ตอนที่แล้วChapter 86 : โพชั่น – วัตถุดิบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 88 :คัมภีร์ - แหวน

Chapter 87 : ค่าหัว


คนทั้งสองมุ่งหน้าไปยังร้านขายอาวุธและชุดเกราะ

ร้านอาวุธแห่งนี้ดูเล็กกว่าโรงตีเหล็กแห่งเมืองยอดเหมันต์อยู่พอสมควรและยังมีอาวุธคุณภาพสูงน้อยชิ้นกว่าด้วย พวกเขาเห็นเพียงอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางสองชิ้นเท่านั้นที่ทางระบบสามารถระบุได้ ราคาเองก็แพงไม่น้อยสูงถึง30เหรียญทองเลยทีเดียว

โจวเฉินไม่ได้ต้องการอาวุธพวกนี้ซักเท่าไหร่นักดังนั้นเขาจึงไม่ได้ซื้อ ส่วนหญิงสาวร่างสูงเองก็ซื้อไม่ได้เช่นกันเพราะมีเงินไม่พอ

หลังจากออกจากร้านอาวุธคนทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังร้านขายชุดเกราะเป็นลำดับถัดไป

ร้านขายชุดเกราะที่ว่านี้คือร้านที่ขายทั้งเกราะหนัง เกราะผ้า เกราะหนักและชุดป้องกันประเภทอื่นๆ เมื่อพิจราณาจากเสื้อผ้าของคนทั้งคู่ที่ไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นของโลกใบนี้ได้พวกเขาจึงตัดสินใจซื้อเกราะหนังธรรมดาๆที่ทำจากหนังของหมาป่าหิมะมาคนละตัว

หลังจากสวมใส่เกราะหนังที่ค่อนข้างอบอุ่นคนทั้งสองก็เดินออกจากร้านและมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรม

ในความเป็นจริงแล้วพวกเขายังอยากจะไปเดินดูร้านค้าอื่นๆต่ออีกแต่ตอนนี้มันย่างเข้ายามค่ำแล้ว ร้านค้าหลายๆแห่งเองก็เริ่มทยอยกันปิดตัวแล้วเช่นกัน

โดยการพึ่งพาแสงสว่างจากดวงจันทร์และแสงตะเกียงสลัวๆที่ลอดผ่านหน้าต่างบ้านภายในเมือง คนทั้งสองจึงสามารถเดินผ่านถนนมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมป่าอุ่นได้โดยไม่หลงทาง

ระหว่างทางนั้นคนทั้งสองเห็นคนที่มีลักษณะคล้ายกับนักธุรกิจกำลังเร่งรีบมุ่งหน้าตรงไปยังโรงแรมและคนที่ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักและแววตาดุร้าย กระทั่งเด็กหลายคนที่พยายามเข้ามาล้วงกระเป๋าพวกเขาก็ยังเจอแต่ดีว่าพวกเขาสามารถไล่ไปได้ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษอีก

“ที่นี่ตอนกลางคืนค่อนข้างวุ่นวายจริงๆ เรื่องเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้นได้แบบเปิดเผยมาก”

หลังจากเดินมาได้ซักพักโจวเฉินก็เอ่ยกับหญิงสาวร่างสูง

“หืม...ฉันรู้สึกว่าเพื่อนของไอ้พวกโจรกระจอกที่พวกเราเจอในซอยจะกำลังมุ่งเป้ามาที่พวกเรานะ”

หญิงสาวมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังและเอ่ยออกมา

“ไม่หรอกเธอกังวลเกินไปแล้ว”

โจวเฉินเองก็ลอบสำรวจสภาพแวดล้อมในบริเวณรอบๆแล้วเช่นกันและสัมผัสไม่ได้ถึงอันตรายหรือค้นพบเงาร่างน่าสงสัยแต่อย่างใด หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะรอบๆนี้มีแต่คนน่าสงสัยเต็มไปหมดจนทำให้เขารู้สึกชินชาก็เป็นไปได้

“ไวน์...เอาไวน์มาให้ข้า...”

