแปดตระกูลใหญ่พวกนั้น ดังนั้นเราจะต้องมีความสามัคคีกัน”
ประธานผู้อาวุโสกวาดสายตามองทุกคนในตอนนี้ “ลินลี่ย์! ข้าไม่สนใจเรื่องปัญหาที่เจ้าผิดใจกับเอ็มมานูเอลในอดีต จากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ได้รับอนุญาตให้สู้กันเองอีก ถ้ามีปัญหาเช่นนั้นเกิดขึ้น ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองคนก่อน!”
“ขอรับ ประธานผู้อาวุโส”
ลินลี่ย์กับเอ็มมานูเอลตอบพร้อมกัน
“เผ่ามังกรฟ้าเรามีหน่วยรบรวมกันยี่สิบหน่วย ตอนนี้มีสามหน่วยที่ไม่มีหัวหน้า ได้แก่หน่วยที่สิบสาม หน่วยที่สิบห้าและหน่วยที่สิบเก้า” ประธานผู้อาวุโสพูดอย่างสงบ “ข้าจะจัดการให้ ลินลี่ย์...”
ลินลี่ย์ก้าวออกมาหนึ่งก้าว
“ตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่สิบสามของเผ่ามังกรฟ้าในหุบเขาอ่างโลหิต!”
“ขอรับ” ลินลี่ย์รับคำด้วยความเคารพ
สายตาของประธานผู้อาวุโสหันไปทางฟอร์ลัน เสียงของนางยังเย็นชาเหมือนเคย “ฟอร์ลัน จากวันนี้ไปเจ้าจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่สิบห้าของเผ่ามังกรฟ้าในหุบเขาอ่างโลหิต!”
“ขอรับ” ฟอร์ลันก้าวเท้าหนึ่งก้าวขณะรับคำด้วยความเคารพ
“เอ็มมานูเอล จากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่สิบเก้าของเผ่ามังกรฟ้าในหุบเขาอ่างโลหิต!”
เอ็มมานูเอลก้าวเท้าออกมาข้างหน้าและยอมรับ
“ดีมาก” ประธานผู้อาวุโสพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองมาทางอาร์โฮส “อาร์โฮส, ตอนนี้เจ้าพาลินลี่ย์ไปที่ตั้งหน่วยที่สิบสาม จากนั้นค่อยกลับมา ข้ามีงานจะมอบหมายให้เจ้า”
“มอบหมายงาน?” ตาของอาร์โฮสเป็นประกาย
“ก่อนอื่นพาลินลี่ย์ไปที่ทำงานเขาก่อน” ประธานผู้อาวุโสสั่ง
“ขอรับ” อาร์โฮสหันไปมองลินลี่ย์ทันที ลินลี่ย์พยักหน้าจากนั้นตามอาร์โฮสออกไป ขณะที่เขาออกไปลินลี่ย์ได้ยินเสียงของประธานผู้อาวุโส “ฟอร์ลัน เอ็มมานูเอล พวกเจ้าอยู่ก่อน มีบางเรื่องที่ข้าต้องคุยกับพวกเจ้า!”
และจากนั้น ลินลี่ย์กับอาร์โฮสออกไปจากตำหนักมังกรฟ้า