ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 151 บ่อนโชคลาภ
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 151 บ่อนโชคลาภ
แปลโดย iPAT
หลี่ฉิงซานถาม “สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ยอดเยี่ยมมากจนทำให้ท่านคิดถึงมันตลอดเวลาเลยงั้นหรือ?”
โจวเหวินปิงตอบ “มันคือรากฐานของจักรวรรดิต้าเซี่ย สถานที่ที่รวบรวมคนหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์ทั้งหมดของมณฑลชิงเหอ แน่นอนว่ามันเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยม เจ้าคิดอย่างไรกับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของข้า?”
หลี่ฉิงซายยกย่อง “เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ของท่านโดดเด่นมาก ท่านเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกและเป็นเจ้าเมืองที่ยืนอยู่เหนือคนนับล้านได้ในวัยเพียงเท่านี้”
โจวเหวินปิงส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ข้าโดดเด่นงั้นหรือ? พรสวรรค์ของข้าแทบไม่ถึงค่าเฉลี่ยเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่นั่น สำหรับตำแหน่ง อัจฉริยะที่แท้จริงไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้เพื่อช่วยในการบ่มเพาะ พวกเขาจะไม่เสียเวลากับการปกครองผู้คน สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือมุ่นมั่นกับการบ่มเพาะและพวกเขาไปได้ไกลกว่าข้ามาก”
เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นหกแต่เขาแทบไม่ถึงค่าเฉลี่ย!
หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “โลกนี้มีคนเก่งอยู่มากจริงๆ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องถ่อมตนเกินไป” เขาไม่แปลกใจกับความจริงที่ว่ามีคนจำนวนมากที่มีพรสวรรค์มากกว่าเขา แท้จริงแล้วพรสวรรค์ของเขาไม่มีสิ่งใดพิเศษ นอกจากนั้นเขาก็พึ่งเริ่มต้นบ่มเพาะมาเพียงไม่นาน เขาไม่ได้รับคำแนะนำจากผู้ใด เขาพึ่งพาเพียงเม็ดยาทั่วไปเท่านั้น
คนที่มาจากกองกำลังใหญ่มักเริ่มบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก พวกเขาสามารถไขข้อข้องใจด้วยการถามอาจารย์หรือผู้อาวุโส พวกเขากินเม็ดยาล้ำค่าที่เขาไม่แม้แต่จะเคยได้ยิน หากพรสวรรค์ของพวกเขาค่อนข้างดี พวกเขาจะกลายเป็นอัจฉริยะ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเวลา ทรัพยากร หรือพรสวรรค์ มีคนมากมายที่เหนือกว่าเขา ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีเด็กรุ่นเดียวกันกับเขาที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าเขา ไม่ว่าจะเป็นโลกใบใด มันก็ไม่เคยมีความยุติธรรมที่แท้จริง หากเปรียบเทียบกับการบ่น การพยายามมากขึ้นอาจเป็นสิ่งที่ดีกว่า
โจวเหวินปิงกล่าว “ผู้บัญชาการฮัวเฉิงซานก็เช่นกัน แม้เขาจะมาจากกองกำลังที่มีชื่อเสียงแต่เขาก็ยังเข้าเรียนในสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ แม้ตอนนี้เขาจะทิ้งมันไปแล้ว แต่หากข้าพบเขา ข้าก็ยังต้องเรียกเขาว่าศิษย์พี่ มีคำกล่าวที่ว่า อัจฉริยะของโลกล้วนมาจากสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ เจ้าควรพิจารณามันจริงๆ”
“เช่นนั้นข้าจะลองดูในอนาคต เมื่อถึงเวลานั้นข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าได้”
หลี่ฉิงซานเคยได้ยินกู่เยี่ยนหยินกล่าวว่าฮัวเฉิงซานเป็นจอมยุทธ์ขั้นสิบ กู่เยี่ยนหยินยังบอกให้เขาเลิกหมกมุ่นกับผู้หญิง ย้อนกลับไป หลี่ฉิงซานยังมองไม่เห็นทิวทัศน์ เขาไม่รู้ว่าจอมยุทธ์ขั้นสิบหมายถึงสิ่งใด แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ฮัวเฉิงซานอยู่ห่างจากภัยพิบัติสวรรค์ครั้งแรกของเขาเพียงก้าวเดียว แม้หลี่ฉิงซานจะเป็นปีศาจ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะตัวตนเช่นนั้น
โจวเหวินปิงกล่าว “สิ่งนี้เป็นหน้าที่ของข้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของข้า โดยพื้นฐานแล้วข้าไม่มีภารกิจอื่นใดในเมืองเจียเผิง สิ่งสำคัญที่ข้าต้องทำมีเพียงคัดเลือกเด็กหนุ่มสาวที่มีพรสวรรค์หนึ่งร้อยคนเพื่อส่งไปยังสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ทุกปี”
ข้อกำหนดที่หละหลวมทำให้หลี่ฉิงซานประหลาดใจ “ง่ายเช่นนั้นเลยหรือ? ตราบเท่าที่พวกเขามีพรสวรรค์?”
โจวเหวินปิงตอบ “การเข้าไปเป็นเรื่องง่ายแต่การอยู่ต่อนั้นยาก เจ้าจะอยู่ที่นั่นได้นานเพียงใดขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้าเอง”
หลี่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างเงียบๆอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากถาม “โอ้ ถูกต้อง ท่านยังต้องการเงินอยู่หรือไม่?”
โจวเหวินปิงกล่าว “ตั้งแต่ข้ากลายเป็นเจ้าเมือง ไม่มีสักครั้งที่ข้าไม่ต้องการเงิน ดูเหมือนครั้งนี้เจ้าจะเก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างมาก”
หลี่ฉิงซานหยิบตั๋วแลกเงินหลายล้านตำลึงออกมาเพื่อแลกกับเม็ดยารวบรวมพลังปราณ ผลลัพธ์คือเม็ดยารวบรวมพลังปราณในการครอบครองของเขากลับมาถึงจำนวนสามร้อยเม็ดอีกครั้ง มันเพียงพอให้เขาบ่มเพาะได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
จอมยุทธ์ทั่วไปจะใช้ยาปริมาณจำกัดในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันไม่เคยเพียงพอสำหรับแก่นปีศาจของเขา
สิ่งสำคัญคือเม็ดยาที่เขาได้รับจากโจวเหวินปิงบริสุทธ์และคุณภาพยอดเยี่ยมกว่าเม็ดยาของเฉียนเยี่ยนเหนิงมาก
“เม็ดยาเหล่านี้ถูกหลอมขึ้นโดยท่านงั้นหรือ?”
โจวเหวินปิงกล่าว “ครั้งหนึ่งข้าเคยเรียนปรุงยากับปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงด้านการเล่นแร่แปรธาตุและการปรุงยาของสำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ มันเป็นเพียงเม็ดยารวบรวมพลังปราณ มันไม่ยากที่จะหลอมสร้าง” วัตถุดิบในการหลอมเม็ดยารวบรวมพลังปราณหาได้ค่อนข้างง่าย ในฐานะเจ้าเมือง เขาสามารถสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชานำมาให้เขาได้ทุกเมื่อ
หลี่ฉิงซานคิดว่าหากมีโอกาส เขาจะลองไปที่สำนักศึกษาร้อยจอมยุทธ์ นี่เป็นโอกาสที่ดีเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับการปรุงยา สร้างยันต์ หรือค่ายกลจากคนที่เขาพึ่งเจอบนถนน มันจะดีที่สุดหากเขามีโอกาสเรียนรู้อย่างจริงจัง
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา มีจอมยุทธ์ที่ทรงพลังมากมายอยู่ในเมืองชิงเหอ เสี่ยวอันจะถูกค้นพบอย่างง่ายดายที่นั่น เขาต้องสร้างร่างกายให้เด็กน้อยเป็นอันดับแรก
หลี่ฉิงซานยืนขึ้นและอำลา แต่เขาไม่ได้เดินทางโดยเรือ ครั้งนี้เขาเดินทางไปตามเส้นทางสายหลักของเมืองและมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก
…..
ห่างจากเมืองเจียเผิงประมาณสามสิบห้ากิโลเมตร ภายในบ่อนโชคลาภแห่งเมืองภูเขาเงิน
แม้เมืองภูเขาเงินจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่มันกลับเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองใหญ่ทั่วไปเพราะมันมีภูเขาเงินอยู่จริงๆ ไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีเหมืองเงินซ่อนอยู่ใต้ภูเขามากเพียงใด หลายคนกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืนก่อนจะเสียชีวิตในคืนต่อมา
แม้บ่อนโชคลาภจะเป็นบ่อยในเมืองเล็กๆ แต่มันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าบ่อยชั้นหนึ่งของเมืองใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังต้อนรับทุกคนและปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของเหมืองที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างกะทันหันหรือคนงานของเหมืองที่ทำงานในสถานที่ล่อแหลม พวกเขาล้วนมาที่นี่เพื่อเสี่ยงโชค
ภายใต้ดวงประทีปอันเรืองรอง คำสาปแช่ง เสียงหัวเราะ และเสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้นอย่างไม่รู้จบสิ้น กลิ่นเหงื่อ กลิ่นควัน และกลิ่นน้ำหอมผสมกันอยู่ที่นี่
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่โต๊ะพนันอย่างแน่วแน่ พวกเขากำหมัดแน่นขณะที่ดวงตาเบิกกว้าง สีหน้าของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตามตัวเลขบนลูกเต๋า มันมีทั้งความยินดี ความโกรธ ความโศกเศร้า และความสุข
อย่างไรก็ตามสีหน้าของนักพนันมักจบลงด้วยความโกรธและโศกเศร้า มีเพียงซื่อจื่อเซียงเท่านั้นที่ยังมีความสุข เขาเป็นเจ้าของบ่อยแห่งนี้ เขาถือลูกแก้วสีทองขนาดใหญ่สองลูกไว้ในมือและหมุนมันไปรอบๆ ใบหน้าที่อวบอ้วนของเขาถูกฉาบด้วยรอยยิ้มเสมอ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ชายร่างกำยำสองคนอุ้มชายอีกคนขึ้น “เฒ่าแก่ เราจับเขาได้แล้ว”
ชายผู้นั้นคุกเข่าลงกับพื้นและร้องไห้ “เฒ่าแก่ซื่อ นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านปู่ซื่อ ได้โปรด ข้าขอร้อง ข้าจะให้เหมืองของข้า ทรัพย์สินของข้า ข้าจะมอบทุกสิ่งให้ท่าน โปรดเมตตาและไว้ชีวิตครอบครัวของข้าด้วย!”
“หากข้าไว้ชีวิตเจ้า ผู้ใดจะละเว้นข้า!”
“เช่นนั้นท่านช่วยขยายเวลาคืนเงินได้หรือไม่? ข้าจะรวบรวมเงินทั้งหมดให้ท่านอย่างแน่นอน!”
ซื่อจื่อเซียงกล่าว “ติดหนี้ก็ต้องจ่าย นั่นเป็นวิธีที่โลกทำงาน แม้แต่ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าก็ยังยุ่งอยู่ที่บ้าน เจ้าเป็นบุรุษ เหตุใดเจ้าไม่เข้าไปในเหมืองและทำงานของเจ้า!”
“ถะ...ถูกต้อง ท่าน...”
ซื่อจื่อเซียงถอนหายใจและกล่าวตัดบท “คนเราตายได้ แต่หนี้ตายไม่ได้ หากเจ้าหายไป ข้าจะทำอย่างไร?”
“ซื่อจื่อเซียง เจ้าลูกหมา! พวกเจ้าโกงลูกเต๋า...เจ้าโกงข้า...ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่มีวันไว้ชีวิตเจ้า!” ชายผู้นั้นไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้อีกต่อไป เขาติดหนี้ก้อนโตที่ไม่สามารถใช้คืน ชะตากรรมเดียวที่รอเขาอยู่คือการตายในเหมืองลึกสีดำสนิท
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกชายร่างกำยำที่อยู่ด้านข้างตบลงบนพื้น
ซื่อจื่อเซียงกล่าวอย่างเสียอารมณ์ “เหตุใดต้องลงมือหนักถึงเพียงนั้น? หากลงเอยด้วยความตายของเขาจะเกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้าจะเข้าไปในเหมืองแทนเขาหรือไม่? จุ๊ จุ๊ ดูสิ ช่างเป็นคนที่น่าสมเพชเสียจริง ข้าไม่สามารถข่มตาหลับทุกครั้งที่เห็นคนที่น่าสงสารเช่นเขา ดังนั้นอย่าให้ข้าเห็นเขาอีก”
ชายร่างกำยำรับคำสั่งและนำชายผู้นั้นออกไป
จากนั้นซื่อจื่อเซียงก็เผยรอยยิ้มอีกครั้ง เขารู้จักเล่ห์แหลมของการพนันเป็นอย่างดี เขานำความพินาศมาสู่เจ้าของเหมืองหลายคนแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของเหมืองที่ใหญ่ที่สุดของเมืองภูเขาเงิน สำหรับเจ้าของเหมืองที่ไม่เล่นการพนัน เขาก็มีวิธีการมากมายที่จะจัดการพวกเขา เพราะนอกจากการพนัน เขายังเก่งเรื่องการต่อสู้อีกด้วย เขาสามารถใช้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อรวบรวมกลุ่มคนที่มีความสามารถในการต่อสู้และกดขี่ผู้คน
ด้วยสองสิ่งนี้ เขาจึงกลายเป็นเจ้าของเหมืองทั้งหมดของเมืองภูเขาเงิน
“มันอยู่ที่นี่!”
