Chapter 87 : ค่าหัว
คนทั้งสองมุ่งหน้าไปยังร้านขายอาวุธและชุดเกราะ
ร้านอาวุธแห่งนี้ดูเล็กกว่าโรงตีเหล็กแห่งเมืองยอดเหมันต์อยู่พอสมควรและยังมีอาวุธคุณภาพสูงน้อยชิ้นกว่าด้วย พวกเขาเห็นเพียงอาวุธระดับทองแดงขั้นกลางสองชิ้นเท่านั้นที่ทางระบบสามารถระบุได้ ราคาเองก็แพงไม่น้อยสูงถึง30เหรียญทองเลยทีเดียว
โจวเฉินไม่ได้ต้องการอาวุธพวกนี้ซักเท่าไหร่นักดังนั้นเขาจึงไม่ได้ซื้อ ส่วนหญิงสาวร่างสูงเองก็ซื้อไม่ได้เช่นกันเพราะมีเงินไม่พอ
หลังจากออกจากร้านอาวุธคนทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังร้านขายชุดเกราะเป็นลำดับถัดไป
ร้านขายชุดเกราะที่ว่านี้คือร้านที่ขายทั้งเกราะหนัง เกราะผ้า เกราะหนักและชุดป้องกันประเภทอื่นๆ เมื่อพิจราณาจากเสื้อผ้าของคนทั้งคู่ที่ไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นของโลกใบนี้ได้พวกเขาจึงตัดสินใจซื้อเกราะหนังธรรมดาๆที่ทำจากหนังของหมาป่าหิมะมาคนละตัว
หลังจากสวมใส่เกราะหนังที่ค่อนข้างอบอุ่นคนทั้งสองก็เดินออกจากร้านและมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรม
ในความเป็นจริงแล้วพวกเขายังอยากจะไปเดินดูร้านค้าอื่นๆต่ออีกแต่ตอนนี้มันย่างเข้ายามค่ำแล้ว ร้านค้าหลายๆแห่งเองก็เริ่มทยอยกันปิดตัวแล้วเช่นกัน
โดยการพึ่งพาแสงสว่างจากดวงจันทร์และแสงตะเกียงสลัวๆที่ลอดผ่านหน้าต่างบ้านภายในเมือง คนทั้งสองจึงสามารถเดินผ่านถนนมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรมป่าอุ่นได้โดยไม่หลงทาง
ระหว่างทางนั้นคนทั้งสองเห็นคนที่มีลักษณะคล้ายกับนักธุรกิจกำลังเร่งรีบมุ่งหน้าตรงไปยังโรงแรมและคนที่ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยรอยสักและแววตาดุร้าย กระทั่งเด็กหลายคนที่พยายามเข้ามาล้วงกระเป๋าพวกเขาก็ยังเจอแต่ดีว่าพวกเขาสามารถไล่ไปได้ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรพิเศษอีก
“ที่นี่ตอนกลางคืนค่อนข้างวุ่นวายจริงๆ เรื่องเลวร้ายทุกอย่างเกิดขึ้นได้แบบเปิดเผยมาก”
หลังจากเดินมาได้ซักพักโจวเฉินก็เอ่ยกับหญิงสาวร่างสูง
“หืม...ฉันรู้สึกว่าเพื่อนของไอ้พวกโจรกระจอกที่พวกเราเจอในซอยจะกำลังมุ่งเป้ามาที่พวกเรานะ”
หญิงสาวมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังและเอ่ยออกมา
“ไม่หรอกเธอกังวลเกินไปแล้ว”
โจวเฉินเองก็ลอบสำรวจสภาพแวดล้อมในบริเวณรอบๆแล้วเช่นกันและสัมผัสไม่ได้ถึงอันตรายหรือค้นพบเงาร่างน่าสงสัยแต่อย่างใด หรือไม่อย่างนั้นก็อาจจะเป็นเพราะรอบๆนี้มีแต่คนน่าสงสัยเต็มไปหมดจนทำให้เขารู้สึกชินชาก็เป็นไปได้
“ไวน์...เอาไวน์มาให้ข้า...”
