ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 249 เคราะห์ร้ายแปดชั่วโคตร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 251 เข้าร่วมต่อสู้

MDB ตอนที่ 250 เครื่องรางสายฟ้าของผู้เฒ่าลัทธิเต๋า


แม้ว่าลมหายใจของผู้เฒ่าลัทธิเต๋าจะดูธรรมดา แต่ความจริงนั้นมันผิดจากที่ตาเห็น

ด้วยพายุหมุนวน ทำให้ค้างคาวสีเลือดถูกขังไว้ข้างใน ไม่ว่ามันจะใหญ่แค่ไหน มันก็ไม่สามารถหลุดจากลมแรงได้ชั่วครู่

เมื่อเห็นการโจมตีของเขาสำเร็จ ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าจึงหนีไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนขี้ขลาด แต่เขาไม่รู้จักลิงขาวดีพอ นอกจากนี้ ผู้เฒ่าลัทธิเต๋ายังรู้ถึงความสามารถของตัวเองดี ถ้าหากเป็นคนธรรรมดา เขายังพอรับมือได้ แต่ไม่ใช่ค้างคาวสีเลือดตัวนี้

จากการเดินทางมานานหลายทศวรรษ และมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน ผู้เฒ่าลัทธิเต๋ามีความรู้มากพอที่จะเคยได้ยินเกี่ยวจอมวายร้ายมาก่อน

ชุมชนวายร้ายมีกฎของตัวเอง พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้จำแนกตามเมืองหรือประเทศ แต่มีการจัดอันดับเป็นรายบุคคลตามทวีปต่าง ๆ และค้างคาวโลหิตค่อนข้างเป็นที่รู้จักในทวีปยูไนเต็ด ในฐานะยอดฝีมือชั่วร้าย

นักบวชที่ควบคุมงูเหลือมก็เหมือนกัน เขายังแข็งแกร่งกว่าค้างคาวโลหิตด้วยซ้ำ

เขาได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในยี่สิบอันดับแรกของจอมวายร้ายที่ชั่วร้ายที่สุดในโลก

ตามปกติแล้ว คนจากทวีปยูไนเต็ดไม่ต้องการยั่วยุทั้งคู่เพราะสัตว์เลี้ยงของพวกเขาทั้งคู่อยู่ในระดับสี่ แม้ว่าผู้เฒ่าลัทธิเต๋าจะมีทักษะติดตัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่มีสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ปีศาจวานรที่เขารับมาเป็นศิษย์ก็เป็นเพียงระดับสองเท่านั้น แม้ว่าเขาจะพูดได้และเรียนรู้วิชาแปลงร่าง แต่เขาก็ไม่สามารถทำมากกว่านี้ได้

ดังนั้น การวิ่งจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น

สีหน้าของค้างคาวโลหิตมืดลงและเธอร่ายคาถา สัตว์เลี้ยงของเธอเพิ่มขนาดขึ้นทันทีเมื่อแสงสีแดงเข้มล้อมรอบมัน

มันหลุดพ้นจากพายุทันทีและกระพือปีก ส่งลมกระโชกแรงไปยังผู้เฒ่าลัทธิเต๋าที่วิ่งหนีไปมากกว่าร้อยฟุต ทำให้เขาล้มลง

ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าล้มลงอย่างแรง ทำให้หัวโขกลงกับพื้น เขาจึงพยุงตัวกลับขึ้นมาไม่ได้ เมื่อค้างคาวสีเลือดเข้าใกล้ ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าก็พึมพำว่า

“ดูเหมือนว่าข้าคงมาได้เพียงเท่านี้!”

ทันใดนั้น หินก้อนหนึ่งก็กระแทกเข้าที่หัวของค้างคาวสีเลือด

จากนั้นก็มีอีกหลายก้อน

คนที่ขว้างก้อนหินคือปีศาจวานร

ผู้เฒ่าลัทธิเต๋ารำพึงในใจว่า 'อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ยังมีมโนธรรมอยู่บ้างนะ เจ้าลิงทรยศ!'

เขาเข้าใจเรื่องนี้จะไม่จบลงด้วยดี เห็นได้ชัดว่าผู้โจมตีมีเป้าหมายที่จะสังหาร และผู้เฒ่าลัทธิเต๋ารู้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือหมาป่าอัคคีระดับสี่ในสนาม อย่างไรก็ตาม เจ้าหมาป่าได้ถูกพันธนาการโดยมังกรหยก มันจึงถูกตัดออกจากการต่อสู้โดยปริยาย

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามังกรหยกตัวนั้น มันจะต้องอยู่ในระดับสี่อย่างแน่นอน

นี่คืออาณาจักรมังกรหยก จึงไม่แปลกที่จะเห็นมังกรหยกที่นี่ แต่การที่มันร่วมมือกับยอดฝีมือชั่วร้ายนั่นหมายความว่าคนที่มีสถานะสูงในอาณาจักรนี้ต้องการสังหารกับหมาป่าอัคคีและลิงขาวตัวนี้

นี่เป็นสถานการณ์ที่ยุ่งยาก

ตามลักษณะนิสัยของผู้เฒ่าลัทธิเต๋า เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ทว่าเขาได้ทำลงไปแล้ว แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม และค้างคาวโลหิตก็ไม่แสดงทีท่าว่าจะปล่อยเขาไป

ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าไม่ใช่นักบุญ เขาทำสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความผิดอย่างสมบูรณ์เช่นกัน ถ้ามีคนต้องการเอาชีวิตเขา เขาไม่มีทางยอมตายโดยที่อยู่เฉย ๆ ไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน

'ข้ายังไม่อยากตาย!' ด้วยความรู้สึกแน่วแน่ ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าหยิบเครื่องรางออกมา

มันดูเหมือนเป็นเครื่องรางทั่วไป แต่จารึกนั้นเขียนด้วยพลังวิญญาณที่มีความเข้มข้นสูงและทำให้มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งมนต์ขลัง

“มังกรแห่งสายฟ้า ในนามอันศักดิ์สิทธิ์ของข้า ผู้เป็นนายของเจ้า จงฟังคำสั่งของข้า เจ้าจงส่งคลื่นทำลายล้างและประกายแสงสายฟ้าฟาดลงมา!!”

ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าแทบจะปวดใจ ในขณะที่เขาร่ายคาถา

เหตุผลของเขานั้นก็เรียบง่าย เป็นเพราะเขาต้องเสียเครื่องรางสายฟ้าไป

มันเป็นเครื่องรางอันสุดท้ายจากนิกายเมฆา มันจะหายไปหลังจากใช้งาน ดังนั้นผู้เฒ่าลัทธิเต๋าจึงหวงแหนเครื่องรางนี้มาก เขาไม่แม้แต่จะหยิบมันออกมาทุกครั้งที่เจออันตราย

แต่วันนี้ สถานการณ์เลวร้ายอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นหากเขาไม่ใช้มัน เขาก็จะตาย

ระหว่างความเป็นกับความตาย ไม่ต้องคิดมากว่าเขาจะเลือกอะไร

ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าจึงยอมใช้มัน แม้ว่าหัวใจของปวดร้าวมากแค่ไหนก็ตาม

ทันใดนั้นสายฟ้าฟาดลงมากระทบค้างคาวโลหิต แต่พลังของสายฟ้านี้อ่อนแอกว่าที่ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าจินตนาการไว้มาก

มันแทบไม่ต่างจากฟ้าแลบเลย

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้มัน ผู้อาวุโสของเขาในนิกายเมฆาเคยถึงมันกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แต่ใครจะรู้ว่าเครื่องรางสายฟ้านี้จะไม่ได้ทรงพลังถึงขนาดนี้

แม้จะมีพลังที่อ่อนแอ แต่ก็ยังเป็นสายฟ้า

ทำให้ค้างคาวสีเลือดร่วงลงกับพื้น กระแสไฟฟ้ายังคงวิ่งผ่านร่างของมันและมันส่งเสียงครืดคราดออกมา ร่างของมันส่วนใหญ่ไหม้เกรียม แม้ว่าเครื่องรางสายฟ้าจะไม่รุนแรงมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้มันเป็นอัมพาตได้ชั่วขณะ

ผู้หญิงที่ยืนอยู่บนยอดไม้ตกใจ สายฟ้านั้นพุ่งออกมาในอากาศอย่างไม่น่าเชื่อ และเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มาจากสัตว์วิเศษ

นี่คือการร่ายคาถา

การร่ายคาถาแบบดั่งเดิมโดยผู้ฝึกตน

ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกตื่นตระหนกและหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเธอก็ฟื้นคืนสติหลังจากเห็นว่าผู้เฒ่าลัทธิเต๋าอ่อนแอมากเพียงใด ชายชราคนนั้นต้องยืมพลังจากภายนอกเพื่อร่ายคาถานั้น เขาคงไม่แข็งแกร่งมาก มิฉะนั้นสายฟ้าก่อนหน้านี้จะไม่อ่อนแออย่างนี้

“แกกล้าดียังไงมาทำร้ายสัตว์เลี้ยงของข้า แกจะต้องชดใช้!!” ผู้หญิงคำรามและร่ายคาถา วัวตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากอากาศ ค้างคาวสีเลือดพุ่งบินไปเข้าหาวัวทันทีและจมเขี้ยวที่คอของวัว แล้วดูดเลือดวัวจนแห้งในเวลาเพียงครู่เดียว

รอยไหม้บนตัวค้างคาวโลหิตเริ่มสมานกันอย่างรวดเร็ว

ผู้เฒ่าลัทธิเต๋าสั่นสะท้าน แม้แต่เครื่องรางสายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดในคลังแสงของเขาก็ยังทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรในตอนนี้

เนื่องจากเขาไม่สามารถตอบโต้หรือวิ่งหนีได้ สิ่งที่เหลืออยู่คือการรอความตายเท่านั้น...

ภายในเมืองหลวงมีโรงน้ำชาที่ไม่เด่นและไม่เป็นที่รู้จัก ธุรกิจเป็นไปอย่างเชื่องช้าแต่เปิดดำเนินการมาหลายปีแล้ว

ชื่อของสถานที่แห่งนี้ก็คือโรงน้ำชาฮู่

นามสกุลของเจ้าของคือฮู่ เขาเป็นชายชราที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และจะเปิดร้านของเขาไม่ว่าธุรกิจจะดีหรือไม่ดี และไม่ว่าฝนตกหรือแดดออก

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันอื่น ๆ

เฒ่าฮู่รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เหตุผลนั้นง่ายมาก ตั้งแต่เมื่อวาน มีคนหน้าตาแปลก ๆ สี่คนนั่งอยู่ในร้านของเขา

พวกเขาไม่ได้แปลกขนาดนั้น คนหนึ่งดูเหมือนนักวิชาการ เขาก็ไม่ได้ดูผิดปกติอะไร นอกจากนี้ยังผู้หญิงที่ถือห่อผ้าก็ดูไม่แปลกเช่นกัน

เธอเองก็สวยเหมือนกัน น่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งที่เฒ่าฮูเคยเห็นมาอย่างแน่นอน เธอดูดีกว่าเมียที่บ้านของเขามาก

สำหรับอีกสองคน คนหนึ่งดูน่ากลัวเหมือนปีศาจ ในขณะที่อีกคนเลวร้ายที่สุด ชายผู้นั้นมีรูปร่างสูงและสวมเสื้อผ้าหนา มีกลิ่นแปลก ๆ และมีโลงศพวางอยู่ข้าง ๆ

คนปกติแบบไหนที่จะพกโลงศพไปด้วย?

อย่างไรก็ตาม ทั้งสี่คนนั่งอยู่ที่นั่นทั้งวันทั้งคืนแล้ว และนี่เป็นเรื่องแปลก แม้ว่านักวิชาการและหญิงสาวสวยที่มีห่อผ้าจะดูธรรมดา แต่พวกเขาก็ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปสำหรับเฒ่าฮู่

โชคดีที่ทั้งสี่นี้ไม่ได้ก่อเรื่องวุ่นวาย พวกเขาทำแค่นั่งอยู่ในร้านและกำลังดื่มชาอย่างใจเย็น หญิงสาวสวยกำลังเกลี้ยกล่อมลูกของเธอ และอีกสองคนเหมือนรูปปั้น ไม่พูดจาหรือส่งเสียงใด ๆ

นั่นยิ่งทำให้เฒ่าฮู่รู้สึกอึดอัดมาก

สิ่งเดียวที่คอยปลอบใจเขาก็คือลูกค้าทั้งสี่คนนี้ใจป้ำมาก จำนวนเงินที่พวกเขาจ่ายมาเมื่อวานนั้นมันเทียบเท่ากับกำไรหนึ่งเดือนของร้านเลย ดังนั้นหากพวกเขาแค่ต้องการนั่งตรงนั้น เขาก็จะปล่อยพวกเขานั่งต่อไปโดยไม่ว่าอะไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด