ตอนที่ 132 สมมุติเทพ (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 132 สมมุติเทพ
ต่อมาพวกเขาก็พากันกลับบ้าน ดูเหมือนว่า ซิเรียสจะรู้ตัวว่าถ้าเขากลับบ้านไปเขาจะต้องโดนฟาดก้นแน่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเที่ยวให้สุดก่อนแล้วค่อยกลับ คืนนั้นเขาเลยถือโอกาสค้างที่บ้านแม็กนัสด้วย มีห้องเพียงพออยู่แล้ว
ด้วยฝูงชนจำนวนมากที่นั่น เกรซจึงปรุงอาหารมื้อใหญ่แสนอร่อยสำหรับทุกคน ทุกวันนี้เธอไม่ค่อยได้ทำอาหาร เพราะเอ็บกับจอร์จจะโกรธเธอ
"ป้าได้ยินมาว่าเธอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว พระเจ้า เธออายุแค่ 12 เองจะรีบเร่งอะไรขนาดนั้น สนุกกับชีวิตของเธอหน่อยเถอะ ป้าแน่ใจว่าตอนอายุ 12 อดัมยังกินทรายอยู่เลย” เกรซคุยกับบ็อบบี้
"เฮ้...ตอนนั้นผมไม่ได้กินทราย ผมกินชอล์คต่างหาก" อดัมแก้ไขเธอ ทำให้ทุกคนหัวเราะ
"ขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะคุณป้า แต่ผมกำลังสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่ฮะ เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงยังมีสมาธิอยู่" บ๊อบบี้ตอบกลับ
“แล้วพ่อเธอล่ะ? ตอนนี้เขาสบายดีไหม? การรักษามะเร็งของเขาเป็นยังไงบ้าง?” อดัมถาม
"ต้องขอบคุณพวกยาบำรุงสุขภาพต่างๆ ที่ เซเวอรัสกับรักนาร์ให้ผมมา พ่อเขาฟื้นตัวได้ดีมากฮะ แต่ตอนนี้ยังไม่มียาต้านมะเร็ง และพ่อเขาก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้เคมีบำบัด แต่ยาหลายชนิดที่เป็นประโยชน์สำหรับการรักษามะเร็งนั้นมีค่าใช้จ่ายมหาศาล ตอนนี้พวกเราสามารถจ่ายได้เพราะเราประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ผมรู้สึกเศร้าแทนคนที่ไม่สามารถซื้อสิ่งเหล่านี้ได้" บ๊อบบี้บอกพวกเขาอย่างเศร้าใจ
เกรซลูบหัวบ๊อบบี้ "อย่าเศร้าไปเลยนะจ๊ะ บ๊อบบี้ ป้าแน่ใจว่าในอนาคตพวกเขาจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยลงมาก มันเป็นเพราะการที่ทุกบริษัทที่พัฒนายาพวกนี้เขาทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการวิจัยและพัฒนา และเมื่อพวกเขาทำสำเร็จ สิ่งที่คิดได้ก็คือต้องเอากำไรให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้ทุนวิจัยและเงินที่มากขึ้นกลับคืนมา"
แม็กนัสพยักหน้าและเริ่ม "แต่โลกกำลังเปลี่ยนไปจริงๆ นะ ยาสามัญกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น พวกสหรัฐอเมริกา อินเดีย และอีกสองสามประเทศในยุโรปเริ่มผลักดันให้มีการผลิตยาดังกล่าวทันทีที่สิทธิบัตรเดิมหมดอายุ แต่หลายบริษัทก็ยังโลภเกินไปอยู่ดี แล้วพยายามต่ออายุสิทธิบัตรโดยเรียกมันว่าเป็นการวิจัยใหม่ ทั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
อืม บางทีผมควรจะบังคับให้พวกเขาขายสิทธิบัตรให้ผม พวกเขากังวลเกี่ยวกับต้นทุนการวิจัยใช่ไหม งั้นผมก็สามารถเสนอจ่ายค่าวิจัยให้พวกเขาและรับสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมในสิทธิบัตรนั้น ทีนี้ผมก็จะผลิตพวกมันในอัตราที่ถูกกว่าและตัดราคาพวกนั้นให้เกลี้ยง ยึดครองตลาดทั้งหมดและทำเงินได้มากกว่าพวกมันเพราะเข้าถึงผู้คนได้เป็นจำนวนมาก”
( ̄▽ ̄)
~ สมองของเขาตอนนี้ที่ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ช่างทำงานรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย ~ บ็อบบี้ รักนาร์ และอดัมสงสัย
แม็กนัสยังไม่ได้บอกเกรซหรือคนอื่นๆ ว่าเขาซื้อบริษัทเมดโทรนิคส์ไปแล้ว อาจถึงเวลาแล้วที่จะซื้อบริษัทยาด้วย และหลังจากนั้นเขาก็จะรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในโลกที่เขากำลังจะสร้าง เขาถึงขั้นตั้งชื่อของโรงพยาบาลไว้แล้ว
เกรซลูบผมของแม็กนัสอย่างเอ็นดู “ที่รัก ถ้าลูกทำแบบนี้ต่อไป ต่อไปเบื้องหน้าแม่เกรงว่าคนจะเรียกลูกว่าสมมุติเทพนะจ๊ะ”
แม็กนัสหัวเราะเบา ๆ และคิดว่า ~มันก็ฟังดูเท่ดีนะ~
“เอาล่ะ หยุดพูดเดี๋ยวนี้แล้วค่อยว่ากันไม่งั้นอาหารจะเย็นหมด” เกรซจบการสนทนาอย่างรวดเร็ว
"เหมียว..."