ในเวลานั้นเองชายขี้เมาผมเผ้ารกรุงรังและมีหนวดเคราเกลื่อนใบหน้าพลันเดินซวนเซเข้ามา แววตาพร่าเลือนคู่นั้นสังเกตเห็นโจวเฉินเขาจึงเหยียดมือออกมาและเอ่ยขอไวน์จากอีกฝ่าย
ปัง!
โจวเฉินไม่คิดจะเสียเวลา เขาถีบชายขี้เมาไปที่อีกฝั่งของกำแพงในทันทีทำให้ชายขี้เมาผู้นั้นหมดสติไป
‘น่าจะใช้แรงมากไปหน่อยเจ้าหมอนี่จะหนาวตายไหมนะถ้าปล่อยให้หมดสติอยู่ตรงนี้?’
โจวเฉินเดินต่อโดยไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก
การกระทำของเขาดูเหมือนจะส่งผลอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ชัดเจนแล้วว่ามีคนกำลังจับตามองเขาอยู่จริงๆ
หลายนาทีให้หลังพวกเขาก็มาถึงทางแคบๆสายหนึ่ง บ้านเรือนทั้งสองฝากฝั่งต่างมืดสนิทและไร้ซึ่งแสงไฟ
โจวเฉินเดินไปเรื่อยๆด้วยความเร็วปกติพร้อมๆกับหญิงสาวร่างสูงข้างกาย
หากแต่ทันใดนั้นเองจู่ๆโจวเฉินก็เร่งความเร็วขึ้นและเดินออกไปด้านหน้าเพียงลำพัง
นอกจากนี้เขายังกระทั่งฮัมเพลงออกมาราวกับว่ากำลังอารมณ์ดียิ่งนัก
จากนั้นเขาก็ค่อยๆขยับไปยังด้านหนึ่งของถนน
วินาทีถัดมาประกายแสงเย็นเยียบสายหนึ่งก็พลันปรากฏออกมาจากด้านในความมืดปาดเข้ามาที่คอหอยของโจวเฉิน
“ใครกัน!”
หญิงสาวร่างสูงรีบเดินเข้ามาตรวจสอบในทันที
ท่ามกลางแสงสลัวๆปรากฏร่างของชายผอมบางคนหนึ่งนอนอยู่บนกำแพงข้างๆเท้าของโจวเฉิน หน้าอกของชายหนุ่มผู้นี้ยุบลงและกำลังนอนหายใจรวยริน
“ทำไมจู่ๆเจ้าหมอนี่ถึงโผล่ออกมาได้?”
หญิงสาวร่างสูงมองไปที่ชายร่างบางที่กำลังจะตายและเอ่ยถามโจวเฉินออกมา
เธอคิดว่าตัวเธอตรวจสอบรอบๆดีแล้วและไม่พบบุคคลที่สามเลยนอกจากพวกเขาแท้ๆ
“ฉันเองก็ไม่มั่นใจ..บางทีอาจจะเป็นความสามารถในการซ่อนตัวล่ะมั้ง โชคดีที่ฉันตอบสนองได้เร็วพอไม่อย่างนั้นคงถูกปาดคอไปแล้ว”
โจวเฉินตอบกลับเรียบๆ
“ไม่...เห็นได้ชัดว่านายรับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายมาซักพักแล้วและคิดจะล่อให้เขาลงมือ ไม่อย่างนั้นจู่ๆนายคงไม่ทำตัวประหลาดแบบนั้น”
หญิงสาวร่างสูงไม่เชื่อคำกล่าวของเขา
“เอาเถอะ...”