ในเวลานั้นเองชายขี้เมาผมเผ้ารกรุงรังและมีหนวดเคราเกลื่อนใบหน้าพลันเดินซวนเซเข้ามา แววตาพร่าเลือนคู่นั้นสังเกตเห็นโจวเฉินเขาจึงเหยียดมือออกมาและเอ่ยขอไวน์จากอีกฝ่าย

ปัง!

โจวเฉินไม่คิดจะเสียเวลา เขาถีบชายขี้เมาไปที่อีกฝั่งของกำแพงในทันทีทำให้ชายขี้เมาผู้นั้นหมดสติไป

‘น่าจะใช้แรงมากไปหน่อยเจ้าหมอนี่จะหนาวตายไหมนะถ้าปล่อยให้หมดสติอยู่ตรงนี้?’

โจวเฉินเดินต่อโดยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก

การกระทำของเขาดูเหมือนจะส่งผลอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ชัดเจนแล้วว่ามีคนกำลังจับตามองเขาอยู่จริงๆ

หลายนาทีให้หลังพวกเขาก็มาถึงทางแคบๆสายหนึ่ง บ้านเรือนทั้งสองฝากฝั่งต่างมืดสนิทและไร้ซึ่งแสงไฟ

โจวเฉินเดินไปเรื่อยๆด้วยความเร็วปกติพร้อมๆกับหญิงสาวร่างสูงข้างกาย

หากแต่ทันใดนั้นเองจู่ๆโจวเฉินก็เร่งความเร็วขึ้นและเดินออกไปด้านหน้าเพียงลำพัง

นอกจากนี้เขายังกระทั่งฮัมเพลงออกมาราวกับว่ากำลังอารมณ์ดียิ่งนัก

จากนั้นเขาก็ค่อยๆขยับไปยังด้านหนึ่งของถนน

วินาทีถัดมาประกายแสงเย็นเยียบสายหนึ่งก็พลันปรากฏออกมาจากด้านในความมืดปาดเข้ามาที่คอหอยของโจวเฉิน

“ใครกัน!”

หญิงสาวร่างสูงรีบเดินเข้ามาตรวจสอบในทันที

ท่ามกลางแสงสลัวๆปรากฏร่างของชายผอมบางคนหนึ่งนอนอยู่บนกำแพงข้างๆเท้าของโจวเฉิน หน้าอกของชายหนุ่มผู้นี้ยุบลงและกำลังนอนหายใจรวยริน

“ทำไมจู่ๆเจ้าหมอนี่ถึงโผล่ออกมาได้?”

หญิงสาวร่างสูงมองไปที่ชายร่างบางที่กำลังจะตายและเอ่ยถามโจวเฉินออกมา

เธอคิดว่าตัวเธอตรวจสอบรอบๆดีแล้วและไม่พบบุคคลที่สามเลยนอกจากพวกเขาแท้ๆ

“ฉันเองก็ไม่มั่นใจ..บางทีอาจจะเป็นความสามารถในการซ่อนตัวล่ะมั้ง โชคดีที่ฉันตอบสนองได้เร็วพอไม่อย่างนั้นคงถูกปาดคอไปแล้ว”

โจวเฉินตอบกลับเรียบๆ

“ไม่...เห็นได้ชัดว่านายรับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายมาซักพักแล้วและคิดจะล่อให้เขาลงมือ ไม่อย่างนั้นจู่ๆนายคงไม่ทำตัวประหลาดแบบนั้น”

หญิงสาวร่างสูงไม่เชื่อคำกล่าวของเขา

“เอาเถอะ...”