"แชด ฉันให้อาหารนายไปแล้ว นายห้ามกินอีก ไม่งั้นนายจะอ้วน" อดัมตำหนิแมวอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วแชดก็ชี้อุ้งเท้าไปทางซัมเมอร์ซึ่งแม็กนัสคอยให้อาหารเป็นระยะๆ ขณะที่เธอนั่งบนไหล่ของเขา
แม็กนัสสังเกตแชดอยู่แล้วจึงว่า "เธอต้องบินทุกวันเพื่อส่งจดหมายของฉันไปให้คนอื่นๆ เธอใช้พลังงานมากและต้องการอาหารมากขึ้น แล้วนายล่ะ นั่งๆ นอนๆ จนจะกลายเป็นผักเปื่อยอยู่แล้วเนี่ย"
"เหมียว เงี้ยว หง่าวว..." แชดพึมพำบางอย่างด้วยความโกรธและเดินไปด้านข้าง
"อ๊าาาา... มานี่มะแชด" เกรซเห็นเขาเศร้าไม่ได้จึงเรียกเขาไปหาเธอและเริ่มให้อาหารเขา
แชดเริ่มกินในขณะที่ตั้งใจอวดแม็กนัส ราวกับพูดว่า "ดูสิ เธอสนใจฉันมากกว่า"
หลังจากอาหารค่ำที่หรูหรา พวกเขาทั้งหมดมารวมกันในห้องนั่งเล่นเพื่อเล่นจริงและกล้า พวกเขาใช้ขวดเปล่าม้วนไปมาระหว่างนั้น
“เอาหล่ะ แม็กนัส จริงหรือท้า?” ซิเรียสถามเขา
“จริง” แม็กนัสตัดสินใจ เขาจะไม่เลือกท้า ไม่อยากถูกบังคับให้ทำสิ่งที่น่าอาย
“งั้นบอกมาสิว่านายชอบผู้หญิงคนไหนในโรงเรียน” ซิเรียสถาม เมื่อได้ยินคำถามนี้ ทุกคนก็หูผึ่ง โดยเฉพาะของเกรซ
ซิเรียสยิ้มเยาะตลอดเวลา แต่แล้วแม็กนัสก็แสยะยิ้ม และซิเรียสรู้สึกเหมือนกำลังโดนก่นด่าอยู่ในใจ
“ก็เธอเป็นคนน่ารักและอบอุ่นที่สุดที่ฉันรู้จัก เธอคอยช่วยเหลือฉันทุกครั้งที่ฉันต้องการ และไม่เคยหักหลังฉันเลย เธอยังรับฟังฉันทุกครั้ง ผู้หญิงที่ฉันชอบที่สุดในโรงเรียนคือ...”
ทุกคนอยู่บนขอบที่นั่ง
"สาวน้อยที่หอมหวานที่สุด ซัมเมอร์ของฉันเอง"
*ตุบ*
บ๊อบบี้ตกจากเก้าอี้ดึงรักนาร์ไปด้วย
“บ้าอะไรเนี่ย ขี้โกงชะมัด นายโกหก” ซิเรียสท้วง
แม็กนัสยักไหล่ "ฉันไม่ได้โกหกซะหน่อย ฉันรักผู้หญิงของฉัน ใช่ไหมซัมเมอร์?"
ซัมเมอร์กระโดดเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็วและเริ่มถูหัวของเธอกับหน้าอกของเขา
"แต่... แล้ว..." ซิเรียสหวังให้เขาเรียกชื่อเอ็มม่า
"เร็วเข้า หมุนขวด" แม็กนัสรีบเปลี่ยนเทิร์นต่อไปก็มาถึง ตอนนี้เป็นเกรซและอดัม โดยอดัมต้องเลือกว่าจะจริงหรือท้า
"อืมม...ท้า" อดัมตอบว่า
เกรซยิ้ม “อ่า ไหล่ฉันเจ็บอยู่ ถ้ามีคนมานวดให้...”
อดัมเริ่มลงมือนวดไหล่ของเธอ
"เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์" เกรซพูดเสร็จและตอนนี้อดัมก็ล้มลงไป
“อะไรนะ? หนึ่งสัปดาห์? แน่ใจนะ? ผมจะถามคุณเหมือนกันถ้าถึงตาผม” อดัมเตือนเธอ
“ง่ายๆ ตอนนี้ฉันก็จะไม่เลือกท้าแค่นั้นเอง” เกรซตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ารำคาญมากสำหรับอดัม
แต่เขาถอนหายใจด้วยความพ่ายแพ้ "เอาล่ะ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรที่จะทำให้ราชินีของเรามีความสุข"
พวกเขาเล่นเกมต่ออีกพักหนึ่งแล้วก็เข้านอน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ตัดสินใจนอน มีเพียงซิเรียสเท่านั้นที่หลับไป ขณะที่บ็อบบี้กำลังอ่านหนังสือฟิสิกส์อยู่ในห้องของเขา รักนาร์อยู่ในห้องทดลองของเขากำลังปรุงยาชนิดใหม่ๆ เกรซอยู่ในห้องทดลองของเธอเพื่อสรุปสิ่งประดิษฐ์ของเธอ และอดัมกำลังทำงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของรถยนต์คันใหม่
ขนาดแม็กนัสก็กำลังถูกฝึกโดยเมอร์ลินกับอาเธอร์ เขามีดาบและจำเป็นต้องใช้มันเพราะเขาจะได้รับไม้เท้าก็ต่อเมื่อได้รับพลังเวทย์มนตร์มากขึ้นเท่านั้น
"ผมจะต่อสู้กับพวกพ่อมดตั้งหลายคนพร้อมด้วยดาบพวกนี้ได้ยังไงครับ" แม็กนัสถามอย่างสับสน
นี่เป็นสิ่งที่อาเธอร์เชี่ยวชาญ "ก่อนอื่นเจ้าต้องเชี่ยวชาญการต่อสู้ด้วยดาบอย่างที่สุด เจ้าต้องทำให้ปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าเร็วขึ้นเหนือมนุษย์ ย้อนกลับไปในสมัยของข้า เพราะข้าเองออกท่องเที่ยวกับเมอร์ลิน เรามักจะต้องต่อสู้กับพวกพ่อมดคนอื่นๆ เจ้าคิดว่ามักเกิ้ลอย่างข้าต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไรกันหล่ะหือ?
ง่ายๆ เลยนะ ดาบโฮปและดิสเพียร์มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการต่อสู้กับพวกพ่อมด ข้าเร็วมากจนเวทมนตร์แต่ละอย่างที่พวกมันยิงใส่ข้าจะถูกดาบโฮปดูดกลืน จากนั้นข้าก็จะปล่อยเวทมนตร์เดียวกันนั้นใส่ศัตรูของข้าจากดาบดิสเพียนี่แหละ ชั่วขณะนั้นข้าก็เข้าใกล้พวกมันจนในที่สุดหัวของพวกมันก็จะกลิ้งอยู่ใต้เท้าของข้า”
*วี้ดวิ้วว*
“นั่นต้องดูเจ๋งมากแน่ๆ แล้วผมจะใช้ดาบได้เร็วขึ้นได้ไง ผมก็คิดว่าเวลาตอบสนองของผมก็ดีมากอยู่แล้วนี่” แม็กนัสถามขณะตอนนี้เลือดเขาสูบฉีดเต็มที่
"หึหึ...แต่จะมันจะเร็วขึ้นได้อีก ในยุคของข้า ข้าต้องขอให้เมอร์ลินสร้างอุปกรณ์ให้ข้า เครื่องที่ยิงตะปูใส่ข้า ซึ่งข้าต้องใช้ดาบเพื่อหยุดมัน แต่คุณมีห้องต้องประสงค์ เจ้าสามารถฝึกการต่อสู้จำลองที่นั่นได้
อย่างไรก็ตาม การฝึกฝนอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ หากต้องการควบคุมดาบด้วยความเร็วสูง กล้ามเนื้อขาและแขนของคุณต้องแข็งแรงดุจเหล็กกล้า เพื่อให้ดาบเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว สำหรับสิ่งนี้ เจ้าจะต้องดื่มน้ำยาเล็กน้อยพร้อมทั้งฝึกฝนทุกวัน วิ่ง 10 กิโลเมตร ซิดอัพ 1,000 ครั้ง จากนั้นสำหรับแขน เจ้าต้องวิดพื้น 1,000 ครั้ง และดึงข้อ 1,000 ครั้ง ทำทุกวันถ้าเป็นไปได้” อาเธอร์แนะนำ
แม็กนัสสูดปากดังซี้ด "นี่... ไม่มากไปหน่อยเหรอ? ผมคิดว่าวิ่ง 10 กิโลเมตรและทำอย่างพวกนั้นละ 100 ก็พอไหม?"
"ไม่ นั่นเป็นเพียงการวอร์มอัพเท่านั้น นี่คือข้อตกลงที่แท้จริง เจ้าคิดว่าข้าสามารถเอาชนะมังกรได้อย่างง่ายดายงั้นรึ? ข้าต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อมันทุกวัน” อาเธอร์โอ้อวดอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อไม่เห็นทางเลือกอื่น แม็กนัสจึงตัดสินใจเริ่มต้น “ก็ได้ งั้นมาเริ่มวิดพื้นกันเลย”
...
ที่ไหนสักแห่ง
"นายท่านเจ้าคะ ฉันเห็นพวกมันด้วยตาของฉันเองแล้ว แม็กนัสเจ้าเด็กนั่นอ่อนแอจนแม้แต่มักเกิ้ลก็ยังชกหน้ามันได้ ฉันเชื่อว่าพลังอำนาจของเขาคือเวทมนตร์เท่านั้น ถ้าเราสามารถเอาไม้กายสิทธิ์และไม้เท้าของมันไปได้ มันจะทำอะไรไม่ถูก" เบลลาทริกซ์ที่ดูโกธิคคุยกับโวลเดอมอร์ โรโดลฟัสสามีของเธอยืนข้างเธอด้วยฟันกัดแน่นและแขนที่น้อยลงไปข้างนึง
ในตอนนี้โวลเดอมอร์ใช้คฤหาสน์มัลฟอยเป็นสำนักงานใหญ่ เขามีที่นั่งขนาดใหญ่ของตัวเองที่นี่ซึ่งเขาใช้เป็นบัลลังก์ นับตั้งแต่ที่เขารู้เรื่องแม็กนัส เขาก็ชอบความคิดที่จะไม่ใช่แค่ผู้นำพ่อมดแต่เป็นราชาของพวกมันด้วย เขาต้องการที่จะนั่งบนบัลลังก์ที่จะนำพ่อมดและกดขี่สิ่งโสโครกเช่นมักเกิ้ล
"เบลลาทริกซ์ ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของฉัน แกพูดถูกจริงๆ เขาเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง แต่การเอาไม้เท้าไปนั้นไม่ง่ายนัก เพราะเรายังไม่รู้ว่าเขาเก็บไม้เท้าไว้ที่ไหน กว่าจะได้มันมา พวกเราบางคนอาจต้องเสียสละ” โวลเดอมอร์พูดซ้ำซากจำเจบนเก้าอี้ตัวใหญ่ของเขา
เบลลาทริกซ์คุกเข่าอย่างรวดเร็ว “นายท่นา ฉันพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อท่าน”
โวลเดอมอร์เดินไปข้างหน้าและดึงเบลลาทริกซ์ลุกขึ้น "ไม่ เบลลาทริกซ์ แกเป็นเลือดบริสุทธิ์ แกสำคัญเกินกว่าที่ฉันจะปล่อยให้ตาย แกจะมีประโยชน์กับฉันมากกว่านี้ในอนาคต สำหรับตอนนี้ เรามี ผู้ติดตามพวกเลือดผสมเพียงพอที่จะหลั่งเลือด”
ดวงตาของเบลลาทริกซ์เปล่งประกายด้วยความสุขจากสัมผัสของโวลเดอมอร์และคำพูดของเขาที่มีต่อเธอ เธอมีความสุขและอยากจะกระโจนใส่เจ้านายของเธอ แต่ก็ต้องควบคุมตัวเอง
“ได้เลยเจ้าค่ะ ตามที่นายท่านต้องการ” เธอกล่าวอย่างเป็นทางการ
โวลเดอมอร์เดินกลับไปที่ที่นั่งของเขาขณะพูด "เราไม่สามารถยอมรับความสูญเสียได้มากกว่านี้ ในหมู่สมาชิกหลักของเราได้ มิฉะนั้นเราจะกลายเป็นตัวตลกของโลก ครั้งนี้เราจะวางแผนและดำเนินการทุกอย่างให้ลัดกุม เจ้าเด็กเลือดสีโคลนนั่นจะต้องตายในคราวนี้ และเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะเกิดขึ้น ฉันจะเข้าร่วมกับพวกแก...เป็นการส่วนตัว”
โรโดลฟัส เบลลาทริกซ์รวมถึงผู้เสพความตายอีกจำนวนมากในห้องแสยะยิ้มด้วยความยินดี รู้สึกว่าถ้าโวลเดอมอร์ไปด้วยตัวเอง ไม่มีทางที่พวกเขาจะฆ่าเด็กชายไม่ได้
_____________________________
โวลดี้ ที่จริงไม่มีนากินี