โจวเฉินเองก็รู้ว่าการแสดงของเขามันแย่แค่ไหนดังนั้นเขาจึงยอมรับโดยดุจดี
“ฉันแค่ระแคะระคายเล็กๆน้อยเท่านั้นไม่คิดหรอกว่าจะล่อเหยื่อให้ติดเบ็ดได้จริงๆ โชคไม่ดีที่ฉันใช้แรงมากเกินไปหน่อยไม่อย่างนั้นคงได้มีล้วงความลับจากมันก่อนตาย”
โจวเฉินกล่าวตามความจริง เขาค้นพบชายร่างบางผู้นี้ผ่านทางสกิลกระหายเลือดแต่สายตากลับมองไม่เห็นดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทดสอบ
ในเวลานี้เองชายร่างบางที่หน้ายกยุบยวบเนื่องจากถูกหมัดของโจวเฉินกระแทกเข้าใส่ก็ได้หยุดหายใจลงแล้ว โจวเฉินย่อตัวลงและตรวจสอบร่างกายของอีกฝ่ายอย่างชำนาญ
“12เหรียญทองกับ16เหรียญเงิน เจ้าหมอนี่มีเงินเยอะนะเนี่ย...มีกระดาษอะไรด้วยแฮะ”
เขาหยิบไฟแช็กขึ้นมาจุดเพื่อส่องให้เห็นข้อความภายในกระดาษ
“หกเหรียญทองต่อหนึ่งหัวของบุรุษและสตรี ลักษณะของพวกเขามีดังนี้ : ผู้ชายสวมใส่หน้ากากที่ปิดบริเวณปากไปจนถึงจมูก...”
“เจ้าหมอนี่มีเป้าหมายมาที่เราแบบชัดเจนเลย คนผู้นี้ดูเหมือนจะรับข้อเสนอมา ความเร็วระดับนี้นี่ค่อนข้างเร็วเลยนะเนี่ย”
โจวเฉินประหลาดใจไม่น้อย หลังจากสังหารพวกโจรกระจอกในซอยนั่นไปเพิ่งจะผ่านมาเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนแปะค่าหัวให้กับพวกเขาเร็วขนาดนี้
“ความรู้สึกของฉันถูกต้องจริงๆด้วย เจ้าหมอนี่หรือพรรคพวกของมันน่าจะตามพวกเรามานานแล้ว”
หญิงสาวร่างสูงเองก็เห็นเนื้อหาภายในกระดาษเช่นเดียวกัน
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หวังว่าคนถัดไปจะมีเงินมากกว่านี้นะ”
โจวเฉินเก็บถุงเงินของชายร่างบางและมองไปยังมีดสั้นที่ตกอยู่อีกฝั่ง
“มีดนี้ระบบระบุไม่ได้น่าเสียดายจริงๆ เจ้าหมอนี่เห็นๆอยู่ว่ามีเงินแต่ดันไม่ซื้ออาวุธดีๆมาใช้”
หลงจากบ่นออกมาโจวเฉินก็เดินออกจากบริเวณนี้ไปพร้อมกับหญิงสาวร่างสูงโดยทิ้งศพของคนผู้นั้นที่ถูกปอกลอกจนหมดตัวเอาไว้เบื้องหลัง
“ฉันว่าจะไปรับภารกิจล่าค่าหัวหลังจากตรวจสอบสถานที่ที่เหลือในวันพรุ่งนี้แล้ว”
จู่ๆหญิงสาวร่างสูงก็เอ่ยขึ้นมา
“โอ้...ส่วนฉันว่าจะลองหาข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบทำโพชั่นพวกนั้นหลังจากสำรวจร้านค้าทั้งหมดในวันพรุ่งนี้เสร็จแล้วล่ะนะ”
โจวเฉินตอบกลับอย่างสบายๆ
เขาวางแผนสำหรับอีกหลายวันให้หลังเอาไว้แล้ว เป้าหมายหลักของเขาคือการได้โพชั่นให้ผลถาวรพวกนั้นมาครอบครอง
“ถ้าดูแล้วไม่น่าจะมีหวังฉันก็จะหาเงินไปซื้ออาวุธบางส่วนและโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิตกลับไป”
ความเป็นไปได้ที่จะหาวัตถุดิบทำโพชั่นพวกนั้นไม่ได้ก็มีอยู่..ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นจริงๆเขาก็จะใช้เงินที่เหลือซื้ออย่างอื่นแทน