ด้านนอกทางเข้าหลัก เด็กหนุ่มผู้หนึ่งถือกระดาษไว้ในมือและยืนยันตัวอักษรคำว่าบ่อนโชคลาภบนป้ายเหนือทางเข้า จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไป
ยามที่ทางเขาต้อนรับเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม เมื่อเขาเข้าไป ยามก็คุยกัน
“ไม่เลว”
“เขาน่าจะทำงานในเหมืองได้สักปีหรือสองปี”
หลี่ฉิงซานชอบกินดื่ม แม้เขาจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเรื่องผู้หญิงแต่เขาก็เคยไปหอโคมแดงมาแล้ว อย่างไรก็ตามนี่เป็นการเข้าบ่อนครั้งแรกของเขา เขารู้สึกว่าทุกสิ่งดูแปลกใหม่ เขามองไปรอบๆก่อนจะไปถึงโต๊ะพนัน พวกเขากำลังเล่นเกมส์สูงต่ำที่ง่ายที่สุด ดังนั้นเขาจึงโยนตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึงออกไป
สิ่งนี้ทำให้นักพนันรู้สึกประหลาดใจ แต่พวกเขาเคยเห็นการเดิมพันที่มากกว่านี้มาก่อน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงคิดว่าหลี่ฉิงซานเป็นเพียงนายน้อยผู้โง่เขลาที่หนีออกมาเที่ยวเล่น
“สูง!” ลูกเต๋าออกแต้มสูงดังคาด
หลี่ฉิงซานรับเงินอย่างร่าเริงก่อนจะเดิมพันครั้งใหญ่อีกครั้ง
ไม่นานหลังจากนั้น ความวุ่นวายรอบข้างก็ค่อยๆหายไป นักพนันต่างอ้าปากค้างด้วยสีหน้าที่หลากหลาย สายตาของพวกเขาจ้องไปที่กองตั๋วแลกเงินด้านหน้าหลี่ฉิงซาน เขาชนะสิบหกรอบติดต่อกัน คนโยนลูกเต๋าถูกเปลี่ยนตัวสองครั้ง แต่นั่นยังไม่สามารถหยุดการชนะอย่างต่อเนื่องของเขา
เป็นเพียงเวลานี้ที่เด็กรับใช้เข้ามาด้านข้างหลี่ฉิงซาน “คุณชาย เจ้านายของเราเชิญไปพูดคุยที่ชั้นสอง”
หลี่ฉิงซานชำเลืองมองขึ้นไปชั้นบนและกล่าวเสียงดัง “หากเจ้าต้องการพูดก็มาลงพูดที่นี่ อันใด? เจ้ากลัวคนอื่นจะชนะเจ้าในบ่อยของเจ้าเองงั้นหรือ?” เขากระแทกโต๊ะหินอ่อนและทิ้งรอยจางๆเอาไว้
ซื่อจื่อเซียงไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไป เขาเรียกกลุ่มคนที่เขารวบรวมมาอย่างอยากลำบากทันที
หลี่ฉิงซานก้มศีรษะลงและยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ยิ่งมากก็ยิ่งดี ‘หากเจ้ารวบรวมคนได้ถึงพันคน ข้าจะเผาเครื่องหอมบนหลุมศพของเจ้า...หากเจ้ามีหลุมศพ’