โจวเฉินเองก็รู้ว่าการแสดงของเขามันแย่แค่ไหนดังนั้นเขาจึงยอมรับโดยดุจดี

“ฉันแค่ระแคะระคายเล็กๆน้อยเท่านั้นไม่คิดหรอกว่าจะล่อเหยื่อให้ติดเบ็ดได้จริงๆ โชคไม่ดีที่ฉันใช้แรงมากเกินไปหน่อยไม่อย่างนั้นคงได้มีล้วงความลับจากมันก่อนตาย”

โจวเฉินกล่าวตามความจริง เขาค้นพบชายร่างบางผู้นี้ผ่านทางสกิลกระหายเลือดแต่สายตากลับมองไม่เห็นดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทดสอบ

ในเวลานี้เองชายร่างบางที่หน้ายกยุบยวบเนื่องจากถูกหมัดของโจวเฉินกระแทกเข้าใส่ก็ได้หยุดหายใจลงแล้ว โจวเฉินย่อตัวลงและตรวจสอบร่างกายของอีกฝ่ายอย่างชำนาญ

“12เหรียญทองกับ16เหรียญเงิน เจ้าหมอนี่มีเงินเยอะนะเนี่ย...มีกระดาษอะไรด้วยแฮะ”

เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดเพื่อส่องให้เห็นข้อความภายในกระดาษ

“หกเหรียญทองต่อหนึ่งหัวของบุรุษและสตรี ลักษณะของพวกเขามีดังนี้ : ผู้ชายสวมใส่หน้ากากที่ปิดบริเวณปากไปจนถึงจมูก...”

“เจ้าหมอนี่มีเป้าหมายมาที่เราแบบชัดเจนเลย คนผู้นี้ดูเหมือนจะรับข้อเสนอมา ความเร็วระดับนี้นี่ค่อนข้างเร็วเลยนะเนี่ย”

โจวเฉินประหลาดใจไม่น้อย หลังจากสังหารพวกโจรกระจอกในซอยนั่นไปเพิ่งจะผ่านมาเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนแปะค่าหัวให้กับพวกเขาเร็วขนาดนี้

“ความรู้สึกของฉันถูกต้องจริงๆด้วย เจ้าหมอนี่หรือพรรคพวกของมันน่าจะตามพวกเรามานานแล้ว”

หญิงสาวร่างสูงเองก็เห็นเนื้อหาภายในกระดาษเช่นเดียวกัน

“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หวังว่าคนถัดไปจะมีเงินมากกว่านี้นะ”

โจวเฉินเก็บถุงเงินของชายร่างบางและมองไปยังมีดสั้นที่ตกอยู่อีกฝั่ง

“มีดนี้ระบบระบุไม่ได้น่าเสียดายจริงๆ เจ้าหมอนี่เห็นๆอยู่ว่ามีเงินแต่ดันไม่ซื้ออาวุธดีๆมาใช้”

หลงจากบ่นออกมาโจวเฉินก็เดินออกจากบริเวณนี้ไปพร้อมกับหญิงสาวร่างสูงโดยทิ้งศพของคนผู้นั้นที่ถูกปอกลอกจนหมดตัวเอาไว้เบื้องหลัง

“ฉันว่าจะไปรับภารกิจล่าค่าหัวหลังจากตรวจสอบสถานที่ที่เหลือในวันพรุ่งนี้แล้ว”

จู่ๆหญิงสาวร่างสูงก็เอ่ยขึ้นมา

“โอ้...ส่วนฉันว่าจะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบทำโพชั่นพวกนั้นหลังจากสำรวจร้านค้าทั้งหมดในวันพรุ่งนี้เสร็จแล้วล่ะนะ”

โจวเฉินตอบกลับอย่างสบายๆ

เขาวางแผนสำหรับอีกหลายวันให้หลังเอาไว้แล้ว เป้าหมายหลักของเขาคือการได้โพชั่นให้ผลถาวรพวกนั้นมาครอบครอง

“ถ้าดูแล้วไม่น่าจะมีหวังฉันก็จะหาเงินไปซื้ออาวุธบางส่วนและโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตกลับไป”

ความเป็นไปได้ที่จะหาวัตถุดิบทำโพชั่นพวกนั้นไม่ได้ก็มีอยู่..ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงๆเขาก็จะใช้เงินที่เหลือซื้ออย่างอื่นแทน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด