ตอนที่ 561 ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์
"แปลก? มีอะไรแปลก?" ถังเทียนถามด้วยความสงสัย
"พลังงานของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์นี้แปลกมันเข้มข้นมากกว่าสวรรค์วิถี อย่างไรก็ตามมันแปลกมาก ส่วนประกอบของที่นี่ไม่มีพลังวิญญาณ ในสวรรค์วิถีตราบใดที่มีพลังงานอยู่เพียงเล็กน้อย ก็จะมีพลังวิญญาณได้ง่ายๆแม้ว่าจิตวิญญาณยุทธมากมายจะมีมูลค่าถูก แต่จิตวิญญาณยุทธก็เป็นสิ่งที่มีทั่วไปมากที่สุด มีจิตวิญญาณยุทธอยู่ในสมบัติ จิตวิญญาณยุทธในตัวนักสู้ แม้แต่องค์ประกอบที่มูลค่าสูงทั้งหมดก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณยุทธ อย่างไรก็ตามข้าไม่เห็นจิตวิญญาณยุทธในของทุกอย่างที่นี่เลย"
เสียงของเสี่ยวเอ้อแหลมสูงและคล้ายเด็ก แต่ถังเทียนเต็มไปด้วยความตกใจ เขารำพึงกับตัวเอง "ไม่มีจิตวิญญาณยุทธได้ยังไง?"
"ก็เหมือนกับไส้ในกอหญ้าแดงพลังงานที่บรรจุอยู่เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์มาก บางอย่างพบเห็นได้ยากในสวรรค์วิถี เราเคยพูดกันว่าพลังงานให้กำเนิดวิญญาณ ดังนั้นในที่พลังงานเหลือเฟือ ก็ควรให้กำเนิดจิตวิญญาณยุทธได้ อย่างไรก็ตามดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์นี้แตกต่างออกไป ไส้ของกอหญ้าแดงไม่มีจิตวิญญาณยุทธเลยแม้แต่น้อย ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยว นอกจากนี้ นอกจากนี้ สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือ มันบรรจุเงาร่างกระบี่ไว้ภายใน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพืชแบบไหนกันที่บรรจุเงาร่างกระบี่ไว้ภายใน"
"นั่นน่าสนใจจริงๆ" ตาของถังเทียนเป็นประกายแพรวพราว ทันใดนั้นเขาคิดถึงปัญหาหนึ่ง"อย่างนั้นถ้าเราขนของเหล่านี้ไปสวรรค์วิถี เรามิรวยขึ้นเหรอ?"
เสี่ยวเอ้อมองถังเทียนและพูดไม่ออก
ถังเทียนสังเกตได้ว่าสายตาของเสี่ยวเอ้อเปลี่ยนไป เขารู้สึกแปลก "เสี่ยวเอ้อ, เจ้าหมายความว่ายังไงทำหน้าอย่างนั้น?"
น้ำเสียงของเสี่ยวเอ้อเต็มไปด้วยความโกรธ“เชียนฮุ่ยของเจ้าอยู่ไหน? ฝันของเจ้าล่ะ?การเดินทางของเจ้าล่ะ? เจ้าเอาแต่คิดถึงเงินทองได้ยังไง? ความทะเยอทะยานของเจ้า?ความสุขุมของเจ้าล่ะ? งานสร้างของเจ้าล่ะ?เจ้าเป็นนักธุรกิจหรือ? ได้โปรด! ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ปกครองที่มีอิทธิพลแล้ว! มัวแต่คิดเรื่องระดับต่ำอย่างนั้นทั้งวัน,ไอ้เรื่องไร้เป้าหมายอย่างนั้นเรื่องงี่เง่าแบบนั้นมันอยู่ต่ำกว่าสถานะของเจ้าแล้ว!”
ถังเทียนทำหน้าซื่อไร้เดียงสา “เจ้าไม่รู้สึกว่าการหาเงินก็เป็นเรื่องที่แสดงความสามารถได้หรือไง?”
เสี่ยวเอ้อหมดคำที่จะพูดไปโดยปริยาย ก็ได้สิ่งที่ข้ากำลังคิดความจริงเป็นเรื่องเกินความรู้ของเจ้าเด็กโง่นี่ความคิดของข้ามันบ้าเอง
ในที่สุดเสี่ยวเอ้อก็พูดอย่างอ่อนใจ “เจ้าไม่กังวลเรื่องคนแคระน้ำเงินเลยหรือ?”
“กังวล?” ถังเทียนยิ้มเห็นฟันขาวที่แฝงความดุร้ายลึกเหมือนกับสัตว์ป่าที่บ้าและกระหายเลือดพร้อมกับกระชากเสียง “ความกังวลของข้า ข้ายังไม่เคยหาพบเลย”
เสี่ยวเอ้อตะลึง
ถังเทียนลุกขึ้นและเดินออกมาทิ้งเรื่องไร้สาระไว้เบื้องหลัง
ความจริงไม่เพียงแต่เสี่ยวเอ้อที่ตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถีเท่านั้นปิงที่มีประสบการณ์และระมัดระวังตัวก็รู้สึกถึงความแตกต่างเช่นกัน อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่มั่นคงของปิงก็คือชาวบ้าน เพื่อปรับการป้องกันให้ดีขึ้น เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจเรื่องพลังของชาวบ้านให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“เป็นยังไงบ้าง?” ถังเทียนถามปิง
ปิงเซื่องซึมลงทันที “ไม่ดีอย่างที่คิด คนที่นี่แม้ว่าพวกเขาจะเกิดมามีพลังเซียนโดยธรรมชาติแต่พวกเขาไม่มีสนามพลังวิญญาณเลย”
“ไม่มีสนามพลังวิญญาณ?” ถังเทียนตกใจ ไม่มีสนามพลังวิญญาณแล้วพวกเขากลายเป็นเซียนได้ยังไง?
“ถูกแล้ว,สนามพลังวิญญาณของพวกเขาก่อตัวขึ้นจากจิตวิญญาณยุทธ มันช่วยในการถ่ายโอนพลังงานและสามารถแยกออกมาจากข้อจำกัดของเส้นชีพจร ดังนั้นจึงสามารถเลียนแบบกฎธรรมชาติของโลกได้ง่ายขึ้น แต่พวกเขาไม่มีเส้นชีพจร ร่างของพวกเขาเหมือนกับภาชนะขนาดยักษ์สามารถเก็บพลังงานได้โดยตรงการเกิดมาด้วยสถานภาพอย่างนั้นทำให้พวกเขามีความคุ้นเคยกับพลังงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับนักสู้ในสวรรค์วิถีพวกเขาไม่ต้องการเส้นชีพจรเพื่อดูดซับและปรับแต่งพลังงาน วิธีที่พวกเขาใช้พลังงานจึงเหมือนกับพวกเซียน”
ปิงสังเกตท่าทางประหลาดใจของถังเทียน เขาฝืนหัวเราะ “มันแปลก แต่นั่นเป็นความจริง ข้าตรวจร่างกายพวกเขาแล้ว พวกเขาเป็นอย่างนั้นทุกคน เซียนของพวกเขาอ่อนแอกว่าพวกเรามากนัก”
“ทำไม?” ถังเทียนรู้สึกอึดอัดใจ
ปิงอธิบาย “ทันทีที่พวกเขาถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวพลังงานได้ พวกเขาทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวลถึงปริมาณพลังงานที่พวกเขามีเนื่องจากพวกเขามีพลังงานตามธรรมชาติมากอยู่แล้ว การเติมเต็มพลังงานทำได้สะดวกมากดังนั้นนี่ยังทำให้พวกเขาไม่รู้จักคิดถึงประสิทธิผลของการใช้พลังงาน ความก้าวหน้าของพวกเขาอยู่ในระดับที่อ่อนมาก วิชาจิตวิญญาณของเราสร้างขึ้นและขยายจากวิทยายุทธชั้นแล้วชั้นเล่า ดังนั้นเราจึงมีความเชี่ยวชาญในการใช้พลังงานน้อยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม พวกเขาสูญเสียพลังงานไปเปล่าๆข้าไม่เคยเห็นนักสู้คนไหนอ่อนหัดในการใช้พลังงานมาก่อน
ปากของถังเทียนอ้าค้างเขารู้สึกหงุดหงิดที่สถานการณ์ของดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์พลิกความรู้ของเขาไปอย่างสิ้นเชิง
“ดังนั้นจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ตั้งความหวังกับความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขา” ปิงพูดอย่างจนใจ
“ก็ไม่น่าจะแย่ถึงขนาดนั้น? ที่สำคัญพวกเขายังคงเป็นเซียน” ถังเทียนตกใจกับบทสรุปของปิง เขาหวังจะยึดกับคลื่นความไม่พอใจนี้ จากนั้นตอบโต้โดยฆ่าพวกคลื่นน้ำเงินลุยแหลกจนถึงนรก
เมื่อเห็นสีหน้าของถังเทียนแล้ว ปิงมีความสุขจนได้ “ฮ่าฮ่า ในที่สุดข้าก็ทำให้เจ้ากลัวจนได้ แม้ว่าการโจมตีของพวกเขาจะสูญเปล่า แต่การควบคุมพลังงานเป็นไปโดยสัญชาตญาณอย่างง่ายดายและสิ่งเดียวที่พวกเขาเป็นคือหุ้มพลังเหมือนกับมนุษย์ เตรียมเอาไว้สำหรับแม่ทัพผู้มีชื่ออย่างข้า”
“พวกเจ้าคิดว่าจะสู้ด้วยวิถีของเจ้าในมิติว่างได้หรือ?” เสี่ยวเอ้อลอยเข้ามาหา “พวกเจ้ารู้สึกว่าแค่อาศัยพวกเราไม่กี่คน เราจะสามารถสู้ต่อกรกับคนแคระฟ้าทั้งเผ่าพันธุ์ได้หรือ?”
คำพูดของเสี่ยวเอ้อพุ่งเป้าไปที่ปิง เจ้าเด็กโง่นี่บ้าทำแต่เรื่องไร้สาระที่สุด แต่ปิงเป็นผู้บัญชาการทหารที่โดดเด่นช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนั้นใจของเขายังคงสงบอยู่เสมอ
“แน่นอน!” ถังเทียนมีความตั้งใจสู้อย่างเต็มที่ “อาเฮ่อ เสี่ยวซิ่วซิ่วและข้าทำสัญญาจิตวิญญาณยุทธ พวกเขายังไม่ตาย! พวกเขากำลังรอให้เรามาช่วยอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดและมั่นคง
เสี่ยวเอ้อมองดูพยัคฆ์ฟ้า
เงียบไปชั่วขณะจากนั้นเสียงทุ้มลึกดังออกมาจากพยัคฆ์ฟ้า “หมื่นปีที่แล้ว ข้าทิ้งสหายไว้ในสนามรบ และพวกเขาตายกันหมด แต่ข้ารอดชีวิต ข้านึกเสียใจมานานนับปีไม่ถ้วน ดังนั้นข้ามักบอกกับตัวเองว่าถ้าเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ข้าจะไม่ทำความผิดพลาดซ้ำรอยเดิมอย่างแน่นอน”
“แม้ว่าเจ้าจะต้องตายน่ะหรือ?” เสี่ยวเอ้อเลิกคิ้ว
ปิงหัวเราะและทะยานออกมาจากพยัคฆ์ฟ้า “ข้าคือขุนพลทหารไม่มีที่ฝังกายขุนศึกดีไปกว่าสมรภูมิ คนเป็น คนตาย คนชนะและผู้พ่ายแพ้ล้มเหลวก็ตาม เจ้าก็ยังเป็นเจ้าเจ้ามีชีวิตเพื่ออะไร ตายเพื่ออะไรทุกอย่างรู้อยู่แก่ใจดี”
“นี่...ช่วยไม่ได้จริงๆ” เสี่ยวเอ้อมองดูคนโง่ทั้งสองนี้อย่างเย็นชา เขาคร้านจะแนะนำพวกเขาอีกต่อไป ไม่ว่ายังไงก็ตาม บทบาทผู้นำไม่ได้อยู่กับเขา
“ถ้าพวกเจ้าต้องการไปเผชิญคนแคระน้ำเงิน” เสี่ยวเอ้อดึงของออกมาอย่างหนึ่งและโยนให้ถังเทียน “อาวุธแบบนี้ใช้สะดวกกว่า”
ถังเทียนรับเอาไว้เป็นโซ่ที่หนาเท่าแขนและตรงปลายทั้งสองด้านมีลูกตุ้มหนามมองดูเป็นอาวุธที่แปลกประหลาด
“นี่มันยอดเยี่ยม!”
ตาของถังเทียนเป็นประกายเขาคลี่โซ่ออกซึ่งมีความยาวถึงสิบเมตร ลูกตุ้มทั้งสองมีขนาดใหญ่เท่าหินโม่และหนักมากทุกระยะสามนิ้วจะมีมีด ทันทีที่เขาสะบัดกางออก มันจะเคลื่อนไหวเหมือนกับตะขาบอาวุธที่อำมหิตอย่างนั้นสามารถขู่ขวัญได้ทันทีที่เห็นคราวแรกผู้คนก็รู้สึกหนังศีรษะชาเสียแล้ว
“ข้าคร้านจะตั้งชื่อให้มันเรียกมันว่าตะขาบถ่วงน้ำหนักก็แล้วกัน ลูกตุ้มบรอนซ์คือสมบัติดวงดาวจากกลุ่มดาวภูเขาและมีชื่อว่าค้อนทลายภูผาเป็นแค่เครื่องมือรูปแบบเดิม มันเป็นอาวุธระดับต่ำมากและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันทั้งหมด ข้ารู้สึกว่าอาวุธนี้จะใช้ต่อต้านคนแคระน้ำเงินได้ดีกว่า ตะขาบถ่วงน้ำหนักต้องใช้พลังงานมากแต่ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งพอ”
เสี่ยวเอ้อแนะนำอาวุธอย่างเฉยชา
ถังเทียนไม่สามารถเก็บความยินดีไว้ได้ต้องบอกว่าอาวุธเช่นนั้นเหมาะมากในการใช้เอาชนะคนแคระน้ำเงิน คนแคระน้ำเงินมีจำนวนมาก สัดส่วนตัวเล็ก พวกมันมีความยืดหยุ่นต่อพลังงานแต่ร่างกายเปราะบาง
เกี่ยวกับพลังถังเทียนรู้สึกว่าเขามีพลังที่ไม่เคยได้ใช้ออกเต็มที่
เขาต้องการวิ่งลุยเข้าใส่คนแคระน้ำเงินเป็นอย่างมากและสังหารพวกมันในทันที
“อาวุธที่ยิ่งใหญ่!” ปิงอดชมไม่ได้ คนแคระน้ำเงินมีร่างกายที่บอบบางขณะที่อาวุธจักรกลวิญญาณของเขาตัวใหญ่ เขาสามารถใช้หมัดทุบมดได้ แต่ลูกตุ้มตะขาบนี้เหมือนกับหวีขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะมีภาพเศษเนื้อสีน้ำเงินปลิวว่อนทั่วทุกที่
ทันใดนั้นเขารู้สึกได้บางอย่างเขาหันไปมอง ในสายตาของเขา คลื่นน้ำเงินผ่านแนวป้องกันมาได้แล้ว
“เตรียมตัวรบ!”
เขาตะโกนเสียงดังและบินขึ้นไปในท้องฟ้า
ชาวบ้านข้างล่างบินกันอย่างสับสนวุ่นวาย พวกเขาเรียงรายอยู่บนหลังคาและกำแพงเป็นข้อตกลงที่ดูขลุกขลักแต่ตำแหน่งของทุกคนก็ถูกคำนวณไว้เป็นอย่างดีหลังจากจัดการแล้ว แต่น่าเสียดายที่ชาวบ้านเหล่านี้เป็นมือใหม่กันหมด อย่างไรก็ตามก็ยังเป็นเรื่องดีที่พวกเขาไม่ได้เป็นนักรบที่โดดเด่น แต่หลายคนมีคุณสมบัติเป็นนักล่า
ทวีปซางโจวเป็นที่เงียบสงบ ดังนั้นหมู่บ้านหญ้าแดงจึงเงียบสงบด้วย สภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่รอดโหดร้ายและหมู่บ้านจำต้องอาศัยการล่าและการเก็บเกี่ยวเพื่อเอาตัวรอด
“สังเกตดูตำแหน่งของพวกเจ้าให้ดีและอย่าขยับออกไปจากที่นั่น”
ปิงมองไปทางคลื่นน้ำเงิน ศัตรูเข้ามาในแนว 10 กิโลเมตรแล้ว แม้ว่าชาวบ้านจะมีดีอยู่ในตัวเอง แต่ปิงสามารถเห็นความกลัวในใบหน้าพวกเขาได้
ปิงเข้าใจพวกมือใหม่ได้ดีเช่นกันและเป็นความจริง ภายใต้การสู้รบที่รุนแรง มือใหม่จะไม่ค่อยรอด อย่างไรก็ตามเขามีแต่พวกเขาเป็นที่พึ่งพาและไม่มีทางเลือกมากนัก
การต่อสู้จากระยะไกลกลายเป็นทางเลือกเดียว
เมื่อคนแคระน้ำเงินเข้ามาใกล้ ชาวบ้านพวกนี้จะแตกกระเจิงแน่นอน
ปิงที่อยู่ในพยัคฆ์ฟ้าส่ายศีรษะเขาตามถังห้าวมาดูเหมือนเขาไม่เคยได้สู้ศึกที่น่าเพลิดเพลินอย่างแท้จริง และทุกๆ การต่อสู้จะจบลงอย่างหดหู่
คนใหม่คนใหม่ คนไม่เคย ทุกครั้งมีแต่พวกมือใหม่ทุกที หรือว่าเป็นชะตากรรม เนื่องจากเขาเป็นครูฝึกทหารใหม่กระมัง? เวลานี้มันแย่ อย่างน้อยมือใหม่ก็ยังฝึกมาบ้างแล้ว แต่ชาวบ้านเหล่านี้ไม่เคยฝึกแม้แต่ความรู้สึกพื้นฐานเลย
เมื่อไหร่จะได้เวลาที่ข้าจะนำกองทัพไร้เทียมทานของข้าไปฆ่าบุกตลุยทุกทิศเสียที
นึกถึงตอนนั้นแล้ว...
ก็ได้ ข้าจำต้องคิดให้จริงจังมากขึ้น ไม่สิ ในฐานะขุนพลวิญญาณ ข้าต้องจริงจังให้มากขึ้น
เมื่อเห็นคลื่นน้ำเงินจากระยะไกล ปิงสูดลมหายใจลึก สายตาของเขาแหลมคมทันที เขาชูแขนทั้งสอง และตะโกน “จำสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปได้ไหม? เอาละ เรามาลองดูกัน
“พร้อมแล้ว!”
ปิงออกคำสั่ง
ชาวบ้านประจำตำแหน่งของตนทุกคนเรืองแสงสีสันต่างๆ ทุกซอกมุมของหมู่บ้านเรืองแสงเป็นรัศมีลูกกลม
ความผันผวนของพลังงานรุนแรงทำให้ถังเทียนเลิกคิ้ว
อย่างนั้นหากชาวบ้านไม่มีสนามพลังวิญญาณ พวกเขาสามารถสร้างความผันผวนของพลังงานที่รุนแรง มันรุนแรงจนน่าตกใจมากในเมื่อมีพลังงานที่รุนแรง เซียนจากสวรรค์วิถีจะไม่สามารถตามได้ทัน
“ดีมาก, อย่างนั้นแหละ! ต้องมั่นใจว่าสังเกตเห็นการกระจายตัวของพลังต้องกระจายให้ดี มันง่ายมาก” ปิงเผชิญหน้ากับมือใหม่ต้องพูดด้วยเสียงดัง “ทำตามที่ข้าสั่ง”
“1, 2……3!”
ลูกบอลแสงทุกอย่างยิงออกมาเป็นสายทั้งหมดยิงตรงใส่พยัคฆ์ฟ้าในท้องฟ้าเมื่อมองลงจากท้องฟ้า บอลแสงมีสีสันเป็นร้อยรวมอยู่รอบตัวพยัคฆ์ฟ้าในเวลาเดียวกันเป็นภาพที่งดงาม
ทันใดนั้นเมื่อพลังงานทั้งหมดครอบคลุมสีหน้าปิงเปลี่ยนทันที!
แย่แล้ว! ข้าใช้เดิมพันมากเกินไป!