ตอนที่แล้วตอนที่ 14 ความโกรธของเรน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 เรือและสะพานผู้ติดเชื้อ

ตอนที่ 15 คุณต้องอยู่ต่อให้ได้ แม้จะเจ็บปวดก็ตาม


ตอนที่ 15 คุณต้องอยู่ต่อให้ได้ แม้จะเจ็บปวดก็ตาม

เวลา 5 ทุ่ม

รินดาที่ฟื้นคืนสติขึ้นมาแล้วกำลังนั่งอยู่บนโซฟาและร้องไห้เสียใจอย่างหนักหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากปากของเรน

“ไม่จริงใช่ไหม! นานายังไม่ตาย! ฉันจะไปหาลูกสาว!” รินดายอมรับความจริงไม่ได้ เธอลุกขึ้นก่อนจะวิ่งไปที่ห้องครัว

“เดี๋ยวก่อน!” หลินรีบวิ่งตามไปห้ามเธอ เพราะกลัวว่ารินดาจะเจอกับศพของนานาจะยิ่งทำให้เธอได้รับการกระทบสะเทือนจิตใจมากขึ้นไปอีก

แต่พอไปถึงก็พบว่ารินดายืนนิ่งไม่ขยับ พอเดินเข้าไปดูก็เห็นว่าในห้องครัวไม่มีศพ ใน ๆ นอกจากคราบเลือดที่มีผ้าปูโต๊ะปิดอยู่เท่านั้น

ธันวาและไอราหันไปมองเรนอย่างสงสัย

เรนคิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้ว เขาเก็บศพของนานาออกมา เพราะไม่อยากจะปล่อยศพของเธอนอนอยู่ที่พื้นด้วยสภาพที่โหดร้าย มันดูน่าสงสารมาก

“ลูกสาวของฉันอยู่ที่ไหน!?” รินดาหันไปถามเรนด้วยแววตาโหยหาและเจ็บปวด

เรนลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินไปหาหญิงสาว เขาหยุดอยู่ตรงนั้นก่อนจะพูดว่า “เธออยู่ข้างบน ผมพาร่างของเธอไปที่นั่น”

รินดาได้ยินก็เตรียมจะวิ่งไปที่ชั้นสองของบ้าน แต่เรนคว้าแขนของรินดาไว้

“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาลูกสาวของฉัน” รินดาหันกลับมาสะบัดมือของเรนอย่างแรง แต่ก็ไม่หลุดเรนจับเธอไว้แน่น

“ผมจะไม่ห้ามคุณให้ไปพบหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย แต่ผมอยากจะขอให้คุณตั้งสติให้ดีก่อนที่จะเข้าไป ผมรู้ว่าคุณเสียใจ แต่คุณต้องเข้มแข็ง เพราะถ้าคุณเป็นอะไรเธอคงจากไปอย่างไม่เป็นสุข” เรนพูดกับเธอ

เพี๊ยะ!

รินดาหันกลับมาตบหน้าเรนอย่างขาดสติ

“เฮ…เดี๋ยวสิ!” ธันวาคิดจะเดินเข้าไปห้าม แต่เรนยกห้ามเขาไว้

รินดาทุบไปที่หน้าอกของเรนไม่หยุด ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “นายจะไปรู้อะไร ฮือ...นายไม่โดนยาทำไมตอนนั้นถึงไม่มาช่วยนานา ฮือ...นายมันไม่รู้อะไร นายไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉัน...ลูกสาวของฉันตายไปแล้ว เธอ...เธอยังเป็นแค่เด็กเท่านั้น” รินดาร้องไห้เหมือนจะขาดใจ

เธอทรุดตัวลงไปกับพื้น

ทุกคนมองฉากตรงหน้าด้วยความเศร้า น้ำตาของหลินไหลออกมาไม่หยุด เธอโทษตัวเองเช่นกัน

แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมา รินดาแอบถือมีดออกมาจากห้องครัว เธอยกมีดขึ้นคิดจะใช้แทงตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย

ดูเหมือนเธอตั้งใจจะไปใช้หลังจากเจอกับนานา แต่เธอกลับเลือกลงมือตอนนี้เพราะเรนหยุดไม่ให้เธอขึ้นไปด้านบน

ทุกคนเห็นก็พากันตกใจ เรนรีบจับไปที่แขนของหญิงสาว ก่อนจะแย่งมีดออกมาจากมือของเธอและปาทิ้ง

รินดาพยายามจะไปคว้าสิ่งของมาทำร้ายตัวเอง แต่เรนจับเธอไว้แน่น

“ช่วยฆ่าฉันที ฮือ... ขอร้องละ ฉันอยากจะตาย” รินดาเงยหน้ามองดูเรนด้วยแววตาสิ้นหวัง เธอไร้ซึ่งจิตวิญญาณในการมีชีวิตอยู่

เรนคุกเข่าลงไปนั่งกับพื้นข้างหน้าหญิงสาวที่ร้องไห้ฟูมฟายเสียใจอยู่ที่พื้น

“ผมพึ่งจะเสียพี่ชายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แม้แต่ศพผมก็ยังไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่ผมก็พยายามมีชีวิตอยู่เพื่อจดจำเขาไว้ คุณเองก็เช่นกันต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อจะได้มีใครจดจำลูกสาวที่จากไปว่าในยามมีชีวิตนั้นพวกเขาสวยงามแค่ไหน เชื่อผมเถอะคุณต้องอยู่ต่อให้ได้ แม้จะเจ็บปวดก็ตาม” เรนพูดกับเธอด้วยสีหน้าจริงจัง

รินดาหยุดร้องเงยหน้ามองเขาและสะอื้นออกมา

หลินที่อดกลั้นไม่อยู่ เธอเดินเข้าไปหารินดาและกอดหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด “ฉันขอโทษที่พาพวกคุณมาที่นี่ นานาไว้ใจฉันแต่เป็นเพราะฉัน”

รินดากอดไปที่หลินและร้องออกมาอีกครั้ง บางทีเธอแค่ต้องการกำลังใจและกอดใครสักคนเท่านั้น เพื่อข้ามผ่านเรื่องนี้ไป

...

“คุณอยากจะเข้าไปใช่ไหมจริง ๆ” เรนถามรินดา

“อืม ฉันต้องการเห็นหน้านานาเป็นครั้งสุดท้าย” รินดาตอบด้วยสีหน้าเศร้าโศก แต่แววตาเธอไม่ได้สิ้นหวังและขาดสติแล้ว

เธอเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องเพียงลำพัง

ชายหนุ่มมองดูหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องและปิดประตู ไม่มีใครห้ามเธออีก รวมทั้งเรนด้วย เขาทำเท่าที่ทำได้แล้ว เรนไม่โทษการกระทำใด ๆ ของรินดา เพราะรู้ว่าคนที่เสียใจนั้นจะทำอะไรไม่มีสติ

ผ่านไปประมาณ 10 นาที

รินดากลับออกมาพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตา เธอไม่ร้องไห้อีกแล้ว แม้จะเศร้าแต่ก็ไม่ร้องไห้

“ก่อนไปฉันอยากจะเผาบ้านหลังนี้” รินดากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เรนพยักหน้าตกลง

ทุกคนกลับมานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่น ในตอนนี้พวกเขารวบรวมของในบ้านจนหมดแล้ว เอาของเท่าที่จะเอามาได้พวกเขาไม่เตะต้องอาหารบนโต๊ะ เพราะมันมียาอยู่ แต่พวกอาหารกระป๋องก็ปิดฝาสนิทยังสามารถกินได้ น้ำในขวดก็เช่นกัน

“เจอไหม” เรนถามหลิน

“เจอ” หลินเอากุญแจออก นี่คือกุญแจเรือของแดน

นอกจากของพวกนี้แล้วเรนและคนที่เหลือยังหาอาวุธเพิ่มด้วย ในห้องเก็บของมีค้อนปอนด์และชะแลงเหล็ก ยังมีพวกไฟฉายเดินป่าอยู่ด้วย

“ฉันขออันนี้” รินดาหยิบค้อนปอนด์ขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไอราจึงหยิบเอาชะแลงเหล็กไป

“เรน” ธันวาเจอกับมีดพกสองเล่ม เขาเอามีดพกเล่มหนึ่งให้กับเรน

“นายลองใช้นี่ดู” เรนเอาปืนลูกซองและกระสุนมอบให้กับธันวาไว้

“ปืนลูกซอง 5 นัด มีกระสุนด้วย” ธันวารับปืนมาด้วยความยินดี แต่ธันวายังใช้ขวานเป็นหลักและสะพายปืนลูกซองไว้ด้านหลัง

ไอราเดินเข้าไปหาเรนและพูดขึ้นมาว่า “ปืนกระบอกนั้น ฉันพร้อมจะใช้มันอีกครั้งแล้ว”

เรนพยักหน้าตกลง เขามอบปืนพกให้กับไอราคืนไป เธอจับไปที่มันและทำความคุ้นเคยอีกครั้ง เรนมอบกระสุนอีกสองแม็กให้กับเธอด้วย

“ขอบคุณนะ” ไอรากล่าวขอบคุณเรน เธอรู้ว่าในสถานการณ์ที่โลกเป็นแบบนี้ปืนมีค่ามาก แต่เรนก็ยังยินดีมอบมันให้กับทั้งธันวาและเธอ

หลังจากเตรียมของและสะพายกระเป๋าเตรียมตัวกันแล้ว

“อีกไม่ถึงชั่วโมงก็เช้าแล้ว พวกเราควรรีบไปกัน” เรนบอกกับทุกคน

ในตอนนี้กลุ่มของเรนมีตัวเขา ธันวา ไอรา อาจารย์หลินและสุดท้ายคือรินดา ด้วยอาวุธที่อยู่ในมือตอนนี้เรนมั่นใจว่าพวกเขาจะไปถึงท่าเรือแน่นอน

พวกเขาสะพายกระเป๋าที่เต็มไปด้วยสิ่งของออกจากบ้าน รินดาหันกลับไปจุดเทียนหนึ่งเล่มวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นและรีบออกไปจากบ้าน ในครัวมีเสียงแก๊สหุงต้มที่เปิดทิ้งไว้

เนื่องจากบ้านที่อยู่และท่าเรือนั้นห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร ทั้งกลุ่มจึงเลือกจะเดินเท้าไป มันเงียบกว่าและไม่ดึงดูดความสนใจ อีกอย่างยังมีสิ่งที่ใช้ดึงดูดความสนใจให้พวกผู้ติดเชื้อไปทางอื่น

บึม!

ตอนนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นมาจากบ้านที่ทุกคนพึ่งออกมาจนบ้านกระจุยไปครึ่งหลัง เพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง แสงจากเปลวเพลิงสีส้มแดงได้ดึงดูดผู้ติดเชื้อไปที่นี่ทันที

“ต่อทางสะดวกแล้ว” เรนส่งสัญญาณ

ทุกคนรีบวิ่งออกจากบ้านที่ไปแอบหลบอยู่ห่างไปสามสี่หลังทันที

ขณะวิ่งไปเรนก็พบกับผู้ติดเชื้อกลุ่มหนึ่งที่ยืนขวางทางอยู่และมันไม่มีทางไปแล้ว เรนจึงเปิดฉากฆ่าพวกมันด้วยธนูก่อนในทันที

เขายิงออกไปด้วยลูกธนูธรรมดาก็สามารถปลิดชีวิตมันไปได้หนึ่ง ก่อนจะยิงดอกที่สองตามมา หลินก็ลงมือ เธอยิงเก็บไปได้สองตัว ผู้ติดเชื้อห้าตัวโดนเก็บก่อนที่ทุกคนจะวิ่งไปถึงพวกมันซะอีก ทำให้ธันวา ไอราและรินดาไม่จำเป็นต้องลงมือ

เรนดึงลูกธนูออกมาจากนั้นก็เก็บของที่ตกลงมา มันเป็นเหรียญทองประมาณ 12 เหรียญและหินพลังงาน 1 ชิ้น ครั้งนี้ไม่มีหินรูนิก

ในที่สุดก็มาถึงท่าเรือ

แต่ว่าพอมองไปพวกเขาก็พบว่าที่ท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ เรนและกลุ่มพากันหลบในทันที เพราะกลัวผู้ติดเชื้อจะเห็น

“อาจารย์หลินเรือลำไหน” เรนถามขณะที่โผล่หน้าออกไปมอง

“เรือลำนั้น” อาจารย์หลินชี้ไปที่เรือสปีดโบ๊ทตกปลา 23 ฟุตสีขาว

เรือจอดอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา แต่มันก็ใกล้กับผู้ติดเชื้อที่มีมันมากเกือบ ๆ 30 ตัว พวกมันทั้งหมดยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ราวกับรอให้มีใครผ่านมา

“เอาไงเรน” ธันวาถาม

“อยู่ตรงนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ลุยเลยแล้วกัน” เรนบอกกับธันวา

ทุกคนก็เตรียมพร้อมกัน

เรนหันไปพูดกับอาจารย์หลิน

“สิ่งที่อาจารย์ต้องทำมีเพียงอย่างเดียวคือไปติดเครื่อง”

หลินพยักหน้าเข้าใจ

แต่ก่อนที่กลุ่มของเรนจะลงมือในตอนนั้นเองก็มีกลุ่มผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ลงมือเช่นกัน พวกเขาก็คิดไม่ต่างจากเรน ถ้าทางบกหนีไปไม่ได้ก็ไปทางน้ำ

ตลอดแนวท่าเรือมีกลุ่มผู้รอดชีวิตประมาณ 5-6 กลุ่ม พวกเขาพากันวิ่งออกไป ทำให้ผู้ติดเชื้อที่ยืนอยู่ตื่นตัวและเริ่มบ้าคลั่งอีกครั้ง

“บ้าจริงมีคนอื่นด้วย” ธันวาออกมา

“ลุยเลย” เรนบอกพวกของตน

ทั้ง 5 ลงมือ เรนจัดการใช้รูนิกลูกศรยิงใส่ผู้ติดเชื้อ รูนิกลูกศรยิงทะลุหัวของผู้ติดเชื้อจนโผล่ออกด้านหลังปักเข้ากับอีกตัว ก่อนที่เรนจะเรียกมันกลับมา

“นั้นอะไร” หลินถามด้วยความสนใจ

“รูนิกลูกศร” เรนตอบเธอ ก่อนจะพูดต่อว่า “ไปที่เรือผมจะจัดการตัวที่ขวางเอง”

เรนใช้ลูกศรธรรมดา เพราะรูนิกลูกศรต้องรอสามวินาทีถึงจะเรียกออกมาอีกครั้งได้ เขายิงตัวที่ขวางอยู่เสร็จก็ใช้รูนิกลูกศรอีกครั้ง ที่เรนใช้รูนิกลูกศร เพราะเขาคิดว่ามันแรงกว่าลูกธนูธรรมดาอยู่เล็กน้อย แถมยังควบคุมการยิงได้ง่ายกว่า มันเหมือนสั่งได้ดั่งใจ

หลินขึ้นไปที่เรือได้สำเร็จ

คนอื่น ๆ ก็รีบตามไป เรนยังยิงสกัดผู้ติดเชื้อที่วิ่งมา ยังดีที่การปรากฏตัวของผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ ดึงดูพวกผู้ติดเชื้อไปพอสมควรทำให้เรนไม่ตึงมือมากนัก

ธันวารีบดึงเชือกที่ผูกเรือออกก่อนจะโยนเข้าไปด้านในเรือ

เรนรีบถามธันวาขึ้นไปบนเรือตอนนี้ทุกคนขึ้นมาบนเรือได้แล้ว แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดคิดมีผู้รอดชีวิตเห็นว่าพวกเรนขึ้นไปที่เรือได้สำเร็จพวกเขาก็พากันวิ่งมาทางเรน หวังว่าจะไปด้วย

แต่เรือไม่สามารถรองรับคนได้มากขนาดนั้น อีกอย่างด้านหลังพวกเขามีผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่มาด้วย

“ออกเรือเร็ว” เรนหันไปเร่ง

“ติดแล้ว” อาจารย์หลินสตาร์ทเครื่องติดในที่สุด เธอรีบขับเรือออกไปอย่างคล่องแคล่ว เนื่องจากเมื่อก่อนแดนเคยสอนเธอขับเรือมาก่อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด